วันนี้ก็นำทุกคนเข้ามาสู่เรื่องราวของผิวพรรณเช่นเคย ปีที่ 2 และ ปีหน้าปีที่ 3 เอิ๊กจะเน้นเขียนเรื่องราวความสวยความงามที่ชื่นชอบ และเรื่องราวความสวยความงามด้านอื่นที่ตัวเองสนใจ อยากรู้ อยากศึกษาเพิ่มเติมเพื่อนำมาแบ่งปันเพื่อนๆนะก๊ะ
อันนี้เป็นบทความที่ดองไว้เกือบ 2 เดือนเกี่ยวกับความประทับใจส่วนตัวในเรื่องของการตรวจสภาพผิวเพื่อหาแนวทางการบำรุงผิว การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ และการหาแนวทางป้องกันผิวแต่ละแบบได้อย่างเหมาะสม เพราะปัญหาผิวพรรณมีหลากหลาย ตั้งแต่ สิว จุดด่างดำ ความหมองคล้ำ รอยแผลเป็น รอยแดงรอยดำ แผลตื้น แผลหลุม ผิวที่มีริ้วรอย
ถ้าเรารู้ว่าเรามีผิวแบบไหน เราจะสามารถดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้องในแง่ของการศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติม ประกอบกับหาอ่านคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ คำแนะนำของเพื่อนมาประกอบกับการตัดสินใจโดยมีความรู้เป็นคลังข้อมูลส่วนตัวเป็นพื้นฐานก็จะทำชีวิตเราเดินทางได้ถูกต้อง บำรุงผิวได้ถูกจุดมากขึ้น ปัญหาผิวที่ว่ายากก็จะดีขึ้นหรือหายไปด้วยตัวของเราเอง แค่เพียงเราใส่ใจ เปิดใจที่จะเรียนรู้ เราก็สามารถจะดูแลตัวเองได้ดีในระดับนึงทีเดียว
ถ้าถามว่าตอนนี้ดูแลผิวหน้ายังไงต้องบอกว่าส่วนหนึ่งงดยาทุกชนิด และมุ่งหน้ามาสู่ระดับการรักษาที่บ้านด้วยตัวเองตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ เน้นอ่อนโยน ธรรมชาติ หรือแนวสมุนไพรไทยเป็นหลัก แต่อีกแง่หนึ่งยังคงต้องพึ่งแพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านกับการใช้ Cosmetic Laser Surgery มาดูแลรอยแผลบ้าง กรณีถ้ามันเยอะมากจนทนไม่ไหว เพราะเมื่อเกิดสิวเมื่อไหร่ เมื่อนั้นถ้าเม็ดใหญ่ก็ย่อมมีแผลแดงทิ้งไว้ และประกอบกับนิสัยชอบเค้นสิว (กรุณาอย่าทำตาม)
การรักษาที่ISKYตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้เป็นเวลาเดือนกว่าปลายสิงหาเดือนนี้เดือนตุลา การที่ได้เข้าไปคลุกคลีกับแพทย์ผิวหนังทำให้ความสนใจส่วนตัวเปลี่ยนไป อยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับผิวหนังมากขึ้นและแนวทางการรักษาทุกกรณี การที่จะเลือกแพทย์สิ่งหนึ่งเป็นตัวตัดสินใจ นั้นก็คือ ผิวพรรณ ของแพทย์ที่รักษา แพทย์คนไหนมีผิวพรรณที่สดใส ไร้สิวฝ้า แทบไม่ต้องบอกสิ่งใด เราจะเชื่อโดยอัตโนมัตเพราะเราถือว่าแพทย์ท่านนั้นดูแลตัวเองได้ดีมาก ไม่แปลกถ้าจะบอกอะไรแล้วคนไข้อย่างเราจะเชื่อ แต่อย่างที่บอกถ้าเป็นปัญหาผิวของเราควรมีการสังเกตุตัวเองร่วมด้วย สิ่งไหนที่คุณหมอท่านสอน คุณหมอท่านบอก จะมาหาข้อมูลอ่านเพิ่มเติมเอาเองตลอด เพราะครั้งแรกที่ปรึกษา คุณหมอท่านก็บอกเราแล้วว่าคนไข้ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมร่วมกันการรักษาจึงมีประสิทธิภาพ
