“ หมอมักจะคุยกับคนไข้ว่า สมมุติคนไข้เป็นสิวหนึ่งเม็ด ..
ถ้าคุณไม่ทำอะไรเลยมันหายเอง ”
ผู้ช่วยศาสตราจารย์แพทย์หญิง รังสิมา วณิชภักดีเดชา
แห่งศูนย์เลเซอร์ผิวหนังโรงพยาบาลศิริราช และ ศูนย์ผิวหนัง&ศัลยกรรมเลเซอร์ไอสกาย
( ที่มาภาพ : http://www.si.mahidol.ac.th/ )
อีกหนึ่งบุคคลสำคัญในวงการแพทย์ผิวหนังของโรงพยาบาลศิริราช ที่ทำหน้าที่ให้การรักษาคนไข้ที่มีปัญหาผิวหนังด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์ อีกหนึ่งแขนงคือการผ่าตัดเกี่ยวกับมะเร็งผิวหนัง และ ยังดำรงตำแหน่งอาจารย์เพื่อให้วิชาความรู้แก่นักเรียนแพทย์ในสาขาตจวิทยา (ผิวหนัง)
และวันนี้เอิ๊กโชคดีมากที่ได้เป็นหนึ่งในคนไข้ที่มารักษาสิวกับคุณหมอแบบไม่รู้ตัวว่าคุณหมอเป็นใคร มีชื่อเสียงในวงการแพทย์ขนาดไหน แค่มีรุ่นพี่เแนะนำต่อกันมาว่าเป็นแพทย์ที่ศิริราชที่เก่งคนนึงลองไปรักษาสิวดูแค่นั้น เพราะเราไม่เคยอยากรู้ว่าแพทย์ที่รักษาเราเป็นใคร แค่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแพทย์เราก็คิดไปก่อนเลยว่าแน่นอนต้องเก่งและน่าจะหายแน่นอน ถามไปถามมาคือคุณหมอเราเก่งมาก และชอบสอนเพราะเป็นอจ.นักเรียนแพทย์ผิวหนังในศิริราชอยู่แล้ว ดังนั้นคนไข้อย่างเราชอบสงสัย ชอบถามมาก คุณหมอจะมีความสุขมากในการตอบคำถาม ทุกครั้งที่เราไปรักษาเราจึงพยายามขอข้อมูลมาให้มากที่สุดเกี่ยวกับการรักษาสิวเพื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อนที่เรารักทุกท่านในที่นี่ โดยแนะนำตัวว่าเป็น blogger คุณหมอถามว่า คืออะไร เป็นยังไง หมอไม่รู้จัก ฮา ก็เลยตอบว่าเป็นนักเขียนออนไลน์ค่ะเกี่ยวกับความสวยความงาม หนูอยากได้วิธีการรักษาสิวไปเขียนได้ไหมคะ คุณหมอเซย์ แน่นอน แบบไม่ลังเล จากนั้นก็เป็นบทความที่ต่อเนื่องกันมาครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ครั้งแล้วนะคะ
ครั้งที่แล้วก่อนจะได้มาเขียนเรื่องนี้ เรามีนัดไปตรวจสิวครั้งที่ 2 หลังจากยิงเลเซอร์ VBEAM รักษารอยแดงไป ตื่น 7 โมงเช้าเพื่อมุ่งหน้าไปศูนย์เลเซอร์ไอสกายเช่นเคย เพราะแถวหนองแขมสายหน่อยรถจะติด อีกอย่างไปศิริราชคนเยอะไป คิวยาว ประวัติอยู่นี่รักษาที่นี่ดีที่สุดสำหรับเรา ไปกับเมย์เช่นเคย เมย์หายสิวแล้ว เดี๋ยวจะเอาภาพมาให้ชม เพราะผิวเมย์ดีแม้อายุปาเข้าไป 30 กว่าแล้ว เรา 24 ผิวยังดูแย่กว่าเขาเลย ผิวนี่มันขึ้นกับกรรมพันธุ์จริงๆ
