Archive | FACE

เตือนภัยคอนแทคเลนส์บิ๊กอายรอบ ll และร้านขายคอนแทคเลนส์ที่ไม่ซื่อสัตย์

อยากรู้ร้านเมลล์มาถาม ไม่อยากตัดอนาคตร้านใคร แต่ใครทำสิ่งไหนไว้ย่อมได้สิ่งนั้น

เพราะ ” ของไม่ดี หลอกลวง ขายได้เพียงครั้งเดียว “

mail@erk-erk.com

Posted in CONTACT LENS, ERK-ERK, EYESComments (0)

BEAUTY TALK – หลุมสิวปัญหาใหญ่ รักษาได้กี่วิธี ?

 

 

 

 

 

อะไรทำให้คุณรู้สึกแย่ที่สุดหลังเป็นสิว .. ?

 

 

 

 

 

 

คำตอบนอกจากสิวที่ทำให้เรารู้สึกแย่ แต่มีที่แย่กว่า คือ “ แผลเป็นหลังสิวหาย ” เพราะอะไรนะเหรอ ?!? มันอยู่นานกว่าสิวหน่ะสิ .. มาแล้วบทจะไปก็ไปยาก หากทำใจให้ชินแน่นอนครึ่งปีมันอาจจะไปเอง โดยเฉพาะแผลเป็นหลังจากเกิดจากสิวที่มีสีทั้งหลาย สีดำ สีแดง .. แต่หากว่ามันเป็น “ หลุม ” ล่ะ

 

ตอนนี้ในหัวกำลังย้อนไปโฆษณายุคก่อน ที่เปรียบหน้าคนหลังเป็นสิวบางครั้งก็เหมือนพระจันทร์ ไม่ได้เหมือนที่ความสว่างสไว หรือ กลมเหมือนพระจันทร์ แต่เปรียบรอยแผลหลุมสิว ความไม่เรียบของผิว ช่างเหมือนผิวพระจันทร์เหลือเกิน .. [ โฆษณานี้ชี้ปัญหาแบบโหดร้ายมาก ชิส์ ]

  • รอยแผลหลังจากการเป็นสิวแบ่งได้ 4 แบบ 
  1. รอยแดง
  2. รอยดำ
  3. หลุมสิว
  4. คีลอยด์

 

 

  • หลุมสิวคืออะไร ?

การอักเสบของสิวอย่างรุนแรงถึงชั้นหนังแท้ มักมีหนองร่วมด้วยจึงทำให้คอลลาเจนถูกทำลายและมักมีแผลเป็นหลังสิวหาย จึงเกิดแผลเป็นใต้หนังผิว หรือ เรียกว่าพังผืด ที่ดึงรั้งผิวหนังจนทำให้เป็นหลุม

 

  • หลุมสิว มีที่มาจากอะไรบ้าง ?
  1. การ บีบ แคะ เค้น แกะ เกา ทำให้สิวอักเสบมากขึ้นและทิ้งรอยคล้ำตามมาด้วยหลุม
  2. สิวอักเสบรุนแรง
  3. การติดเชื้อแบคทีเรียลุกลาม
  4. กรรมพันธุ์มีประวัติคนในครอบครัวที่เป็นสิว+แผลหลุมรุนแรง [ จะทิ้งหลุมทันทีเวลาหายเป็นสิว ]

 

เคล็ดลับ

“ เมื่อเป็นสิวอักเสบต้องทำให้หายอักเสบ และ ยุบตัวเร็วที่สุด ” เช่น ทายาฆ่าเชื้อสิว [BENZAC , PANOXLY] / ฉีด [STEROID] / ทานยาปฎิชีวนะ / พบแพทย์ท่องไว้ว่า รักษาสิว ถูกกว่า รักษาแผลเป็น [ หลุม,นูน ]

 

  • การรักษาหลุมสิว ใช้วิธีไม่เหมือนกัน ขึ้นกับ
  1. ชนิดของหลุมสิว
  2. ความลึกของหลุมสิว
  3. ความกว้างของหลุมสิว

 

  • หลุมสิวมี 3 ชนิด
  1. หลุมแอ่งกระทะ [คิดเอง] ROLLING SCAR
  2. หลุมกล่อง BOX SCAR
  3. หลุมนกจิก [คิดเอง] ICE PICK SCAR

 

หลุมแอ่งกระทะ : ลักษณะมองเห็นเป็นส่วนเว้าลงไปเหมือนก้นกะทะ ขอบรอบๆดูนุ่มนวล

หลุมกล่อง : ลักษณะหลุมที่มองเห็นขอบเป็นทรงตรงลึกลงไป คล้ายกล่องทรงวงรี

หลุมนกจิก : ลักษณะมองเห็นเป็นรูเล็กแต่ลึก รักษายากที่สุดกว่าทุกแบบ

 

 

 

  • วิธีการรักษารวบรวมมาในประเทศไทย 

ทุกวิธีช่วยให้หลุมสิวดีขึ้นได้ แต่ยังไม่มีวิธีไหนได้ผล 100% กับหลุมสิวที่รักษายาก ลึก สามารถผสมผสานวิธีแต่ละแบบเข้าด้วยกันได้เพื่อการรักษาที่ดียิ่งขึ้น ที่สำคัญทุกวิธีที่กล่าวต้องศึกษาผลข้างเคียงที่จะตามมาอย่างละเอียด

 

วิธีที่ 1 – กระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน

  • ทาครีมลบรอยแผลเป็น,ริ้วรอยที่มีส่วนผสมเช่น VITAMIN E, AHA, BHA
  • ทายากลุ่มอนุพันธ์ุของวิตามินA เช่น RETIN A
  • ทานยากลุ่มที่สกัดจากอนุพันธุ์วิตามิน A [RETINOIDS] เช่น Roaccutance, Acnotin, Isotretinoin
  • ฉายแสง LED เช่น GentleWaves, Omnilux
  • ยิงแสง IPL
  • ยิงเลเซอร์ Smooth Beam
  • ยิงเลเซอร์ ND Yag
  • การใช้คลื่นวิทยุ RF เช่น PHONO
  • เหมาะกับหลุมสิวที่ตื้น หลุมสิวใหม่
  • หลุมสิวประเภท หลุมแอ่งกระทะ

 

วิธีที่ 2 – ทำให้เซลล์ผิวด้านบนหลุดลอกออก ร่างกายจึงเกิดการซ่อมแซมและดันหลุมสิวให้ตื้นขึ้นเอง

  • ลอกผิวด้วยกรดผลไม้ที่มีฤทธิ์เป็นกรด AHA , BHA , PHA
  • แต้มกรด TCA
  • กรอผิวด้วยกรดอัญมณี Microdermabrasion
  • เลเซอร์ชนิดมีแผล กรอผิวด้านบนด้วยเลเซอร์ความเข้มข้นสูงร้อนมาก เช่น CO2 / ERBIUM YAG
  • เหมาะกับหลุมสิวที่ตื้น, ลึกปานกลาง
  • หลุมสิวประเภท หลุมแอ่งกระทะ, หลุมกล่อง

วิธีที่ 3 – การทำให้ผิวหนังเกิดอักเสบกระตุ้นให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองโดยสร้างเซลล์ใหม่

  • Dermaroller ใช้ลูกกลิ้งที่เป็นเข็มเล็กๆกลิ้งตามผิวหนังลึกถึงชั้นหนังแท้
  • เลเซอร์ชนิดไม่มีแผล เช่น Fraxel re:store,Fine Scan, Mosaic, Fractional RF
  • เหมาะกับหลุมสิวตื้น ถึง ลึกปานกลาง,
  • หลุมสิวประเภท หลุมแอ่งกระทะ, หลุมกล่อง, หลุมนกจิก

 

วิธีที่ 4 – การเติมเต็มหลุมสิวด้วยสารเติมเต็ม

  • ฉีด Filler [ Hyaluronic Acid ]
  • เหมาะกับหลุมสิวตื้น ถึง ลึกปานกลาง,
  • หลุมสิวประเภท หลุมแอ่งกระทะ

 

วิธีที่ 5 – การตัดผังพืดใต้ผิวหนังบริเวณหลุมสิวออกไป

  • การทำ Subcision ใช้เข็มที่มีใบมีดอยู่ปลายเข็ม เจาะ และ เอาใบมีดตัดพังผืดใต้ฐานหลุมสิว
  • เหมาะกับหลุมสิวลึกปานกลาง, ลึกมาก
  • หลุมสิวประเภท หลุมกล่อง, หลุมนกจิก, หลุมแอ่งกระทะ

 

วิธีที่ 6 – การศัลยกรรมผ่าตัดหลุมสิว

  • ตัดรอยหลุม แล้วเย็บปิดให้ผิวหนังชิดกัน
  • นำผิวหนังส่วนอื่นมาปิดรอยหลุมสิว
  • กรีดผิวหนังเป็นวงรี แล้วเย็บปิด
  • ตัดหลุมสิวแล้วยกขึ้นมาให้ได้ระดับเดียวกับผิวหนัง
  • เหมาะกับหลุมสิวลึกมาก หรือขนาดกว้างใหญ่
  • หลุมสิวประเภท หลุมกล่อง, หลุมนกจิก,

รวบรวมมาแล้วแยกเป็นข้อให้เข้าใจคร่าวๆ  ส่วนลงลึกอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ

LINK 1 , LINK 2

 

แต่ละวิธีมีข้อดี ข้อเสีย ข้อควรระวังแตกต่างกันไป ควรปรึกษาข้อมูลตามลักษณะของหลุมสิวที่ตนเองมีไว้ก่อนล่วงหน้า ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญได้ทั้ง 3 ด้าน ผิวหนัง เลเซอร์ หรือ ศัลยกรรม สำคัญที่สุดคือทำโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางจริงๆ เพราะอะไรที่อยู่บนหน้า หากพลาดไปจะตราตรึงตามเราไปทุกที่ ส่วนตัวเคยใช้วิธีที่ 1 และ 2 บางข้อในการรักษาหลุมกล่อง , หลุมแอ่งกระทะ

 

ทำให้พบว่า

* การรักษาหลุมสิว ส่วนมากต้องใช้เวลานานอาจจะเป็นปี หลายปี เพื่อรอเวลาที่คอลลาเจนกว่าจะสร้างเซลล์ขึ้นมาใหม่ทดแทน ต้องได้รับการกระตุ้น หรือ ทำหลายครั้งขึ้นไป ขึ้นกับความลึก ชนิดของหลุม การเป็นหลุมจึงเป็นแผลที่รักษายากมากที่สุด มากกว่า รอยแดง รอยดำ พอๆกับแผลคีลอยด์ อาจจะมีโอกาสกลับมาดี แต่ยากมากที่จะถึง 100% โดยเฉพาะ หลุมลึกแบบนกจิก หลุมกล่อง

 

คราวหน้ามาต่อกันด้วยการทำ ERBIUM YAG ทำให้เซลล์ผิวด้านบนหลุดออก โดยการกรอผิวด้วยเลเซอร์ความเข้มข้นสูง ร้อนมาก เป็นเลเซอร์ชนิดมีแผลกับ ศาสตราจารย์นายแพทย์ วรพงษ์ มนัสเกียรติค่ะ

 แผลหลุมเกิดจากเล็บจิกตอนเกิดเป็นแผลหลุมกล่องขนาด 0.4 ซม หลังทำตื้นขึ้น 40% รอให้คอลลาเจนสร้างเซลล์ใหม่น่าจะดีกว่านี้ ภาพนี้หลังทำ 11 วัน และนอนดึก รูขุมขน นกตัวเล็กตกลงไปตายได้เลย กว้างขนาดหนัก นอนดึกไม่เคยดีกับใครเลย T_T

 

 

 

 

 

 

Read the full story

Posted in ACNE, BEAUTY TECHNOLOGY, LASERComments (0)

BEAUTY DIARY – ครีมผสมสดตามเนื้อเยื่อผิวหน้าเราทำให้ผิวดีขึ้นจริงหรือไม่ ?

 

 

 

 

 

 

ช่วงนี้อยากเขียนไดอารี่อีกครั้ง รู้สึกเหมือนได้คุยกับเพื่อนแม้ตัวเองจะเป็นคนพูดก็ตาม 🙂 ขอเขียนไดอารี่เรื่องครีมกันหน่อย ทำไมครึ่งปีมานี้เอิ๊กมันหมกหมุ่นเรื่องครีมจัง เพราะหน้าเป็นสิวไม่เลิกยังไงละ เป็นแบบสงครามโลกครั้งที่ 1 2 3 4 เอิ๊กเลยมาฟิตหนักเรื่องผิวจะมาอันดับแรก ผิวดีแต่งหน้าสวยแบบไม่ต้องโบ๊ะก็กิ๊กแล้ว และ เจอหมอผิวหนังที่เป็นอาจารย์ที่ชอบสอนนักเรียน เรามันเป็นเด็กเรียน ชอบเรียน ก็เลยถามเมามันส์เลย พอเป็นบล็อกเกอร์ด้วยก็แชร์มันเลย ไม่งั้นเก็บไว้กับตัวคนเดียว ไม่ทันตายลืมหมด

เสียดายอยู่อย่างเดียว ถ้า12ปีที่แล้ว เราสามารถรู้จักว่าผิวตนเองเป็นแบบไหนเหมือนตอนนี้ เลือกใช้ครีมเป็น โดยเริ่มแยกแยะส่วนผสมบางอันออก เราคงไม่ต้องพบเจอกับคำว่า หายนะของผิวหน้า เป็นสิวอย่าให้พูดดีกว่า ว่าความทรมานในจิตใจมันเยอะขนาดไหน

เอิ๊กมารู้จักครีมที่ผสมขึ้นตามเนื้อเยื่อผิวหนัง เพราะเจอที่ ISKYCENTER ก็รู้สึกว่ามันคงจะดีมาก ถ้าวันนึงเราปรุงครีมขึ้นได้เอง เหมาะกับเราคนเดียว มัน UNIQUE มาก และมันคงจะแพงมาก ปรากฎว่ามันไม่แพง สู้ไหว เพราะกระปุกมันใหญ่ 50 มิลลิกรัม 800-1200 บาท แล้วแต่สูตร 1.ต้านริ้วรวย 2.ทำให้ขาวใส 3.บำรุงให้อาหารผิว รวมค่าแพทย์เรียบร้อยไม่เกินนี้ ความจริงอยู่ที 600-900 บาท ค่าแพทย์ตรวจ 200-300 บาท

ใช้ครีมจนเกือบหมดกระปุกภายใน 2 เดือน เอิ๊กทาแค่ช่วงกลางคืน เอิ๊กนอนเช้าทุกวัน แต่พบว่าผิวดีขึ้นเกือบ 100% ในเรื่องปัญหาผิวที่เคยมี นั่นหมายความว่า

” เมื่อไหร่ก็ตามที่เลือกใช้ครีมได้ถูกกับผิวหน้าจริงๆ เหมาะสม ผิวคุณมีสิทธิ์ดีขึ้นได้ โดยไม่ต้องหาหมอ “

เอิ๊กมีใช้Lotion และ Oil เพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวก่อนลงครีมด้วย ซื้อตามซุปเปอร์มาเกต แต่เลือกที่เหมาะกับผิว ไม่แพ้ ไม่ระคายเคือง

ผิวแบบดีขึ้นมาก ทำไมไม่รู้จักผิว และเลือกให้เป็นตั้งนานแล้ว มารู้เอาตอนวัยทำงาน – – “

เวลาผิวดีขึ้น ข้อแรกเลย คือแต่งหน้าเรียบเนียนขึ้น ไม่มีขุย ไม่มีสิว ไม่มีบวม ไม่มีแดงและแพ้

เมื่อใช้ครีมที่ตรงกับผิวเรา ความรู้สึกคือหน้ามันดูฟู อิ่ม ทำให้เอิ๊กไม่อยากลองครีมทาผิวหน้าอะไรใหม่ทั้งสิ้น คือ ไม่ให้มีตัวไหนมาแทน เพราะครีมที่ปรุงมาเพียงคนเดียว มันคงมีแค่กระปุกเดียวนี่ละ ยกเว้น Lotion Oil ตามที่บอก พวกเนื้อบางเบา ยังเปลี่ยนอยู่ชอบลองของใหม่ 555 แต่ไม่ชอบให้หน้าเละ ล่าสุดครีมจะหมดแล้ว เอิ๊กรู้สึกว่าผิวเริ่มดี เอิ๊กเลยอยากลองใช้สูตรผิวขาว เอิ๊กเลยต้องตรวจผิวละเอียดอีกครั้งเพื่อปรุงครีมเฉพาะขึ้นมา

รอบนี้ คือ โปรแกรมสามารถเปรียบเทียบก่อนหลัง ไปฉายแสง UV ดูชั้นลึกของผิว หน้ากลัวเช่นเคย

% ยิ่งเยอะผิวยิ่งดี ซ้ายเก่า ขวาใหม่

การดูแลผิวของเอิ๊กได้รับแต่เลเซอร์เฉพาะจุดบ้าง แต่หลายเดือนแล้วไม่ได้ทำ และ IPL 1 ครั้ง ไม่น่าจะใช่เหตุผลที่ทำให้คะแนนผิวดีขนาดนี้

  1. 5 เดือนผ่านไป ในการดูแลสาเหตุการเกิดสิวทำให้สิวไม่มาอีก สาเหตุสิวของเอิ๊กคือ ล้างผลิตภัณฑ์บำรุงผมไม่เกลี้ยง
  2. ล้างหน้าตามแนวขน 4 เดือน
  3. ใช้ครีมตามสภาพผิว 2 เดือน
  4. IPL 1 ครั้งเมื่อ 1 เดือนที่แล้ว
  5.  ใช้เครื่องนวดกระชับผิว ครึ่งเดือน นวดอาทิตย์ละ 2-4 ครั้ง

