Archive | BEAUTY

ใครมีผมสวย ชอบทำผมหลายทรง ลุ้น Iphone5 กับ Essential Damage Care กัน

อยากได้บ้างอ่าส์ ไม่มีสิทธิ์

คนยังเล่นไม่เยอะแฟนๆเอิ๊กลองไปเล่นกันดูค่ะ <3

เอสเซนเชียล แดแมจ  แคร์ ชวนสาวๆ มาเป็น 1 ใน 100 สาวผมสวยที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง

แค่ส่งรูปหรือโหวตรูปสไตล์ผมสวย 3 สไตล์ ในกรอบสุดว้าวก็มีสิทธิ์ลุ้นกว่า 100 รางวัล ที่

http://www.facebook.com/cosmenet/app_444589035578058 วันนี้-17 ธันวาคม

รางวัล

  • ไอโฟน 5 สำหรับผู้ชนะตำแหน่ง Princess stylish 1 รางวัล จากคณะกรรมการตัดสิน และอีกรางวัลสำหรับสาวผู้โชคดีที่เข้าร่วมโหวต
  • Stylish hair gift set (ผลิตภัณฑ์เอสเซนเชียล และลิเซ่) 100 รางวัล สำหรับผู้ชนะการโหวตตำแหน่ง popular gals ในแต่ละรอบ

วิธีร่วมสนุก

ขั้น 1: อัพโหลดภาพทรงผมสุด stylish 3 สไตล์ 3 ทรง

ขั้น 2: เขียนเล่าว่า “เอสเซนเชียล แดเมจ แคร์ ทางออกของผมเสีย ช่วยให้ฉัน…ไม่เกิน 250 ตัวอักษร

ขั้น 3: คลิกยืนยันส่งภาพเข้าร่วมกิจกรรม แล้วไปชวนเพื่อนๆมาโหวต

Posted in ACTIVITY, HAIRComments (0)

ครั้งที่สองกับการรีวิว – ESSENTIAL DAMAGE CARE

ได้ร่วมงานกับ Essential Damage Care ในฐานะ BEAUTY BLOGGER

REVIEW ผลิตภัณฑ์ แล้วบอกความรู้สึกหลังใช้ว่าเป็นยังไง

โดยภาพเขาอยากให้ออกมาสวยๆ เลยถ่ายทำให้ได้ผกก. MV & โฆษณามาทำให้

ดังนั้นอย่าแปลกใจ ทำไมภาพสวย 555555 รู้เลยตัวเองต้องลดน้ำหนักเยอะมาก

เขาถ่ายสวย แต่ เราไม่ชอบตัวเราเองเท่าไหร่ อวบตามจริง 55 แต่แสงก็ช่วยให้ไบรท์เยอะ

ไปสระผมแถวที่ถ่ายทำจริงๆ พี่เขาก็งง เอาแชมพูไปให้เขาสระเฉย 555

บอกหนูต้องรีวิวผลิตภัณฑ์ และ ต้องทดสอบจริงค่ะ

ให้พูดถึงผมเสียบอกเสมอ แม้แต่ใต้คลิป ยังไงก็ได้แค่เคลือบให้มันชุ่มชื่นขึ้น แต่ยังไงผมคือเซลล์ที่ตายแล้ว

คุณต้องเล็มออกเท่านั้น 🙂 แต่เอิ๊กมีผมเสียอยู่กระจุกนึง มันเป็นฝอยแล้วก็เคลือบไว้ด้วยทรีทเมนท์

เอิ๊กชอบใช้สีส้ม เพราะสำหรับผมเสียมาก เอิ๊กรู้สึกอาการหยิกหยอยมันดีขึ้น ยังไม่อยากตัดเสียใจ

ความรู้สึกที่ใช้สูตรใหม่เขาบอกทำให้ลื่นขึ้น เอิ๊กรู้สึกว่าแชมพูมันลื่นขึ้นจริง แต่ก็มีแอบพันเพราะ

อย่างที่บอกปลายผมเอิ๊กเสียจากเคมี แต่ลื่นกว่าปกติ นุ่มนุ่มอยู่แล้ว หอมด้วย ส่วนม้วนลอนคิดว่าเด้งขึ้น

ถ้าไม่ใส่ครีมนวด มันแค่เอาโรลจับขึ้นอยู่ตัวเป็นเกลียวเลย ก็โอเคระดับนึง แต่อย่าลืมล้างให้สะอาดนะคะ

เอิ๊กไม่มีปัญหาสิวที่หลังกวนใจอีกเลย เพราะล้างด้วยน้ำสะอาดตามมากๆ

มันจะมี 2 สูตรด้วยกัน อันนี้เอาข้อมูลมาจากผลิตภัณฑ์อีกที

  • นูแอนซ์ แอรี่ (NUANCE AIRY) คำตอบของสาวสไตล์ลิชที่ชอบปลายผมพลิ้วไหว สปริงตัวสวย เซ็ทได้อย่างใจ อวดประกายแวววาวจาก โคนจรดปลาย ด้วยคุณค่าบำรุงลึกถึงแกนผมชั้นในสุด เคลือบปิดเกล็ดผมที่ฉีกขาด ฟื้นบำรุงผมเสียโดยเฉพาะปลายผม 15 ซม. เปลี่ยนผมที่ลีบแบน ปลายทื่อให้พลิ้วไหว สปริงตัวสวยในทุกสไตล์ผม ประกอบด้วย
  • เอสเซนเชียล แดเมจ แคร์ นูแอนซ์ แอรี่ แชมพูขนาด 180 มล. ราคา 69 บาท ขนาด 370 มล. ราคา 139 บาท
  • เอสเซนเชียล แดเมจ แคร์ นูแอนซ์ แอรี่ คอนดิชันเนอร์ขนาด 180 มล. ราคา 79 บาท ขนาด 350 มล. ราคา 139 บาท
  • เอสเซนเชียล แดเมจ แคร์ อัลตร้า ฮันนี่ แอนด์ เชีย บัตเตอร์ นูแอนซ์ แอรี่ อินเทนซีฟ มาส์กสูตรเข้มข้นขนาด 200 กรัม ราคา 179 บาท

 

  • ริช พรีเมียร์ (RICH PREMIER) สไตล์สุดเริ่ดของสาวสไตล์ลิช คาวาอิที่ชอบผมสวยมีน้ำหนัก อยู่ทรงคอนโทรลได้ อวดประกายแวววาวจากโคนจรดปลาย ด้วยคุณค่าบำรุงลึกถึงแกนผมชั้นในสุด เคลือบปิดเกล็ดผมที่ฉีกขาดฟื้นบำรุงผมเสียโดยเฉพาะปลายผม 15 ซม. เปลี่ยนปลายผมที่ชี้ฟู จัดทรงยากให้กลับมีน้ำหนัก อยู่ทรง คอนโทรลสไตล์ผมสุดเริ่ดได้อย่างใจ ประกอบด้วย
  • เอสเซนเชียล แดเมจ แคร์ ริช พรีเมียร์ แชมพูขนาด 180 มล. ราคา 69 บาท ขนาด 370 มล. ราคา 139 บาท
  • เอสเซนเชียล แดเมจ แคร์ ริช พรีเมียร์ คอนดิชันเนอร์ขนาด 180 มล. ราคา 79 บาท ขนาด 350 มล. ราคา 139 บาท
  • เอสเซนเชียล แดเมจ แคร์ อัลตร้า ฮันนี่ แอนด์ เชีย บัตเตอร์ ริช พรีเมียร์ อินเทนซีฟ มาส์กสูตรเข้มข้นขนาด 200 กรัม ราคา 179 บาท

 

ใครชอบสูตรไหนคงต้องไปเทสกันเอง ส่วนตัวที่ชอบสุดคือทรีทเมนท์หมักผม 55555 เพราะผมมันดูเงาขึ้น แต่สูตรใหม่ เงาน้อยกว่าสูตรเก่าเหมือนกันนะ <3

XOXO

Posted in HAIR, REVIEWComments (0)

DIARY – erk-erk ไปเยี่ยมบ้าน EUCERIN <3

 

ทริปสุดพิเศษนี้เป็นครั้งแรกที่ EUCERIN พาสื่อหลายแขนงไปเยี่ยมบ้านเกิดที่เยอรมัน เมืองแฮมเบิร์ก หรือ ฮัมบูร์ก [ HAMBURG ] พร้อมกับทัวร์ความเป็นมา และการทำงานของ EUCERIN แบบ EXCLUSIVE ว่ากว่าจะได้ออกมาให้เห็นแต่ละสูตรที่ทั่วโลกได้ใช้กัน มีความเป็นมาอย่างไร และ กว่าตัวนึงจะออกมาใช้เวลานานแค่ไหน ?

 

ซึ่งเอิ๊กได้รับโอกาสที่ดีจาก EUCERIN และ ผู้ใหญ่ใจดี ในฐานะสื่อทางด้าน BLOG

และทุกคนยังจะได้เข้าร่วมงามเปิดตัวผลวิจัยล่าสุดของ EUCERIN HYALURON FILLER

DIARY จะมีทั้งหมด 7 BLOG รอติดตามนะคะ ภาคแรก เราจะไปทัวร์ ศูนย์ R&D

ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาระดับนานาชาติของบริษัท Beiersdorf บริษัทระดับโลก

ยักษ์ใหญ่ผู้ปลุกปั้นแบรนด์ที่เราคุ้นเคยกันดี เช่น EUCERIN, NIVEA

อายุของบริษัทก็ไม่มากเท่าไหร่แค่เกือบ 120 ปีเท่านั้นเอง ส่วน EUCERIN

เกิดเมื่อ ค.ศ. 1900 ที่เยอรมัน เมื่อ DR. ISAAC LIFSCHTZ ค้นพบส่วนประกอบสำคัญ

และนำไปจดสิทธิบัตรโดย มีชื่อว่า ” ยูเซอริท ” ลักษณะเหมือนขี้ผึ้งสกัดจากขนแกะ และ

นำมาผสม ไว้ในรูปแบบของครีมบำรุงผิวพรรณ ที่ได้ตั้งชื่อว่า “ยูเซอริน ” แปลว่าขึ้ผึ้งที่สวยงาม

ประวัติ การพัฒนา มีให้อ่านเพิ่มเติมอีกเพียบ http://www.eucerin.com/th/about-eucerin/

 

คืนก่อนที่เราจะได้เดินทางไปสู่ศูนย์วิจัย&พัฒนาที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเยอรมันนั้น

เราได้เข้าพักโรงแรม MARRIOTT HAMBURG ซึ่งเอิ๊กได้นอนกับคุณหมอเพ็ญคนสวย

อิอิ คนตาม SOCIALCAM คงรู้แล้ว ก็มีเป็นจดหมายเชิญทางการ และขนมน่ารักต้อนรับ

[ ภายในห้องจะอบอุ่น เป็นธีมสีเลือดหมูตามสีแบรนด์ EUCERIN เลย อิอิ

ส่วนคุณหมอคิดถึงลูกสาวตัวน้อยมากๆ เป็นคุณแม่ไอที คุย skype กับเด็กๆทุกวัน ]

และ ในวันรุ่งขึ้น เราก็เดินทางไปลุยกันถึงแล้ว ศูนย์ R&D ของ EUCERIN

ทุนสร้างประมาณ 1,500 ล้านบาท กับพื้นที่ 16,000 ตร.ม.