ไปเสร็จไปนั่งรอในห้องเลเซอร์เบอร์ 4 เช่นเคยสำหรับ Vbeam ก็ไปนั่งเอา IPAD เปลี่ยนสีไฟในห้องเล่น ไฟในห้องสีก็จะเปลี่ยนไปตามภาพเล่นไปซักพักคุณหมอก็เข้ามา เราก็กล่าวถึงหัวข้อถ้าวันนี้หนูยิงเลเซอร์เสร็จอยากจะขอข้อมูลคุณหมอนะคะเกี่ยวกับการรักษาสิวเสี้ยนสิวอุดตัน ความเสียใจหมดหวังก็บังเกิดเมื่อคุณหมอพูดประโยคนึงว่า
วิธีที่รักษาสิวเสี้ยน สิวอุดตันทั้งหมดที่จะอธิบายให้ฟัง เป็นแค่วิธีชั่วคราวระยะสั้น หรือระยะยาวเท่านั้น ไม่ว่าจะพยายามลอกผิว ผลัดผิวด้านบนออก ทำเลเซอร์กำจัดขน กระชับรูขุมขน ลดความมัน สุดท้ายแล้วร่างกายก็จะกลับมาเป็นภาวะปกติคือกลับมามีน้ำมัน มีขี้ไคล เกิดการอุดตันได้อีกครั้งเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นไม่มีวิธีไหนที่ทำให้ สิวอุดตัน สิวเสี้ยนหายไปอย่างถาวร ยกเว้นการไปเปลี่ยนโครงสร้างของผิวได้
สะเทือนใจค่ะ และนอนทำใจรอคุณหมอมายิงเลเซอร์เงียบๆ เฮ้อ อนิจจานึกว่ายังไงต้องมีทางหายแน่นอนตลอดไป แต่ดีใจที่แผลรอยแดงสิวและสิวดีขึ้นเทียบกับรอบที่แล้ว
คุณหมอบอกว่าแผลคุณเอิ๊กดีขึ้น 60-70% แล้วค่ะ ถ้าปัญหาแพ้สีผมจบสิวก็น่าจะไป ตอนนี้หน้าผากยังมาอยู่เรื่อยๆ เม็ดเล็กๆเป็นกลุ่ม ก็ทายากันไป
เอาละมาเข้าสู่การสัมภาษณ์พิเศษกับผู้ช่วยศาสาตราจารย์ รังสิมา กับหัวข้อ
” สิวอุดตัน สิวเสี้ยน จะมีวิธีการรักษาให้หายขาดไหม มาดูกันเลย ! “
** ในบทความนี้จะมีการทอดแทรกหรือขยายตัวอย่างบางประโยคสำหรับบางคำพูดของคุณหมอ และใช้คำในสไตล์คนไข้ของเอิ๊กใส่ลงไปให้เพื่อนได้เข้าใจและเห็นภาพกันนะคะ
ก่อนอื่นไปขอยืมรูปจากเว็บอื่นมาเพื่อมาใส่คำอธิบายภาพให้เพื่อนๆเข้าใจไปพร้อมกัน 🙂 น่ารักไหมอ่ะ
ก่อนจะเข้าใจสิว ต้องเข้าใจผิวก่อน ดังนั้นเรามารู้จักผิวหนังเรากันก่อนสั้นๆ ว่ามี 3 ชั้น ชั้นนอกสุดเรียงตามลำดับ หนังกำพร้า หนังแท้ ชั้นใต้ผิวหนัง และสำหรับชั้นใต้ผิวหนังก็มีรากขน มีขน และต่อมไขมัน เอาแค่นี้พอและดูภาพประกอบตามไปค่ะ