ทุกอย่างดูแลแบบองค์รวม ดูแลทุกด้าน

การตรวจใบหน้าอีกครัั้งใน 5 เดือนที่ผ่านมา ดูแลแบบเกือบทุกส่วน ยกเว้นนอนเช้า ยังเลิกไม่ได้

ผิวดีขึ้นมาก ไม่รู้เพราะครีม หรือเพราะองค์รวม แต่เชื่อว่าครีมก็มีส่วนช่วยมากไม่น่าต่ำกว่า 50%

วงกลมเขียวคือดีขึ้น วงกลมแดงคือแย่ลง

หน้าแปลกใจขนาดไม่ออกจากบ้าน กระ จุดน้ำตาลมีโอกาสเพิ่มขึ้น เพราะเอิ๊กนั่งแต่หน้าคอมนั่นหมายถึง ต้องทากันแดดแม้อยู่หน้าจอคอม และ ริ้วรอยรอบดวงตาเอิ๊กมี เพราะเอิ๊กใช้แต่ที่ทาตาแบบลดอาการเหนื่อยล้า แต่ไม่ได้ลดริ้วรอย

คะแนนการฉายแสง UV ดูผิวชั้นลึก เห็นละเอียดมาก ผิวดีขึ้นเกือบ 100%

แต่ติดตรง ริ้วรอย และ จุดสีน้ำตาลที่เพิ่มมากขึ้นนอกนนั้น ดีขึ้นหมด

มาอีกเครื่องเพื่อทดสอบความแม่นยำ ควรตรวจผิวตั้งแต่2เครื่องขึ้นไป อันนี้เช็คสีผิว ความยืดหยุ่น น้ำมันในผิว ความชุ่มชื่น

เอิ๊กจำคะแนนในหัวได้หมด

สีผิว เก่า 17 > ใหม่ 14

ความชุ่มชื่น เก่า 33 > ใหม่ 34

น้ำมันในผิว > เก่า 1 > ใหม่ 4.8

ความยืดหยุ่นผิว เก่า 75 > ใหม่ 95

มันดีขึ้นทุกด้าน แสดงว่าตรวจเครื่องแรกค่อนข้างได้ผลที่ตรง ผลลัพธ์คือ ความชุ่มชื่นยังคงต้องดูแลเพิ่มแต่ดีขึ้นนิดนึง / ผิวขาวขึ้น 3 คะแนน อย่างไม่ทราบสาเหตุงงมาก – -” ไม่มีครีม โลชั่น หรืออะไรก็ตามที่เป็นสูตรWhitening ไม่ได้ขัดหน้า แต่ขาวขึ้น หมอบอกอยู่คำนึงว่า ถ้าเราใช้ครีมที่ตรงกับผิว ผิวจะดูชุ่มชื่นและดูเหมือนขาวขึ้น / น้ำมันในผิวดีขึ้นมีน้ำหล่อเลี้ยงดีขึ้น / แต่ที่ตกใจสุดคือ ความยืดหยุ่นผิว 95 มันดีขึ้นมากกกกกกก จนแอบคิดไปตอนล้างหน้าตามแนวขน ที่เขาบอกว่า คอลลาเจน อีลาสติน จะดีขึ้น แข็งแรง ยืนหยุ่นดี เหลือเชื่อมาก ว่าคะแนนมันกระโดดเยอะมาก


ตอนนี้จดไว้ 4 สาเหตุที่ทำให้ผิวดีคือ

1. ใช้ครีมที่เหมาะกับผิว

2. ล้างหน้าตามแนวขน

3. ใช้เครื่องผลักครีมให้ซึมสู่ผิวดียิ่งขึ้น

4. IPL ทั่วหน้า 1 ครั้ง

ยังไงก็คงรักษา 3 ข้อแรกไว้อย่างแน่นเหนียว หรือถ้าให้เลือก 2 ข้อ ก็ 2 ข้อแรกต้องอยู่

สาเหตุที่ทำให้ผิวแย่ คือ ไม่ทาครีมกันแดดเวลาเล่นคอม ใช้สายตาหนักไม่พักตาเริ่มมีริ้วรอยและแห้งกร้านแล้ว

เอาละมาพบกับโฉมหน้าที่แท้จริงกันหน่อยไปแพ้ไฟสตูดิโอมา พอใช้อะไรผิดไปหน่อย บวมแดงเลย ทิ้งสิวผดเต็มหน้าผากเลย ตอนนี้ดีขึ้นละ ขออนุญาติเผยผิวจริงไม่ RETOUCH สิวอุดตันมีบ้างประปราย ล้างหน้าตามแนวขนเอาออกให้หมด มันจะไหลแข็งหลุดไปเอง สิวเสี้ยนจัดเต็มไม่มีอะไรโค่นมันแบบถาวรได้

เครื่องนวดผลักครีมบำรุงที่เหมาะกับผิว ต้องใส่ครีมเยอะๆ ใส่น้ำแร่บ่อยๆถ้ารู้สึกเริ่มฝืด ต้องให้แบบเครื่องถูได้ลื่นๆ

เสร็จแล้วผิวดีขึ้นไหม 555 ไม่ได้ใช้ทุกวันนะคะ เพราะผิวแพ้ง่าย ปกติใช้มือทาครีมนี่ละ แล้วก็แต้มสิว แปะผงพิเศษ และ เข้าบรรทม

ขี้เหร่เนอะ 555

ครีม SIGNATURE CREAM ของเราคนเดียว ยังไปปรุงอยู่ที่ศูนย์ ISKY

รอบแรก ซ้ายเก่า ให้ความชุ่มชื่นเป็นอาหารผิว / รอบสอง  ขวาใหม่ สูตรWhitening

หน้าตาเปลี่ยน ชอบของเก่ามากกว่าชอบอะไรใหญ่ๆ

ด้านข้างเปลี่ยนด้วย กลายเป็นชื่ออิชั้น และวันเดือนปีที่ปรุงผสมครีมนี้ขึ้นมา มีเวลาด้วย – – ” รู้หมดเลยไปหาหมอตอนไหน

ข้อด้อยของครีมปรุงสด คืออะไรรู้ไหม ครีมพวกนี้มีข้อดีคือไม่มีน้ำหอม สารกันเสีย ดังนั้น มันต้องแช่ตู้เย็น หรือไว้ในที่ๆไม่ร้อนอบอ้าว และใช้ให้หมดภายใน 1-2 เดือน

เนื้อครีมเก่าเพิ่มความชุ่มชื่น ขาวอวบอิ่ม ฟู ด้านซ้าย /

เนื่อครีมใหม่เน้นขาวลดกระฝ้า เหลืองอ่อน ร่วน แน่น ด้านขวา

ชอบของเก่ามากกว่า หอมมากกว่า ของใหม่แบบว่าไม่พึงพอใจในกลิ่น

แต่ใช้แล้วไม่แพ้   บำรุงผิวอิ่มเหมือนกันให้อภัยนะ

ของใหม่ไม่มีวิตามินอี แต่เพิ่มส่วนผสมของ GIGA WHITE / GRAPE SEED

และ อะไรอีกไม่แน่ใจ ถามที่เคาท์เตอร์จ่ายยามา

ดังนั้นถ้าถามว่าดีขึ้นใหม่ ถ้าเกิดรู้จักผิว เลือกครีมได้เหมาะกับผิว ตอบว่า เกิน 50% ดีขึ้นแน่นอน

ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องดูแลผิวแบบองค์รวมอย่างที่บอกไว้ตอนต้น

🙂 ขอให้ผิวดีกันทุกคนนะคะ


XOXO

Posted in ACNE, BEAUTY TECHNOLOGY, ERK-ERK, FACE, SKIN, SKIN CAREComments (5)

TALK ABOUT – สัมมนาการสลายไขมันส่วนเกินด้วยความเย็น และ ตอบคำถาม

ได้มีโอกาสไปงานวิชาการ การสลายไขมันส่วนเกินด้วยความเย็น การทำ CRYOLIPOLYSIS ด้วยเครื่อง ZELTIQ จัดให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไปโดย รพ.วิชัยเวช อินเตอร์เนชันแนล หนองแขม และ ศูนย์ผิวหนังและศัลยกรรมเลเซอร์ไอสกายจัดขึ้น ไม่เสียค่าใช้จ่าย ภายในงานมีให้ความรู้โดยอาจารย์โรงเรียนแพทย์ผิวหนังจาก รพ. ศิริราช

ศาสตราจารย์ นายแพทย์ วรพงษ์ มนัสเกียรติ

และ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ แพทย์หญิง รังสิมา วณิชภักดีเดชา

เป็นผู้ให้ความรู้ด้านการสลายไขมันด้วยความเย็น รวมถึงความรู้เกี่ยวกับเซลล์ไขมัน และ การตอบคำถาม

ภายในงานก็จะมีรายเอียดประมาณที่เก็บภาพมาฝากกันเล็กน้อยค่ะ CLICK

และสำหรับคนที่ไม่ได้ไป เอิ๊กเก็บรายละเอียดวิชาการในส่วนสำคัญมาฝากค่ะ

– การสาธิตการสลายไขมันส่วนเกินด้วยความเย็น

– ตอบคำถาม เช่น การทำซิกแพก การรู้จักเซลล์ไขมัน การกระชับสัดส่วน การกำจัดไขมันส่วนเกิน

ฯลฯ

ขอบพระคุณมากค่ะที่ได้จัดงานให้ความรู้แก่ประชาชนขึ้นมาค่ะ 🙂

ปล. ถ้าไม่ใช่เด็กเรียนมาก่อน อาจจะฟังแพทย์แล้วงุนงง เทคโนโลยี ศัพท์ อุปกรณ์แพทย์ผิวหนังเยอะมว๊ากกก

ใครอยากอ่าน HOW TO ที่เอิ๊กทำในการสลายไขมัน CLICK

ยัง REVIEW ไม่ได้ยังไม่ครบ 2 เดือนเลย ในงาน CEO รพ ก็จับชื่อให้ได้รางวัลทำฟรีมา 1 ครั้ง ดีใจมากกกกกก

เดี๋ยวเอาไขมันที่ท้องส่วนเกินออกอีก

 

 

 

 

XOXO

Posted in BEAUTY TECHNOLOGY, DIET, FAT, HOW TOComments (1)

HOW TO ล้างทำความสะอาดใบหน้าแบบล้ำลึกสำหรับคนแต่งหน้าหรือทากันแดด

ส่วนตัวผิวแห้ง แพ้ง่ายก็ใช้อะไรที่เหมาะกับผิว

CLEANSING – DHC CLEANSING OIL

CLEANSER – DERMALOGICA ULTRA CALMING / EUCERIN DERMOPURIFYER GEL

น้ำยาล้างตา – OPTAL

อุปกรณ์

1. CLEANSING – ที่ทำความสะอาดเครื่องสำอาง กันแดด ตามสภาพผิว

2. CLEANSER – ที่ทำความสะอาดผิวหน้า ครีม โฟม เจลล้างหน้าตามสภาพผิว

3. EYES & LIP REMOVER สำหรับคนที่แต่งตา ทาปาก

4. คัตตอลบัต

5. สำลี

6. น้ำยาล้างตา

XOXO

Posted in ACNE, FACE, HOW TO, SKINComments (0)

BEAUTY TALK – รวบรวมวิธีทำให้ “ฟันขาว ” สวย

 

 

 

ความลับของคนที่ฟันขาวคืออะไร? ….

เวลาเราเห็นดารา นางแบบอยู่ฟันขาวจั๊วะ จนต้องถามว่าทำอะไรมา ฟันขาวเงาวาววับสะท้อนแสงมาก คือมันรับไปทุกส่วนเลย หน้าสวย ยิ้มสวย แล้วเขาก็ดูเหมือนจะยิ้มบ่อยมากกกกกกกกก ดูแล้วเพลิน จะพูดอะไรเลยไม่ค่อยได้ฟัง เพราะมองแต่ใบหน้าและรอยยิ้มของผู้หญิงคนนี้  …

เลยเปิดกระทู้อ่านไปเรื่อยๆ พบว่า ความลับ หรืออาจจะไม่ลับของดาราที่ฟันขาวสวย คืออะไร ? มิน่าละ ก็ว่าอยู่เราเองก็ดูแลอย่างดีทำไมยังเหลืองนวลต่างจากเค้า สังเกตุว่าดาราต้องยิ้ม ต้องเจอสื่อตลอด เขาจะต้องมั่นใจสุดชีวิต อย่างน้อยหน้าตา แต่งหน้า ทรงผม แต่งตัวต้องเป๊ะ และต้องยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม ซึ่ง80% ฟันขาวมาก จนเราแอบนึกไปว่าดูแลกันดีจริงๆเล้ยยย

เห็นได้ว่าฟันขาวขาว ส่งผลต่ออะไรต่อความรู้สึกของคนมองอย่างเราบ้าง รู้สึกว่าเขาเป็นคนมั่นใจ บุคลิกดี ดูสดใส ยิ้มกี่ทีก็สวยสว่างวาบตลอด ฮ่า ฮ่า ฮ่า เป็นที่มาของหัวข้อในวันนี้ จะมาพูดถึงวิธีการได้มาซึ่ง ฟันขาวจะขาวแบบธรรมชาติ ขาวแบบสว่างสไว หรือ ขาวเกินหน้าเกินตาแบบดารา วันนี้เรามาทำความรู้จักวิธีทำฟันขาวสารพัดชนิด กันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง ?

 

และ ก่อนอื่นสาเหตุที่ทำไมคนเรามีสีฟันต่างกัน บางคนเหลืองน้อย เหลืองมาก ขาวอมเหลือง ฯลฯ คือ ..

คนที่มีสีฟันขาวสว่างเป็นเพราะมีชั้นเคลือบฟัน (Enamel) ค่อนข้างหนา จึงปิดบังสีของชั้นเนื้อฟัน (Dentin) ที่มีสีเหลืองที่อยู่ถัดเข้าไปได้มิด ส่วนคนที่ฟันสะอาด ไม่มีคราบสี & อาหารติดอยู่ แต่ยังดูเหลืองอยู่ แสดงว่ามีชั้นเคลือบฟันบาง สีของชั้นเนื้อฟันจึงโผล่ขึ้นมาให้เห็นชัดเจนกว่า และ คนที่มีฟันสีเทาเข้ม เป็นแถบ ๆ ไล่จากคอฟันขึ้นมาปลายฟัน อาจเป็นเพราะมารดาทานยาเตตร้าซัยคลินตอนตั้งครรภ์ สีฟันจะผิดปกติไป ฟันอีกประเภทที่มีสีคล้ำลงชัดเจนเฉพาะซี่ คือฟันตาย เพราะเส้นเลือดถูกตัดขาดและเศษซากของเม็ดเลือดแดงในรากฟันจะซึมเข้าท่อเนื้อฟันทำให้ดำ ตอนเด็กเคลือบฟันเราหนาฟันเลยขาวจั๊วะ โตมาหน่อยเคลือบฟันเราก็บางลงเรื่อยๆ จนเห็นีเนื้อฟัน สีเหลืองชัดกว่าตอนเป็นเด็ก ฟันเหลืองยังรวมไปถึงอาหารที่รับประทาน ชา กาแฟ คราบอาหารด้วย ..

twitter ทันตแพทย์ @vudhibhong

วิธีการทำฟันขาวมีประมาณ 10 วิธี

ความจริงมีเยอะ แต่นั่งเอิ๊กรวบรวมและเรียบเรียงใหม่ เลือกมาเฉพาะที่เห็นกันได้ในเมืองไทย

1. ยาสีฟันสูตรฟันขาว (Whitening)

หลักการ : ใช้ยาสีฟันที่เป็นสูตรฟันขาวร่วมกับแปรงสีฟัน โดยแปรงตัวยาสีฟันลงบนฟัน ในยาสีฟันสูตรฟันขาวโดยมากจะมีส่วนผสมที่กำจัดคราบเม็ดสีที่เกาะตามผิวฟัน มีสารเคลือบฟันป้องกันฟันผุ หินปูน คราบพลัค มีสารขัดฟันพิเศษบางชนิด จึงทำให้ฟันดูขาวขึ้น ส่วนมากจะมีส่วนประกอบของสาร Silica ช่วยขจัดคราบต่างๆโดยไม่ทำลายเคลือบฟันและทำให้ฟันขาวขึ้นแบบธรรมชาติ

ข้อดี : ราคาถูก ปลอดภัยสูง ไม่ทำลายผิวเคลือบฟัน ถ้าใช้แรงในการแปรงที่เหมาะสมและขนแปรงไม่แข็งเกินไป

ข้อเสีย : ต้องใช้ระยะเวลา ต้องใช้ประจำและต่อเนื่องนานหลายเดือนกว่าจะเริ่มเห็นผล ขาวได้ไม่ที่สุด ขาวได้เท่ากับธรรมชาติฟันของเรา

 

2. น้ำยาบ้วนปากสูตรฟันขาว (Whitening) 

หลักการ :  อาจไม่ค่อยให้ผลที่เด่นชัด 

ข้อดี : ราคาถูก ไม่ทำลายเคลือบฟัน ปลอดภัยสูง

ข้อเสีย : เห็นผลยากกว่ายาสีฟัน อาจจะรู้สึกได้ว่าฟันสะอาดกว่าที่เคย และอาจไม่สามารถทำความสะอาดคราบหินปูนที่เกาะลึกมานานได้

 

3. ขูดหินปูน

หลักการ : ช่วยขจัดคราบเม็ดสีเข้มที่มาเกาะฟัน คราบอาหาร หรือหินปูนที่ติดบนชั้นเคลือบฟันและตามซอกเหงือก ซอกฟันออกไป

ข้อดี : ช่วยให้ฟันดูขาวขึ้นนิดนึงหลังจากเอาหินปูนออกไปแล้ว เป็นการเช็คสุขภาพของฟัน ฟันผุอีกทางนึงโดยผู้เชี่ยวชาญ ควรทำทุก6เดือน-1ปี เพื่อลดปัญหาสุขภาพช่องปากที่จะตามมาในอนาคต