เราจะเห็นหอประชุมเด่นชัดก่อนเลย หรือหลายคนเรียกว่า PHILOSOPHER’S STONE

การออกแบบหอประชุมแห่งนี้ก็ถ่ายทอดอุดมการณ์อย่างมาก เพราะเป็นการจำลอง

สภาพเซลล์ผิวมนุษย์โดยขยายออกมาให้ใหญ่ขึ้น [ เพิ่งรู้ว่าเซลล์เราจะต่อๆกันแบบนี้นี่เอง ]

ที่แห่งนี้จะมีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ใหม่ๆที่เกี่ยวกับผิวหนังอยู่เสมอในแง่ของ

ผลงานวิจัยของศูนย์R&Dแห่งนี้ที่เด่นๆ ผลลัพธ์เป็นที่น่านำเสนอ ก็จะส่งต่อกันที่นี่

เพื่อให้เกิดการต่อยอดงานวิจัย และ พัฒนาให้ได้ผลลัพธ์ในการค้นหาวิธีดูแลผิวหนัง

ที่ดียิ่งขึ้น และ นำไปพัฒนาเทคโนโลยีชนิดเหลวต่อไป

 

ขอ 3 คำ ยิ่ง ใหญ่ มาก

 

เข้ามาด้านในจะพบป้าย BEIERSDORF ใหญ่มาก ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเวชสำอาง

จะมีระดับศาสตราจารย์ของทาง EUCERIN เยอรมันคอยให้ข้อมูลในห้องทดลอง

และภาพนี้เป็นการรวมแพทย์ผิวหนัง 4 ท่านจาก 4 โรงพยาบาล ศิริราช บำรุงราษฎร์

สมิติเวช และ วิชัยยุทธ รวมถึงทีมผู้บริหาร EUCERIN ประเทศไทย 1 ท่าน และ

แบรนด์แอมบาสเดอร์คนล่าสุดของ EUCERIN HYALURON FILLER

คุณ พิม ซอนย่า คูลลิ่ง ชอบภาพนี้ เพราะมีแต่ผู้เชี่ยวชาญ 5555

ห้องแรกที่ได้มีโอกาสเข้าชม คือ หอประชุมที่จินตนาการเอาเซลล์ผิวหนังมนุษย์มาขยายนั้นแล

ที่นี่จะมีนักวิจัย นักพัฒนา ผู้เชี่ยวชาญ สถาบันต่างๆ รวมถึงมหาลัยที่เกี่ยวข้อง มาแลกเปลี่ยน

องค์ความรู้ในด้านผิวหนังกันที่นี่ ของจริงใหญ่ปานกลาง แต่ดูตกแต่งไฮเทคมาก อย่างล้ำ

เขาบอกว่าที่ศูนย์ R&D แห่งนี้นอกจากจะยิ่งใหญ่และยังล้ำมาก

(ทันสมัย) ที่สุดแห่งหนึ่งในเยอรมัน หลังจากนั้น จุดไคลแมกซ์ที่อยากจะเล่าไม่มีภาพ

เพราะเขาห้ามถ่ายภาพ เล่าแล้วจินตนาการตามมานะตัวเธอว์

เราก็ได้หลุดเข้าไปยังศูนย์ทดสอบที่เป็นส่วนสำคัญของที่นี่

จากนั้นเขาก็พาทีมที่มีกัน 20 กว่าชีวิตทั้ง EUCERIN ไทย, คุณหมอ, สื่อนสพ.

สื่อPR, สื่อนิตยสาร และตัวฉัน 555 เข้าไปในดินแดนมหัศจรรย์ซึ่งห้ามถ่ายภาพ

ขอเล่าแบบไม่ลงลึกนะคะ รายละเอียดเยอะจริง

กลัวเดี๋ยวเพื่อนๆจะมึน แล้วปิดหน้านี้ไปก่อน เอาพอประมาณ

หลักในการผลิตผลิตภัณฑ์ตัวหนึ่งที่มีคุณภาพของ EUCERIN

  1. วิจัยสูตรและส่วนผสมที่คัดเลือกสารมาจากกว่า 1,000 ชนิด
  2. จำลองเนื้อเยื่อของเซลล์ผิวหนังมนุษย์ขึ้นมาเพื่อทดสอบ
  3. เมื่อได้ผลจึงเริ่มทดสอบกับผิวมนุษย์ปกติ
  4. เมื่อทดสอบผิวมนุษย์ปกติ ก็จะมาทดสอบกับผิวที่แพ้ง่าย หรือ เป็นโรคทางผิวหนัง
ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์อย่างสูงสุด ภายใต้สารที่ค้นคว้า วิจัย พัฒนามาแล้วว่ามีประสิทธิภาพที่สุด 

 บรรยากาศมีแต่คนผิวดีหน่ะ เรื่องจริง ฝรั่งไร้กระอะ คิดเอา อืมอย่างนี้สิน่าเชื่อถือ เหมือนคนขายครีมแก้ฝ้า แต่ยังเป็นฝ้าอยู่ ตรงนี้มีผลมาก เอิ๊กสังเกตุผิวทีม EUCERIN เยอรมันทุกคนเลย ถึงจะอายุมากแต่ผิวสุขภาพดี มันกระจ่าง แบบโกลว์อะ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะปกติเม็ดสีผิวของพวกเขาจะขึ้นจุดด่างดำง่าย นี่ไม่พบเลย

มีงานวิจัย แปะ โดยรอบ เท่าที่เห็นเวลาคนเราทดสอบข้างในชั้นผิวหนังเขามักจะฉีดสีเข้าไป แล้วสังเกตุสีที่วิ่งเข้าสู่ด้านในเอา เขาไม่ผ่าชิ้นเนื้อมาเทส เหมือนกับสัตว์ที่บางบริษัทยังใช้วิจัยอยู่

 EUCERIN ทำน้ำตาไหล เมื่อรู้ว่า เขาไม่ทดลองกับสัตว์เลย กว่า 20 ปีที่อยู่มา เพิ่งทราบจริงๆ

 ห้องทดลอง ทดสอบถูกจัดเป็นส่วนๆ อยากบอกว่ามันเล็กมาก เข้า 2-3 คนน่าจะกำลังดี คงเพราะเขาน่าจะอยากให้แต่ละทีมมีสมาธิ ถ้าอยู่เยอะ อาจจะสมาธิแตกซ่านได้ [ คิดเอง ]

 ห้องแรกที่ไป คือ ห้องการจำลองเนื้อเยื่อมนุษย์ออกมา และ หยดสารที่ต้องการทดสอบลงไป เช่น ไวท์เทนนิ่ง และมีเนื้อเยื่อหลาย 4 ผิวด้วยกัน และ มีภาพขยายของผิวหนังที่ผิดปกติ ผิวแพ้ ผิวเป็นโรคภูมิแพ้ หรือ สะเก็ดเงินให้ดู ว่าเวลาขยายชั้นผิวหนังดู จะเป็นแบบไหน เมื่อทดสอบได้ผลดี จึงนำไปทดสอบกับผิวปกติ และ ผิวแพ้ง่าย รวมถึงผู้ที่มีโรคผิวหนัง จำนวนหนึ่งกลุ่มทดสอบต่อไป

 ได้ไปเห็นห้องที่เข้าใช้คัดเลือกส่วนผสมที่เยอะกว่า 1,000 สาร ใช้ตู้เก็บอย่างดี อย่างล้ำแบบเทคโนโลยีชีวภาพ


ที่นี่ลงมาด้านล่าง ซึ่งเก็บภาพได้บ้างละ แต่ห้องแต่ละห้องก็ไม่ใหญ่มาก  จุได้ประมาณ 10 คน
แต่เรามากันคณะใหญ่ก็เบียดเสียดกันเข้าไป

มาตรวจถุงใต้ตากันก่อนเลย 55555 รวมถึงริ้วรอย ห้องนี้ถ่ายแล้วซูมริ้วรอยชัดมาก
ความยับของใต้ตา ขนาดพ่อหนุ่มที่ไปนั่งเป็น CASE STUDY วันนี้หน้าตึงๆ
ซูมจริงเริ่มมีริ้วรอยแล้ว เอาไว้ดูว่าใช้ครีมแล้วเป็นไง มาขยายผิวดูอย่างชัดเจนกันที่ห้องนี้
หลักจากทีม EUCERIN เยอรมันพูดจบ
เราก็ได้ผู้ช่วยศาสตราจารย์สาวเป็นคนแปลทุกฐาน เนื่องจากเป็นผู้หญิงคนนึงที่คร่ำหวอด
ในวงการวิจัย และ เป็น speaker แพทย์ผิวหนังระดับนานาชาติ มาสรุปทุกฐาน
ความจำดีเลิศมาก คือ เขาพูดจบหมดแล้วคุณหมอถึงมาแปลอีกทีอย่างยาวเท่าๆกัน
ตบมือให้ คุณหมอ รังสิมาหลายๆทีเลยค่ะ ประเด็นคือสอนเข้าใจง่าย
เด็กโง่วิทย์อย่างเอิ๊กเข้าใจเลย 5555555555 <3