- ผิวหนังกำพร้า คือ ชั้นผิวหนังด้านบนที่มองเห็นด้วยตาเปล่า หรือ ชั้นขี้ไคลที่ผิวหนังตายไปแล้วกำลังจะหลุดออกไป ที่เราพูดกันบ่อยว่าผลัดเซลล์ผิวหน่ะค่ะ คือเราเอาขี้ไคลหรือหนังกำพร้าด้านบนออกไป
- ขน หรือ รากขน จะโผล่ออกมาบนผิวหนัง บริเวณรากขน จะมีต่อมไขมันติดอยู่
- เมื่อพูดถึงต่อมบางต่อมจะมีรูเปิดของมันเอง เช่น ต่อมเหงื่อ เวลาเหงื่อออกก็จะมีเหงื่อซึมผุดออกมา ต่างกับต่อมไขมันซึ่งไม่มีรูเปิด แต่ต่อมไขมัน จะหลั่งไขมันออกมาจากรูเปิดบริเวณปากรูขุมขน ไขมันจึงมีความสัมพันธ์กับขนอย่างลึกซึ้ง อย่างทำไมผมคนบางคนถึงมัน เพราะ มันมีรูขุมขนที่มีขนเยอะก็มีต่อมไขมันหลั่งไขมันได้เยอะตามไปด้วย ผมเราถึงมันกว่าหน้าเราได้ หรือหน้าอาจจะไม่มันแต่ผมมันก็ได้ เช่น เวลาไม่สระผมหลายวันน้ำมันผลิตออกมามากโดยไม่มีการชะล้างเอาคราบน้ำมัน คราบไคลออก หัวก็จะเยิ้มในที่สุด
- ปกติร่างกายคนเราต้องการน้ำมันบนผิวหน้า เพราะถ้าไม่มีน้ำมัน ใบหน้าเราก็จะแห้ง ระคายเคืองต่อสารต่างๆได้ง่ายขึ้น ต่อมไขมันมีหน้าที่ผลิตน้ำมันมาเคลือบบนผิว เปรียบเสมือนเกาะป้องกันผิวหนังจากสิ่งต่างๆที่จะเข้ามา เช่น คนที่มักแพ้อะไรง่าย ผิวมักแห้ง ซึ่งหมายถึงน้ำมันเคลือบผิวน้อย ทำให้สารบางอย่างใช้ทุกวันซึมสู่ผิวได้ง่ายมากขึ้นทำให้เกิดอาการระคายเคือง หรือ แพ้ตามมา
- คนเราต้องการความมันที่เหมาะสม แต่สภาพผิวของคนเราก็ยังมีความแตกต่างกันไป การที่น้ำมันจะไหลมามากหรือน้อยขึ้นกับแต่ละคน บางคนหลั่งมากก็อาจจะทำให้หน้ามัน หรือที่เราเรียกว่า ผิวมัน การที่ต่อมไขมันหลั่งน้ำมันออกมาน้อยก็อาจจะมีสภาพผิวแห้ง และไม่ว่าจะหน้ามันมากเกินไปก็อาจจะเกิดสิวได้เนื่องจากน้ำมันเมื่อไหลออกมามากมันก็เกิดการอุดตันโดยตัวมันเอง สิวที่เกิดจากผิวมันมักจะเป็น สิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวหัวแดงเม็ดใหญ่ๆ ตรงกันข้าม น้ำมันไหลน้อยเกินไปเมื่อรับสารบางอย่างเข้าไปก็เกิดการระคายเคืองเป็นสิวได้เช่นกัน ผิวแห้งอาจมีสิวลักษณะเล็กๆมีหัวบ้าง ไม่มีหัวบ้าง ซึ่งสิวจำพวกนี้เกิดจากการระคายเคือง
กลไกการเกิดสิวต้องเข้าใจก่อนว่า ..
