เ อิ๊ ก ไ ม่ เ ค ย ส น ใ จ เ รื่ อ ง นี้ จ น ก ร ะ ทั่ ง
ส่ อ ง ก ร ะ จ ก เ เ ล้ ว พ บ ใ ต้ ต า
บั ง เ กิ ด ” ริ้ ว ร อ ย “
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หลายคนมีปัญหา ขอโทษที่ลืมเขียนไป
“ เมื่อวัยเด็ก วัยรุ่น วัยทำงานตอนต้น
จะแสดงสีหน้าแบบไหนใบหน้าก็กลับมายืดหยุ่นราบเรียบดังเดิม
พอวัยที่เพิ่มมากขึ้น คอลลาเจนเสื่อมสภาพลงไปทุกปี ชั้นหนังกำพร้าที่บางลง
การแสดงสีหน้า กลับทำให้เกิดรอยพับย่น ที่ลึกและชัดขึ้น นี่เรียกว่าเป็นริ้วรอยธรรมชาติ
ที่เกิดจากแสดงสีหน้า และ ช่วงวัยที่เพิ่มมากขึ้น “
รู้ได้อย่างไรผิวเราเริ่มเสื่อม ?
สำหรับใครที่ลองนอนตะแคง นอนเอามือกดทับบนใบหน้า นอนคว่ำ นอนซุกหมอน พอตื่นมาพบว่าใบหน้ามีรอยยับ ซึ่งไม่กลับคืนสู่สภาพปกติ เป็นเวลานาน นั่นหมายความว่า คอลลาเจนเริ่มเสื่อม ผิวเริ่มมีอายุ
ถึงแม้ว่าจะใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ แต่ความแก่และริ้วรอยก็เป็นเรื่องธรรมชาติ และคนเราย่อมต้องแก่เข้าซักวันถึงแม้จะพยายามอย่างที่สุดแล้ว เราคงไม่มีทางหยุดอายุหน้าให้อยู่ที่ 20 ได้ตลอดไป จึงควรพอใจแล้วถ้ามีคนทักว่า หน้าอ่อนกว่าอายุจริง อยากสวยอย่างธรรมชาติ ก็ต้องยอมมีริ้วรอยอย่างธรรมชาติบ้าง เพราะผิวหน้าก็ยังเป็นหน้า ไม่ใช่พลาสติก จะได้เรียบเนียนได้ 100% via @DrRungsima Twitter
สาเหตุของริ้วรอย
- การโดนแสงแดดมาก ๆ : เพราะแสงแดดเป็นตัวการกระตุ้นทำให้เกิดริ้วรอย ทำให้ดูแก่ก่อนวัย
- การใช้กล้ามเนื้อแสดงสีหน้า : เช่น เวลายิ้ม การขมวดคิ้ว เรื่องหน้าผากก็จะทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าได้ ถ้าเป็นรอยย่นที่พบบ่อยจากการใช้กล้ามเนื้อแสดงสีหน้า คือหางตา เช่นเวลาชมวดคิ้ว รอยย่นหน้าผาก ถ้าเป็นรอยย่นที่เกิดจากการใช้กล้ามเนื้อแสดงสีหน้าแล้วบางทีอายุ 20 ปีขึ้นไปก็อาจพบได้เช่นกัน
- อายุที่เพิ่มขึ้น : การเสื่อมของคอลลาเจนเพราะอายุ ชั้นหนังกำพร้าจะบางลง ส่วนใหญ่จะเริ่มเห็นชัด ประมาณอายุ 30 ขึ้นไป ริ้วรอยประเภทนี้อาจเป็นกรรมพันธุ์ ลองสังเกตดูหน้าคุณพ่อหรือคุณแม่ของเราเวลามีอายุ มีริ้วรอยคนในครอบครัวเดียวกันมักจะมีรอยย่นแบบเดียวกัน
การป้องกันริ้วรอย
- รอยย่นที่เกิดจากแสงแดด
- ทากันแดดเพื่อปกป้องจากแสงแดดตั้งแต่อายุน้อยๆ แม้กระทั่งเด็กๆ พยายามเลือกประสิทธิภาพค่ากันแดดสูงๆหน่อยและก็ปริมาณการทาให้ทั่วหน้า หนึ่งข้อนิ้วมือหรือหนึ่งช้อนชา
- ใส่หมวก
- กางร่ม
- เลี่ยงแดดเท่าที่ทำได้
- รอยย่นที่เกิดจากการใช้กล้ามเนื้อแสดงสีหน้า