ห้องนี้คุณหมอรังสิมาบอกว่าเป็นที่ไฝ่ฝันมาก เนื่องจากเปิดรับอาสาสมัครที่ได้รับค่าจ้าง
โดยแต่ละคนต้องผ่านการอบรม เพื่อให้เป็นมาตรฐาน และ ลงคะแนนการทดสอบให้เป็น
เป็นระยะเวลาครึ่งปี ก่อนที่จะเริ่มทำงานจริง ค่าจ้างครึ่งชม. ประมาณ 200 บาท
ในกรุ๊ปนึงแต่ละคนก็จะต้องทดสอบครีม ตั้งแต่ความรู้สึก ความมัน ความชุ่มชื่น ฯลฯ
โดยมีการแบ่งเป็นเกรดให้ทราบเลยแต่ละส่วน โดยมีการควบคุมอย่างใกล้ชิดจากนักวิจัย
ผู้เชี่ยวชาญย่างที่บอกว่าเมื่อส่วนผสมทดสอบในเนื้อเยื่อที่จำลองมาแล้วผ่าน
ก็จะมาทดสอบกับผิวคนปกติ

 

มันคือเครื่องที่เอาไว้บันทึกคะแนนของครีมที่เราทดสอบ เช่น ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า
ว่าคนที่ทดสอบ ลองใช้รู้สึกยังไง และอาจต้องมีการจับเวลาดูความมันที่จะเกิด
 ความหนืด เมื่อใช้เสร็จก็ต้องบันทึกคะแนนลงในเครื่องนี้ ในห้องจะคุมอุณหภูมิอย่างละเอียด
 
หลังจากนั้นก็เดินไปอีกฝั่งซึ่งมีความสำคัญไม่แพ้กัน

อิอิ ชุดยูนิฟอร์มน่ารัก ขาวแดง EUCERIN มาเลย มันอยู่ช่วงหนาว ต้นไม้เปลี่ยนสีสวยมาก
และโซนนี้อยากให้คนที่คลั่งไคล้สกินแคร์ได้มาเห็น มันแบบอลังมาก จะบอกว่าเขาห้ามถ่ายรูป
ศร้ามากเลย เพราะเรื่องนี้มันยาก เอิ๊กจะขอนำทุกท่านเข้าสู่ช่วงจินตนาการล้ำเลิศอีกครั้ง
บรรยากาศภายใน 

 เป็นห้องโถงยาวเดินสบาย กว้าง ติดกระจก มีแสงแดดสาดเข้ามา อุดมไปด้วยนักวิทยาศาสตร์ และแพทย์ผิวหนัง 

ชั้นวางโชว์ผลิตภัณฑ์

 ผลิตภัณฑ์ EUCERIN มีทุกสูตร ตระการตามาก 

ผิวพรรณของพนักงานที่นี่

 ทุกคนผิวดี กระจ่าง สุขภาพเปล่งปลั่งไม่ต่างจากสองโซนแรก สงสัยจะอาบ EUCERIN 

การทดสอบ

 ตามแต่ละโต๊ะของทุกคนจะมีส่วนผสมที่ตั้งไว้ทดสอบการแปรสภาพเวลาเจอแสงเป็นเวลากี่วัน กี่เดือน ก็แล้วแต่จะกำหนด เพื่อดูว่าส่วนผสมที่ผลิตมานั้น หากเจอแสง อุณภูมิที่เย็นมาก ร้อนมากจะเกิดการเปลี่ยนแปลง และหรือ ประสิทธิภาพลดลงไหม โดยตั้งไว้ใกล้แสงแดด หลายอันเลย ดูความคงตัว หลังจากนั้นจึงนำส่วนผสมในรูปแบบครีมที่ได้ทำขึ้นมามาลอง เพื่อจะได้รู้ว่า ส่วนผสมที่ใช้ยังมีประสิทธิภาพเป็นอย่างไร ที่มีการทดสอบตรงนี้ เนื่องจากเอาไว้ดูเวลาขนส่งกระจายไปทั่วโลก อุณหภูมิที่ต่างกัน จะทำให้ครีมยังมีคุณภาพที่ดีอยู่ไหม ในการทดสอบก็จะเริ่มจากผิวปกติ ตามด้วยผิวแพ้ง่าย และผิวที่เป็นโรคผิวหนัง เพื่อให้มั่นใจว่าปลอดภัย

ส่วนผสมผลิตภัณฑ์

 เต็มไปด้วยส่วนผสมทางวิทยาศาสตร์เหมือนในหนังเลย โดยมีระบบคอมพิวเตอร์เป็นตัววัดน้ำหนักส่วนผสมทุกอย่างๆเที่ยงตรง และมีการผสมสารเพื่อทดลองกันได้เลย ณ ที่นี่ หลังจากมีคนคิดสูตร และ ก็นำมาผสมจากส่วนผสมในห้อง โดยมีมาตราฐานการวัดที่เที่ยงตรง หรือ คลาดเคลื่อนน้อยมาก ก่อนนำไปขึ้นเป็นผลิตภัณฑ์ในรูปแบบครีมอีกที แล้วทิ้งใหอุณหภูมิเย็น ค่อยเติมพวกน้ำหอม หรือ ส่วนผสมบางอย่างจนเสร็จอีกที

การผสมครีมขึ้นมาทดสอบในกลุ่มตัวอย่าง 

 มีห้องปั่นครีมด้วยอะ 5555 เวลาที่ผสมเสร็จนำมาผสมให้เป็นครีมสำเร็จ ในส่วนลอตผลิตนี้นำไปเทสกันก่อน จะเข้าสู่ระบบโรงงานการผลิตแบบเครื่องปลอดเชื้อที่ได้มาตราฐาน

ห้องนี้สำหรับผู้เชี่ยว นักวิจัย นักวิทยาซาสตร์ แพทย์ผิวหนัง

 มุมนี้มีแต่หัวกระทิ ที่ใส่เสื้อกราวน์ ดูเชี่ยวชาญยิ่งนัก 

 ปล. อยากให้ทุกคนมาเห็นจัง ละเอียดละออ เยอะขั้นตอนจริงกว่าจะออกมาแต่ละตัว บางสูตรก็วิจัย พัฒนากันเป็นสิบปีขึ้นไป และ เพื่อความปลอดภัย ทั้งมนุษย์ทุกสภาพผิว ยังมีการทดสอบเรื่องอุณหภูมิ แสง ตัวแปรอื่นๆอีก มันเจ๋งจริง เขาเลยไม่ให้ถ่ายรูปเลยไง 

 

สรุปวันนี้ทำให้เอิ๊กได้รู้จัก EUCERIN ขึ้นมาก มากกว่าแต่ก่อนที่เข้าใจว่า “ดัง” มีนักวิจัย นักพัฒนา แพทย์ผิวหนังรองรับเยอะแค่นั้น เข้าใจตอนนี้นี่เองที่ได้มา ว่าแต่ละตัวที่ออกมาแม้ว่าปีนึงจะออกเป็น 100 ตัว แต่กว่าจะออกมาให้ใช้ได้ เขาใส่ใจกับมันมากแค่ไหน นี่ยังไม่รวมแล็บแถวเอเชียนะ ที่สร้างขึ้นเพื่อพัฒนาให้ใช้ได้กับผิวคนโซนเอเชียที่สภาพอากาศอีกแบบ คือที่ดูว่าออกผลิตภัณฑ์บ่อยเยอะ แท้จริงคิดกันมาแล้วหลายปีขึ้นไป ทดสอบกันมาแล้วหลายขั้นตอน แถมออกแล้วก็พัฒนาต่อตัวเดิมอีกจนมีงานวิจัยใหม่ที่ดีกว่าเดิมออกมาถึงผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอีกเรื่อยๆ จากการที่ได้เล่าคร่าวๆให้ฟัง ยังเยอะขนาดนี้ ขั้นตอนเขาเยอะจริงๆ เงินเยอะ นักวิทยาศาสตร์เยอะเกือบ1,000คน และเครือข่ายพันธมิตรวงการนี้อีกมาก รวมถึงทุ่มงบทุกปีเพื่อการค้นคว้า วิจัย พัฒนาตรงนี้ตลอดเวลา ให้เขาไปเถอะในการผู้นำ 55555 เขาเรียกว่ารุ่นเก๋า อยู่มานานฟิตขึ้นเรื่อยๆในการปรับปรุงพัฒนาตัวเอง เสียใจอย่างเดียว รูปห้ามถ่าย 🙁

 

ไม่แน่ใจว่าวันนี้จะทำให้ทุกคนเข้าใจยากไปไหม แต่เอิ๊กเอาแต่สิ่งสำคัญมาเล่า
ให้เป็นแรงบันดาลใจ กว่าแบรนด์เวชสำอางแบรนด์นึงจะประสบความสำเร็จ
เขาต้องอดทนพยายามกันขนาดไหน อยากออกผลิตภัณฑ์เลยก็ไม่ได้
ต้องวิจัยพัฒนาซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ตอนนี้ไม่คิดว่า EUCERIN ราคาสูงละ
เพราะต้นทุนเขาสูงจริง

ปล. ที่ถามกันว่าซื้อครีมต่างประเทศดีกว่าไทยไหม เอิ๊กว่าราคาพอกัน
บางสูตรที่ไม่มีในไทย ก็อาจไม่เหมาะกับอากาศบ้านเราก็ได้นะ
แต่ตอนนี้ใช้ของ EUCERIN เยอรมันอยู่แหละ อย่างดี อิอิ
ต่อกันใหม่ภาค 2 นะ <3

สวัสดี !

Posted in SKIN CARE, TRAVELComments (4)

ริ้วรอยกับทางแก้ – BEAUTY TALK

 

เ อิ๊ ก ไ ม่ เ ค ย ส น ใ จ เ รื่ อ ง นี้ จ น ก ร ะ ทั่ ง

ส่ อ ง ก ร ะ จ ก เ เ ล้ ว พ บ ใ ต้ ต า

บั ง เ กิ ด ” ริ้ ว ร อ ย “

 

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หลายคนมีปัญหา ขอโทษที่ลืมเขียนไป

 

เมื่อวัยเด็ก วัยรุ่น วัยทำงานตอนต้น

จะแสดงสีหน้าแบบไหนใบหน้าก็กลับมายืดหยุ่นราบเรียบดังเดิม

พอวัยที่เพิ่มมากขึ้น คอลลาเจนเสื่อมสภาพลงไปทุกปี ชั้นหนังกำพร้าที่บางลง

การแสดงสีหน้า กลับทำให้เกิดรอยพับย่น ที่ลึกและชัดขึ้น นี่เรียกว่าเป็นริ้วรอยธรรมชาติ

ที่เกิดจากแสดงสีหน้า และ ช่วงวัยที่เพิ่มมากขึ้น “

รู้ได้อย่างไรผิวเราเริ่มเสื่อม ?