“ เชื้อสิวเป็นสิ่งที่ทุกคนมีบนใบหน้าเป็นเรื่องปกติ อาจจะไม่ก่อให้เกิดสิว หรือก่อให้เกิดสิวก็ได้ แต่คนที่มีเชื้อสิวมากแนวโน้มการเกิดสิวในอนาคตก็มากขึ้นตามไปด้วย
สาเหตุเกิดได้หลายอย่าง เป็นอะไรก็ได้ ความเครียด เครื่องสำอาง ฮอร์โมน อาการแพ้ อาหาร ผิวที่สร้างขี้ไคลมากกว่าปกติ ฯลฯ แล้วสาเหตุที่เกิดขึ้นนั้นทำให้บางสิ่งบางอย่างมาอุดตันบริเวณปากรูขุมขน แล้วไปปิดการไหลออกของน้ำมันตรงบริเวณรูเปิดปากรูขุมขน เมื่อน้ำมันที่ต้องไหลออกมาเคลือบผิวหนังออกไม่ได้ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ไขมันมาเกาะอยู่บริเวณใกล้รูเปิดรูขุมขน C ไขมันที่มารวมตัวกระจุกนั้นจะมีลักษณะเป็นสีขาว หรือสิวอุดตันนี้ เราเรียกว่าสิวหัวปิด (ดูภาพ C ประกอบ) พออุดตันเยอะขึ้นโดยธรรมชาติมันจะเกิดการดันออก ผลักหัวสิวออก เมื่อเกิดการดันออกหัวสิวสัมผัสอากาศส่วนที่อยู่ด้านบนก็จะกลายเป็นสีดำ สิวหัวดำ หรือ สิวหัวเปิด (ดูภาพ B ประกอบ ) ดังนั้นใบหน้าเราจะมีสิวอุดตันที่เป็นทั้งจุดดำ และ จุดขาว
ถ้าเราไม่รักษาสิวอุดตันที่เกิดขึ้นนี้ บริเวณผิวหนังของเราจะมีเชื้อสิวอยู่แล้วทุกคน เชื้อสิว หรือ P.acne เชื้อพวกนี้โตได้ดีด้วยไขมันบนหน้าเรา เมื่อมีน้ำมันมากตรงจุดไหน มันจะไปกัดกินบริเวณนั้น หรือเมื่อน้ำมันออกมาด้านบนรูขุมขนไม่ได้ รวมตัวอัดกันอยู่ เชื้อสิวพวกนี้จะรีบตามไปกัดกินไขมัน ทำให้ผิวบริเวณนั้นของเราอักเสบและเกิดเป็นสิวอักเสบขึ้น เพราะฉะนั้นสำหรับสิวหัวขาวซึ่งเป็นสิวหัวปิดก็จะกลายเป็นสิวอักเสบในที่สุด และร่างกายคนเราก็จะมีการรักษาตัวเองอัตโนมัติ เช่น เมื่อมีแผลร่างกายเราจะตกสะเก็ด ดังนั้นเมื่อเวลาใบหน้าเกิดสิวอักเสบร่างกายจะเกิดการรักษาอัตโนมัต ร่างกายจะไปเรียกตัวฆ่าเชื้อมานั่นก็คือ พวกเม็ดเลือดขาวทั้งหลาย ที่มันอยู่ในร่างกายก็จะเรียกมารวมกัน เกิดการต่อสู้กับเชื้อแบคทีเรียเชื้อสิวทำให้ผิวหนังบริเวณรอบสิวเกิดการบวมแดงขึ้น ถ้าอักเสบแดงแล้วไม่ยุบหายไป ก็หมายความว่าติดเชื้อซึ่งเราจะเห็นในลักษณะเป็นหนอง หนองคือซากของเม็ดเลือดขาว การที่เราเห็นสิวที่เป็นหนอง มักเกิดหลังจากที่ร่างกายพยายามต่อต้านการอักเสบภายในตัวเราเอง ส่วนมากจะต่อต้านชนะเพราะสุดท้ายหนองเหล่านั้นจะหายไป จะหายของมันไปเอง ถ้าเราไม่ไปแคะ แกะ เกา บีบ กด ดัน สิวเม็ดนั้น การอักเสบก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะร่างกายจะมีกระบวนการรักษาตัวมันเอง ร่างกายของเราก็จะกำจัดเชื้อสิวออกไป และรักษาบาดแผลที่มีอยู่ให้หายสนิทเอง นี่เป็นวงจรปกติของร่างกายคนเรา และวงจรการเกิดสิวที่เราเป็นกันอยู่ทุกวันนี้