ข้อเสีย : ฟันไม่ได้ขาวกว่าที่มันขาวได้ เพียงแต่ดูสะอาด ดูฟันมีสีอ่อนลง

 

4. ฟอกฟันขาวโดยใช้น้ำยาเคมี (ลักษณะตั้งแต่เป็น เจล ครีม น้ำยา)

4.1 ทำเองที่บ้าน

หลักการ : เป็นเจล น้ำยา หรือ ครีม ที่มีส่วนผสมหลักคือคาร์บาไมด์  เพอร์ออกไซด์ (เป็นสารประกอบของ ไฮโดรเจนเปอออกไซด์กับยูเรีย จะอ่อนกว่าไฮโดรเจนเปอออกไซด์) หรืออาจจะเป็น ไฮโดรเจนเปอออกไซด์ ที่ความเข้มข้นต่ำๆไม่เกิน  10-15% จะทำลายสีที่ติดอยู่ในฟันโดยอาศัยเวลา และปฎิกิริยาออกซิเดชั่นในน้ำยาฟอกฟัน / ถ้าซื้อน้ำยาจากหมอ หมอจะทำถาดฟันที่พอดีกับฟันเรามาให้ / ถ้าซื้อตามซุปเปอร์มาเก็ตแบบเมืองนอกจะมีถาดแบบฟรีไซส์มาให้ เทน้ำยาฟอกฟันลงไป และใส่ไว้ต่อเนื่อง 3-8 ชั่วโมงหรือทั้งคืน (ส่วนมากทำตอนกลางคืน) เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรก แต่จะชัดสุด สัปดาห์ที่ 3 ขึ้นไป ทำต่อเนื่อง 7 – 14 วัน

ข้อดี : สะดวกไม่ต้องเดินทาง ทำเองได้ที่บ้าน  ฟันค่อยๆขาวขึ้นได้จริง แต่อยู่ไม่ถาวรต้องทำซ้ำเมื่อสีฟันเริ่มเปลี่ยน

ข้อเสีย : ใช้ระยะเวลาต่อเนื่อง ทำทีไรเสียวฟันทุกที (ส่วนมาก) ฟันเหลืองๆจะทำแล้วเห็นผลดีกว่าคนฟันขาวอยู่แล้ว บางคนอาจเสียวฟันเล็กๆแล้วหายไป บางคน เสียวฟันตั้งแต่เสียวฟันน้อยๆ จนถึงอาการเสียวฟันมากๆ บางครั้งก็จะมีอาการปวดฟันร่วมด้วย ในบางรายก็อาจจะปวดเหงือกซีดขาวจากผลของน้ำยา ดังนั้นจึงต้องศึกษาวิธีการทำอย่างละเอียดไม่ว่าจะทำเอง หรือ ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ถาดฟันที่ให้แพทย์ทำ จะดีกว่า ฟรีไซส์ เพราะพอดีฟันมากกว่า และไม่ทำให้น้ำยาไปโดนเหงือก ให้เหงือกขาว ระคายเคือง หรือ ยุ่ย และหลังทำคอฟันยังมีสีเดิมอยู่ได้

4.2 ทำโดยคุณหมอ

หลักการ : ใช้น้ำยาใช้ไฮโดรเจนเปอออกไซด์ ความเข้มข้น  10-35% ขึ้นไป หมอจะใช้เรซินเพื่อปกปิดเหงือกขณะฟอกสีฟัน เพื่อป้องกันการระคายเคืองจากน้ำยา เมื่อใช้ความเข้มข้นสูงกว่า ปฎิกริยาไฮโดรเจนเปอออกไซด์ก็จะแตกตัวซึมเข้าสู่เนื้อฟันได้มากกว่าปกติ ทำต่อเนื่อง 45-60 นาที

ข้อดี : วันเดียวจบ ขาวทันที ขาวเป๊ะทั้งตัวฟัน และมั่นใจในความเชี่ยวชาญของคุณหมอที่ทำให้ คอฟันก็จะสีสม่ำเสมอกับตัวฟัน ด้วยเทคนิคของหมอที่เชี่ยวชาญในการฟอกฟันจริงๆ

ข้อเสีย : ราคาแพงกว่าทำเอง ข้อเสียจะคล้ายกับการฟอกฟันที่บ้าน คืออาจมีอาการเสียวฟัน หรือ ปวดฟันร่วมด้วย แต่ปัญหาน้ำยาโดนเหงือกจะไม่ค่อยมี แพทย์จะมีน้ำยาทาบริเวณเหงือป้อกกันการระคายเคือง หรือจะมีเทคนิคคอยควบคุมตัวยาไม่ให้ไหลทะลักขึ้นมาโดนเหงือก

 

5. แผ่นฟอกฟันขาว

หลักการ : เป็นแผ่นที่มีน้ำยาเจลฟอกฟันอยู่ด้านใน ลอกแล้วมาแปะที่ตัวฟัน ก็จะทำปฎิกิริยาจากไฮโดรเจน เปอร์ออกไซด์ หรือ คาร์บาไมด์  เพอร์ออกไซด์ เหมือนเดิมให้ฟันขาวขึ้น โดยแปะติดกับฟันแล้วทิ้งไว้ 30นาที – 2 ชั่วโมง ทำแค่วันละครั้ง ทำหลายวันติดต่อกัน เห็นผลขึ้นกับรุ่น สูตรที่ใช้

ข้อดี : ราคาถูก ไม่เกิน 1000 – 4000 บาท มีหลากหลายสูตรให้เลือก ทำที่บ้านได้ ขาวขึ้นได้จริง แต่อยู่ไม่ถาวรต้องทำซ้ำไปเรื่อยๆ เมื่อฟันเปลี่ยนสี การระคายเคืองน้อยกว่า เนื่องจากทำแบบค่อยเป็นค่อยไป วันละนิดวันละหน่อย

ข้อเสีย : มีการเสียวฟันได้ ต้องใช้เวลาต่อเนื่องหลายวันติดกันในการทำให้ได้ผลที่พอใจ อาจต้องทำ 8 – 40 ครั้ง หรือ มากกว่านั้นภายในหนึ่งปีเพื่อคงความขาว อาจมีการระคายเคืองเหงือก เพราะแผ่นติดไม่ได้ออกแบบมาพอดีรูปฟัน เวลาเป็นจะโดนเหงือกด้วย

 

6. ฉายแสงฟันขาว ใช้แสงที่มีความยาวคลื่นเฉพาะ เช่น แสงเลเซอร์ หรือแสงสีฟ้าที่มีต้นกำเนิดแสงเป็นพลาสม่าหรือไดโอท ยกตัวอย่างซัก 2 ชนิด

6.1   แสง Blue light

หลักการ : การทำให้ฟันขาวโดยการฉายแสงสีฟ้า ที่มีความนุ่มนวล กระจายตัวใช้ควบคู่กับเจลฟอกฟัน กระตุ้นให้เจลทำงานดีขึ้น ไม่มีความร้อน ไม่ได้รับอันตรายจากแสง UV ใช้เวลาฉายแสงสีฟ้าประมาณ 1 ชั่วโมง

ข้อดี : ครั้งเดียวจบ สีฟันใกล้เคียงกับความขาวแบบธรรมชาติ

ข้อเสีย : ราคาสูง 7000-18000 ขึ้นไป เนื่องจากใช้น้ำยาเข้มข้นสูง เฉพาะบางรายอาจทำให้เหงือกเจ็บ แสบ แดง หรือ อักเสบ และอาการเสียวฟันมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับชนิดความเข้มข้นของสารที่ใช้ฟอกฟัน รวมทั้งระยะเวลาฉายแสง อาการเหล่าจะเกิดตอนฟอกสีฟัน แต่จะหายไปเอง ฟอกได้แต่เฉพาะฟันที่อยู่ซี่ด้านหน้า ด้านในฟอกไม่ได้ ต้องระวังแสงที่ใช้ซึ่งอาจทำอันตรายดวงตาด้วยการปิดเหงือก ปิดตาหรือใส่แว่นกันแสง

6.2    แสง Laser

หลักการ : ใช้แสงเลเซอร์ (สีแดง) ที่มีความยาวคลื่นจำเพาะให้ความร้อนต่ำกระตุ้นปฎิกิริยาเคมีของไฮโดรเจนเปอออกไซด์แตกตัว สามารถทำให้น้ำยาซึมเข้าไปในฟันได้ลึกกว่าปกติ จึงกระตุ้นและทำหน้าที่ดึงวัตถุเม็ดสีได้อย่างดีโดยสามารถกำหนดทิศทางของแสงได้เฉพาะเจาะจงกว่าวิธีฉายแสงแบบอื่น ใช้ระยะเวลาในการทำประมาณ 45 นาที

ข้อดี : ทำวันเดียวจบ ปลอดภัยไม่ก่อให้เกิดอันตราย และ ระคายเคืองเหงือก เสียวฟันน้อยสุดกว่าทุกวิธี

ข้อเสีย : ราคาสูง 10000-15000 บาท ขึ้นไป ต้องระวังแสงที่ใช้ซึ่งอาจทำอันตรายดวงตาด้วยการปิดเหงือก ปิดตาหรือใส่แว่นกันแสง

 

7.เคลือบฟันเทียม หรือ วีเนียร์ (ยิ้มแบบดารา)

หลักการ : การทำชิ้นงานด้วยวัสดุสีเหมือนฟันมาปิดทับบริเวณหน้าฟัน โดยเลือกเฉดความขาวได้ วัสดุมีผลต่อความแข็งแรง อายุการใช้งาน และการดูดสีได้ดี เช่น พวกชา กาแฟ ที่นิยมจะเป็นการใช้วัสดุที่ทำจากเซรามิค และ เรซิน  เซรามิคนั้นจะแพงกว่า เรซิน 8-12 เท่า หรือมากกว่านั้น โดยจะกรอเนื้อฟันออกบางส่วนเพื่อให้เข้ากับวัสดุสีเหมือนฟัน ที่เป็นเซรามิค หรือ เรซิน วิธีนี้นิยมมากในหมู่ดารา นักแสดง พริตตี้ และ คนที่ไม่สามารถฟอกฟันได้ หรือมีฟันสีคล้ำแต่กำเนิดต้องการปกปิด จะใช้วิธีแปะวัสดุสีเหมือนฟันลงไปโดยกาวที่มีความแข็งแรงติดทน เซรามิคจะราคาสูงมากต่อซี่ 8000 – 15000 บาท หรือแพงกว่า แต่แข็งแรงทนทาน ขาวถาวร ไม่ดูดสีพวกชา กาแฟ เหมือนวัสดุอย่างพลาสติคเรซิน

ข้อดี : ขาวถาวร ทำแค่บนผิวด้านหน้าของฟันไม่ได้ทำรอบตัวฟัน และ นิยมทำแค่ฟันด้านหน้าเท่านั้นให้เวลายิ้มเห็นพอดี ถ้าจะทำฟันให้ขาวก็เลือกสีขาวสว่างเห็นได้ไปยังโลกหน้า ขาวมาก หรือเลือกได้หลายเฉดให้เหมาะกับสีฟัน ตกแต่งปิดฟันห่าง ซ้อน เก เล็ก ไม่เท่ากันทำให้ออกมาได้ทุกซี่เท่ากันและสวยงาม แก้ไขฟันแตก บิ่น หักได้อีกด้วย ใช้เวลา 7-14 วันในการทำเซรามิค / ใช้เวลา 1 วันในการทำเรซิน / พอซเซอเลน-เซรามิค ทน สวยงาม วาวกว่าเหมือนฟันจริงๆของเรา

ข้อเสีย : เสียเนื้อฟันด้านหน้าฟันไปต้องกรอออกให้รับกับชิ้นงาน ความแข็งแรงทนทาน ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาของเรา ต้องดูแลอย่างดี มีปัญหาเวลาหัก ร้าว ต้องรีบซ่อม เพราะเราต้องยิ้ม ต้องใช้ฟัน อาจสูญเสียความมั่นใจได้ ถ้าฟันยังซ่อมไม่เสร็จ  / ถ้าทำไม่ดีตามขอบจะเห็นเป็นสี เหลือง น้ำตาล ดำโผล่ออกมา / เรซินใช้นานไปเปลี่ยนสีด้าน ไม่วาว ขอบสึก ต้องเปลี่ยนใหม่

แต่ ปัจจุบันวัสดุชนิดนึงที่ชื่อ LUMINEERS คือแพงที่สุด บางที่สุด และลดการเสียเนื้อฟันน้อยที่สุด

หลักการ : ชิ้นงานที่เป็นวัสดุสีเหมือนรูปร่างลักษณะเหมือนฟันมนุษย์จริงมาปิดทับบริเวณหน้าฟัน โดยส่งไปทำที่ห้อง LAB ของอเมริกา ดังนั้นความพิถีพิถัน 100% โดยมีความบางเท่ากับความบางคอนแทคเลนส์ โดยเลือกเฉดความขาวได้ วัสดุค่อนข้างแข็งแรง และมีอายุการใช้งาน20ปี จะเป็นวัสดุที่บาง และ เป็นนวัตกรรมที่ดีที่สุดตอนนี้ในไทย ในการเคลือบฟันเทียมด้านหน้า และสามารถเปลี่ยนรูปร่างฟันได้เหมือนวิธีอื่นๆ จุดเด่นไม่ต้องกรอฟัน ฟันจะอยู่เป็นปกติ อาจจะมีขัดหน้าฟันให้สากเล็กน้อยเพื่อที่จะลงน้ำยา และ กาวเคลือบให้สมานกันได้ แต่แพงมากกกกกกกก มากกว่า วีเนียร์ปกติ1เท่า

ข้อดี : ขาวถาวร / อายุยาวนานราว 20 ปี / ไม่ต้องกรอฟัน / ไม่เจ็บ / บางเหมือนไม่ได้ติด / เปลี่ยนรูปร่างฟันได้ / ปิดฟันดำ / ช่องห่างของฟันได้

ข้อเสีย :  รอนาน1เดือนเพราะส่งไปLABต่างประเทศ / ถ้าแตกก็ซ่อมแพง / แพงมาก ซี่ละ 18000-25000 ในไทย

 

8. ครอบฟัน

หลักการ : ในกรณีถ้าจะทำครอบฟัน ต้องมีข้อบ่งชี้ว่า เนื้อฟันเหลือน้อย จากการผุ หรือแตกหักจนไม่สามารถบูรณะด้วยการอุดฟันได้ หรือ ทำครอบฟันหลังจากการรักษารากฟัน คือการใช้วัสดุสีเหมือนฟัน เช่นพอร์ซเลน หรือเซอร์โคเนีย และอาจร่วมกับโลหะ ขึ้นรูปเป็นครอบฟัน สวมทับฟันซี่นั้นๆ ราคาขึ้นกับวัสดุที่ใช้ การทำ มีขั้นตอนคือทันตแพทย์กรอเตรียมรูปร่างฟัน และพิมพ์ซี่ฟัน (ปัจจุบันคลินิกบางแห่งใช้วิธีการสแกนฟันดิจิตอล) เลือกสีฟัน ส่งLAB เพื่อขึ้นรูปชิ้นงาน แล้วนัดครั้งต่อไปถึงจะได้ใส่ และอาจจะต้องมีการเก็บรายละเอียดอาจต้องพบแพทย์ 3-4ครั้งกว่าจะจบ

ข้อดี : ขาวถาวร ทนทาน สามารถแก้ไขรูปร่างฟันได้

ข้อเสีย : ราคาขึ้นกับวัสดุ คิดราคาต่อซี่ ต้องกรอฟันโดยรอบซี่ สูญเสียเนื้อฟันจริงเยอะ ทำครั้งแรกอาจไม่พอดี หรือสีอาจไม่แนบเนียน ต้องปรับแต่งกันให้พอดี ทำไม่ดีฟันข้างในผุต้องเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดีๆ และการดูแลรักษาความสะอาดเป็นเรื่องสำคัญมาก

 

9.เครื่องฟอกฟันขาว

หลักการ : ส่วนตัวเท่าที่ปรึกษาคุณหมอหลายท่านมากลงความเห็นคล้ายกันว่าอาจจะมีส่วนเพราะปฏิกิริยาของน้ำยาหรือเปล่าที่ทำให้สีฟันอ่อนลงดังนั้นวิธีนี้จะยังไม่ฟันธงว่าเป็นวิธีที่มาเสริมให้ฟันขาวได้จริงหรือเปล่า

ข้อดี : น้ำยาจะเป็นตัวการที่ทำให้สีฟันอ่อนลง

ข้อเสีย : ผลลัพธ์ของแสงสีฟ้าที่ทำจากบ้านอาจจะยังไม่มีหลักฐานประจักษ์ทางงานวิจัย (ถ้าใครมีส่งมาได้นะคะ ) และ ถ้าเทียบกันไม่สามารถสู้พลังงานแสงสีฟ้าจากเครื่องใหญ่ที่ศูนย์ทันตกรรมได้ เนื่องจากตัวเครื่องมีขนาดเล็ก ประสิทธิภาพที่เกิดขึ้นก็น่าจะต้องใช้ระยะเวลาในการเห็นผลที่นานกว่ามากถ้ามันได้ผลจริง

 

 

สรุปการฟอกสีฟันโดยใช้น้ำยาเป็นตัวทำปฎิกิริยาให้ได้ผลขึ้นกับ

  • สีฟันดั้งเดิม
  • ความเข้มข้นของน้ำยาฟอกฟัน
  • ระยะเวลาที่ใช้ในการทำ
  • จำนวนรอบของน้ำยา
  • เทคนิคของหมอแต่ละคน

 

ฟอกสีฟันไม่เหมาะกับ ?

  • ถ้าฟันเราผุหรือไม่แข็งแรง(พวกฟันกร่อนหรือเป็นโรคผิดปกติเกี่ยวกับโครงสร้างกระดูกและฟัน) ควรรักษาฟันผุและควบคุมอนามัยช่องปากให้ได้ก่อนจะเริ่มฟอกสีฟัน
  • ทำให้เหงือกร่นในกรณี ที่เป็นโรคปริทันต์อยู่ก่อนแล้ว  ต้องควบคุมโรคปริทันต์ให้ได้ก่อนและคนไข้ที่เหงือกร่น มีโอกาสเสียวฟันอยู่ก่อนจะฟอกสีฟันอยู่แล้ว
  • ท้องเสียถ้ากลืนยาลงไปในปริมาณมาก
  • อาการเสียวฟันมากสำหรับคนที่เหงือกร่น ฟันแตก หรือ เนื้อฟันโผล่
  • ฟันตายหรือฟันที่รักษารากมาแล้ว  จะมีวิธีการฟอกสีฟันอีกแบบที่ต้องใส่น้ำยาเข้าไปในโพรงฟันหลังจากรักษารากฟันเสร็จ
  • วัสดุอุดฟัน ครอบฟัน จะไม่ขาวขึ้นมากไปกว่าสีดั้งเดิมดังนั้นหลังทำเสร็จอาจต้องเปลี่ยนวัสดุอุดฟัน หรือครอบฟันด้วย
  • ไม่แนะนำทำในเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี หรือ คนที่มีฟันซี่เล็กมาก เพราะอาจจะเสียวมากกกกกกก
  • ในช่วงเวลาหลังการจัดฟัน 1เดือน อาจเสียวฟันมากกว่าปกติชั่วคราว
  • มีการอักเสบในกระดูกขากรรไกร หรือปลายรากฟัน  ควรไปแก้ปัญหาเร่งด่วน รักษาอาการติดเชื้อให้หายดีเสียก่อน เพราะสำคัญกว่าการฟอกสีฟัน
  • สตรีมีครรภ์

 

การดูแลฟันหลังจากฟอกฟัน

  • งดบุหรี่ ชา กาแฟ ไวน์แดง น้ำผลไม้หรือน้ำใดๆที่มีสี รวมทั้งงด อาหารมีสีที่เหนียวติดฟัน 24 ชั่วโมง หลังจากนั้นเวลาทานอาหารหรือดื่มน้ำ แนะนำให้บ้วนปากหรือแปรงฟันทุกครั้ง เพื่อการรักษาความขาวเอาไว้
  • อาการเสียวฟันสามารถบรรเทาได้ด้วยยาแก้ปวด และจะค่อย ๆ ทุเลาลงไปเองจนหายสนิทภายใน 72 ชั่วโมง

 

ข้อแนะนำ

ฟันปกติควรมีความขาวไม่มากไปกว่าสีของตาขาว จึงจะดูไม่หลอกตา

เพราะอาจดูเหมือนฟันปลอมได้ via @vudhibhong

เราลองมาหลายวิธีพื้นฐาน ยาสีฟัน สมุนไพร การฟอกฟันที่บ้านที่คลินิค

ในตอนที่ยังไม่มีความรู้ พอได้เจอหมอฟันที่ให้ข้อมูลถูกต้อง

มีจรรยาบรรณ ทำให้รู้ว่า สมุนไพรเกลือ เบคกิ้งอะไร อย่าค่ะ

และ ที่ไม่ลองแน่ๆคือการทำวีเนียร์ เราอยากยิ้มสวยนะ

แต่รอยยิ้มโดยรวมของเราไม่ได้แย่จนเราต้องยอม

เสียเนื้อฟันตัวเอง ทั้งนี้แล้วแต่การชั่งข้อดีข้อเสีย

ของแต่ละคนด้วย เราเป็นคนวุ่นวายกับฟันมากก็เลย

รวบรวมวิธีทำฟันขาวมาให้ตัวเองอ่าน และ คนอื่นอ่านด้วย

เพื่อนๆละกำลังเล็งวิธีไหนกันอยู่ ?

 

บทความนี้เราเรียบเรียงและทำขึ้นมานานแล้วเกือบ 10 ปี

อีดิทใหม่ปี 2564 หากผิดพลาดประการใด

แจ้งได้ตลอดเวลานะคะ

 

XOXO

 

 

 

 

 

 

 

ที่มาข้อมูล + รูปภาพ

  • การตรวจข้อมูลความถูกต้อง ต้องกราบขอบพระคุณ ทันตแพทย์วุฒิพงษ์ เหล่าอมต

และ ทันตแพทย์หญิง แก้วมณี เรืองฤทธิเดช ที่ช่วยดูแลเรื่องข้อมูล

 

Posted in BEAUTY TECHNOLOGY, LASER, TEETHComments (6)

TALK ABOUT : IPL เลเซอร์หน้าใสจริงเหรอ ? พร้อมREVIEWหลังทำ

IPL intense pulsed light เป็นการใช้แสงที่มีหลายช่วงคลื่น รักษาผิวหนังที่มีจุด จุดดำ จุดแดง ต่างกับ เลเซอร์ ที่เป็นแสงช่วงคลื่นเดียว ดังนั้น แสงLASER กับ แสงIPL คนละชนิด IPL ไม่ใช่ LASER นะคะ

 



หลักการทำงาน

  • ปล่อยความยาวคลื่นออกมาให้โดนเซลล์ผิวหนังแต่ละเซลล์ที่ต้องการ – เซลล์แต่ละเซลล์ดูดซับพลังงานแสงได้ไม่เท่ากัน เซลล์เม็ดเลือดก็แบบหนึ่ง เซลล์คอลลาเจนก็แบบหนึ่ง เซลล์เม็ดสีดำ หรือ แดง ก็แบบหนึ่ง
  • IPL จะปล่อยแสงจำเพาะเจาะจงในแต่ละครั้งได้ เช่นรอบนี้เลือกความถี่ที่จะปล่อยแสงไปยังเซลล์เม็ดสีดำ (จุดด่างดำ) มันก็จะโดนเม็ดสีดำเท่านั้น รอบต่อไปอาจจะเลือกปล่อยแสงให้โดนเม็ดเลือดแดงด้วยความถี่ที่เหมาะกับเม็ดเลือกแดง ปล่อยแสง IPL ลงไป ก็จะเกิดความร้อนที่บริเวณเม็ดเลือดแดง มันก็จะไปทำลายพนังหลอดเลือดแดงเล็กๆ (รอยแดง เส้นเลือดฝอยเล็กๆแดงๆที่มีขนาดไม่เกิน 0.2 มิล) รอยแดงก็จะหายไป รอบต่อไปอาจใช้ลดรอยเหี่ยวย่นเล็กๆ ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ใช้ความร้อนจากแสง IPL ไปจับน้ำในเซลล์ของคอลลาเจน กระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่
  • การรักษาควรต้องยิง IPL หลายครั้งขึ้นไปเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คาดหวังไว้

 

รักษาอะไรได้บ้าง

  1. รอยดำ จุดดำ
  2. รอยแดง จุดแดง รอยแดงจากแผลคีรอยด์
  3. กระจาง กระตื้น กระแดด
  4. ฝ้าบางชนิด
  5. ริ้วรอยตื้นๆ
  6. กระชับรูขุมขน
  7. รักษาสิว (เมื่อทาสารบางตัวก่อนปล่อยแสง IPL ช่วยฆ่าเชื้อ P Acne)
  8. กำจัดขน

 

 

สรุป IPL สามารถรักษาได้หลายอย่างในการทำเพียงครั้งเดียว .. แต่จะให้เห็นผลต้องทำหลายครั้ง .. และด้วยความสามารถที่ทำได้หลายอย่างในหนึ่งครั้ง โดยเฉพาะทำให้รูขุมขนที่หดขนาดลงได้บ้าง จึงมีชื่อเรียกทางโลกว่า “ เลเซอร์หน้าใส “ จริงๆแล้ว แสงIPL ไม่ใช่ แสงLASER เป็นแสงคนละชนิดกัน

 

ระยะเวลาการเห็นผล

  • ภายใน 1-3 วัน เห็นชัดว่าหน้าใสขึ้น แต่ก็ไปเร็วกว่าพวกเลเซอร์ที่ยิงแล้วมีแผล ที่จะอยู่ได้ยาวนานกว่าและเห็นผลชัดกว่า

 

ข้อแนะนำ

  • ทาครีมกันแดด + กันแดดที่มีไวเทนนิ่งผสมทุกวัน

 

คนที่เหมาะกับการรักษาด้วย IPL

  • คนรักษาสิวเรื้อรังที่มีโอกาสกลับมาเป็นใหม่ได้เรื่อยๆ เพราะเลเซอร์จะราคาสูงกว่า ถ้าต้องเป็นสิว ทิ้งรอยแล้วกลับมาใหม่ก็เลือกIPLจะคุ้มกว่า เวลาทำก็ทำต่อเนื่องเดือนละครั้งทำ 3-4 ครั้งเริ่มเห็นผล คนที่ดูแลผิวตัวเองดีดี IPLสามารถให้ผลรักษาอยู่ได้นานเป็นปี

 

ราคาแต่ละที่ไม่เหมือนกัน
  • ต่างกันที่เครื่องนำเข้าจากประเทศอะไรมีตั้งแต่เครื่องนำเข้าจีน ถึง ราคาหลายล้าน / หัวIPLเล็กใหญ่ / บางที่คิดเป็น SHOT บางที่คิดเป็นพื้นที่
  • ผลลัพธ์จึงออกมาไม่เหมือนกันด้วยขึ้นกับประสิทธิภาพของเครื่อง การจะทำIPLจึงต้องเช็คมาตราฐานของเครื่องก่อนการเปรียบเทียบราคา

 

ข้อดี

  1. ทำได้ทุกอย่าง รักษาได้ทุกอย่างในเครื่องเดียว
  2. ไม่ต้องทายาชา
  3. รักษาได้หลายอย่างใน 1 ครั้ง
  4. ไม่มีบาดแผลหลังทำ
  5. การดูแลรักษาหลังทำง่าย
  6. ใช้เวลาทำเร็ว

 

ข้อควรระวัง

การไหม้ เป็นรูปหัวIPL สี่เหลี่ยมผืนผ้าเรียวยาว(เรียกว่าบั้ง) เกิดจากการที่ IPL ส่งแสงลงไปยังผิวหนังชั้นล่าง ก่อนจะลงไปต้องผ่านผิวหนังชั้นบน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมี Cooling Gel เพื่อป้องกันการไหม้ของผิวหนังชั้นบน

อีกกรณีแสง IPL กับเรื่องของสีผิว ผิวขาว ผิวสองสี ใช้แสงIPLความถี่ไม่เหมือนกัน คนไข้ผิวสองสี ผิวเข้ม จะต้องใช้พลังงานแสงที่ลดลง คนผิวสีเข้มผิวจะดูดซับแสงได้ดี ที่สำคัญเกิดการ BURN หรือ ไหม้ได้ง่าย เช่น ไรผมจะBURNง่าย ผมซึ่งมีเม็ดสีดำ เม็ดสีเข้มจะดูดซับพลังงานได้ดีกว่าบริเวณโหนกแก้ม หรือ ขาจะไหม้ได้ง่ายกว่าหน้า เพราะขามีขน คนไข้ที่ผิวเข้มแต่ต้องการกำจัดขนด้วย IPL อาจจะเลือกใช้วิธีอื่น หรือเลือกเลเซอร์กำจัดขนเฉพาะทางไปเลย เพราะโอกาสเสี่ยงไหม้ เยอะมากกว่า

 

ถ้าเกิดการไหม้ จะทำยังไง (น้อยคนจะเจอ) 

  • ถ้าเกิดการไหม้จะตกสะเก็ดแล้วก็หลุดลอกออก คราวนี้ขึ้นอยู่กับว่าการไหม้ลงไปลึกแค่ไหน ถ้าไม่ลึกมันจะลอกออก ผิวจะเหมือนเดิม
  • ถ้าเป็นตุ่มน้ำ อาจทาขี้ผึ้ง หรือ ยาปฎิชีวนะ แล้วค่อยสะกิดตุ่มออก
  • ทากันแดดทุกวัน แดดจะทำให้ผิวหายช้า และอาจอาการหนักกว่าเดิม
  • อาจต้องใส่ที่ครอบปากกันติดเชื้อ
  • ถ้าเกิดรอยดำอาจทาครีมไวเทนนิ่ง
  • ถ้าเกิดรอยดำอาจทานยาเพื่อให้ผิวขาว แต่อันตรายต้องได้รับคำแนะนำและจ่ายยาโดยแพทย์เท่านั้น

ดังนั้นจะไหม้หรือไม่ เกิดจากสีผิวของเรา และ ความพร้อมของผิวเรา

 

การเตรียมตัวก่อนทำ

  • อย่าตากแดดจัดเป็นเวลา 1-2 อาทิตย์ก่อนทำ

คนที่ไม่เหมาะกับ IPL

  • คนที่แพ้แสงอาจไม่ควรทำ
  • คนที่เป็นคีลอยด์ง่ายๆ อาจต้องแจ้งให้แพทย์ทราบ
  • คนที่มีแผลอยู่แล้วไม่ควรทำ เช่นยิงตรงแผล
  • คนที่ตั้งครรภ์ไม่ควรทำ

 

ข้อเสียของ IPL คือ

  • รักษาปัญหาทุกอย่างที่กล่าวมาได้แต่ไม่ได้หายไปภายในครั้งเดียวอาจต้องทำ 3 ครั้งขึ้นไป
  • รักษาหลายรอบขึ้นไปถึงจะเห็นผล
  • อาจเกิดผลข้างเคียง รอยไหม้ รอยด่างขาว

 

ดังคำกล่าวของแพทย์ผิวหนังท่านนึง IPL IT’S LIKE A DUCK BUT IT ISN’T THE BEST

เพราะรักษาได้ทุกอย่างจริง เห็นผลจริงแต่ๆละครั้งจะได้แค่จางลงไม่หายไปเลย สมมุติเป็นกระยิง IPL อาจต้องใช้เวลา ใช้การทำ 3 ครั้งขึ้นไป แต่หากใช้พวกเลเซอร์จำเพราะเจาะจงเช่น Q-Switch ก็จะเห็นว่ากระตื้น กระแดด หายไปในครั้งเดียว หรือรอยสิวถ้าใช้ IPL รักษารอยแดง อาจต้องใช้เวลา 3 เดือน แต่ VBEAM เลเซอร์ใช้ยิงหลอดเลือดแดงที่ขยายตัวจะเห็นผลเร็วภายใน 1 เดือน เปรียบเทียบกับการทายารอยสิวกว่าจะจางก็นานขึ้นไปอีก หรือปล่อยให้หายเอง อาจต้องรอยาวนานถึงครึ่งปีในบางคน

REVIEW

เอิ๊กเป็นรอยดำจากสิว นานมากไม่หายเลย หลุมด้วย แต่ต้องรักษาที่ละอย่างเอาที่ง่ายก่อน เลยเลือกรอยดำ รอยแดง รอยดำเลือก IPL รอยแดงเลือกVBEAM เอิ๊กไปยิงIPLที่เดิม ISKYCENTER เนื่องจากมีประวัติการรักษาด้วยเลเซอร์อยู่ที่นั่นแต่ คุณหมอรังสิมา แพทย์ที่ไปพบประจำไปให้วิชาการที่อื่น 🙂 เอิ๊กเลยไปพบคุณหมออีกคน ไปช่วงเช้าคนไข้คนอื่นยังไม่มา เลยขอสอบถามอย่างละเอียดและได้บทความนี้มาต้องขอขอบคุณ แพทย์หญิง วรทัย เตือนอารีย์ ที่ให้สัมภาษณ์ค่ะ 

ยิงด้วยเครื่องนี้ อลังมาก ราคา ครึ่งหน้า 2500 บาท เต็มหน้า 4000 บาท ซื้อเป็นคอร์สถูกกว่า 3 ครั้ง ครึ่งหน้า 4000 บาท เต็มหน้า 9600 บาท

ให้ดูผล VBEAM ก่อน จริงๆแผลสด สิวเพิ่งอักเสบ ยิง 3 วันหายเลย 555 คุณหมอวรทัย รู้สึกจะใช้ความแรงเลเซอร์เยอะกว่าที่เคยทำ สังเกตุจากเสียง เลยหายเร็วมาก

หน้าผากรอยยังอยู่จางๆ แต่ดูใสขึ้น

ช่วงแก้มดูใสขึ้น วันแรก กิ๊งเลยละ ที่รูขุมขนกว้างเพราะนอนเช้าทุกวัน 55555555

หลังทำ เพราะเลเซอร์ด้วย IPL ด้วย คันๆหน่อยๆ เลยใช้น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ 100% ชโลมกันแห้ง ผิวเลยดูมันๆ และทากันแดดตลอด อาจจะทำต่อหรือไม่ทำต่อค่อยว่ากันอีกทีตอนนี้ดูเรื่องทำเป็นคอร์สไว้ แต่ตอนนี้มันดีจนพอใจแล้วค่ะ ตอนนี้เริ่มกังวลเรื่องหลุมที่หน้าผาก 3 หลุม ที่แก้มก็มี เกิดจากเล็บช่วนตอนเกิด 55 แม่ไม่ตัดเล็บให้ข้าเจ้า

ขอจบเรื่องเลเซอร์หน้าใสแค่เพียงเท่านี้ ว่าความจริงมันเป็นยังไง หวังว่าคงได้ประโยชน์กันนะคะ

XOXO

ที่มาของรูปภาพ

iskycenter.com

webmd.com

bestofbothworldsaz.com

http://the-coveted.com/blog/2008/10/14/zap-zits-with-light-therapy/

http://www.alibaba.com/product-gs/377432190/Vertical_IPL_intense_pulsed_light_laser.html

Posted in BEAUTY TECHNOLOGY, LASERComments (4)

เคล็ดลับชะลอวัยหน้าเด็กกว่าวัย : Tips For Keeping Skin Young And Healthy Looking

ภาพนี้ถ่ายเมื่อ 14 มกรา 2555 อายุ 24 ปี 6 เดือน 14 วัน

ใครๆก็คงอยากให้ตัวเองดูอ่อนกว่าอายุที่เป็นจริงเสมอ หรือมีใครอยากดูอายุมากกว่าความเป็นจริงบ้าง ?