สำหรับใครที่ลองนอนตะแคง นอนเอามือกดทับบนใบหน้า นอนคว่ำ นอนซุกหมอน พอตื่นมาพบว่าใบหน้ามีรอยยับ ซึ่งไม่กลับคืนสู่สภาพปกติ เป็นเวลานาน นั่นหมายความว่า คอลลาเจนเริ่มเสื่อม ผิวเริ่มมีอายุ

ถึงแม้ว่าจะใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ แต่ความแก่และริ้วรอยก็เป็นเรื่องธรรมชาติ และคนเราย่อมต้องแก่เข้าซักวันถึงแม้จะพยายามอย่างที่สุดแล้ว เราคงไม่มีทางหยุดอายุหน้าให้อยู่ที่ 20 ได้ตลอดไป จึงควรพอใจแล้วถ้ามีคนทักว่า หน้าอ่อนกว่าอายุจริง อยากสวยอย่างธรรมชาติ ก็ต้องยอมมีริ้วรอยอย่างธรรมชาติบ้าง เพราะผิวหน้าก็ยังเป็นหน้า ไม่ใช่พลาสติก จะได้เรียบเนียนได้ 100% via @DrRungsima Twitter

 

 

ริ้วรอยบนใบหน้ามีกี่ประเภท 

  1. ริ้วรอยที่ปรากฎเฉพาะเวลาแสดงสีหน้า – อาทิ เวลาเรายิ้มเราจะพบตีนกาบริเวณหางตา หากเราไม่ยิ้มก็จะไม่เห็นรอยตีนกา
  2. ริ้วรอยที่ปรากฎตลอดเวลา – อาทิ รอยย่นหน้าผาก แม้ไม่ขยับใบหน้าก็ยังมองเห็น

สาเหตุของริ้วรอย

  1. การโดนแสงแดดมาก ๆ : เพราะแสงแดดเป็นตัวการกระตุ้นทำให้เกิดริ้วรอย ทำให้ดูแก่ก่อนวัย
  2. การใช้กล้ามเนื้อแสดงสีหน้า : เช่น เวลายิ้ม การขมวดคิ้ว เรื่องหน้าผากก็จะทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าได้ ถ้าเป็นรอยย่นที่พบบ่อยจากการใช้กล้ามเนื้อแสดงสีหน้า คือหางตา เช่นเวลาชมวดคิ้ว รอยย่นหน้าผาก ถ้าเป็นรอยย่นที่เกิดจากการใช้กล้ามเนื้อแสดงสีหน้าแล้วบางทีอายุ 20 ปีขึ้นไปก็อาจพบได้เช่นกัน
  3. อายุที่เพิ่มขึ้น : การเสื่อมของคอลลาเจนเพราะอายุ ชั้นหนังกำพร้าจะบางลง ส่วนใหญ่จะเริ่มเห็นชัด ประมาณอายุ 30 ขึ้นไป ริ้วรอยประเภทนี้อาจเป็นกรรมพันธุ์ ลองสังเกตดูหน้าคุณพ่อหรือคุณแม่ของเราเวลามีอายุ มีริ้วรอยคนในครอบครัวเดียวกันมักจะมีรอยย่นแบบเดียวกัน

การป้องกันริ้วรอย

  • รอยย่นที่เกิดจากแสงแดด
  1. ทากันแดดเพื่อปกป้องจากแสงแดดตั้งแต่อายุน้อยๆ แม้กระทั่งเด็กๆ พยายามเลือกประสิทธิภาพค่ากันแดดสูงๆหน่อยและก็ปริมาณการทาให้ทั่วหน้า หนึ่งข้อนิ้วมือหรือหนึ่งช้อนชา
  2. ใส่หมวก
  3. กางร่ม
  4. เลี่ยงแดดเท่าที่ทำได้
  • รอยย่นที่เกิดจากการใช้กล้ามเนื้อแสดงสีหน้า
  1. ฝึกยิ้มหน้ากระจกยังไงไม่ให้เกิดตีนกา แล้วก็ไม่ย่นจมูก
  2. ไม่ขมวดคิ้ว ไม่มีอารมณ์โกรธ
  3. ใส่แว่น หรือ คอนแท็คเลนส์ ถ้าสายตาสั้นหรือยาวจะได้ไม่ต้องเหลือกคิ้ว,หยีตาบ่อย ก็จะไม่เกิดรอยย่นหน้าผากหรือตีนกาเร็ว
  4. การออกกำลังกาย ช่วยให้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ จิตใจสบาย ลดความเครียด ส่งผลทางอ้อม
  • รอยย่นที่เกิดจากวัย ยังไงก็มา ทำใจ ชะลอให้ช้าลงได้ตาม 2 รอยย่นด้านบน
วิธีการรักษาริ้วรอยจากขั้นตอนง่าย>ยาก
  • ริ้วรอยน้อย ๆ  ไม่มาก : สามารถซื้อผลิตภัณฑ์ครีมที่มีส่วนผสมชองกรดวิตามินเอ kinetin argireline ซึ่งมีงานวิจัยรับรองว่าสามารถลดริ้วรอยได้จริง และกรดผลไม้มาทาได้ จะช่วยการลอกเซลล์ด้านบนออกไป และ กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่เร็วขึ้น ซึ่งกรดวิตามินเอมีงานวิจัยรองรับในการรักษาริ้วรอยตื้นๆได้จริง เพราะฉะนั้นก็จะทำให้ริ้วรอยเล็ก ๆ หายไปได้ ถ้าเป็นกรดวิตามินเออาจจะต้องมีแพทย์สั่ง ส่วนใหญ่กรดผลไม้ [ อาทิ AHA BHA ] มักจะผสมอยู่ในเครื่องสำอางค์ตามเคาท์เตอร์เครื่องสำอางค์หลายยี่ห้อ แต่ประสิทธิภาพจะสู้กรดวิตามินเอไม่ได้
ข้อดี หาซื้อง่าย ราคาถูก ใช้ง่าย ต้องทา 3 เดือนขึ้นไปหรือมากกว่านั้น
ข้อเสีย ทำให้หน้าแห้ง ลอกเป็นขุย ถ้าคนที่แพ้มากๆ จะทำให้ขึ่นผื่นแดง คันแสบ ระคายเคือง
  • ริ้วรอยปานกลาง : อาจหมายถึงริ้วรอยที่เห็นได้เวลาแสดงสีหน้า ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมไฮยาลูลอน และ โคเอนไซคิวเทน [ Co-enzyme Q10 ] สำหรับไฮยาลูลอนเป็นสารเติมเต็ม หลักการคือจะซึมลงไปในผิวหนัง และตัวมันเองจะดูดน้ำเข้ามา มันจะอุ้มน้ำได้เยอะ จึงทำให้ริ้วรอยที่มีอยู่มันเต็มขึ้นมา / Q10 ช่วยเรื่องต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่ลดการเสื่อมของเซลล์ผิวหนังได้ดีเมื่อได้รับแสงแดด และมีงานวิจัยว่าสามารถลดริ้วรอย และ ร่องลึกให้ตื้นขึ้นได้
ข้อดี ไฮยาลูลอนจะอุ้มน้ำได้ดี ไม่ค่อยทำให้เกิดการระคายเคือง หรือแพ้ / Q10 จะต้านการเสื่อมของเซลล์ผิว ช่วยชะลอริ้วรอยได้ หาซื้อง่ายผสมในครีมหรือเครื่องสำอาง
ข้อเสีย ราคาจะสูงกว่ากรดวิตามินเอ กรดผลไม้ ประสิทธิภาพในการซึมขึ้นกับเทคโนโลยีการผลิต ยิ่งโมเลกุลเล็ก ยิ่งซึมและเห็นผลดียิ่งขึ้น
  • ริ้วรอยร่องลึกชัดเจน : ริ้วรอยที่อาจจะเห็นชัดแม้ไม่แสดงสีหน้่าก็ตาม และ อาจไม่สามารถเยียวยาด้วยครีมได้  เราอาจจะพบแพทย์ผิวหนัง เพื่อรับการฉีดสารโบทูลินูมทอกซิน ฉีดสารฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็ม สำหรับโบท็อกซ์ คือ จะไปยับยั้งการหดเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ เพราะฉะนั้นกล้ามเนื้อมัดๆจะใช้งานไม่ได้ เป็นอัมพาตชั่วคราว เมื่อไม่ได้ใช้งาน กล้ามเนื้อจึงมีการคลายตัว หรือ มีขนาดเล็กลง  รอยย่นก็จะไม่ลึกและไม่มากเท่าเดิม / ฟิลเลอร์ คือ เอาไว้เติมร่องลึก เช่น ร่องใต้ตา ร่องแก้ม บางคนพอสูงอายุขึ้นแล้วแก้มตอบ ขมับยุบ เพราะว่าอิลาสติก และ คอลลาเจนในผิวหนังมันหาย เราก็จะฉีดให้เต็มตื้นขึ้นมาได้ทันที / เลเซอร์ หรือ คลื่นความถี่วิทยุ [ RF ] ปล่อยพลังงานแสง หรือ คลื่นความถี่วิทยุลงบนริ้วรอยบนใบหน้า หรือรอยย่นเล็กๆ เพื่อลอกเซลล์ผิวชั้นบนแล้วผลพลอยได้คือความร้อนใต้ชั้นผิวที่เกิดจากแสงคลื่นวิทยุ หรือ แสงเลเซอร์ ก็จะด่ำดิ่งลงไปผิวหนังชั้นลึกที่ตรงจุด นอกจากกรอผิวเพื่อทำให้เกิดการสร้างผิวใหม่ ผลจะชัดเจนอยู่ยาวกว่า และ ความร้อนเหล่านั้นกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนเพื่อให้ผิวเกิดความยืดหยุ่น และ มีสุขภาพที่ดีขึ้น