สำคัญมาก สำหรับการอักเสบ มันมีโอกาสนำมาซึ่งแผลเป็น ไม่ว่าจะ รอยแดง รอยดำ หลุมสิว ถ้าร่างกายเราเกิดแผลบริเวณรอยต่อของชั้นหนังแท้และหนังกำพร้า “ ร่างกายเราจะไม่มีแผลเป็น “ แต่ถ้าร่างกายเกิดแผลบริเวณที่ลึกกว่านั้นในบริเวณหนังแท้ชั้นคอลลาเจนร่างกายเราก็จะเกิดแผลเป็น หรือรอยแดง ซึ่งบางทีทิ้งเวลานานหลายเดือนกว่าจะหาย
ถ้าเราไม่ยุ่งกับสิว ร่างกายเราอาจจะซ่อมแซมจนสิวนั้นหายไปโดยไม่มีรอยเลยก็เป็นได้ แต่ถ้าเมื่อใดก็ตามที่เราพยายามไปเพิ่มความอักเสบของผิวโดยการกด บีบ ดัน แคะ แกะ เกา เค้น ทำให้กระบวนการอักเสบที่เกิดขึ้นครั้งเดียวต้องเกิดหลายครั้ง เนื้อเยื่อเราอักเสบมากขึ้นเรื่อยๆ เม็ดเลือดขาวที่จะมาซ่อมแซมรักษาทำงานหนักมากขึ้น ผิวหนังตรงนั้นเกิดความบอบช้ำ ความอักเสบที่มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันจะเกิดการติดเชื้อ สิวหัวหนองไม่ได้หมายความว่าหนองจะอยู่ด้านบนเพียงอย่างเดียว บางทีมันไหลย้อนกลับมาบริเวณชั้นใต้ผิวหนังที่ลึกลงมาข้างล่าง ทำให้เกิดการติดเชื้อรุนแรงขึ้น ส่งผลให้การเกิดแผลเป็นได้มากขึ้น เพราะถึงขั้นนี้คอลลาเจนก็ถูกทำลายไปมากการเรียงตัวมันจะเปลี่ยนไปทำให้เราเกิดเป็นแผลชนิด “หลุมสิว” ทันที
เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดเมื่อเกิดสิวหมอจะพยายามบอกคุณเสมอว่า “อย่าไปกดสิวหรืออย่าไปทำอะไรเพิ่มขึ้นกับสิวเพราะมันทำให้เกิดการอักเสบเพิ่มขึ้น นอกจากมันทำให้เกิดแผลรอยแดงทิ้งไว้ ยังมีโอกาสทำให้เป็นแผลหลุมมากขึ้นกว่าเดิม”
การรักษาวิธีหลักที่เราใช้กันเป็นประจำ
- ทายา ถ้าเป็นสิวอุดตันไม่มาก เมื่อเกิดการอุดตันเช่นสิวหัวขาว หมอจึงมักจะให้ยาเปิดปากรูขุมขนบริเวณนั้น (สลายขี้ไคล้เหนือบริเวณนั้นออก) เมื่อรูขุมขนเปิด สิวจะหายเอง เพราะไขมันจะถูกขับไหลออกเป็นปกติ เช่น กรดวิตามิน A
- ทำทรีทเมนท์ ถ้าเป็นสิวอุดตันเยอะ เพื่อใช้ในการผลัดผิวออกเร็วขึ้น เช่น กรดผลไม้ กรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณี(พอทำได้) วิธีนี้ต้องทำด้วยความระมัดระวัง เมื่อทำมากขึ้นจะทำให้ผิวแห้ง กลายเป็นผิวหนังระคายเคืองได้ง่าย ก็ทำให้เกิดสิวเห่อขึ้นมาได้เหมือนกัน
- ทานยาปฎิชีวนะ ถ้าเป็นทั้งสิวอุดตันและสิวอักเสบ เพราะเริ่มมีการติดเชื้อร่วมด้วย ยากลุ่มนี้จะฆ่าเชื้อ P.acne ได้ดีเช่น คลินดามัยซิน ด็อกซีซัยคลิน