- ฝึกยิ้มหน้ากระจกยังไงไม่ให้เกิดตีนกา แล้วก็ไม่ย่นจมูก
- ไม่ขมวดคิ้ว ไม่มีอารมณ์โกรธ
- ใส่แว่น หรือ คอนแท็คเลนส์ ถ้าสายตาสั้นหรือยาวจะได้ไม่ต้องเหลือกคิ้ว,หยีตาบ่อย ก็จะไม่เกิดรอยย่นหน้าผากหรือตีนกาเร็ว
- การออกกำลังกาย ช่วยให้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ จิตใจสบาย ลดความเครียด ส่งผลทางอ้อม
- รอยย่นที่เกิดจากวัย ยังไงก็มา ทำใจ ชะลอให้ช้าลงได้ตาม 2 รอยย่นด้านบน
- ริ้วรอยน้อย ๆ ไม่มาก : สามารถซื้อผลิตภัณฑ์ครีมที่มีส่วนผสมชองกรดวิตามินเอ kinetin argireline ซึ่งมีงานวิจัยรับรองว่าสามารถลดริ้วรอยได้จริง และกรดผลไม้มาทาได้ จะช่วยการลอกเซลล์ด้านบนออกไป และ กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่เร็วขึ้น ซึ่งกรดวิตามินเอมีงานวิจัยรองรับในการรักษาริ้วรอยตื้นๆได้จริง เพราะฉะนั้นก็จะทำให้ริ้วรอยเล็ก ๆ หายไปได้ ถ้าเป็นกรดวิตามินเออาจจะต้องมีแพทย์สั่ง ส่วนใหญ่กรดผลไม้ [ อาทิ AHA BHA ] มักจะผสมอยู่ในเครื่องสำอางค์ตามเคาท์เตอร์เครื่องสำอางค์หลายยี่ห้อ แต่ประสิทธิภาพจะสู้กรดวิตามินเอไม่ได้
- ริ้วรอยปานกลาง : อาจหมายถึงริ้วรอยที่เห็นได้เวลาแสดงสีหน้า ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมไฮยาลูลอน และ โคเอนไซคิวเทน [ Co-enzyme Q10 ] สำหรับไฮยาลูลอนเป็นสารเติมเต็ม หลักการคือจะซึมลงไปในผิวหนัง และตัวมันเองจะดูดน้ำเข้ามา มันจะอุ้มน้ำได้เยอะ จึงทำให้ริ้วรอยที่มีอยู่มันเต็มขึ้นมา / Q10 ช่วยเรื่องต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่ลดการเสื่อมของเซลล์ผิวหนังได้ดีเมื่อได้รับแสงแดด และมีงานวิจัยว่าสามารถลดริ้วรอย และ ร่องลึกให้ตื้นขึ้นได้
- ริ้วรอยร่องลึกชัดเจน : ริ้วรอยที่อาจจะเห็นชัดแม้ไม่แสดงสีหน้่าก็ตาม และ อาจไม่สามารถเยียวยาด้วยครีมได้ เราอาจจะพบแพทย์ผิวหนัง เพื่อรับการฉีดสารโบทูลินูมทอกซิน ฉีดสารฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็ม สำหรับโบท็อกซ์ คือ จะไปยับยั้งการหดเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ เพราะฉะนั้นกล้ามเนื้อมัดๆจะใช้งานไม่ได้ เป็นอัมพาตชั่วคราว เมื่อไม่ได้ใช้งาน กล้ามเนื้อจึงมีการคลายตัว หรือ มีขนาดเล็กลง รอยย่นก็จะไม่ลึกและไม่มากเท่าเดิม / ฟิลเลอร์ คือ เอาไว้เติมร่องลึก เช่น ร่องใต้ตา ร่องแก้ม บางคนพอสูงอายุขึ้นแล้วแก้มตอบ ขมับยุบ เพราะว่าอิลาสติก และ คอลลาเจนในผิวหนังมันหาย เราก็จะฉีดให้เต็มตื้นขึ้นมาได้ทันที / เลเซอร์ หรือ คลื่นความถี่วิทยุ [ RF ] ปล่อยพลังงานแสง หรือ คลื่นความถี่วิทยุลงบนริ้วรอยบนใบหน้า หรือรอยย่นเล็กๆ เพื่อลอกเซลล์ผิวชั้นบนแล้วผลพลอยได้คือความร้อนใต้ชั้นผิวที่เกิดจากแสงคลื่นวิทยุ หรือ แสงเลเซอร์ ก็จะด่ำดิ่งลงไปผิวหนังชั้นลึกที่ตรงจุด นอกจากกรอผิวเพื่อทำให้เกิดการสร้างผิวใหม่ ผลจะชัดเจนอยู่ยาวกว่า และ ความร้อนเหล่านั้นกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนเพื่อให้ผิวเกิดความยืดหยุ่น และ มีสุขภาพที่ดีขึ้น
ข้อดีการฉีดโบทูลินูมทอกซิน รักษาริ้วรอยสำหรับการแสดงสีหน้าได้ดี และป้องกันการเกิดริ้วรอยที่เป็นอยู่ได้อย่างเห็นผลลัพธ์
ข้อเสียการฉีดโบทูลินูมทอกซิน ไม่ถาวร ต้องรับการฉีดซ้ำทุก 3 – 4 เดือน ถ้าฉีดมากไปก็จะไม่เป็นธรรมชาติ หรือแม้กร่ะทั่งฉีดไปโดนกล้ามเนื้อที่เราไม่ต้องการ เช่นยาไปไหลลงกล้ามเนื้อตรงเปลือกตาทำให้ตาตก หรือตาปิดได้ หรือปิดตาไม่สนิท ถ้าบางคนฉีดแก้ม ก็อาจหน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว จึงต้องฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านมัดกล้ามเนื้อบนใบหน้า [ Anatomy ]
ข้อดีการฉีดสารฟิลเลอร์ รักษาริ้วรอยและร่องลึกที่เห็นชัดแม้ไม่แสดงสีหน้่ได้ดี อาทิ ร่องแก้ม ร่องลึกริ้วรอยข้างดวงตา แต่มีข้อเสียคือไม่ถาวร ต้องฉีดซ้ำทุก 6-12 เดือน และต้องฉีดโดยแพทย์ผู้ชำนาญ
ข้อเสียการฉีดสารฟิลเลอร์ ไม่ถาวร ต้องรับการฉีดซ้ำทุก 6-12 เดือน โอกาสแพ้มีเหมือนกัน แต่พบได้น้อยมาก เช่นสาร hyaluronic acid รุ่นใหม่ โอกาสแพ้คือ 1 ใน 2000 ราย ความปลอดภัยรุ่นใหม่จะค่อนข้างสูง การฉีดฟิลเลอร์เป็นเทคนิคการฉีดของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแต่ละท่าน เรื่องของมีอาการฟกช้ำดำเขียวบวม เป็นเรื่องปกติที่จะหายไปเอง 3-7 วัน แต่ถ้าฉีดมากไปไม่เป็นธรรมชาติ อาจจะเป็นก้อนปูดนูน หรือว่าใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ถูกต้อง เช่นร่องเล็กๆ แต่ไปใช้ฟิลเลอร์โมเลกุลใหญ่ฉีดไปก็อาจเกิดตะปุ่มตะป่ำ เป็นก้อนเป็นไต อีกทั้งถ้าเทคนิคการฉีดที่ไม่สะอาด ก็จะเกิดการติดเชื้อ เป็นหนอง อาจจะเน่าได้ ถ้าบางคนแพ้จะพบรอยแดงจนกว่าฟิลเลอร์จะหมดฤทธิ์ อีกเรื่องนึงก็คือถ้าฉีดเข้าไปในเส้นเลือด ถ้าฉีดไม่ระวังแล้วไปเข้าเส้นเลือดก็อันตราย เพราะฟิลเลอร์เวลาฉีดมันเป็นเจลใสๆ ถ้าเราฉีดมันจะเข้าไปในเส้นเลือดก็จะอุดตัน ถ้าเกิดเป็นเส้นเลือดแดงจะสำคัญมาก เช่นดั้งจมูก ยาจะเข้าไปในเส้นเลือด ทำให้ตาบอดได้ ถ้าฉีดเทคนิคไม่ดี อาจทำให้ผิวหนังเป็นคลื่นลอนได้