ข้อดีการฉีดโบทูลินูมทอกซิน รักษาริ้วรอยสำหรับการแสดงสีหน้าได้ดี และป้องกันการเกิดริ้วรอยที่เป็นอยู่ได้อย่างเห็นผลลัพธ์

ข้อเสียการฉีดโบทูลินูมทอกซิน  ไม่ถาวร ต้องรับการฉีดซ้ำทุก 3 – 4 เดือน ถ้าฉีดมากไปก็จะไม่เป็นธรรมชาติ หรือแม้กร่ะทั่งฉีดไปโดนกล้ามเนื้อที่เราไม่ต้องการ เช่นยาไปไหลลงกล้ามเนื้อตรงเปลือกตาทำให้ตาตก หรือตาปิดได้ หรือปิดตาไม่สนิท ถ้าบางคนฉีดแก้ม ก็อาจหน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว จึงต้องฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านมัดกล้ามเนื้อบนใบหน้า [ Anatomy ]

ข้อดีการฉีดสารฟิลเลอร์ รักษาริ้วรอยและร่องลึกที่เห็นชัดแม้ไม่แสดงสีหน้่ได้ดี อาทิ ร่องแก้ม ร่องลึกริ้วรอยข้างดวงตา แต่มีข้อเสียคือไม่ถาวร ต้องฉีดซ้ำทุก 6-12 เดือน และต้องฉีดโดยแพทย์ผู้ชำนาญ

ข้อเสียการฉีดสารฟิลเลอร์ ไม่ถาวร ต้องรับการฉีดซ้ำทุก 6-12 เดือน โอกาสแพ้มีเหมือนกัน แต่พบได้น้อยมาก เช่นสาร hyaluronic acid รุ่นใหม่ โอกาสแพ้คือ 1 ใน 2000 ราย ความปลอดภัยรุ่นใหม่จะค่อนข้างสูง การฉีดฟิลเลอร์เป็นเทคนิคการฉีดของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแต่ละท่าน เรื่องของมีอาการฟกช้ำดำเขียวบวม เป็นเรื่องปกติที่จะหายไปเอง 3-7 วัน แต่ถ้าฉีดมากไปไม่เป็นธรรมชาติ อาจจะเป็นก้อนปูดนูน หรือว่าใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ถูกต้อง เช่นร่องเล็กๆ แต่ไปใช้ฟิลเลอร์โมเลกุลใหญ่ฉีดไปก็อาจเกิดตะปุ่มตะป่ำ เป็นก้อนเป็นไต อีกทั้งถ้าเทคนิคการฉีดที่ไม่สะอาด ก็จะเกิดการติดเชื้อ เป็นหนอง อาจจะเน่าได้ ถ้าบางคนแพ้จะพบรอยแดงจนกว่าฟิลเลอร์จะหมดฤทธิ์ อีกเรื่องนึงก็คือถ้าฉีดเข้าไปในเส้นเลือด ถ้าฉีดไม่ระวังแล้วไปเข้าเส้นเลือดก็อันตราย เพราะฟิลเลอร์เวลาฉีดมันเป็นเจลใสๆ ถ้าเราฉีดมันจะเข้าไปในเส้นเลือดก็จะอุดตัน  ถ้าเกิดเป็นเส้นเลือดแดงจะสำคัญมาก เช่นดั้งจมูก ยาจะเข้าไปในเส้นเลือด ทำให้ตาบอดได้ ถ้าฉีดเทคนิคไม่ดี อาจทำให้ผิวหนังเป็นคลื่นลอนได้

ข้อดีของการทำเลเซอร์ เลือกกรอผิวที่เป็นริ้วรอยได้สำหรับส่วนที่ต้องการให้เรียบเนียนได้ตรงจุด  ความร้อนจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพิ่มเติม ผลที่เห็นชัดเจน ยาวนานกว่า

ข้อเสียของการทำเลเซอร์ ราคาสูง ต้องทำหลายครั้ง แพทย์ต้องมีความชำนาญและประสบการณ์ที่มากพอ ผลกระทบหลังทำมีรอยแดงที่จะหายไปเอง และ บางคนถ้าผิวสีคล้ำมาก การกรอผิวอาจทำให้เกิดรอยดำหลังทำได้โดยภายหลังอาจรักษารอยดำนั้นให้หายได้ ผิวที่ขาวอาจทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นหลังตกสะเก็ดเป็นสีชมพูที่อาจหายไปเองตามวันและเวลา ซึ่งบางทีก็นานเป็นปีระหว่างเนื้อเยื่อสร้างใหม่ขึ้นมา และ บางรายเกิดการด่างขาว จึงจำเป็นต้องใช้ทักษะในการทำมากพอสมควร ความลึกของการลอกผิวได้ในการกรอก็ขึ้นกับเครื่องของเลเซอร์ ถ้าลอกมากๆอาจจะมีเลือดซึมๆ หรือแผลสด มีการแสบร้อนซึ่งต้องทายาชาก่อนทำ เลเซอร์กรอผิว เช่น CO2/Erbium Yag/C&B

ข้อดีของการทำคลื่นความถี่วิทยุ [ RF ] ปัจจุบัน RF สามารถปล่อยพลังงานความร้อนรวมถึงทำการกรอผิวได้ โดยที่แผลเล็กมากแทบมองไม่เห็นตกสะเก็ด และ หลุดออกไป RFสามารถลงลึกถึงชั้นไขมัน นอกจากจะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ได้อย่างดี ยังช่วยกระชับผิว ขับน้ำมันในเซลล์ไขมันให้ออก นอกจากแผลเล็ก หายไว ไม่เกิดผลกระทบ ไหม้ ดำ ด่างขาว ยังช่วยกระชับผิวได้ดี เช่น THERMAGE ULTHERA

ข้อเสียของการทำคลื่นความถี่วิทยุ [ RF ] ราคาสูง ต้องทำหลายครั้ง อาจจะรู้สึกร้อนๆใต้ผิว ไม่กี่ชั่วโมงจะหายไปเอง

ข้อแนะนำในการรักษาริ้วรอย

จะเห็นว่าทุกวิธีล้วนมีข้อดี และ ข้อเสีย

เราควรจะต้องศึกษาหาความรู้เบื้องต้นก่อนว่าริ้วรอยที่เกิดขึ้นนั้นเป็นริ้วรอยประเภทใด และ จะทำการรักษาด้วยวิธีไหนให้เหมาะสม แม้กระทั่งก่อนพบแพทย์ ก็จะต้องตรวจสอบประวัติแพทย์เฉพาะทาง รวมถึงสถานที่รักษาพยาบาลที่ผ่านการตรวจสอบได้รับใบอนุญาตการรับรองจากกระทรวงสาให้เรียบร้อย

แล้วส่วนตัวคุณหมอนุสราใช้วิธีไหน เพราะยังดูอ่อนกว่าวัย และ ผิวพรรณดูกระชับทุกสัดส่วน

  1. ออกกำลังกาย
  2. มีการใช้ผึกใช้กล้ามเนื้อเพื่อให้เกิดริ้วรอยน้อยที่สุดเวลาแสดงสีหน้่ เช่นฝึกยิ้มไม่ให้รอยย่น รอยยับบนใบหน้า
  3. มีอารมณ์ขันตลอดเวลา
  4. ทากันแดดทุกวัน

 

หาข้อมูลทำด้วยเกือบ 4 วันเพราะกลัวแก่ วันนี้ลาไปก่อน กับเอิ๊ก – เอิ๊ก ตอน 80 ปีค่ะ 5555

 

ต้องขอขอบพระคุณเนื้อหาจาก

– เทปสัมภาษณ์แพทยหญิงนุสรา วงศ์รัตนภัสสร แพทย์ที่ปรึกษา ISKYCENTER

– @DrRungsima Twitter

รูปภาพประกอบจาก

http://dvdetectiveconsultor.tumblr.com/

beautified.co

Posted in FACE, SKIN, WRINKLEComments (0)

สิวตามตำแหน่งต่างๆบนใบหน้าบอกอะไรเอ่ย ?

สิวในตำแหน่งต่างๆของร่างกายบอกอะไร ?

ศาสตร์เรื่องสิวมีหลายตำรามาก อันนี้ยกมาตำรานึงที่พูดถึงปัญหาสุขภาพ เพื่อใครที่เป็นสิวเรื้อรังขึ้นบริเวณเดิมๆ ลองดูสิ ว่ามีปัญหาภายในอะไรรึเปล่า ไม่นับสิวฮอร์โมนนะจ๊ะ อันนั้นขึ้นบริเวณเดิม ตำแหน่งเดิมปกติอยู่แล้ว และสิวที่เราจะมาพูดในวันนี้จะบอกถึงปัญหาสุขภาพภายในได้แม่นยำขนาดไหนต้องลองอ่าน และ อาจจะสังเกตุดูค่ะ

 

ส่วนที่ 1 สิวบริเวณใบหน้า

ตำแหน่งต่างๆบอกว่าเราอาจจะมีปัญหาสุขภาพภายใน

[ ภาพจากเว็บพี่บีม MarryBeam ผู้เชี่ยวชาญการรักษาสิวภายใน ]            

 

–  บริเวณหน้าผาก ( โซนที่ 1 และ 3 )

การเกิดสิวในบริเวณนี้เกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบย่อยอาหาร กระเพาะปัสสาวะ และต่อมหมวกไต                       

สาเหตุ มาจากการมีความเครียดสูง  / การทารองพื้นที่หนาเกินไปและการแต่งหน้าบริเวณคิ้วมากไปแล้วล้างเครื่องสำอางค์ไม่สะอาด ก่อให้เกิดเป็นสิวขึ้นบริเวณนี้ได้เช่นกัน

วิธีการแก้ไข 

  1. ควรผักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง เพื่อช่วยให้ตับทำงานได้มีประสิทธิภาพดีขึ้น 
  2. ดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เพราะการดื่มน้ำจะช่วยเรื่องของการขับถ่ายและย่อยอาหาร
  3. ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 20-30 นาที รวมถึงหากิจกรรมต่างๆเพื่อคลายความเครียด
  4. ล้างเครื่องสำอางหรือแชมพูสระผมให้สะอาด หากมีการใส่หมวกเป็นประจำควรมีการทำความสะอาดหมวกให้สะอาดอยู่เสมอ

 

บริเวณกลางหน้าผากระหว่างคิ้ว ( โซนที่ 2 )