คงไม่มีหรอก ตัวเอิ๊กเองก็ไม่อยากรับความจริงเรื่องวัฎจักรสังขารของชีวิตมนุษย์เท่าไหร่นัก .. แต่เราต้องรับมันให้ได้ และมีความสุขที่จะรับมันด้วย .. เพียงแต่หากเรามีวิธี แนวทาง ที่เมื่อปฏิบัติตาม แล้วจะทำให้เรามีผิวที่มีสุขภาพดี ยืดหยุ่น ไม่โทรม เราก็จะดูเด็กกว่าอายุก็เป็นได้ บางคนเกิดมาโชคดี ผิวพรรณ ขาวใส ละเอียด ใบหน้าอ่อนเยาว์อยู่แล้ว บางคนต้องใช้ความพยายามมากขึ้นกว่าคนโชคดีเหล่านั้น วันนี้เอิ๊กขอนำเรื่องราวดีดี จากแพทย์ผิวหนังโรงพยาบาลศิริราช ผศ.พญ. รังสิมา มาเล่าสู่กันฟัง เพื่อให้นำไปปฎิบัติตาม หลายข้อเอิ๊กทำอยู่ หลายข้อละเลย แต่ตอนนี้ด้วยวัยจะเบญจเพสแล้ว ต้องชะลอไว้ก่อน เพื่อที่ 30 40 ยังดูดี ดูเด็กกว่าวัยเนอะ เอาละไปอ่านกันดีกว่า ว่าคัมภีร์ ชะลอวัยของเรามีอะไรกันบ้าง

เอิ๊กจะสอดแทรกความรู้ที่เอิ๊กได้รับฟังวิชาการขนาดย่อมของ อจ ผศ.พญ.รังสิมา ลงไปด้วยนะคะ เนื่องจากข้อจำกัดของ ทวิตเตอร์คือ 140 ตัวอักษร เอิ๊กขออนุญาติเสริมความรู้อันน้อยนิดของตัวเองเข้าไป

ถึงแม้ว่าเราไม่สามารถจะหยุดเวลาและอายุของคนเราได้ แต่ถ้าเราดูแลตัวเองอย่างดี ดูแลผิวพรรณอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้เราดูอายุน้อยกว่าวัยจริงได้

  1. การดูแลผิวเพื่อดูอ่อนวัยทำได้โดยการทา moisturizer และครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากผิวที่มีอายุคือผิวที่ขาดความชุ่มชื้นและมีจุดด่างดำ การทา moisturizer จะช่วยให้ผิวหนังมีความชุ่มชื้น ลดการแห้งกร้าน และหมองคล้ำ ควรเลือกใช้ moisturizer ที่เหมาะกับสภาพผิวของตนเองและตามวัย – Erk-Erk Says : ต้องเลือกครีมบำรุงที่เหมาะกับสภาพผิวจริงๆ คือต้องเรียนรู้ว่าผิวตัวเองเป็นแบบไหนก่อนอันดับแรก และใช้ให้ตรงกับสภาพผิว ปัญหาผิว แค่นั้นคุณจะพบว่าผิวจะดูอิ่ม เต่ง รูขุมขนดูละเอียดขึ้น ผิวดูมีสุขภาพดีขึ้นจริงๆ ประสบการณ์ตรงเลยค่ะข้อนี้
  2. การทาครีมกันแดด ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF>30 และค่า PA+++ ซึ่งป้องกันได้ทั้ง UVB และ UVA เพราะแสงแดดจะทำให้เกิดจุดด่างดำและริ้วรอย – Erk-Erk Says : การทากันแดดที่ดีควรทาประมาณ 1 ช้อนชาขึ้นไป ซึ่งมันจะเหนียว และ SPF มีค่าสูงแสดงว่าชั่วโมงป้องกันก็สูงขึ้นตามค่า SPF ในเมื่อเราไม่ชอบอะไรเหนียวๆ เราจึงต้องเลือก SPF สูงๆ เพราะเราจะทาแค่พอบางๆเท่านั้นละ บางคนทาไม่ถึง 1 ช้อนชาหรอก ดังนั้นเพื่อให้การทากันแดด อยู่ทนยาวนานได้ดีทั้งวัน และ สามารถกันแดดจากรังสี UVB ที่ทำให้ผิวเราไหม้ คล้ำ UVA ที่ทำให้ผิวเราเหี่ยวได้จริงๆ
  3. เมื่อเริ่มมีริ้วรอยหรือความหมองคล้ำ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้หรือกรดวิตะมินเอ จะช่วยผลัดเซลล์ผิว และลดริ้วรอยตื้น ๆได้ – Erk-Erk Says : และการเลือกใช้กรดวิตามิน A สำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย แห้งมาก ควรต้องระมัดระวังในการใช้ รวมถึงศึกษาข้อมูลให้ละเอียดเนื่องจากข้อดีของการใช้ AHA หรือ กรดวิมิน A ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว หรือหมองคล้ำให้หลุดออก เพราะเมื่อเราอายุมาก วงจรการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติของเราจะทิ้งช่วงนานขึ้นจาก 1 เดือน อาจจะนานกว่านั้น จึงต้องควรดูแลข้อนี้อยู่เสมอ และการผลัดผิว มีผลทำให้ผิวอาจแห้ง แดง และอาจจะระคายเคืองได้ง่าย ควรทาครีมบำรุงที่มีความชุ่มชื่นสูง และ ทากันแดด อย่างสม่ำเสมอ
  4. ควรพักผ่อนให้เพียงพอ คนนอนดึก จะทำให้ผิวหนังอิดโรย หมองคล้ำ มีริ้วรอยก่อนวัย – Erk-Erk Says : การนอนดึกนอกจากทำให้ร่างกายมีอนุมูลอิสระทำให้เซลล์เสื่อสภาพเร็วด้วยแล้ว ยังทำให้หิวบ่อย ทานได้มากขึ้น จึงทำให้อ้วนได้ง่ายขึ้นอีกด้วย อีกทั้งยังมีผลในเรื่องของสมองช้า เบลอ ความจำถดถอย สรุปคือนอนดึกไม่ดีจริงๆค่ะ (ข้อนี้เลิกยากมาก 55)
  5. ไม่ควรนอนตะแคงซุกหน้ากับหมอนหรือนอนก่ายหน้าผากจนทำให้เกิดรอยบนหน้า ถ้านอนตะแคงข้างใดข้างหนึ่งเป็นประจำ ร่องแก้มข้างนั้นจะลึกกว่าอีกข้าง – Erk-Erk Says : ประสบการณ์ตรงคือร่องแก้มอีกข้างที่ชอบนอนตะแคง ลึก และ เยอะกว่าอีกข้างมาก 55 และนอนตะแคงทำให้เกิดริ้วรอยก่อนไวได้จริงๆค่ะ
  6. กินอาหารให้ครบ 5 หมู่เน้นผักผลไม้ที่มีวิตะมินซี เอ และอี ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวแข็งแรง และปกป้องผิวจากมลภาวะสิ่งแวดล้อมภายนอกได้ – Erk-Erk Says : บางครั้งเราอาจไม่สามารถทานอาหารได้ครบ 5 หมู่โดยเฉพาะคนที่ชอบทานข้าวนอกบ้าน ทานไม่ตรงเวลา ทานอาหารกล่อง7-11 อาหารเสริทเป็นอีก 1 ทานเลือก แต่นั่นหมายถึง การทำงานของตับจะหนักขึ้น และเกิดผลเสียต่อร่างกายได้ ถ้ามีเวลา หันมาใส่ใจกับมืออาหารแต่ละมื้อซักนิด ทานผัก กากใย และน้ำเปล่าเยอะๆค่ะ
  7. ลดอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น เบคอน เนย เพราะการเผาผลาญอาหารกลุ่มนี้ทำให้มีอนุมูลอิสระสูงทำลายผิว – Erk-Erk Says : อาหารจำพวกเนื้อสัตว์ยังหมักหมมค้างในลำไส้ ยิ่งสัตว์ใหญ่ยิ่งย่อยยาก ทำให้ผิวพรรณไม่สดใส หมองๆ ขับถ่ายมีกลิ่นแรง
  8. งดอาหารหวานจัด หรือมีน้ำตาลสูง น้ำอัดลม เนื่องจากมีผลต่อการสร้างคอลลาเจนของผิวหนัง ทำให้ผิวหนังหย่อนยาน ไม่ตึงกระชับ – Erk-Erk Says : น้ำตาลนี่มันร้ายจริงๆ 55 มันทำให้ผิวอักเสบจนเป็นสิวได้ด้วย ทำให้เซลล์เสื่อมสภาพ จึงแก่เร็ว
  9. เครื่องดื่มทีมีคาเฟอีน จะทำให้ผิวหนังขาดความชุ่มชื้น ถ้าติดกาแฟจนเลิกไม่ได้ หลังดื่มกาแฟอย่าลืมดื่มน้ำเปล่าตามเข้าไปด้วย ผิวจะไม่ขาดน้ำ – Erk-Erk Says : การดื่มกาแฟดำไม่มีน้ำตาล ไม่มีคอฟฟี่เมต ช่วยเรื่องสุขภาพเร่งอัตราการเผาผลาญไขมันได้ และทำให้ฟันเหลืองได้เช่นกัน นอนไม่หลับ บางคนใจสั่น
  10. เครื่องดื่่มที่มีแอลกอฮอล์ ทำให้ผิวขาดน้ำ ไม่สดใสเปล่งปลั่ง และเหี่ยวย่นก่อนวัยได้เช่นกัน ควรงดดื่มอย่างเด็ดขาด และงดสูบบุหรี่ด้วย – Erk-Erk Says : ข้อนี้ทำให้แก่กว่าวัยได้มากๆเลยค่ะ ผิวแห้งกร้าน เหี่ยว ริ้วรอยเป็นร่องๆ ความยืดหยุ่นผิว อิลาสตินถูกทำลาย คอลลาเจนถูกทำลาย ทำให้ผิวไม่แข็งแรง
  11. ใช้ชีวิตอย่างสมดุล นอนพักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหาร 5 หมู่ ออกกำลังกาย อย่าเครียดหรือหักโหมกับงานมากเกินไป อยู่กับครอบครัวหรือคนที่เรารัก – Erk-Erk Says : ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว เมื่อชีวิตได้จัดสรรแบ่งเวลาทุกด้านอย่างสมดุล จะทำให้ชีวิตรู้สึกเติมเต็ม มีความสุข อารมณ์สดใส ร่างกายแข็งแรง
  12. มองโลกในแง่ดี ทำจิตใจให้แจ่มใส รู้จักเป็นผู้ให้และมีความสุขกับการให้ จะทำให้เราเป็นคนสวยจากภายในซึ่งสำคัญกว่าการสวยหรือดูดีจากภายนอก – Erk-Erk Says : การมองโลกในแง่ดีทำให้สมองส่งคลื่นความถี่สูงออกไป ดึงดูดให้เราพบแต่เรื่องที่ดี โชคดีตลอดวัน และทำให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้นเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ ประสบการณ์ตรงอีกเช่นกันค่
  13. เคล็ดลับหน้าเด็กที่สำคัญที่สุดคือ เลิกกังวลกับอายุ(และน้ำหนัก) ความกังวลหรือย้ำคิดย้ำทำจะทำให้เราแก่ขึ้นมาจริงๆมีความสุขกับตัวเองดีกว่า – Erk-Erk Says : เพราะการกังวลเป็นบ่อเกิดแห่งความย้ำคิดย้ำทำ รู้สึกผิว หดหู่ โทษตัวเอง ทำให้เราจมปลักกับเรื่องเดิมๆ ชีวิตก็จะเหมือนหยุดนิ่ง ชีวิตทางด้านอื่นจะติดขัดมีปัญหาเนื่องจากหัวสมองคิดอยู่เรื่องเดียว และเป็นบ่อเกิดแห่งโรคอื่นๆตามมา เช่น บูลิเมีย
  14. ส่วนตัวขอเพิ่มอีก2ข้อ คือ การรักษาความสะอาดของผิว จากสารกันแดด เครื่องสำอาง มลภาวะภายนอกเวลาเราไปไหน ผิวที่ไม่สะอาดมีสิ่งตกค้าง จะทำให้ผิวไม่สดใส มีสิว มีปัญหาผิว หมองตามมา
  15. การใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์เข้ามาช่วย บางครั้งด้วยเวลาการทำงานทีบีบรัด ให้ไม่มีเวลาดูแลตัวเองอย่างจริงจัง หรือรู้ตัวเมื่อสายริ้วรอยก็มาเยือน การใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เช่น การทำเลเซอร์ การยกกระชับผิวหน้าด้วยคลื่นความถี่วิทยุ การฉีดสารเติมเต็ม การฝังเข็ม ฯลฯ หลายหลายวิธีอีกมากมาย ที่ช่วยชะลอวัยให้กับเราได้ เพียงแต่ศึกษาข้อมูลให้ละเอียด ผลดี ผลเสีย ผลข้างเคียงให้ดีดีค่ะ

นี่เป็น 15 วิธี ถ้าใครทำได้ 14 ข้อแรก แน่นอนผิวพรรณจะดูอ่อนกว่าอายุแน่ๆ

ทั้ง 15 ข้อนี้ เอิ๊กก็ทำได้หลายข้อนะ และเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าว่าจะใช้วิธีไหนชะลอวัยด้วยอีกเช่นกัน เผื่อวันไหนเราอาจละเลยไป แต่คิดว่ายาก 555555555 เอามาฝากทุกคน ตั้งแต่ต้นปี ให้เตรียมรับมือกับกาลเวลาที่ผ่านไป และ ยื้อวัยที่สดใสของเราไว้ให้นานที่สุดเท่าที่เราทำได้ แต่ไม่ถึงขนาดเสพย์ติดนะ ยังไง 14 ข้อเป็น วิธีที่แนะนำ ธรรมชาติ ฟรี ประหยัด หากใครไม่ไหว ก็พึ่งข้อ 15 ไป ฮ่าๆ

อาทิตย์หน้าพบกับเรื่องราวของ เลเซอร์หน้าใส ที่ใครหลายคนก็เรียก และเอิ๊กเพิ่งได้ทำความรู้จักมา และ ไปทำมาแล้วด้วย 555555555 แล้วพบกันค่ะ

NO RETOUCH NO PHOTOSHOP

XOXO

Posted in BEAUTY TECHNOLOGY, SKINComments (3)

TALK ABOUT ” กระ ” (FRECKLE) จุดสีน้ำตาลด่างๆบนใบหน้าที่จะมาเวลาโดนแดด

 

 

 

 

 

 

 

 

วันนี้มาทำความเข้าใจผิวหนังที่เป็นกระกันหน่อย เอิ๊กเป็นคนนึงที่ประสบกับปัญหากระกรรมพันธุ์ และ เคยผ่านวิธีการรักษาขั้นเบสิคอย่างการใช้กรด TCA แต้มมาแล้ว ปัจจุบันมีอยู่ แต่ยังไม่คิดจะทำอะไรกับมันเนื่องจาก มันยังเป็นสีจางๆ ไม่เห็นชัดมาก แต่งหน้าเสร็จก็มองไม่เห็นแล้ว เพราะกลัวตอนเป็นสะเก็ดด้วยมันใช้เวลารอคอยเป็นอาทิตย์ กว่าสะเก็ดๆดำ จากการที่เราจี้กระจะออกไปหมด

คลิก2รอบขยายได้จะได้เห็นเม็ดสีน้ำตาลที่ใบหน้าเอิ๊กด้วย

กระ (Freckle) คือ ความผิดปกติของเม็ดสีผิว ที่เซลล์สร้างเม็ดสี สร้างเม็ดสีมากขึ้นผิดปกติเวลาที่ผิวหนังโดนแสงแดด มีลักษณะเป็นจุดๆ สีน้ำตาล น้ำตาลเทาๆน้ำตาลม่วงๆ หรือเป็นสีดำ ขึ้นกับประเภทของกระ มีทั้งอ่อนและเข้ม มีขนาดตั้งแต่เส้นรอบวง 1 มิลลิเมตร จนถึง 1 เซนติเมตร เกิดขึ้นตาม โหนกแก้ม สันจมูก ทั่วใบหน้า หลัง แขน หรือ บริเวณลำตัว อาจค่อยๆเกิดที่ละจุด หรือเกิดพร้อมกันจำนวนมากก็ได้ กระจะมีสีเข้มและมีจำนวนมากขึ้นได้ในฤดูร้อนที่มีแดดแรง และจะจางลงในฤดูหนาว ต่างกับฝ้า ตรงที่ฝ้ามีลักษณะเป็นปื้น และขนาดใหญ่กว่า

 

กระมีทั้งหมด 4 ประเภท และ 2 แบบ

  • แบบที่ 1 กระที่เกิดตั้งแต่เด็กมักเป็นจากกรรมพันธุ์โดยเฉพาะคนผิวขาว เวลาโดนแสงแล้วจะมีจุดๆๆขึ้นที่ผิวหนัง
  • แบบที่ 2 กระที่เกิดตอนโต ตอนเข้าสู่วัยมีอายุ กระตอนโตจะสามารถมีขนาดใหญ่ขึ้นได้เรื่อยๆ
  • ดังนั้นการเกิดกระที่ผิวหนังจะอยู่ที่ 1. กรรมพันธุ์ 2. การปกป้องผิวหนังจากรังสี UV ไม่เพียงพอ

สาเหตุสำคัญ คือ แสงแดด

 