ข้อดีของการทำเลเซอร์ เลือกกรอผิวที่เป็นริ้วรอยได้สำหรับส่วนที่ต้องการให้เรียบเนียนได้ตรงจุด ความร้อนจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพิ่มเติม ผลที่เห็นชัดเจน ยาวนานกว่า
ข้อเสียของการทำเลเซอร์ ราคาสูง ต้องทำหลายครั้ง แพทย์ต้องมีความชำนาญและประสบการณ์ที่มากพอ ผลกระทบหลังทำมีรอยแดงที่จะหายไปเอง และ บางคนถ้าผิวสีคล้ำมาก การกรอผิวอาจทำให้เกิดรอยดำหลังทำได้โดยภายหลังอาจรักษารอยดำนั้นให้หายได้ ผิวที่ขาวอาจทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นหลังตกสะเก็ดเป็นสีชมพูที่อาจหายไปเองตามวันและเวลา ซึ่งบางทีก็นานเป็นปีระหว่างเนื้อเยื่อสร้างใหม่ขึ้นมา และ บางรายเกิดการด่างขาว จึงจำเป็นต้องใช้ทักษะในการทำมากพอสมควร ความลึกของการลอกผิวได้ในการกรอก็ขึ้นกับเครื่องของเลเซอร์ ถ้าลอกมากๆอาจจะมีเลือดซึมๆ หรือแผลสด มีการแสบร้อนซึ่งต้องทายาชาก่อนทำ เลเซอร์กรอผิว เช่น CO2/Erbium Yag/C&B
ข้อดีของการทำคลื่นความถี่วิทยุ [ RF ] ปัจจุบัน RF สามารถปล่อยพลังงานความร้อนรวมถึงทำการกรอผิวได้ โดยที่แผลเล็กมากแทบมองไม่เห็นตกสะเก็ด และ หลุดออกไป RFสามารถลงลึกถึงชั้นไขมัน นอกจากจะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ได้อย่างดี ยังช่วยกระชับผิว ขับน้ำมันในเซลล์ไขมันให้ออก นอกจากแผลเล็ก หายไว ไม่เกิดผลกระทบ ไหม้ ดำ ด่างขาว ยังช่วยกระชับผิวได้ดี เช่น THERMAGE ULTHERA
ข้อเสียของการทำคลื่นความถี่วิทยุ [ RF ] ราคาสูง ต้องทำหลายครั้ง อาจจะรู้สึกร้อนๆใต้ผิว ไม่กี่ชั่วโมงจะหายไปเอง
ข้อแนะนำในการรักษาริ้วรอย
จะเห็นว่าทุกวิธีล้วนมีข้อดี และ ข้อเสีย
เราควรจะต้องศึกษาหาความรู้เบื้องต้นก่อนว่าริ้วรอยที่เกิดขึ้นนั้นเป็นริ้วรอยประเภทใด และ จะทำการรักษาด้วยวิธีไหนให้เหมาะสม แม้กระทั่งก่อนพบแพทย์ ก็จะต้องตรวจสอบประวัติแพทย์เฉพาะทาง รวมถึงสถานที่รักษาพยาบาลที่ผ่านการตรวจสอบได้รับใบอนุญาตการรับรองจากกระทรวงสาให้เรียบร้อย
แล้วส่วนตัวคุณหมอนุสราใช้วิธีไหน เพราะยังดูอ่อนกว่าวัย และ ผิวพรรณดูกระชับทุกสัดส่วน
- ออกกำลังกาย
- มีการใช้ผึกใช้กล้ามเนื้อเพื่อให้เกิดริ้วรอยน้อยที่สุดเวลาแสดงสีหน้่ เช่นฝึกยิ้มไม่ให้รอยย่น รอยยับบนใบหน้า
- มีอารมณ์ขันตลอดเวลา
- ทากันแดดทุกวัน
หาข้อมูลทำด้วยเกือบ 4 วันเพราะกลัวแก่ วันนี้ลาไปก่อน กับเอิ๊ก – เอิ๊ก ตอน 80 ปีค่ะ 5555
ต้องขอขอบพระคุณเนื้อหาจาก
– เทปสัมภาษณ์แพทยหญิงนุสรา วงศ์รัตนภัสสร แพทย์ที่ปรึกษา ISKYCENTER
– @DrRungsima Twitter
รูปภาพประกอบจาก
http://dvdetectiveconsultor.tumblr.com/
beautified.co