และในการตรวจสภาพผิวครั้งนี้ตรวจเพื่อ “ ปรุงยาสูตรเฉพาะ หรือ เวชสำอางครีมบำรุงสำหรับคนแต่ละคน “ ในห้องกระจกใส ซึ่งทีนี่มองว่าเพราะผิวของคุณไม่เหมือนผิวของใคร ดังนั้นการที่จะทำสวยแต่ละครั้งก็ต้องมีการเริ่มต้นหรือทำอย่างถูกวิธี ซึ่งเป็นแนวคิดจากทีมแพทย์ทั้งหมดของที่นี่ที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ นั่นเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้รู้สึกว่าที่นี่แตกต่างจากทุกที่ที่เคยหามาทั้งหมด 5-6 ที่ ไม่แน่ใจว่ามีที่ไหนอีกหรือไม่ ถ้าใครเห็นว่ามีก็แชร์ได้นะคะ
ในความทรงจำตลอด 12 ปีที่ผ่านมาในการเดินเข้าออกคลินิคผิวหนัง หรือสถาบันรักษาผิวหนัง เป็นปกติที่ทุกสถาบันหรือคลินิคผิวหนังจะจ่ายยาตามสูตรมาตรฐานตามสภาพผิวหรือปัญหาผิวที่เกิดขึ้นโดยให้ยาหรือครีมใช้กับคนไข้ที่มีลักษณะสภาพผิวที่คล้ายคลึงกัน บางตัวเหมือนกัน บางตัวต่างกัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษาสำหรับคนไข้แต่ละคน
สำหรับการรักษาที่ISKYจะคล้ายกับทุกที่คือมีตัวยาเวชสำอางพื้นฐานให้กับคนไข้แบ่งตามสภาพผิวตั้งแต่ผิวมัน ผิวผสม ผิวธรรมดา ผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย เช่นกัน ที่แตกต่างคือ นอกจากการตรวจสภาพผิวอย่างละเอียดด้วยการฉายแสงดูปัญหาภายใต้ชั้นผิว ก็จะมีการตรวจสภาพผิวภายนอกที่จับต้องได้ด้วย ตรวจสีผิว ตรวจสภาพผิว ความยืดหยุ่นของผิว ฯลฯ เพื่อที่จะวิเคราะห์และสั่งการปรุงยาพิเศษที่เหมาะกับเราที่สุดเพื่อนำไปบำรุง เสริมความแข็งแรงของผิว และแก้ปัญหาผิวที่เรามีอยู่อย่างถูกต้องและเหมาะสมตรงจุดที่สุด
เริ่มโดยหลังจากการปรึกษาคุณหมอเรียบร้อย ก่อนจ่ายยาคุณหมอจะถามถึงสภาพผิว ในกรณีที่ผิวระคายเคืองแพ้ง่ายอย่างเอิ๊ก มองด้วยตาเปล่าอาจจะรู้ว่าแห้ง คุณหมอจะให้ตรวจด้วยเครื่องตรวจสภาพผิวเพิ่มเติมเพื่อดูว่าจำเป็นจะต้องสั่งยาครีมบำรุงปรุงพิเศษให้ไหม ซึ่งคุณหมอจะจุดสูตรให้เภสัชกรในห้องกระจกจัดการทำขึ้นมาให้เรา ในการตรวจเครื่องตรวจจะมีหน้าตาเป็นแบบนี้ หลายสิ่งระโยงระยาง
1. ตรวจสีผิว (PIGMENT/MELANIN)
ในกรณีนี้คุณหมอจะตรวจสีผิว สีผิวเราสีผิวแบบไหน ขาว น้ำตาล น้ำผึ้ง น้ำหมึก (ล้อเล่น) และแนะนำค่าครีมกันแดดที่เหมาะสม ซึ่งคุณหมอทำเป็น Chart ออกมาให้คนไข้ดูง่ายและเข้าใจเวลาคุณหมอได้อธิบาย