กระ แบ่งเป็น 4 ประเภท

  • กระตื้น หน้าตาจะเป็นจุด สีน้ำตาลเล็กๆ ประมาณ 0.5 มิลลิเมตร กระจายได้ทั่วใบหน้า ถ้าโดนแดดสีจะเข้มขึ้น ถ้าไม่โดนแดดนานๆ สีจะจางลงได้เอง
  • กระลึก หน้าตาจะเป็นจุด สีน้ำตาลเทาๆ ชอบขึ้นบริเวณโหนกแก้ม
  • กระเนื้อ หน้าตาจะเป็นก้อนเนื้อนูนออกมาเป็นตุ่ม สีน้ำตาล หรือ สีดำ อาจจะเป็นผิวเรียบหรือขรุขระก็ได้ กระเนื้อบางครั้งหน้าตาคล้ายหูด มักพบที่ใบหน้า คอ หรือลำตัวก็ได้ มักเกิดขึ้นในได้ตั้งแต่ อายุ 30-40 ปีขึ้นไปจนถึงสูงอายุ

  • กระแดด ลักษณะเป็นดวง สีน้ำตาล ผิวเรียบ ส่วนใหญ่พบในคนสูงอายุหรือคนที่ต้องทำงานอยู่กลางแสงแดดเป็นเวลานาน

ตอนนี้ส่องกระจกเอิ๊กหน้าจะเป็นกระตื้น ปนกระแดดตอนเด็กที่โดนแดดจัด ตอนนี้จางไปเยอะเพราะได้รู้จักกันครีมกันแดดนี้ละ

 

วิธีการรักษากระที่ปลอดภัยขึ้นกับประเภทของกระ

ส่วนใหญ่กระและฝ้าจะเหมือนกันตรงที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ถาวร เพราะหากโดนแสงแดดอีกก็จะสามารถกลับมาเป็นได้อีกครั้ง

  1. กระตื้น วิธีรักษา ใช้ยาทา / แต้มด้วยกรดTCA / เลเซอร์
  2. กระลึก วิธีรักษา เลเซอร์
  3. กระเนื้อ วิธีรักษา ใช้เครื่องจี้ไฟฟ้า / เลเซอร์ /
  4. กระแดด วิธีรักษา เลเซอร์

การรักษาด้วยการแต้มกรดTCA / เครื่องจี้ไฟฟ้า /เลเซอร์ จะทำให้เกิดสะเก็ด ซึ่งจะหลุดเองภายใน 7-14 วัน แล้วจึงหลุดไป ห้ามแกะสะเก็ดโดยเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นได้

ข้อดี – ช้อเสียของการใช้ยาทา 

  • ไม่มีแผล / ใช้ระยะเวลาพอสมควร และ อาจจางไปไม่หมด

ข้อดี – ข้อเสียของการแต้มด้วยกรดTCA

  • ราคาถูกมาก / เหมาะกับกระเนื้อขนาดเล็ก / ด้วยความที่เป็นกรดมีฤทธิ์ในการลอกผิวปวดแสบปวดร้อนได้ต้องระวังอย่างมาก ขณะแต้มจะรู้สึกเจ็บจี๊ด กระบางจุดต้องทำหลายครั้งถึงหาย / บางครั้งเกิดแผลเป็นได้

 ข้อดี – ข้อเสียของการใช้เครื่องจี้ไฟฟ้า

  • ราคาถูกกว่าเลเซอร์ / ต้องทายาชา / มีแผลที่เป็นหลุมตื้นหลังทำและจะหายไปเอง

 ข้อดี – ข้อเสียของการใช้เลเซอร์

  • สะดวก เร็ว ไม่เจ็บ / เห็นผลชัดเจน กระบางชนิดทำครั้งเดียวจบ / ราคาสูงหลักพันขึ้นไป / กระบางชนิดมีผลข้างเคียงอาจจะเกิดเป็นรอยด่างขาวก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนเป็นสีผิวปกติ

 

การดูแลตัวเองหลังรักษากระ

  • ทำตามที่แพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด
  • ห้ามโดดแดด
  • ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปทุกวันที่ออกนอกบ้าน
  • อย่าแกะสะเก็ดแผลที่เกิดจากการรักษา จะทำให้เกิดรอยแผลเป็นได้
วันนี้นำภาพการยิงเลเซอร์กระลึกมาฝากก่อนไป เนื่องจากวันนั้นไป ISKYCENTER ไปทำครีมบำรุง เลยคุยกับคุณหมอเรื่องกระตัวเอง คุณหมอเลยบอกว่าท่านยุ่งมาก อาจไม่มีเวลามาคุย แต่มีเวลาพาไปดูคนไข้ที่นัดไว้มารักษากระลึก คนไข้คุณหมอก็น่ารัก พอคุณหมอบอกว่าเราเป็นนักเขียนบล็อคก็ยอมให้เราเก็บภาพเราเลยได้ภาพวิธีการใช้เลเซอร์รักษากระมาให้ดูกันพอหอมปากหอมคอ ต้องขอขอบพระคุณพี่เค้ามากค่ะ ไม่รู้ว่าชื่ออะไร แต่ผิวใสมาก ถ้าไม่มีกระลึกที่สีเข้มที่ผิวนะ HOT แน่แน่ เค้ากำลังจะเดินทางไปอยู่ต่างประเทศ เลยมารักษากระลึกให้เสร็จก่อน แต่กระลึกต้องทำ 3 ครั้งขึ้นไป เพราะมันอยู่ลึกหน่ะสิ !
ไม่ได้รู้จักกันมันก่อน แต่พี่เค้ายอมยกมือถือให้เราดูภาพกระก่อน และ หลังทำเสร็จครั้งแรกให้ดู ผิวใสแต่พอมีกระลึกรวมตัวแล้วทำให้ดูเหมือนฝ้าจางๆ ทำให้หน้าดูไม่ใส แบบนี้เป็นเอิ๊กๆคงต้องไปเอาออกด่วน ดีเราเป็นกระตื้น + แดด ไม่โดนแดดมันก็จาง

 เป็นการยิงเลเซอร์  Q-switched Nd: YAG ที่ลดทำลายเม็ดสีน้ำตาลออกไป รักษาครั้งที่ 2 เหมือนกระที่ใกล้จมูกหายโบ๋เบ๋ไปแล้ว เหลือแต่ข้างๆใบหน้า (มือคุณหมอจะขาวไปไหนคะ ? 555 )

เครื่องเลเซอร์คงไม่มีที่ไหนทำด้วยผู้ช่วยพยาบาลหรอกเนอะ ฝากไว้ให้ทุกคนรู้ว่าต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญใบประกอบการพร้อมเท่านั้นนะคะ มันอันตราย คุณหมอก็จะตั้งค่าเครื่องให้เรียบร้อย หันมายิ้มน่ารักๆให้ลูกศิษย์ 1 ที (อิอิ อยากเป็นลูกศิษย์ค่ะ) และ ผู้ช่วยคุณหมอก็จะทำความสะอาดใบหน้าคนไข้

ในการยิงตัวนี้จะมีการเป่าลมแรงๆเข้าช่วยเพื่อลดอาการเจ็บ ถ้าจำไม่ผิดเคยทำลดรอยดำ มันจะเหมือนอะไรจิ้มๆที่ใบหน้าเร็วๆรัวๆ แต่เพราะแรงลมเย็นช่วยทำให้ลืมความเจ็บ กลายเป็นไม่ค่อยรู้สึกได้ (จะว่าไปเอิ๊กก็เลเซอร์มาเยอะเนอะ – -“) เดี๋ยวต้องไปถามคุณหมออีกที ว่ามันใช่ที่เราเคยทำหรือไม่ ถ่ายภาพได้เก่งมาก แสงวาบออกมาเลย

หลังยิงจะเหมือนเป็นสิวอักเสบเลยเมื่อมองไกลๆ ที่ทาคือวาสลีนกันน้ำเข้าแผล และช่วยให้หายเร็ว ไม่มีแผลเป็น หลังจากนั้นจะตกสะเก็ด อย่าพยายามโดนน้ำ หรือออกไปโดนแดด จะช่วยให้ไม่มีแผลแน่นอน สวยแน่แน่ (เคยทำมาแม้จะคนละแบบกับเลเซอร์ แต่ตกสะเก็ดเหมือนกัน) คือ ทำยังไงก็ได้ให้สะเก็ดมันหลุดเองอย่างธรรมชาติ

ก่อนไปโชว์กระให้เห็นอีกซักรอบ รูปนี้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว 55555

เรียนจบเดือนตุลาคม ทำงานเดือนพฤศจิกายน แววบ้างานตั้งแต่วัยรุ่น 🙂

อาทิตย์นี้เอิ๊กก็อ่านและมาสรุปเป็นภาษาที่เข้าใจง่ายสไตล์เอิ๊กเองหวังว่าคงได้รับความรู้ใหม่ไปประดับกันว่าอย่า ” โดดแดด “

อาทิตย์หน้าเรื่องอะไรดี รูขุมขนกว้าง เอาม๊ะ เอาม๊ะ ???????

XOXO

 

 

 

 

 

แหล่งที่มาข้อมูล

– http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=33

– Presentation นักเรียนแพทย์ผิวหนังของ ผศ.พญ รังสิมา วณิชภักดีเดชา

– คนไข้ ISKYCENTER

Posted in BEAUTY TECHNOLOGY, FACE, LASERComments (2)

HOW TO & REVIEW – ลอกสิวเสี้ยนด้วย LANSLEY beauty buffet

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตามคำมั่นสัญญาเกี่ยวกับการ REVIEW ตัวลอกสิวเสี้ยนที่เกือบจะเทพ ถ้าไม่มีกาวตราช้างตามคลินิคเป็นแชมป์ซะก่อน

ราคาสบายกระเป๋า 2 หลอด 195.- บาท

ตัวนี้คือ BHA SCRUB & SEBUM REMOVE MASK ของ LANSLEY

 

ทำไมต้องมีต้องมี 2 หลอด หลอดนึงเป็น BHA ทำหน้าที่ละลายสิ่งอุดตันในรูขุมขน อีกหลอดนึงเป็นกาวที่อ่อนโยนต่อผิวหนังช่วยกระชากซากไขมันอุดตัน (สิวเสี้ยน)ให้กระเด็นออกมามากที่สุด

หลอดเบอร์ 1 ตามด้วยหลอดเบอร์ 2 ทุกครั้งจึงจะเป็นกระบวนการที่สมบูรณ์แบบ

มาสำรวจสิวเสี้ยนกัน จมูกและคาง จะอื้อซ่ามากกกกกกกกกกกก เห็นแล้วก็เพลีย 555

HOW TO กำจัดสิวเสี้ยนด้วย BHA SCRUB & SEBUM REMOVE MASK ของ LANSLEY กันดีกว่า

1. ล้างมือให้สะอาด สะอ้าน

2. ล้างหน้าให้สะอาด ด้วยน้ำเปล่าบริเวณที่จะทำการดึงสิวเสี้ยนออก

3. เช็ดให้แห้ง ตามด้วยชโลม TONER ที่ใช้อยู่ บริเวณที่จะทำ

4. ทิ้งไว้ให้ผิวหมาดซักครู่

5. ลงครีมหลอดเบอร์ 1 ที่เป็น BHA ให้ทั่วบริเวณที่จะทำการลอกในที่นี่ ทำที่จมูก ซอกจมูก และ คาง

6. นวดจนครีมซึมจนเนื้อครีมแห้ง ประมาณ 5 – 10 นาที

7. ล้างBHA หลอดเบอร์ 1 ออกแล้ว ซับให้แห้ง

8. ลงครีมหลอดเบอร์ 2 ที่เป็นกาว

7. ลงชโลม จมูก และ คางให้ชุ่มปานกลาง ห้ามบางเด็ดขาด

8. ทิ้งเวลาไว้ให้จนมันแห้ง ยิ่งนานยิ่งดี สะใจ

9. แห้งแล้วลอกออกจะแนวลงมา หรือ ย้อนขึ้นก็ได้เลือกทิศใดทิศนึง

10. กระชับรูขุมขนด้วยโทนเนอร์อีกที เป็นอันเสร็จพิธี

ผลลัพธ์ที่ได้ Taa daaaaaaaaaaa ~

นอนไม่หลับกันเลยทีเดียว

เมื่อสิวเสี้ยนลาจาก หน้าเราก็จะเนียนขึ้น แต่งหน้าได้เรียบขึ้นแบบนี้

COOL : ราคาเบา หาซื้อง่ายที่ BEAUTY BUFFET ทุกสาขา วิธีการก็ง่าย ไม่ต้องเดินทางไปให้หมอลอกให้เมื่อย ไม่ทำร้ายผิว ไม่เห่อบวมแดง

UNCOOL : ผิวแห้งไม่ค่อยเหมาะ มีการระคายเคืองเป็นตุ่มใสเกิดขึ้น แต่สะกิดออก รอนานกว่าจะแห้งและเซ็ทตัวพร้อมดึง ลอกได้หมดจดสู้กาวตราช้างไม่ได้ อย่างน้อยได้ 40-60%

หวังว่าบลอควันนี้คงคู่ควรกับการรอคอยนะคะ

XOXO

Posted in ACNE, HOW TO, MASK, NOSE, REVIEWComments (1)

Erk-Erk กับ เคล็ดลับการดูแลผิวหน้าทุกปัญหาให้ได้ประสิทธิภาพจีรังยั่งยืน

เป็นคนเป็นสิวมาก่อน เป็นบ่อยที่หนักๆ เป็นทีก็ไปหาคุณหมอ ตั้งแต่อายุ 12 สิวหายไวมาก จากที่ไม่เคยมีใครมาจีบก็เริ่มมี มันดีอย่างนี้นี่เองเวลาที่สิวโบกมือลาไป จากวันนั้นจนถึงวันนี้ผ่านไปสิบกว่าปี วันนี้ก็ยังคงสิวอยู่ .. เกิดจากหลายสาเหตุ ตัวเองรู้ นอนดึก ใช้อะไรไม่ถูกกับผิวหน้าเพราะบางทีชอบลองของใหม่ อากาศร้อน ทากันแดดหน้าไป ล้างกันแดด เครื่องสำอางไม่หมด สิวประจำเดือน จริงๆมีอีกเยอะ เพราะวันนี้ตั้งใจกับตัวเองแล้ว ว่าอยากจะเรียนรู้ผิวตัวเองให้ดีที่สุด ก็ตั้งใจเรียนรู้เลยโดยการอ่านบทความ ถามคุณหมอ อ่านหนังสือก็รู้มากขึ้น .. วันนี้เลยสามารถดูแลตัวเองได้โดย “ไม่ต้องพึ่งยาหมอ” จะมีก็แต่เลเซอร์บ้าง เป็นพวกทนไม่ได้ถ้าเจอรอบแดงเยอะไปทั้งหน้าก็ต้องเลเซอร์ให้จางไว

 

ประสบการณ์รักษาสิวที่ผ่านมาโดยคุณหมอก็มีตั้งแต่

  1. ทายา
  2. ทาสเตรียรอยด์
  3. กดสิว
  4. เจาะสิว
  5. ฉีดสิว
  6. ทานยาปฎิชีวนะจนผมร่วง จะอาเจียนตลอด
  7. ทานยารักษาสิวที่มี SULFAจนเข้าโรงพยาบาลห้องฉุกเฉินต้องให้น้ำเกลือก็มี
  8. เลเซอร์รอยแดง
  9. เลเซอร์รอยดำ
  10. เลเซอร์ฟื้นฟูผิว
  11. เลเซอร์ฆ่าเชื้อสิว
  12. เลเซอร์กระชับผิว
  13. กรอหน้าด้วยเกล็ดอัญมณี
  14. ทากรดAHAให้หน้าใส
  15. แต้มกรด TCA ลดกระ
  16. ลอกสิวเสี้ยนด้วยกาวตราช้าง ..