- ทานฮอร์โมน ถ้าผู้ที่มีผิวมันเป็นเพศหญิง โอกาสเกิดสิวจะมีมากสำหรับผิวมัน จะต้องมีการปรับสภาพผิว ให้มีสมดุลน้ำมันที่เหมาะสมไม่มากจนเกินไป จนเกิดการอุดตันโดยน้ำมันเคลือบผิวที่มากไปของตัวเอง จะต้องใช้ฮอร์โมนเข้ามาช่วย เช่น ยาคุมกำเนิด จะช่วยให้หน้ามันน้อยลงได้ เพราะความมันเกิดจากการที่มีฮอร์โมนเพศชายเด่น แต่ผู้ชายใช้ไม่ได้
- ทานพวกกรดวิตามินเอ ถ้าผู้ที่มีผิวมันเป็นเพศชายหรือเพศหญิง และมีสิวรุนแรงมากจริงๆ ต้องได้รับการปรึกษาจากแพทย์ก่อนรับประทานเพราะเป็นยาอันตราย ทานแล้วปากแห้ง ตาแห้ง เช่น โรแอคคิวเทน เพราะถ้าหน้าไม่ได้มันมาก ไปหารับประทานเองจะทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง และกลายเป็นสิวอีกแบบอื่นตามมา
- ไม่กดสิว ไม่บีบสิว ไม่แกะสิว ถ้าเรากดไม่เป็นเนื้อเราจะช้ำ เนื้อเยื่อคอลลาเจนเกิดการเรียงตัวผิดปกติเสียหาย ช้ำมากแล้วก็อาจติดเชื้อตามมา เมื่อมันลึกยิ่งขึ้น สุดท้ายมีแผลเป็นตามมา ทั้งรอยแดง รอยดำ หลุมสิว
ทุกวิธีที่รักษาทั้งหมด เป็นแค่วิธีชั่วคราว ไม่ว่าจะพยายามลอกผิว ผลัดผิวด้านบนออก สุดท้ายแล้วร่างกายก็จะกลับมาเป็นภาวะปกติคือกลับมามีน้ำมัน มีขี้ไคล เกิดการอุดตันได้อีกครั้งเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นไม่มีวิธีไหนที่ทำให้ สิวอุดตัน สิวเสี้ยนหายไปอย่างถาวร ยกเว้นการไปเปลี่ยนโครงสร้างของผิวได้
การรักษาวิธีเสริม
ตั้งแต่ เลเซอร์ ,IPL, ฉายแสงสีฟ้า ฯลฯ
จะพูดในเรื่องของ “เส้นขน” ขนกับสิว มีความสัมพันธ์ใกล้กัน ยกตัวอย่าง คนบางคนเอาเลเซอร์มารักษาสิวเสี้ยน สิวเสี้ยนแท้จริง คือรูขุมขนถูกอัดแน่นด้วยขนหลายๆๆเส้นมากระจุกในรูเดียวกัน เราจึงใช้เลเซอร์มากำจัดขนอ่อนๆในรูขุมขนเพราะมันทำหน้าที่ได้ดี เมื่อเรากำจัดขนไปจนหมด รูขุมขนเมื่อไม่มีขน รูมันก็เล็กลง สิวเสี้ยนก็จะดีขึ้น (แต่ส่วนใหญ่สิวเสี้ยนจะใช้ยาทาไปก่อน เพราะรูขุมขนมันใหญ่มันอุดตันได้มากทายาให้ค่อยๆผลัดขี้ไคล้ที่หนาที่มาอุดตันให้ค่อยๆหลุดออกไป) เลเซอร์จะเข้ามาช่วยในกรณีที่คนไข้รู้สึกว่ามันเป็นปัญหากับชีวิต ขี้เกียจทายา จึงยอมจ่ายแพงกว่าเพื่อจะยิงขนเหล่านั้นทิ้ง แต่ในงานวิจัยเลเซอร์ช่วยในเรื่องการรักษาสิวเสี้ยนได้ 50-60% เท่านั้น
การรักษาโดยเลเซอร์ด้วยวิธีอื่นในเรื่องการฆ่าเชื้อสิวโดยตรง ยังให้ผลทำให้หน้ามันน้อยลงสำหรับเลเซอร์ที่เหมาะสมเพราะมีการยิงความร้อนลงไปที่ต่อมไขมันโดยตรง ทำให้ต่อมไขมันทำงานน้อยลง