คุณหมอวิเคราะห์ออกมาว่า “ ผิวประมาณ17 นี่ค่อนข้างขาวเลย บอกได้เลยว่า spf ต้องสูงนิดนึง เพราะว่าผิวค่อนข้างไวแดด เป็นผิวขาว “
2. ตรวจความยืนหยุ่นของผิว (ELASTICITY)
ตัวเครื่องจะดูดผิวบนหน้าของเราเป็นวูบนึงเบาเบาเพื่อเช็คความเด้งดึ๋ง ดูดแล้วปล่อยออกมาขึ้นกราฟหน้าจอ
คุณหมอวิเคราะห์ออกมาว่า “ ค่าเปอร์เซ็นต์ค่อนข้างดีเลย คือคนที่อายุน้อยๆอย่างเนี้ย 24 เนี่ยจะต้องยืดหยุ่นประมาน 55-70 หนูยืดหยุ่นไปประมาณเจ็ดสิบกว่า ถือว่าดีมาก หยุ่นเท่ากับเด็กอายุน้อยกว่า 20 แสดงว่าความยืดหยุ่นของผิวหนังเนี่ยดี อย่างเงี้ยไม่มีปัญหาความยืดหยุ่น ”
3. ตรวจความชุ่มชื้นของผิวหนัง (MOISTURE)
กรณีนี้โดนหนัก เพราะผิวแห้งมาก
คุณหมอวิเคราะห์ออกมาว่า “ความชุ่มชื้น อย่างนีั้บอกได้ว่าแห้ง คนที่ไฮเดรชันดีดี มาดูนี่ ดูผิวพี่นะ นี่ก็แห้งเหมือนกันแต่อยู่ในระดับ 36 37 ของเอิ๊ก 33 แต่คิดดูพี่อายุมากกว่าหนูเท่าไหร่ หนูถือว่ามีสภาพผิวที่ค่อนข้างแห้ง ตามตำแหน่งแต่ละตำแหน่งไม่เหมือนกัน มีวัดช่วงหน้าผาก แก้มร่วมด้วย ของเอิ๊กนี่ หน้าผาก25 แห้งละ อย่างเราเนี่ยผิว พี่แนะนำมอยซ์เจอไรเซอร์ที่ดีเนี่ยสำคัญ เวลาเราปรุงครีมพิเศษให้คนไข้ เมื่อเราเทสารลงไปเราจะเติมให้ความชุ่มชื้นของครีมให้มันมากขึ้น ในกรณีที่ผิวมันแห้งมาก เราอาจจะเติมกลุ่มที่เป็นวิตามินอี โอเมก้า วิตามินเอ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในครีมนั้น สำหรับครีมของหนูๆอาจจะต้องใช้ครีมประเภทนี้ เพราะผิวหนูแห้งมาก ต้องมีการปรุงครีมพิเศษเพื่อบำรุงเฉพาะ แต่เนื่องจากปัจจุบันยังมีปัญหาสิว พี่ก็ยังไม่แนะนำให้ทาครีม ควรจะเอาสิวให้หมดก่อน ซึ่งความมันอาจทำให้สิวนั้นแย่ลง เพราะฉะนั้นพี่จึงคิดว่าอย่าเพิ่งเอาครีมกลับไปใช้ เอาสิวให้เวิร์คก่อน”
4. ตรวจความมัน (SKIN OIL&SEBUM)
อันนี้ได้คะแนน 1 เต็ม 100 ฮา หน้าเหี่ยวแห้ง T^T
คุณหมอวิเคราะห์ออกมาว่า “วัดความมันของผิวหนัง อันนี้เราวัดเป็นค่า ไขมันก็น้อย หน้าไม่มัน อย่างเนี่ยน้อยมาก พี่ถึงบอกว่าว่าผิวแห้งก็เกิดจากสิวได้ มะกี้วัดจากแก้มน้อยกว่า 30 นี่ซุปเปอร์แห้ง นี่1 โหหห พี่จึงรุ้ว่าคนไข้กลุ่มนนี้จึงต้องการอะไรที่พิเศษแน่ เพียงแต่ว่าอาจจะไม่เหมาะกับการปรุงครีมให้ตอนนี้ี้ ควรรักษาสิวให้ดีก่อน และคนไข้ที่ผิวแห้งมากไม่ควรใช้วิตามินซี มันทำให้ระคายเคืองมากขึ้นเป็นตุ่มขาวๆ เป็นเพราะว่าผิวเราแห้งมาก ไปเจออะไรที่มันระคายเคือง ยิ่งหนักกว่าเดิม มอยส์เจอร์ที่ดีเนี่ยเหมาะสำหรับเราแน่นอน แต่เราต้องเลือกใช้ “
5. ตรวจขยายผิวหนังหรือเส้นผม
อันนี้เห็นสิว เห็นแผลชัดมาก กลัวค่ะ เห็นแล้วอึ๋ว