ปัญหาหลักอาจเกิดจากระบบการทำงานของตับ รวมไปถึงปัญหาของการย่อยสารอาหารจำพวกแลกโตส ซึ่งอยู่ในนมวัวหรืออาหารที่มีส่วนผสมของนมวัว

สาเหตุ เกิดจากการทานอาหารรสจัด และการทานอาหารดึกเกินไป รวมถึงรับประทานอาหารผลิตภัณฑ์นมวัวเพราะย่อยยากกว่าพวกนมถั่วเหลือง

วิธีการแก้ไข

  1. หลีกเลี่ยงการทานอาหารรสจัด หรือการทานอาหารในช่วงดึก
  2. งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่

 

บริเวณหูทั้งสองข้าง  ( โซนที่ 4 และ 10 )

การเกิดสิวในบริเวณนี้เกิดขึ้นจากปัญหาเรื่องการทำงานของไต และอุณหภูมิในร่างกายที่สูงเกินไป 

สาเหตุ เกิดจากการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ น้ำอัดลม กาแฟหรือการกินเนื้อสัตว์มากเกินไป นอกจากนี้ยังเกิดจากการล้างแชมพูหรือสบู่ออกไม่หมด รวมไปถึงการใช้โทรศัพท์มือถือที่มากเกินไปก็มีส่วนดังนั้นควรทำความสะอาดโทรศัพท์ หรือ มือถือเป็นประจำ

วิธีการแก้ไข

  1. หลีกเลี่ยงอาการที่มีไขมันสูง เช่น ของทอด อาหารประเภท fast food, junk food ต่างๆ
  2. ทานผัก ผลไม้ที่ช่วยลดอุณหภูมิในร่างกาย เพิ่มกากใยช่วยย่อยทำให้ร่างกายขับของเสียและความร้อนออก เช่น  แตงกวา แตงโม น้ำเต้า เป็นต้น
  3. รักษาความสะอาดบริเวณใบหูอย่างดี ล้างแชมพูและสบู่ให้หมดจด รวมไปถึงงดการใช้โทรศัพท์เป็นเวลานานเมื่อเกิดสิวบริเวณดังกล่าว

 

บริเวณแก้มทั้งสองข้าง ( โซนที่ 5 และโซนที่ 9 )

สิวบริเวณนี้เกี่ยวข้องกับปัญหาเรื่องระบบทางเดินหายใจ ไซนัสและปอด 

สาเหตุ มาจากการสูบบุหรี่จัดหรือการแพ้ควันบุหรี่ มีอาการภูมิแพ้หรือหวัดเรื้อรัง การเลือกใช้รองพื้นที่ไม่เหมาะสม หรืออาจเกิดจากการแพ้อาหารทะเล รวมถึงการแพ้ปอกหมอน

วิธีการแก้ไข

  1. ลดการสูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ที่แออัด เสี่ยงต่อการสัมผัสฝุ่นละอองและควันบุหรี่
  2. หลีกเลี่ยงการทานอาหารประเภทที่มีน้ำตาลและน้ำอัดลม
  3. ฝึกการออกกำลังกายเพื่อบริหารปอด เช่น การเต้นแอโรบิค ในช่วงเวลา 19.00-21.00 เพราะเป็นช่วงเวลาที่ปอดทำงานได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
  4. พยายามฝึกการขับถ่ายให้เป็นระบบและเป็นเวลา
  5. ดูแลความสะอาดอุปกรณ์แต่งหน้าอื่นๆให้สะอาดอยู่เสมอ
  6. หากรู้สึกว่าสิวเกิดขึ้นหลังจากการรับประทานอาหารทะเล ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที
  7. ทำความสะอาดปลอกหมอนอย่างสม่ำเสมอ

 

บริเวณรอบดวงตาซ้ายและขวา ( โซนที่ 6 และโซนที่ 8 )

ปัญหาการเกิดสิวในบริเวณนี้เกิดจากการความผิดปกติของไต ปัญหาเรื่องโรคภูมิแพ้

สาเหตุ มาจากการเลือกใช้เครื่องสำอางที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว หรือการใส่แว่นตาที่มีการเสียดสีกับรอบดวงตาจนเกิดเป็นสิวขึ้น การมีสารตกค้างในร่างกายมากเกินไป การพักผ่อนไม่เพียงพอ รวมไปถึงการระคายเคืองที่เกิดจากอาการภูมิแพ้และการการขาดสารอาหารที่จำเป็น

วิธีการแก้ไข

  1. พักผ่อนให้เพียงพอ เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะอาหารที่มีวิตามินสูงจำพวก ผลไม้
  2. เลือกใช้เครื่องสำอางที่เหมาะกับสภาพผิว
  3. ทำความสะอาดแว่นตาที่ใช้สม่ำเสมอ

 

บริเวณจมูกและริมฝีปาก ( โซนที่ 7 )

มีผลมาจากปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของหัวใจ ระบบสืบพันธุ์ (การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน) ซึ่งหากมีมีผิวสีแดงเข้มที่จมูก อาจส่งผลมาจากระดับความดันเลือดสูงผิดปกติ

สาเหตุ มาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่อยู่ในช่วงมีประจำเดือน และช่วงตั้งครรภ์ การใช้ยาคุมกำเนิด นอกจากนี้ยังเกิดจากการแพ้ลิปสติกหรือยาสีฟัน

วิธีการแก้ไข

  1. งดอาหารที่มีรสจัดและมีส่วนผสมของเครื่องเทศและกระเทียม
  2. ทานอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ให้น้อยลง
  3. ดื่มน้ำในอุณหภูมิปกติ ( ไม่อุ่นหรือแช่เย็น )
  4. เลือกทานอาหารที่มีวิตามินบีสูงในระยะที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
  5. เปลี่ยนลิปสติกหรือยาสีฟันที่ใช้เป็นประจำ

 

บริเวณด้านข้างของคางหรือช่วงกราม ( โซนที่ 11 และ 13 )

เกิดจากปัญหาเรื่องของระบบฟันและโดยเฉพาะกรามฟัน 

สาเหตุ อาจเกิดจากการขาดวิตามิน หรือเกิดจากหลังจากการทำฟัน หรืออยู่ในช่วงของการปรับเปลี่ยนฮอร์โมน

วิธีการแก้ไข

  1. แปรงฟันและดูแลสุขภาพฟันให้สะอาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการทำฟัน
  2. กินผักและผลไม้มากขึ้น
  3. มั่นตรวจสอบความผิดปกติของฮอร์โมน เมื่อมีสิวขึ้นบริเวณดังกล่าวผิดปกติ

 

บริเวณปลายคาง ( โซนที่ 12 )

มีผลมาจากระบบลำไส้เล็กและระบบการย่อยของกระเพาะอาหาร

สาเหตุ การเกิดสิวบริเวณนี้เกิดจากการเลือกทานอาหารที่มีรสจัดจนลำไส้เป็นแผล และปัญหาการดูดซึมอาหารของกระเพาะอาหาร

วิธีการแก้ไข

  1. ลดการทานอาหารที่มีรสจัด
  2. เคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนกลืนเพื่อง่ายแก่การย่อยของกระเพาะอาหาร 

 

บริเวณใต้คาง ( โซนที่ 14 )

สิวบริเวณนี้เกิดจากเรื่องของความเครียดเป็นหลัก รวมไปถึงความสะอาดของบริเวณดังกล่าว

สาเหตุ มาจากความเครียดของผู้เป็นสิว และการล้างเครื่องสำอาง หรือการล้างผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดผิวไม่สะอาด

วิธีการแก้ไข

  1. หากิจกรรมคลายเครียดหรือหลีกเลี่ยงเรื่องที่จะก่อให้เกิดความเครียด
  2. ล้างเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวให้สะอาด ไม่ให้ตกค้างในผิว

 

ส่วนที่ 2 สิวบริเวณลำตัว

 

สิวที่แผ่นหลัง

การเกิดสิวที่หลังมีผลเกี่ยวเนื่องมาจากระดับฮอร์โมนในร่างกาย  การอับชื้น การระคายเคืองของผิวหนังและปัจจัยสำคัญในการเกิดสิวอีกอย่างคือ การใช้ชีวิตประจำวันของเราเอง

สาเหตุ เกิดมาจากสภาวะการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนของร่างกายโดยตรง เพราะแผ่นหลังเป็นจุดที่ต่อมเหงื่อและต่อมไขมันทำงานหนัก จึงง่ายต่อการเกิดสิว นอกจากนี้การใช้ชีวิตประจำวัน การไม่รักษาความสะอาดก็ก่อให้เกิดสิวที่แผ่นหลังได้ง่ายเช่นกัน เช่น การสวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่สะอาด การใช้ผ้าปูที่ไม่สะอาด เป็นต้น เมื่อเกิดความไม่สะอาดสะสมที่บริเวณแผ่นหลังจึงก่อให้เกิดการหมักหม่มของของเสียที่ขับออกมาได้ ทำให้เกิดเป็นสิวขึ้น  อาจเกิดมาจากกรรมพันธุ์ได้อีกสาเหตุหนึ่งด้วย

วิธีการแก้ไข

การรักษาสิวที่แผ่นหลังสามารถทำได้หลายวิธี โดยอันดับแรกต้องหาสาเหตุของการเกิดสิวที่หลังให้ได้ก่อนว่าเกิดจากอะไร เพื่อให้ง่ายต่อการรักษา เมื่อรู้สาเหตุแล้วก้อควรแก้ปัญหาให้ตรงจุด ตัวอย่างเช่น หากเกิดสิวเพราะความสกปรกหรือการใช้ชีวิตประจำวัน ก็ควรรักษาความสะอาดของร่างกายสม่ำเสมอ หมั่นเปลี่ยนผ้าปูที่นอน หรือสวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี การเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่ไม่ว่าจะเป็นแชมพู หรือครีมนวดผม รวมไปถึงสบู่ก้อควรล้างให้สะอาดด้วย ไม่ให้ตกค้างที่แผ่นหลัง