แต่การรักษาด้วยเลเซอร์จำเป็นต้องมายิงเลเซอร์บ่อย อย่างต่ำอาทิตย์ละสองครั้ง แต่สุดท้ายเชื้อสิวมันจะกลับมา เพราะมันเป็นเรื่องปกติที่ใบหน้าทุกคนต้องมีเชื้อสิว ที่เราเลือกฆ่าเชื้อสิวโดยใช้เลเซอร์เนื่องจากเพื่อไม่ให้มีสิวอุดตันอยู่ เมื่อไม่มีสิวอุดตันเชื้อP.acneก็ไม่สามารถมากัดกินน้ำมันบนผิวแล้วทำให้เกิดการอักเสบเป็นสิวเม็ดแดงใหญ่ตามมา
การเปลี่ยนโครงสร้างของผิวโดยการใช้เลเซอร์ แม้ไม่ถาวรแต่อยู่ได้ยาวนานกว่าขึ้นกับสภาพผิวของแต่ละคน เช่นการกำจัดขนก็อาจจะกลับมาอีกในอีกหลายปีถัดไป เพราะคนเรามีอายุมากขึ้นทุกวัน คอลลาเจนเสื่อมสภาพ รูขุมขนก็กว้างขึ้น เราไม่มีทางเอาชนะความแก่ตามธรรมชาติได้ ก็ต้องมาทำซ้ำเรื่อยไป และการเลเซอร์ครั้งนึงเป็นเรื่องต่อเนื่อง และต้องใช้ระยะเวลาต้องมายิงซ้ำ
คำแนะนำ จะเลือกวิธีไหนก็ต้องกลับมาทำซ้ำเหมือนกัน ขึ้นกับระยะเวลาสั้นหรือยาวก็สุดแล้วแต่เราเลือก เช่น ถ้าเราเลือกทายาก็ให้ทาเป็นช่วงเมื่อผิวบริเวณผลัดออก รูเปิด น้ำมันไหลเวียนปกติ ใบหน้าหายอุดตัน เราก็หยุด เมื่อร่างกายเริ่มกลับมาเป็นปกติ เริ่มอุดตันใหม่ก็กลับมาทายาใหม่ ซ้ำไปซ้ำมา
“สิ่งสำคัญที่หมอย้ำกับคนไข้ที่เป็นสิวว่า เมื่อเป็นสิวแล้ว เราไม่ควรทำอะไรมันเลยจะดีกว่า ปล่อยหน้าที่นี้ไว้ให้หมอทำ เพราะหมอจะเลือกหนทางที่ดีและเหมาะสม และไม่ทำให้เกิดปัญหาผิวอย่างอื่นเพิ่มตามมา ปัญหาของคนไข้เป็นสิวส่วนนึงคือการเกิดรอยหลุมสิวที่กำลังจะตามมา เพราะบางทีคนไข้ไม่เข้าใจอยากจะให้สิวหายไวไว ก็ไปพยายามไปบีบ แคะ แกะ เกาสิว ไปรีดมันออกมา แต่ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่ มันกำลังไปทำให้เกิด หลุมสิวที่มันอยู่กับเราตลอดกาล “
เพราะถ้าหน้าเป็นหลุมแล้วไม่มีวิธีไหนที่คุณสามารถถมมันให้เต็ม มันเป็นการเปลี่ยนโครงสร้างของผิวไปอย่างถาวรเป็นแผลเป็นรักษายากกว่าการเป็นสิว
และแล้วก็จบบทสนทนาไปด้วยความกระจ่างว่านอกจากอย่าบีบสิวให้มันหายเอง แล้วยังค้นพบสัจธรรมแด่ตัวเองและผองเพื่อนกับความหวังในการหาแนวทางรักษา เรื่องสิวเสี้ยน สิวอุดตันว่าไม่มีทางจากไปอย่างถาวร ยกเว้นโครงสร้างผิวเปลี่ยนนั้นหมายถึงเมื่อเราอายุมากขึ้นมันจะเปลี่ยนไปเองตามผิวของเรา
Erk-erk.com ขอขอบพระคุณผู้ช่วยศาสตราจารย์แพทย์หญิง รังสิมา วณิชภักดีเดชา
แห่งศูนย์เลเซอร์ผิวหนังโรงพยาบาลศิริราช และ ศูนย์ผิวหนัง&ศัลยกรรมเลเซอร์ไอสกาย เป็นอย่างสูงในความกรุณาเอิ้อเฟื้อเสียสละเวลาในการให้สัมภาษณ์ความรู้ทางด้านผิวหนังในครั้งนี้ค่ะ