เยอะนะ เอาละคงถึงเวลาที่ฉันขอดูแลตัวเองแล้วกันนะในเรื่องที่ทำได้ ส่วนไม่ได้ก็เพิ่งหมอไปบ้างยังไงยังต้องใช้หน้าทำมาหากิน ฮ่า

สรุปแล้วสิ่งที่อยากฝากไว้คือ

Posted in ACNEComments (0)

REVIEW EUCERIN DermoPURIFYER SET สำหรับผิวมัน รูขุมขนกว้าง และ เป็นสิว

สวัสดีค่ะ กลับมาแล้วกับการ REVIEW SKINCARE ที่เกี่ยวกับสิว

ก่อนอื่นขอโชว์ผลงานการรักษาสิวด้วยตนเองก่อน อิอิ สิวรักษาเอง รอยสิวต้องพึ่งคุณหมอยิงเลเซอร์ค่ะเพราะมันเยอะ ถือเป็นผลงานตัวเองทั้ง 2 ชิ้น ก่อนก็ทำเอง หลังก็ทำเอง เยี่ยม ! ภาพก่อนเป็นคือเมื่อประมาณกันยา 54 นะคะ สมัยยังไม่รู้จัก EUCERIN DermoPURIFYER แล้วก็ดูแลรักษาตนเองตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่ปรึกษาอยู่จนค้นพบ “สาเหตุที่แท้จริงของการเกิดสิวบนใบหน้าตัวเอง”

สาเหตุคือ สระผมแล้วล้างยาสระผม ครีมนวดไม่หมด รวมกับ ไม่ค่อยได้เช็ดผมเท่าไหร่มันเลยตกมาปรกหน้า ปรกหลัง เป็นสิวทั้งหน้าอก และ แผ่นหลัง

ที่นี่มันมาหายได้ยังไงก็เพราะว่า เมื่อค้นพบสาเหตุ เราก็แก้ที่ต้นเหตุ และใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผิวเรา ผลที่ออกมาช่างหน้าประทับใจเพราะว่าใบหน้าที่เป็นสิวอักเสบช่วงหน้าผากและข้างแก้ม ก็กลับมาเกือบปกติอีกครั้ง แต่ไม่ 100% เนื่องจากชอบบีบสิวเอง ทำให้เป็นหลุม 1 หลุมบนใบหน้า

รูปนี้ไม่มีการรีทัชใดใดทั้งสิ้น ทาสกินแคร์เสร็จ ร่องรอยสกินแคร์ยังเกาะที่โคนผมเลย B)

 

สภาพใบหน้าที่เปลือยเปล่า จะมีสิวเสี้ยน สิวอุดตันอยู่ สังเกตุเห็นชัด ช่วงข้างแก้ม และ จมูก เมื่อหายแล้ว ก็ได้มารู้จักกับ EUCERIN DermoPURIFYER ดีตรงที่ใช้ร่วมกับ SKINCARE ที่เราใช้อยู่แล้ว เราก็เลือกใช้ได้เฉพาะตัวที่เราใช้ได้ เพราะเซ็ทนี้น่าจะได้ผลดีกับคนที่ผิวมัน เป็นสิว และรูขุมขนกว้าง หน้าจะเห็นผลชัดกว่าเรา เพราะเราเป็นแค่บางจุด เช่นจมูก ข้างแก้ม ปลายคาง

เซ็ท EUCERIN DermoPURIFYER มีทั้งหมดด้วยกันเท่าที่ได้มาใช้ ก็รวมแล้ว 7 ตัว ” ช่วยดูแลปัญหาในเรื่องการเป็นสิวง่าย สำหรับผู้ที่มีปัญหาร่องรูขุมขนกว้าง ความมันส่วนเกิน ปัญหาสิวและรอยสิว โดยไม่ทำให้ผิวบางลง “


  • SCRUB
  • CLEANSER
  • TONER
  • SERUM
  • DAY CREAM
  • NIGHT CARE
  • COVER STICK = CONCEALER

หลักการทำงานของชุด EUCERIN DermoPIFYER คือ ควบคุมความมัน ทำความสะอาดสิ่งอุดตันสะสมในรูขุมขน กระชับรูขุมขน ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยนทำให้รอยสิว รอยดำเลือนจางไป และ ช่วยดูแลรักษาสิวที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ จะมีตัวฆ่าเชื้อ ลดแบคทีเรียอยู่ ไม่ทำให้ผิวบาง สูตรนี้ทางยูเซอรีนบอกว่าพัฒนาร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ พิสูจน์แล้วว่าอ่อนโยนแต่มีประสิทธิภาพ หลักในการเลือกใช้ส่วนผสมคือเลือกใช้สารชนิดเดียวกับที่พบในผิว จึงปลอดภัย

 

มีสิทธิ์ลองอยู่ 4 ตัวที่ REVIEW ได้ แต่จะ PREVIEW กล่องและเนื้อผลิตภัณฑ์ให้ครบทั้ง 7 นะคะ เพื่อเป็นแนวทางให้กับเพื่อนๆที่กำลังสนใจในการดูแลสิว และ รูขุมขน รวมถึงคุมมันด้วย

1. CLEANSER ใช้ทำความสะอาดผิวทุกวันเป็นขั้นตอนแรกซึ่งถือว่าสำคัญมาก เพราะสิ่งสกปรกที่ติดมาจากข้างนอก อาจก่อให้เกิดแบคทีเรียอุดตันตามรูขุมขนและทำให้เกิดสิว ตัวแรกเอิ๊กเลือกใช้บริเวณที่มันมาก คือ ช่วงจมูกและโหนกแก้ม รวมถึงคางค่ะ รู้สึกว่าหลังล้างออกไม่ตึง ไม่มีสบู่ และ น้ำหอม หลังล้างแล้วผิวจะนุ่มๆ


2. SCRUB ขัดเซลล็ผิวเก่า และ สิ่งสกปรก ขี้ไคลให้หลุดออกโดยไม่มีส่วนผสมที่รุนแรง ใช้อาทิตย์ละ 2 ครั้ง ขัดเบาๆตรงช่วงสิวเสี้ยนกระจุกตัว และบริเวณสิวอุดตันแข็งๆที่กระจุกตัว เบาเบา รวมถึงพวกรอยสิว นอกจากทำความสะอาดรูขุมขนแล้ว รู้สึกว่าตรงที่ขัดไปมันเนียนขึ้น สิวเสี้ยนจาก 100% อาจจะเหลือ 70-80% ยิ่งตอนแต่งหน้าจะเห็นชัด มีทั้งเม็ดบีทขนาดเล็ก และกรีนบีทขนาดใหญ่ในหารช่วยกัน ผลัดเอาสิ่งอุดตันและสกปรกออก

3.TONER เช็ดทำความสะอาดหลังล้างหน้า มีตัวคุมมัน เช็ดสิ่งสกปรกที่ล้างไม่เกลี้ยงในขั้นตอนล้างหน้า ให้มั่นใจได้ว่าหน้าสะอาดไม่มีอะไรตกค้าง ตัวนี้มีส่วนผสมของ ALCOHOL ด้วยต้องบอกก่อน ส่วนตัวใช้กับตรงจมูกอย่างเดียว ใช้ได้ เย็นๆ สะอาดๆ

4. SERUM บำรุงผิวอย่างล้ำลึกสุดตัวนี้เข้มข้นสุดขอกดLIKEเลย เพราะเป็นอีกตัวที่ใช้ได้ และกระชับรูขุมขนได้เหมือนกัน ไม่มากแต่ทำให้รู้สึกดี เนื้อขาวขุ่น เบา ทานิดเดียวได้ทั่วหน้า ถ้าต้องเลือกใช้สิ่งไหนในเซ็ทนี้ ขอเป็นตัวนี้ค่ะ

5. NIGHT CREAM ดูแลผิวยามนอนให้ผิวได้มีโอกาสพักผ่อนจะช่วยให้สิวหายเร็วขึ้น ถ้านอนเต็มที่และนอนไม่ดึก ตัวนี้คนผิวมันหน้าจะใช้ได้ เพราะส่วนตัวผิวแห้งมากมีอาการระคายเคืองเตือน เลยต้องหยุดใช้ แต่หลังใช้พบว่าผิวดูชุ่มชื่น อิ่มขึ้น กระชับ ส่วนตัวๆนี่มันทำงานตอนกลางคืนน่าจะใส่ตัวผลัดเซลล์ผิวเก่าไว้เยอะกว่าตัวกลางวัน เพื่อทำการผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดอย่างอ่อนโยนในตอนกลางคืน ให้พวกชั้นขี่้ไคลหลุดออก กำจัดปัญหาเรื่องสิ่งอุดตัน และรอยสิวที่มีอยู่ให้จางลง อยากใช้อะ ><

6. DAY CREAM บำรุงผิวระหว่างวัน มาในหลอดกลมๆ น่ารักกระชับมือ ตัวนี้เนื้อครีมดูขุ่นแต่เนื้อเบา ตัวนี้ผิวแห้งใช้ไม่ได้เช่นกันมีอาการระคายเคืองเตือน เพราะตัวนี้ คุมมัน ไม่มีน้ำมัน ไม่มีน้ำหอม ป้องกันปัญหาสิวใหม่ที่จะเกิดระหว่างวันเวลาเราออกไปนอกบ้าน เมื่อไม่มีความมัน รูขุมขนสะอาดขึ้น เราก็จะเห็นว่ามันกระชับขึ้นอัตโนมัต

7. COVER STICK หรือคอนซีลเลอร์ปิดรอยดำแดงของสิวที่เรามี บางทีรอยก็ทำใจลำบากพอๆกับสิวเวลาที่เป็นเต็มหน้า ตัวนี้ใช้ตอนแรกรู้สึกว่าหลงรักเพราะเนื้อนุ่ม เนียน ติดทน ทั้งวันไม่ค่อยจางเลย เทียบกับที่มี ตัวนี้ชนะขาดลอย ราคาถูกกว่าด้วย มีส่วนผสมที่น่าสนใจคือคาร์โมมายด์อ่อนโยนกับสิว ให้ความชุ่มชื้น พร้อมมีตัวฆ่าเชื้อแบคทีเรียเวลาเป็นสิว ส่วนตัวสิวไม่ยุบ แต่ไม่อักเสบเพิ่ม คือ ทรงตัว ปลอดภัยกว่าใช้คอนซีลเลอร์ปกติแน่นอน เฉดสีไม่แน่ใจมีสีเดียวรึเปล่า ใช้แล้วคล้ำกว่าผิวจริงนิดนึง มันอาจไม่ได้กลืนไปกับ MAKE UP โดยเฉพาะแต่มองไกล กลมกลืนดูหน้าใส ไร้จุดด่าง แดง ดำ ฮี่ฮี่

รูปนี้ใช้กับหลุมแดงปนำนะเออ รอยแดงกลบมิด แต่หลุมกลบไม่มิด 555555 ทำใจแล้วซนแกะสิวเอง ใช้ร่วมกับแต่งหน้าได้ทุกวัน

เวลาทาแล้วแต่งหน้าก็กลืนแบบนี้ อันนี้ใช้ COVER STICK และแป้งฝุ่นแต่ใช้แปรง FLAT-TOP วน เนียนกริ๊ง ตอนนี้มีปัญหาอยู่ตรงช่วงหน้าผากเกือบหายแล้วก็ 89 % ได้

COOL : สรุปแล้วเซ็ทนี้มีการรวมตัวส่วนผสม และ การทำงานที่น่าสนใจของคนผิวมัน เป็นสิว รูขุมขน และมีปัญหารอยสิวอยู่รวมกัน โดยส่วนใหญ่จะมีการแก้ปัญหาตั้งแต่การคุมมัน ผลัดเซลล์ผิว ละลายสิ่งอุดตัน และ ฆ่าเชื้อแบคทีเรียสิวที่กำลังเป็นอยู่ เป็นอีกทางเลือกนึง ที่รวมตัวกันเป็นชุด ไม่ต้องไปหาจับซื้อนู่นทีนี่ที ส่วนตัวเสียดายที่มาใช้ตอนที่สิวอักเสบใหญ่ๆๆไปหมดแล้ว คงไว้เหลือแต่สิวเสี้ยน และ สิวอุดตัน มันก็ช่วยได้บ้าง แต่เรื่องของสิวเสี้ยนมันเป็นเรื่องของขนอัดตัวกันแน่่นในรูขุมขน 1 รุปโอกาสหายไปไม่มีอยู่แล้ว แต่ด้านบนของผิวช่วงนั้นเรียบขึ้นและสิวเสี้ยนดูไม่เพิ่มมากขึ้นด้วย รูขุมขนก็ให้ผลดีส่วนตัวแม้ลงไม่มาก แต่รู้สึกดี และตัวปกปิดสิวก็เนื้อนุ่ม เนียน อึด ทน และทั้งเซ็ทใช้ร่วมกับยาหมอ หรือ สกินแคร์ที่มีอยู่ได้ และดีตรงไม่มีน้ำหอม ไม่มีน้ำมัน ไม่อุดตันเพิ่ม เราอาจจะเลือกลองบางตัวก่อนก็ได้ แล้วค่อยเพิ่มถ้าใช้แล้วให้ผลที่ดี

UNCOOL : อยากให้ออกแบบ ผิวแห้ง ผิวบาง เป็นสิวง่ายมาบ้าง เป็นหนึ่งคนที่รออยู่ วูบแรกที่ได้ยินคือคิดว่าเหมาะกับตัวเอง พอศึกษาฉลากไป ออกมาเพื่อดูแลผิวมันน่าจะให้ผลดีกว่า แต่อย่างน้อยบางตัวเราก็ใช้ได้ / ส่วนตัวไม่ค่อยปลื้มเรื่องสีน้ำเจ้าโทนเนอร์เท่าไหร่ สีใสรู้สึกปลอดภัยกว่า แม้จริงๆแล้วมันอาจปลอดภัยแต่มันเป็นความรู้สึกทางจิตใจ

ทั้งเซ็ตนี่จำง่ายอีกอย่างหนึ่งคือทุกตัว ตัวละ 900 บาท หาซื้อง่ายด้วยที่ตามห้าง ร้านยาตามห้าง

ขอจบการ REVIEW PREVIEW ไว้เพียงเท่านี้ ไว้ลองใช้นานกว่านี้จะมา REVIEW เพิ่มเติมนะคะ

ขอให้ทุกคนผิวดีหน้าใสกันทุกคน

XOXO

Posted in ACNE, FACE, REVIEWComments (29)

HOW TO ล้างหน้าตามทฤษฎีแนวขน ลดสิวทุกชนิด

 

คุณหมอสมนึกเจ้าของทฤษฏีล้างหน้าตามแนวขนรักษาสิวตอบมา : 
– “ทุกครั้งที่ต้องทำอะไรกับผิวหนังไม่ว่าจะเป็น
ที่หน้าหรือตัวก็ต้องกระทำ ไปตามแนวโพรงขน
ทั้งหมดครับ”
– สำหรับคนที่บอกว่าล้างหน้าตามแนวโพรงขนแล้วรู้สึกเป็นมากกว่าเดิมนั้นให้อดทนและทำ
ต่อเนื่องหลายเดือนจึงจะเห็นผลส่วนรอยที่ไม่หายอาจจะต้องพบแพทย์เพื่อทำเลเซอร์ครับเพราะการล้างหน้าที่ถูกต้องเป็นเพียงการป้อง
กันและรักษาตามธรรมชาติส่วนสิวที่เคยถูกเจาะหรือฉีดสเตียรอยด์เป็นสิวที่ผิดธรรมชาติอาจต้อง
ใช้ การรักษาอื่นๆเข้าช่วยเหลือครับ

 

ทฤษฎีล้างหน้าตามแนวขนเป็นทฤษฎีที่คิดค้นมานานเกือบสิบปี เป็นการเก็บภาพการพัฒนาสิวแต่ละขั้นจนหลุดออกไปโดยมีการใช้ภาพขยายจากกล้องจิ๋วมาช่วยในการคิดค้น โดย นพ.สมนึก อมรสิริพาณิชย์ ลูกศิษย์ Dr. James J Nordlund ซึ่งท่านเป็นลูกศิษย์ของ Aron Lerner  จาก Yale professor อีกที

 

โพรงขนสำคัญยังไง ?

” เป็นแกนให้ใยคอลลาเจนและอิสลาสตินมายึดโยงเพื่อเชื่อมเป็นเครือข่ายยึดให้ผิวหนังคงสภาพยืดหยุ่นและแข็งแรงดังที่เป็นอยู่ ”

 

โพรงขนบนใบหน้ามีประมาณ 100,000 โพรง

 

ข้อดี

  1. การระบายของน้ำมันและสิ่งสกปรกในโพรงสิวอย่างหมดจด การหลุดลอก จะไม่เกิดจากการหนาตัวของเซลล์ผิวตามมา
  2. การไหลเวียนของเลือดใต้ผิวหนังนั้นเป็นไปตามธรรมชาติ
  3. ฝ้าจะเกิดได้ยากขึ้น
  4. เซลล์ผิวหนังที่อักเสบ
  5. ไม่เกิดการบวมของชั้นผิวบางชั้น การที่เกิดเป็นก้อนอุดตัน สิวอุดตันเช่นนี้ก็เกิดจากการที่เราล้างหน้าวนหรือเอามือไปถูทำให้เนื้อเยื่อจับเป็นก้อนเหมือนกับเราปั้นกระดาษเป็นก้อนแล้วห่อเป็นชั้นๆ การล้างไปตามแนวโพรงขนเพื่อให้เยื่อเหล่านี้จะได้สลายและหลุดออกมาได้ตามธรรมชาติ

 

เวลาเท่าไหร่เห็นผล

ประมาณ 3 เดือน

 

คำแนะนำเหล่านี้ประกอบกับการไม่กด สิว เจาะสิว การแกะ การกด บีบ หรือ เจาะ ก็เป็นการทำลายโครงสร้างเพื่อให้เกิดการถ่ายเท

คำแนะนำ : อาจใช้ร่วมกับการใช้แสงเลเซอร์มาทำให้สิวเล็กลงและเลื่อนออกมาตามแนวโพรงขน

 

 

————————————————————————–

HOW TO นี้อาจจะดูยาว ที่ยาวก่อนที่เราจะได้อะไรที่มีประโยชน์มาเราจำเป็นต้องแสดงความกตัญญูถึงคนให้ข้อมูล

เพราะถ้าไม่มีคนที่คิดค้นทฤษฎีนี้ขึ้นมา คนที่มีปัญหาสิวขณะนี้ก็จะไม่ได้รับรู้การแก้ไขอย่างถูกต้อง

นี่เป็นเหตุผลที่ต้องบอกถึงที่มาอย่างละเอียด เพื่อเคารพถึงที่มาของความรู้นี้ค่ะ 🙂

XOXO

Posted in ACNE, FACE, HOW TO, SKINComments (20)

REVIEW – ครีมบำรุงปรุงพิเศษเพื่อผิวเราคนเดียวโดยเฉพาะ ณ ISKYCENTER

 

กว่าจะได้ครีมที่ผลิตขึ้นมาตามสภาพผิวตัวเอง ISKY SIGNATURE MOISTURIZING CREAM หรือ MY CUSTOMIZED CREAM ที่ทำ TAILOR-MADE ครีมตามสั่ง ก็ทำเอานอนไม่หลับไปหลายเดือน อยากใช้ แต่เป็นสิวเลยต้องรอให้สิวแห้งก่อน รู้สึกว่ามันใหม่มากเนื่องจากในประเทศไทยยังไม่มีที่ไหนทุ่มทุนผลิตให้คนต่อคนแบบนี้ในราคาที่จ่ายไหว เนื่องจากว่าปัจจุบนครีมส่วนมากที่ออกมามักออกมาตามสภาพผิวพื้นฐาน มัน แห้ง ผสม แพ้ง่าย บอบบาง แต่ที่ตรงกับผิวเราที่สุดไม่มีแน่นอน