หากสิวที่แผ่นหลังเกิดจากปัญหาเรื่องของฮอร์โมน ก็ควรเลือกรักษาให้ตรงจุด ซึ่งการใช้เลือกรักษานั้นมีหลายวิธีไม่ว่าจะเป็นการใช้ยาในการรักษา คือ ยาที่ใช้ทาหรือพ่นบริเวณที่เกิดสิว การทานยาเพื่อช่วยลดระดับฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งการเป็นสิวที่แผ่นหลังนั้นสามารถรักษาโดยใช้ยาแบบเดียวกับที่ใช้บริเวณใบหน้า ซึ่งการรักษานี้สามารถทำได้หลายวิธี แต่หากรักษาด้วยตนเองแล้วไม่ดีขึ้น ก็ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาต่อไป

ส่วนตัวเอิ๊กเองเวลารักษาสิวที่หลังและหน้าอก

  1. อาบน้ำเช็ดตัวให้สะอาดก่อนใส่เสื้อผ้า
  2. สระผมอย่าให้โดนแผ่นหลัง หรือ หน้าอก ให้ก้มหัวสระ
  3. สระผมก่อนแล้วค่อยถูสบู่เป็นลำดับสุดท้ายล้างน้ำเปล่าให้มากๆ
  4. เมื่อเช็ดตัวแห้งแล้วทายารักษาสิวทั้งหน้าอกหรือหลัง แล้วรอให้แห้ง
  5. หลีกเลี่ยงกันแดดที่อุดตัน หรือ ครีมบำรุงผิวที่อุดตัน
การรักษาสิวที่แผ่นหลังอาจไม่หายถาวร ขึ้นกับการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ การมีสิวที่หลังไม่ได้หมายความว่ารักษาความสะอาดไม่ดีพอ เพราะอาจเป็นส่วนผสมจากน้ำยาปรับผ้านุ่ม หรือ ครีมนวดผมที่ตกค้างอยู่บนเส้นผม ผสมเหงื่อก็ทำให้กลับมาเป็นอีกได้

 

 

ที่มา

http://bye-bye2acne.blogspot.com/

http://www.skinacea.com/acne/acne-face-map.html#.UI6YoG8j6So

http://webboard.ladytips.com/topic/9034

Posted in ACNEComments (4)

BEAUTY NEWS ความงามออกใหม่ ตอน COMING SOON



Posted in BEAUTY NEWS, MAKE UP, SKIN CAREComments (0)

BEAUTY TALK – ผลข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์

ที่เขียนเรื่องนี้ขึ้นเพราะเอิ๊กเองได้รับผลข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์บริเวณปลายคางจึงอยากเล่าสู่กันฟัง

จุดประสงค์ในการฉีดเนื่องจากใบหน้าที่สั้น กลม แก้มเยอะ อยากทำให้ดูมีคางเพราะหน้าจะได้ดูยาวขึ้น เป็นผู้หญิงที่อยากสวยแต่กลัวเจ็บตัว กลัวการผ่าตัด เลยเลือกการฉีดฟิลเลอร์ ประเภทไฮยาลูลอน ที่มีในร่างกายและสลายไปได้เองในระยะเวลาไม่ยาวนานมากนัก เผื่อวันนึงชอบตัดสินใจทำคางจริงๆก็ยังไม่สาย ไม่ได้ANTYการศัลยกรรม แต่กลัว 555 คนทำสวยเราก็ว่าสวยดี บางคนงานล้นเลย ดังในพริบตา แต่เราคิดว่าในชีวิต อยากทำแค่ 2 สิ่ง คือ คาง และ … ไม่บอก 5555 ตอนนี้ก็ทำใจไปเรื่อยๆก่อน ยิ่งเกิดเหตุการณ์ฟิลเลอร์ส่งผลข้างเคียงนี้อยากจะบอกว่า ตอนนี้ในใจไม่อยากทำอะไรอีกเลย อยากได้คางเก่าคืนมาก่อน อยากเอาคางสั้นๆแบบเดิมกลับมา ในหัวมีแต่ความกลัว บอกตรงๆ ….. อยากสวยจนได้เรื่องสิน่า ……

ก่อนฉีดวิเคราะห์รูปหน้า : ดูมีแก้ม คางดูสั้น แต่ไม่ได้สั้นมาก ความอยากในใจ อยากคางยาวกว่านี้ เผื่อหน้าจะดูยาวขึ้น

หลังฉีดครั้งแรก : ฉีดครั้งแรกผ่านไปไม่ถึง 3 เดือน ไม่มีผลข้างเคียงใดใด ขึ้นนิดนึงทำให้หน้าดูยาวขึ้นนิดนึงกว่าก่อนฉีด เพราะคุณหมออยากให้ธรรมชาติ อาจจะธรรมชาติมาก 555 แล้วก็ยุบจากไปเร็วมากมาก ทำให้เรายังรู้สึกว่าไม่พอใจกับผลที่ได้ แต่รู้สึกดีใจที่ เออ ฟิลเลอร์ ฉีดแล้วมันก็ยุบได้เลยนะ ไม่มีผลข้างเคียงอะไรเลย หลังฉีดแค่บวมนิดนึงซัก 3 วัน นั่นเป็นเหตุผลที่  ครั้งแรกนี้เอิ๊กฉีดกับ ผศ.พญ. รังสิมาที่ ISKYCENTER หนองแขม

หลังฉีดครั้งที่สอง : คางเรียวยาวเป็นสามเหลี่ยม ในชีวิตตอนนี้คิดว่าหน้าตาตอนนี้ดีที่สุด (หลายคนอาจจะบอกไม่จริง original ดีที่สุด) ตอนนี้รู้สึกดีมาก ก.ไก่ อีกล้านตัวเลย แต่ผลข้างเคียงอันดับแรกของเอิ๊กที่ปัจจุบันยังไม่หาย คือ การเปลี่ยนสีของบริเวณที่ฉีด เป็นสีแดงตลอดเวลา เนื่องจากเส้นเลือดฝอยมารวมตัวกัน ประเมินจากคุณหมอได้คร่าวๆว่า อาจจะมาจากการแพ้ฟิลเลอร์ของเอิ๊ก ให้แก้โดยการยิงเลเซอร์กำจัดเส้นเลือดฝอย ซึ่งเอิ๊กก็ทำ ก็ดีขึ้นแต่ไม่หายสนิท คุณหมอบอกว่าฉีด filler Perlane ในขนาด 1 หลอด ซึ่งผลหลังฉีดจะดูบวมยาวกว่าของจริงประมาณ 2-3 วัน ค่อยเข้ารูปพอใจมากๆ อยากให้หน้าดู V-SHAPE สมใจเลย และเทคนิคการฉีดเข้าไปประมาณ 3 ครั้ง ก่อนปั้นให้เข้ารูป ฉีดตรงกลาง ข้างซ้าย ข้างขวา และเอิ๊กก็กินน้ำน้อยเหมือนเดิม ไม่รู้เพราะสาเหตุนี้รึเปล่า เกิดผลข้างเคียงใหม่ตามมาคือ “คางบุ๋มเฉพาะที่” เนื่องจากปรึกษากับคุณหมออีกท่าน พบว่ามันสลายบางส่วน อาจจะเป็นจากเทคนิคการฉีด 3 ส่วนด้วย เพราะมีโอกาสที่พื้นที่ส่วนใดส่วนนึงจะสลายไปก่อน ส่วนที่ไม่สลายจึงดูสวยอยู่ก็เป็นได้ ครั้งนี้ฉีดกับ นพ. อภิรุจ THE KLINIQUE  เอิ๊กชอบผลลัพธ์มาก แต่ก็ผลข้างเคียงที่เกิดอาจจะเกิดที่ตัวเอิ๊กเองทานน้ำน้อยกระมัง เท่าที่อ่านหลายท่านก็บอกเพราะฟิลเลอร์เป็นสารอุ้มน้ำ

คางปัจจุบัน

ส่วนที่เปลี่ยนสี แท้จริงคือมันบุ๋มลงไปค่ะ ขนาดยาวประมาณ 1 เซนติเมตร ซึ่งถ้าเอิ๊กพูดจะเห็นเลยว่าคางเอิ๊กข้างนึงบุ๋ม

มันสร้างความวิตกกังวลกับเอิ๊กมาก เมื่อวันที่พบเห็นคือเมื่อช่วงตุลาคมที่ผ่านมากตอนไปเยอรมัน

ระหว่างอัด SOCIAL CAM รู้สึกมันเหมือนเป็นเงาเกิดขึ้นบริเวณคาง พอมองแล้ว โอว คางดิฉันบุ๋ม

ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเอิ๊กอยากรู้ว่าเป็นเราคนเดียวหรือไม่ที่ฉีดฟิลเลอร์ผ่านอย.แล้วได้รับผลข้างเคียง

เลยลองโพสถามในแฟนเพจ erk-erk.com ปรากฎว่า

ก็มีบางคนที่พบ จึงอยากแชร์สู่กันฟัง

ล่าสุดเอิ๊กเดินทางไปเยอรมันกับ ผศ.พญ รังสิมา วณิชภักดีเดชา ซึ่งคุณหมอท่านฉีดฟิลเลอร์มากที่สุดคนนึง

ในบริเวณย่านฝั่งธนบุรี เอิ๊กก็กังวลใจ จึงขอปรึกษาทางแก้ คุณหมอบอกว่า

  • ไม่ให้ฉีดสลาย เพราะอาจจะสลายเนื้อเยื่อส่วนดีของเราไปด้วย
  • ใช้คลื่นความถี่วิทยุปล่อยความร้อนให้สลายเร็วขึ้น
  • ฉีดโบทอกคลายกล้ามเนื้อ ลดการหดตัวที่ทำให้เกิดคลื่น
ปัจจุบันทำวิธีใช้คลื่นวิทยุ RF เป็นตัว TRILIPO มาคลึงที่คาง ผลคือคางเรียบขึ้นแต่ไม่หายบุ๋ม คิดว่าน่าจะบุ๋มกว่านี้ เพราะถ้ามันทำให้สลายจริงมันก็จะสลายและบุ๋มลงเรื่อยๆ ตอนนี้จึงต้องดูแลกันไปก่อน ทนจนกว่าสลาย

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงขออนุญาตแชร์ผลข้างเคียงของการฉีด Filler ที่ได้หาข้อมูลมา มีตั้งแต่อาการที่รุนแรงไม่มาก ที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็กลับมาหายเป็นปกติ จนกระทั่งถึงผลข้างเคียงที่มีอาการรุนแรงมากจนไม่สามารถกลับมาปกติเหมือนเดิม แต่การฉีดนั้นจะมีผลข้างเคียงที่มีระดับความรุนแรงมากหรือน้อยจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยในการฉีด Filler เช่น