คุณหมอวิเคราะห์ออกมาว่า “ อันนี้จะเป็นตัวขยาย เราจะให้คนไข้ดูสภาพผิวอีกอย่าง เนี่ยพี่จะให้ดู อะเลือกตำแหน่ง เลือกตรงที่เปนสิวจะเป็นยังไง เครื่องนี้จะใช้ในการวิจัย เพราะฉะนั้นเราก้ออยากจะทำให้คนไข้โดยเฉพาะ สมมุติจุดด่างดำ อยากเห็นรอยแผลเปนสิว ปัญหาเกิดได้จากทุกสภาพผิว เช่น คนไข้ที่มีจุดด่างดำเยอะ ต้องการปรุงยาเป็นพิเศษ จะเอากลับก็ใส่ส่วนผสมให้มันขาวมากขาวน้อย พวกไวท์เทนนิ่งทำนองนี้ “
ผลสรุปออกมาแล้วว่ายังคงไม่มีสิทธิ์กับครีมปรุงพิเศษเนื่องจากผิวหนังอักเสบอยู่ (สิว)
ยืนเกาะห้องกระจกดูของคนอื่นต่อไปก่อน
สรุปครีมปรุงพิเศษเฉพาะบุคคลคือ ? (ฟังจากคุณหมอเลยดีกว่าค่ะ)
หลักเราจะปรุงสำหรับปัญหาหลัก ๆ มี 3 อย่าง
– ผิวแพ้ง่าย
– ปัญหาจุดด่างดำ กระ (ต้องการให้ผิวขาวขึ้น)
– รอยเหี่ยวย่น
แต่เราก็มีสำหรับผิวทุกประเภท
ครีมที่ปรุงสำเร็จเฉพาะบุคคล ดีตรงที่ว่า เราสามารถเลือกเนื้อครีมที่เหมาะกับผิวของเรา และปัญหาที่เราต้องการแก้ได้อย่างตรงจุด ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคนมีปัญหาผิวแห้งและผิวแพ้ง่าย เราสามารถเลือกครีม base สำหรับคนไข้ที่ผิวแพ้ง่าย แล้วเราสามารถเติมสารเพื่อให้ความชุ่มชื้นในปริมาณที่เหมาะสมลงไป ถ้าผิวแห้งน้อย เราก็เติมน้อย แห้งมากเราก็เติมมาก คนไข้ที่ผิวแห้งน้อย ถ้าได้ครีมบำรุงผิวที่มันเกินไป ก็อาจเกิดปัญหาได้ เพราะฉะนั้นการปรุงครีมเฉพาะบุคคล ก็จะทำให้คนไข้ได้ครีมที่เหมาะสมกับตัวเองจริง ๆทุกคนสามารถมาตรวจสภาพผิวและระบุปัญหาที่ต้องการแก้ไขกับแพทย์ แพทย์ก็จะสามารถจัดสูตรของครีมที่เหมาะสมกับคนไข้คนนั้น ๆ ได้ บางทีคนไข้เข้าใจว่าตัวเองผิวมัน แต่พอตรวจด้วยเครื่องตรวจสภาพผิวแล้ว อาจพบว่าตัวเองผิวแห้งก็ได้ .. ผู้ช่วยศาสตราจารย์แพทย์หญิงรังสิมา วณิชภักดีเดชา
หวังว่าเราคงจะหายเร็วๆนี้นะคะ มันก็ขึ้นมาเรื่อยๆ เพราะสิวอุดตันของเก่า สู้กันต่อไป ทาเคชิ
กล้องใหม่ถ่ายรูปแล้วผิวเนียนสวยหลอกดวงตาผู้คนมาก ฮี่ฮี่
คุณเอิ๊ก เมื่อวานไปทำ V-Beam ที่ ISky มาค่ะรักษากับคุณหมอรังสิมา
บอกท่านว่าดูมาจากเวปคุณเอิ๊ก
รอยแดงที่เกิดจากการยิง V-Beam มันต้องใช้เวลา
แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาทันทีคือ ความสุขค่ะ ความสบายใจที่ได้คุยกับคุณหมอ
เพราะไม่มีความสุขกับตัวเองมาพักใหญ่เพราะรอยแดงเยอะมากก
ขอบคุณคุณเอิ๊กค่ะ อยากจะบอกว่าเพราะคุณเอิ๊กทำให้ตัดสินใจได้
เพราะเชื่อในสิ่งที่คุณเอิ๊กรีวิวมากค่ะ
รักษากันต่อไป สู้ๆ^3^
ราคาแพงมั้ยคะ อยากไปรักษาบ้างเป็นสิวเรื้อรังมาหลายเดือนแล้วคะ T^T
ต้องปรึกษาแพทย์ค่ะให้เขาประเมินก่อนนะคะ