เจ้าครีมปรุงบำรุงผิวพิเศษเพื่อผิวเราคนเดียวโดยเฉพาะมันเป็นยังไงย้อนไปอ่านบทความเก่ากันได้นะคะ

ตรวจสภาพผิวเพื่อให้คุณหมอปรุงครีมบำรุงเพื่อผิวเราโดยเฉพาะให้

 


 

หลักครีมพวกนี้เกิดมาเพื่อดูแลคนไข้ตามสภาพผิวที่เป็นจริงแล้ว

หลักๆที่เห็น ISKY ให้บริการอยู่มี 3 เรื่องใหญ่

– ผิวแพ้ง่าย
– ปัญหาจุดด่างดำ กระ (ต้องการให้ผิวขาวขึ้น)
– รอยเหี่ยวย่น
แต่ก็ทำได้สำหรับผิวทุกประเภท

มาถึงการเข้าสู่การ REVIEW หลังการใช้เป็นเวลา 2 สัปดาห์ติดต่อกันโดยไม่ได้ใช้ครีมตัวอื่นเลย

ราคาซึ่งถือว่ารับไหวกับ 600-900 ต่อกระปุกยักษ์ขนาด 50 กรัม ข้างหน้ากระปุกมีสโลแกนที่เด่นชัดมาก ” MY SIGNATURE MOISTURIZING CREAM ประมาณว่ากระปุกนี้มันเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวเรา ครีมของเราคนเดียวเลย “มันเกิดมาเพื่อเรา”

 

ข้างในเปิดมามีฝาปิดซีลเนื้อครีม กันระเหย กระปุกแข็งแรงสีเทาอะคริลิค เป็นแพคเก็จจิ้งที่ส่วนใหญ่หลายเจ้าที่ผลิตครีมขึ้นมาเป็นแบรนด์ตัวเองมักจะเลือกแพคเกจจิ้งนี้มาบรรจุครีม ซึ่งถือว่าสวย จับถนัดมือ

ซึ่งที่เด่นคือ เนื้อครีมด้านใน สัดส่วน ส่วนผสมตามเนื้อเยื่อและปัญหาผิวที่เรามี โดยเช็คอย่างละเอียดทั้งระดับลึก และภายนอกที่มองเห็น ใช้เพื่อบำรุงแก้ไขตรงจุดนั้น เนื้อครีมสีขาวข้น ไม่เหนียวมาก ซึมเร็ว กลิ่นหอมเย็นมาก (สอบถามว่ามันเป็นกลิ่นของส่วนผสมของสูตรเฉพาะตัวนึง กลิ่นหอม แต่ไม่ทำให้แพ้หรือมีสิว)

และด้านข้างมีฉลาก ซึ่งทุกอย่างมันสดมาก ทำใหม่หมดเลย แม้กระทั่งฉลาก แปะตอนครีมลงกระปุกปิดฝาเรียบร้อย

มาถึงผลลัพธ์ผ่านไป 2 อาทิตย์ กับ ” สูตรบำรุงผิวแพ้ง่าย แห้งมาก และเป็นสิวง่าย “

โดยรวมคือใบหน้ามีความชุ่มชื่นหลังทา ตื่นขึ้นมารู้สึกผิวมันอิ่ม มีน้ำมีนวล ไม่มีสิว ไม่แพ้ บางครั้งรู้สึกผิวมันดีจนขาวขึ้น แต่ไม่ได้ช่วยลดสิวเสี้ยน สิวอุดตัน อันนั้นเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขในอีกส่วนผสมอื่นๆ หลักๆคือบำรุงให้ผิวแห้งกร้าน ดูอิ่มขึ้นไม่แห้ง ผิวดีมันทำให้แต่งหน้าง่ายขึ้นไม่ลอกและเป็นขุย ขอบอกว่านอนเช้าไม่ได้ทาสองวัน ผิวกลับมาแห้งไวมาก เพราะนอนในห้องแอร์ ดังนั้นรู้ตัวว่าผิวแห้งไม่ควรละเลยแม้ซักวัน ไม่งั้นต้องกลับมาเริ่มใหม่

COOL : มันดีถึงที่สุดที่จะมีครีมซักกระปุกที่ทำเพื่อเราคนเดียว เราคงไม่อยากใช้อะไรเหมือนๆใครเท่าไหร่ ถ้าเรารู้ว่าผิวเรามันไม่ค่อยจะถูกกับอะไร เป็นเรื่องใหม่ในเมืองไทย ที่ราคาถือว่าใช้ได้ 600-900 บาท ได้ทราบผลลัพธ์ผิวด้วยว่าแท้จริงแล้วผิวเราเป็นแบบไหน ไม่ต้องมานั่งคิดเอง เห็นกันไปเลย กระปุกใหญ่ใช้ได้นานมาก เอาคัตตอลบัตจุ่มเอา ทาทีละนิดให้เคลือบผิวหน้าพอ ใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ที่เรามีอยู่ แก้ปัญหาได้ตรงจุดที่มีจริงๆ เหมือนยิงการบำรุงทีเดียวโดนแน่นอน

UNCOOL : คนเป็นสิวเยอะๆ เป็นสิวอยู่หลายเม็ด ยังไม่เหมาะกับการบำรุงทุกชนิด เพราะมีส่วนผสมของน้ำมันอาจไปทำให้อาการผิวอักเสบแย่ลง การที่คนไข้ผิวมีปัญหาเยอะอย่างเอิ๊กบางทีการจะเติมส่วนผสมบำรุงอะไรต้องทำทีละน้อย มันยังใส่ได้ไม่เต็มที่ เช่นน้ำมันบำรุงต่างๆ อาทิ วิตามินอี เนื่องจากมันอาจไปกระตุ้นให้สิวบังเกิดขึ้นอีก ดังนั้นการที่จะใส่ทุกอย่างเต็มสตรีมเป็นเรื่องที่ยาก ต้องค่อยๆทำ เนื่องจากปัญหาของคนไข้มีข้อจำกัดหลายข้อ สถานที่ค่อนข้างไกลบ้านมาก แถวฝั่งธน ยังมีแค่ครีมบำรุง ไม่ได้ผลิตเฉพาะทุกไลน์บำรุง เช่น โลชั่น แอสเซนต์ เซรั่ม เจลล้างหน้า ถ้าแบบนั้นคงเหนื่อยน่าดู คนคงแห่กันไปเยอะกว่านี้ วันนั้นเภสัชกรคงรีบ ตอนแปะสติกเกอร์หน้ากระปุกมันมีรอยนิ้วมือเภสัชในสติ๊กเกอร์ แง๊ๆ อันนี้ความเห็นส่วนตัว อีกนิดมันจะ PERFECT 55555

SUGGESTION : ต้องบำรุงทุกวันห้ามขาด ผิวแห้งเจออะไรเย็นๆ ใช้ชีวิตทุกวันน้ำในผิวมันก็ระเหย ละเลยไม่ได้เลย

หวังว่าคราวต่อไปสิวหายแล้วเราจะได้ลองแบบลดจุดด่างดำ ว้าว ว้าว แต่นี่นอนเช้าสองวันสิวอักเสบมาเลย ฮ่าๆ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์แพทย์หญิง รังสิมาเป็นคนสั่งสูตรส่วนผสมให้เภสัชปรุงครีมให้เอิ๊กค่ะ ใช้ดีมากค่ะสำหรับบำรุงผิวแห้งมากของเอิ๊ก

ใครมีคำถามอยากถาม อจ. ถามได้ที่ @DrRungsima ในทวิตเตอร์นะคะ

XOXO

อาทิตย์หน้าเราจะมาพบกันเรื่องของ ” กระ “

Posted in ACNE, REVIEW, SKIN CAREComments (4)

REVIEW : ORIFLAME BLUSH ON สี PERFECT ชมพูเนื้อแมทสดใส

มีโอกาสได้ลอง บลัชออนเนื้อแมท แบรนด์ ORIFLAME

รุ่น PERFECT BLUSH มีทั้งหมดให้เลือก 3 สีด้วยกัน FRESH PINK / CLASSIC ROSE / GLOWING PEACH

สีออกชมพูสดใส / สีพลัมอมชมพูนุ่มๆ/สีพีช เรียงตามลำดับ ที่ลองไปคือสี FRESH PINK

ตลับสีดำมันเงาวับ และได้แปรง BLUSH BRUSH มาลองเป็นขนแพะ ขนค่อนข้างแข็งมากเป็นเอกลักษณ์ของขนสัตว์แท้อยู่แล้ว แต่ขนไม่ค่อยรูป อาจทำให้ระคายเคืองการทำความสะอาดแปรงบ่อยๆ อาจจะทำให้นุ่มขึ้นได้บ้าง แต่รูปทรงกำลังดีกับพวงแก้มเลย เล็กกระชับถนัดมือ ถ้ามีซองมาด้วยจะแจ่มเลย

เนื้อบลัชออนสีไม่มีชิมเมอร์ จะได้ความเป็นธรรมชาติกว่าชิมเมอร์ กลืนกับผิว ติดทน สีน่ารักแต่ไม่ให้เลือกน้อย คือมี 3 เฉดสีเท่านั้น ตลับสวยมีกระจก เล็กๆพกพาสะดวก ORIFLAME มีเครื่องสำอางน่าสนใจเยอะเหมือนกัน

เปิดตลับมาจะเป็นแบบนี้ น่ารักปะอ่ะ ? ><

ทาลงบนแก้มจะได้ลุค หวานแหวว แบ๋วแบ๋วแบบนี้ 🙂

ราคาบลัชออนตลับละ 379 บาท

ราคาแปรงอันละ 198 บาท

COOL : บลัชออนตลับเล็กพกพาสะดวก มีกระจกในตัว สีติดทน มีความเป็นธรรมชาติ / แปรงขนสัตว์ ขนแพะแท้ ด้ามจับยาวถนัดมือ รูปร่างทรงแปรงพอดีพวงแก้มเลย

UNCOOL : บลัชออนมีสีให้เลือกน้อยเกินไป 3 สีเท่านั้น / แปรงปัดแก้มเป็นขนสัตว์แท้ลักษณะเฉพาะตรงนี้อาจจะทำให้รู้สึกระคายเคืองแก้มได้เวลาปัดสีแก้มลงไป ถ้ามีซองมาด้วยจะดีมากเลย ไม่ต้องมานั่งหาซองใส่เพิ่มอีก

แบรนด์นี้เป็นแบรนด์ขายตรงอาจต้องมีในเรื่องของการเป็นสมาชิก สั่งซื้อผ่านแคตตาลอกลงข้อมูลไว้เผื่อใครสนใจ

http://th.oriflame.com/customer-service/show.jhtml?tag=Contact

ที่รู้ๆมีพวกลิปสติก รองพื้นน่าเล่นเยอะเหมือนกัน 🙂

 

 

 

 

 

 

XOXO

 

 

 

Posted in CHEEKS, MAKE UP, REVIEWComments (0)

REVIEW : DERMA E สครับเม็ดคริสตัล & มาส์กเอนไซม์

แบรนด์ Lauress นำเข้าเครื่องสำอางแร่ธาตุเข้ามาไทย 2 ปีกว่าน่าจะได้ ตอนหลังมาผันชื่อร้านใหม่เป็น

PRINCESS OF NATURALS

แล้วนำเข้าสกินแคร์จากธรรมชาติที่ได้รับรางวัลมามากอย่าง DERMA E เป็นผลิตภัณฑ์ worldwide อีกตัวที่มาจากอเมริกา

เน้นธรรมชาติเป็นหลักร้านนี้ และบริการการส่งสินค้ายังรวดเร็ว มีมาตรฐาน มีระเบียบอีกเช่นเคย

เอิ๊กสั่ง LAURESS สีที่หมดไปพร้อมกับสกินแคร์ DERMA E ดูแลผิวมาเนื่องจากจุดเด่นของแบรนด์นี้คือ วิตามิน E เราชอบส่วนตัวเนื่องจากผิวแห้งต้องการบำรุงเป็นพิเศษมาก ได้มาเกือบครึ่งปีแล้วดูท่าทาง แต่ก็มีบางตัวที่ใช้ได้ และ ระคายเคืองเนื่องจากไม่ได้อ่านให้ดีก่อนว่าสำหรับผิวผสม และ ผิวมันแต่รวมๆแล้วถ้าไม่ระคายเคือง บางตัวให้ผลลัพธ์ ผิวสุขภาพดี เต่ง นุ่ม ขึ้นและดูขาวขึ้นคราวหน้าคงต้องลองสูตรที่เหมาะกับผิวแห้งจริงๆ

 

วันนี้มา REVIEW SCRUB & MASK

Microdermabrasion Scrub & Cleansing Enzyme Mask

ตัวสครับละเอียดเล็กมากมากได้รางวัลการันตีด้วย ส่วนมาส์กถ้าใช้กับผิวมันน่าจะเวิค ดูดซับสิ่งสกปรก

มาเริ่มกันที่สครับ เนื้อขาวมีเม็ดสครับเล็กละเอียด กลิ่นน้ำมันที่สกัดจากมะนาวแรงมากค่ะ ธรรมชาติออกมาก ฮ่า

Microdermabrasion Scrub

1,370 bath

ใช้ไปเยอะมากแล้ว ชอบเอามาขัดสิวเสี้ยน รอยแผลสิว และผิวที่ตะปุ่มไม่เรียบเนียนแถวๆๆต้นแขน เนียนนุ่มมาก แต่ขัดทั้งหน้าไม่ได้ เพราะผิวแห้งจะไม่ถูกกับน้ำมันผลไม้เท่าไหร่ อย่างมะนาว มันแรงไป แต่ผิวมันน่าจะเวิคมาก เขาบอกว่าเหมือนทำสปาเองอยู่ที่บ้านผิวจะเนียนใสขึ้น

ดูส่วนผสมจ้า 🙂

เรามาต่อกันที่ มาส์ก เอนไซม์

Cleansing Enzyme Mask

600 BATH

ตัวนี้ใช้ได้กับทุกผิว แต่ยังไงผิวแห้งยังคงไม่ค่อยเหมาะ ระคายเคืองเหมือนกัน เพราะมีเกลือทะเลทิ้งนานจะแห้งมาก แต่รวมๆผิวมันนุ่มมากเลยหลังใช้ เลยใช้เฉพาะที่มันดีกว่า ส่วนผสมหลักจะมี เกลือจากทะเลสาบ Dead Sea , สาหร่ายทะเล , ชาเขียว, Bentonite , และ Kaolin Clays จึงช่วยขจัดพิษที่ผิว ทำความสะอาดผิวล้ำลึก ลดการอุดตัน ลดความมัน ช่วยผลัดให้ผิวดูชุ่มชื้น อ่อนวัย สดใส เรียบเนียนขึ้น เพราะมันลดความมันดังนั้นมาใช้กับผิวแห้งยิ่งแห้ง ยังไงใช้เฉพาะผิวมัน หรือ บริเวณที่มันๆดีกว่า หรือไม่ก็พอกแล้วใช้เวลาทิ้งไว้น้อยลง ความรู้สึกเหมือนผิวมันเบาเลย หน้านุ่มมาก เป็นการดีทอกซ์ผิวล้างเสร็จไม่แห้งตึง

 

ขอใช้ตรงจุดที่มันสุดๆบนใบหน้า คือ จมูก และ คาง อุดมด้วยสิวเสี้ยนเยอะมาก รู้ว่าเอาออกไม่ได้ แต่น่าจะช่วยไม่ให้มันเพิ่ม

 

 

 

 

 

ผลลัพธ์แบบ ZOOM ZOOM ใต้คาง เพราะจมูกเอาไม่ออกสิวเสี้ยน ยิ่งขัดยิ่งออกแต่ไม่หลุดมันแน่นมาก B)

ก่อนทำผิวมีสิวเสี้ยน

หลังสครับขัดทำให้สิวบางเม็ด ” หลุด ” บริเวณขัดเห็นเส้นเลือดฝอยขยายไหมคะแต่เดี๋ยวจะหดตัวอย่าตกใจไป

และ มาส์ก ดูดสิวเสี้ยนจนหัวจะ ” ผุด และ หลุดออกมาอีกเยอะเลย ” ผ่าง ผ่าง

แล้วจะเอาออกต่อยังไง คงต้องเป็นกาวสิวเสี้ยนแล้วละน่าจะดี ฮี่ฮี่

COOL : ชอบส่วนผสมที่ส่วนมากมาจากธรรมชาติ ดังนั้นจะไม่ทำให้เกิดสิวอักเสบ แต่จะมีการเตือนเช่นเกิดเม็ดเล็กๆสะกิดออก มาบอกว่าระคายเคือง บางตัวใช้แล้วผิวนุ่มขาว ว่าจะเลือกใช้ให้ถูกสูตรรอบหน้า น่าจะเวิคมาก แบรนด์นี้ชื่อดังเรื่องวิตตามิน อี คราวหน้าต้องถอยแต่ วิตามินอี

UNCOOL : เมืองไทยยังมีสูตรน้อยกว่าเมืองนอก บางสูตรที่บอกว่าใช้ได้ทุกสภาพผิว บางทีกับผิวแห้ง และ ระคายเคืองง่ายก็อาจจะใช้ไม่ได้ แต่ผิวธรรมดา และ ผิวมันน่าจะประทับใจ

 

 

ไว้โอกาสหน้าจะมารีวิวตัวที่เหลือนะเจ้าคะ 🙂

 

 

 

 

Posted in FACE, MASK, SCRUB, SKIN, SKIN CAREComments (1)

advert

Google

erk-erk.com





BEAUTY MENU

มาคุยกับเอิ๊กได้ที่นี่ทุกวัน ถ้าว่างรีบตอบทุกคำถามค่ะ

INSTAGRAM @wwwerkerkcom

[instagram-feed]

ติดตามบล็อค erk-erk.com อย่างใกล้ชิด

เพียงกรอก Email ตรงนี้เลย

LINE @erk-erk

เพิ่มเพื่อน

Related Sites