คนที่อ่านจบแล้วเป็นแผลเป็นแล้ว บอกมาเจอบลอคนี้ช้าไป อย่าเสียใจไป และคนที่มีปัญหาแผลเป็น แผลคีรอยแผลปานทั้งหลาย
อาทิตย์หน้าพบกับสัมภาษณ์พิเศษ ” เจ้าพ่อรักษาแผลเป็น ” ของวงการแพทย์ในเมืองไทย
ศาสตราจารย์ วรพงษ์ มนัสเกียรติ สาขาเลเซอร์ผิวหนังเพียงคนเดียวในประเทศไทย
(ที่มาภาพ : http://www.laserandhealthacademy.com )
เป็นหัวหน้าศูนย์เลเซอร์ผิวหนังที่โรงพยาบาลศิริราช
จะมาบอกเล่าเกี่ยวกับแผลหลุมสิว และวิธีการรักษา ซึ่งคุณหมอท่านเองจะโปรดปรานในงานวิจัยมาก
ถนัดเรื่องเลเซอร์รักษาผิวพรรณทุกชนิดที่ถนัดที่สุดคือแผลเป็น และตอนนี้คือเรื่อง ” หลุมสิว “
ที่หลายคนการันตีว่าถ้าแผลเป็น ปาน หลุมสิวต้องยกให้คุณหมอ วรพงษ์เท่านั้น
ใครอยากรู้จักคุณหมอท่านก็ Search Google รอไปก่อนกับ Keyword
manuskiatti
คุณจะพบกับการรักษา และงานวิจัยของศาสตราจารย์ท่านนี้มากมาย
อุ่ยเครื่องให้ดูผลงานการรักษาในการทำเลเซอร์ 2 ครั้งในการรักษาหลุมสิว
(ที่มาภาพ:ผลงานวิจัยเรื่องการรักษาแผลหลุมสิวด้วยเลเซอร์ Erbium:YAG ตีพิมพ์ในวารสาร Dermatologic Surgery ปี 2009 เล่มที่ 35 หน้า 1376-1383)
มีอีกเพียบรอบหน้า เราจะไปเสาะหามาจงได้
XOXO
พลาดแล้วเสียใจแน่นอน B)
การเขียนบทความนี้ เป็นเจตนารมณ์ ความชอบ และความตั้งใจของผู้เขียนที่อยากจะเผยแพร่ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับผิวหนังที่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องสิวที่ตนเองประสบอยู่ วิธีแนวทางในการรักษา ตั้งแต่ทายา ทานยา ใช้เลเซอร์เข้ามาในการประกอบการรักษา และอยากแนะนำบุคคลที่เป็นผู้ให้ คนดี คนเก่ง ของสังคมในประเทศไทย ซึ่งหลายคนอาจไม่มีโอกาสได้รู้จัก สำหรับการเขียนทั้งหมดหากเกิดข้อผิดพลาดประการใดในเรื่องการสะกด การใช้ศัพท์แพทย์ หรือข้อผิดพลาดอื่นใดผู้เขียนขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ไม่ขอให้พาดพิงถึงครูบาอาจารย์ผู้มีพระคุณให้ข้อมูลอันมีประโยชน์เหล่านี้มา เพราะบุคคลเหล่านี้เป็นบุคคลผู้มีชื่อเสียงและทำประโยชน์ให้กับสังคมมากมาย
ได้ประโยชน์มากเลยค่ะ
ขอบคุณนะคะ
ได้ประโยชน์มากเลย เพราะมีปัญหาเรื่องสิวเหมือนกัน กำลังคิดว่าจะไปเลเซอร์หละ เผื่อมันจะดีขึ้น
กำลังสนใจเรื่องนี้พอดีเลย ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณ สำหรับข้อมูลดี ดี มากค่ะ