  • ชนิดของ Filler 
  • ประสบการณ์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่ฉีด Filler
  • เทคนิคการฉีด Filler
  • การตอบสนองร่างกายคนไข้ในการฉีด Filler
  • สถานที่ให้รับบริการฉีด Filler ความสะอาด การฆ่าเชื้อ 

คนส่วนใหญ่ถ้าผ่านการเลือกตั้งแต่ชนิด Fillerที่ผ่านอย. แพทย์ เทคนิคแพทย์ ร่างกายตอบสนองดี ก็จะมีอาการปกติหลังฉีด คือ บวมไม่กี่วันแล้วก็หาย แต่คนส่วนน้อย เช่นเอิ๊ก ถือว่าเป็นผลข้างเคียงระดับน้อยถึงปานกลาง อย่างที่เล่าไปข้างต้น
จะลองแบ่งประเภทของผลข้างเคียงคหลังจากฉีด Filler เป็น 3 ระดับ ในความรู้สึกเอิ๊กนะคะในกรณีคนไข้

1. ผลข้างเคียงระดับน้อย

– มีรอยเขียวจากเข็ม อาจจะเป็นจ้ำเลือด รวมถึงอาการบวมบริเวณที่ฉีดไม่กี่วันก็หาย

– แพ้มีเส้นเลือดฝอยรวมกันอยู่เป็นกระจุดบริเวณที่ฉีด ผิวหนังเปลี่ยนสีเป็นสีแดง

– มีผื่นแดงขึ้น

2. ผลข้างเคียงระดับปานกลาง

– คลำไปเป็นก้อนขรุขระ เป็นคลื่น ผิวหนังไม่เรียบ พอแสดงสีหน้าก้อนฟิลเลอร์ก็นูนขึ้นมา

– หลังฉีดFillerไปซักพักพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างฟิลเลอร์มีการไหล รูปทรงเปลี่ยน รูปร่างเปลี่ยน

– ฉีดมาซักระยะอาจเกิดอาการแพ้ทำให้เป็นก้อน แดง นูน อักเสบ

– ผิวหนังรอบดวงตา เปลี่ยนสี อาจจะออกเป็นสีฟ้าๆ เทาๆ หรือม่วง

– หลังฉีด Filler อาจจะไม่สามารถควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อบนใบหน้าได้เหมือนปกติ

– หลังฉีด Filler อาจจะแสดงสีหน้าไม่ธรรมชาติเหมือนก่อนฉีด เช่น เวลายิ้มถ้าฉีดคางคางก็ย้อยเป็นก้อนดูเกร็งๆ แข็งๆ

– มีอาการคันที่รุนแรง และอาจจะมีลมพิษขึ้นตามมาด้วย

3. ผลข้างเคียงที่มีความรุนแรงในระดับมาก

– หลังฉีด Filler มีอาการติดเชื้อ บางทีแพทย์จึงสั่งให้ทานยาปฎิชีวนะหลังฉีดเสร็จเพื่อป้องกัน

– หลังฉีด Filler พบว่าผิวหนังบริเวณนั้นตายรวมถึงผิวหนังบริเวณรอบๆด้วย สาเหตุมาจากสาร Filler เข้าไปอุดในบริเวณปลายเส้นเลือดที่จะนำเลือดไปเลี้ยงบริเวณผิวหนังบริเวณนั้น หรือ ในกรณีที่ปริมาณสาร Filler มากเกิน ก็จะไปกดเบียดบริเวณปลายเส้นเลือดให้ตีบลง จึงเป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังตายได้

– หลังฉีด Filler ตาบอด เพราะสาเหตุสาร Filler เข้าไปอุดตันในบริเวณเส้นเลือดทำให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงที่จอประสาทตา จึงทำให้ตาบอด

– อาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต

นี่คือเหตุผลที่ต้องออกมาเขียนเรื่องนี้เพื่อให้ทุกคนพยายามหาข้อมูลให้มากและดียิ่งขึ้นค่ะ

แหล่งข้อมูล :

– ทวิตเตอร์ @DrRungsima

– ผศ.พญ. รังสิมา วณิชภักดีเดชา

– http://www.realself.com/files/528337-504567.JPG

– http://www.guardian.co.uk/lifeandstyle/2010/jul/18/cosmetic-surgery-cowboys-face-lawsuits

– http://www.livestrong.com/article/138088-side-effects-wrinkle-fillers/

– http://gamesbbclinic.blogspot.com/2012/04/filler.html

– ประสบการณ์ตรง

Posted in FACEComments (2)

DIET – วิธีลดน้ำหนักของเอิ๊ก

 

 

 

ช่วงลดน้ำหนักจริงจังสมัยมหาลัยทำยังไง ?

  • ออกกำลังกายแน่นอน 3-6ครั้ง/สัปดาห์ แอโรบิค ว่ายน้ำ อะไรที่ชอบ 30-45 นาทีขึ้นไปเพราะเป็นช่วงเผาพลาญไขมันแล้ว
  • อาหาร ข้าวกล้อง เน้นอาหาร ต้มๆ ผักๆ ลดขนมหวานหรือไม่ทานเลย
  • แคลอรี่ ศึกษาแคลอรี่อาหารตามเว็บไซด์ หนังสือ คำนวณกับน้ำหนักที่พอเหมาะ ถ้าต้องการน้ำหนัก 45 ก็คูณด้วย 25 = 1,125 เป็นค่าประมาณแคลอรี่ที่เราควรทานให้ได้ต่อวันเพื่อให้ได้น้ำหนักตามต้องการไว้เช่นอยากได้น้ำหนัก 45 ทั้งนี้จะอ้วนหรือไม่เอาส่วนสูง ลบ 110 จะได้น้ำหนักที่เหมาะสม เช่นสูง 156-110 = 46 คือน้ำหนักที่เหมาะสมไม่ผอมไม่อ้วนไป
  • กินอาหารมื้อเย็นก่อน 6 โมงเย็น ถ้าหลังจากนั้นหิวก็แทะผลไม้ เช่น ฝรั่ง ชมพู่ ที่มีน้ำเยอะๆ เราก็จะอืดและอิ่มไปเอง โดยคุมแคลอรี่ได้
  • ไม่นอนดึก เพิ่มการเผาผลาญ ทำให้ไม่หิวระหว่างวัน
  • น้ำเปล่าเท่านั้น น้ำหวานคือตัวแรงในการทำให้น้ำหนักบานอีกปัจจัย
  • น้ำหนักตอนนั้นน้อยสุดอยู่ที่ 41.2 กก. หัวโตมาก
นี่คือวิธีที่ทำตอนมหาลัยที่ได้ผลจริง แต่ค่อนข้างเสียสุขภาพจิตต้องมานั่งคำนวณแคลอรี่ ปัจจุบัน มีอะไรก็กิน กินแค่อิ่น กินอย่างละนิด อย่างละหน่อย อาศัยทำงานหลายอย่างก็ลืมกินกันไป ก็ไม่ดีอีก โรคกระเพาะมา 5555 ก็ควรกินให้ครบ ข้าวน้อย กับเยอะ ขนมหวานบ้างแล้วแต่โอกาส สุขภาพจิตดี แต่ไม่เฟิร์มเพราะไม่ได้ออกกำลังกายเยอะเหมือนสาวๆ ♥ ก็นะ เลือกทำกันดู แต่ว่ายน้ำนี้ลดได้ทุกส่วนจริงท่าฟรีสไตล์ ไม่ต้องกลัวช่วงบนใหญ่ไม่ได้ให้ว่ายผีเสื้อ แบบเฟิร์ม ฟิต เบาตัวเลย

Posted in BODY, D.I.Y, HOW TOComments (0)

BEAUTY SKIN TIPS – รวม 100 เคล็ดลับสำหรับผิวสุขภาพดี

  1. การดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ ผิวก็จะสูญเสียน้ำตามไปด้วย ทำให้ผิวแห้งกร้าน และอาจมองเห็นรูขุมขนชัดขึ้นได้
  2. เมื่อรูขุมขนกว้าง ร่วมกับมีน้ำมันถูกขับผ่านรูขุมขนมากขึ้น ทำให้เกิดการอุดตันได้ง่าย คนที่รูขุมขนกว้าง จึงมักมีหน้ามันและมีสิวอุดตันตามมา
  3. รูขุมขนกว้าง ถ้าพบในคนอายุน้อย มักจะเป็นคนที่มีผิวมัน แต่ถ้าพบตอนอายุมากขึ้น ถือเป็นสัญญาณหนึ่งที่แสดงว่าคอลลาเจนที่ผิวเริ่มเสื่อมสภาพ
  4. ข้อดีของการมีรูขุมขนกว้างคือ เวลาทาอะไรลงบนผิวหน้าแล้ว ยา ครีม หรือโลชั่นจะถูกดูดซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ดีกว่า
  5. ข้อดีของคนผิวคล้ำคือ มีโอกาสเกิดริ้วรอยย่นได้น้อยกว่า แก่ช้ากว่า มีโอกาสเป็นมะเร็งผิวหนังน้อยกว่าคนขาว
  6. คนขาวก็มีปัญหาของตัวเอง เช่น จะทนแดดได้สั้นกว่าคนคล้ำ โดนแดดนิดหน่อยผิวก็จะแสบ แดง มีอาการไหม้ ลอก ได้ง่าย
  7. การลดความอ้วน ทำให้ขาดสารอาหาร ผิวหนังจะแห้งกร้าน ผมร่วง เล็บจะเปราะบางฉีกขาดง่าย
  8. การเจ็บป่วยเรื้อรังเป็นเวลานานเกิน 3 เดือน การผ่าตัดใหญ่ คลอดบุตร ทำให้ผมร่วงได้
  9. การป่วยเป็นโรคโลหิตจาง ทำให้สีผิวดูซีดลง ริมฝีปากสีอ่อนลงได้
  10. การแพ้เครื่องสำอางมักเกิดจากการแพ้น้ำหอม และสารกันเสียในเครื่องสำอางมากที่สุด
  11. การเกิดสิวหลังทาครีมกันแดด ไม่ถือว่าเป็นการแพ้ครีมกันแดด แต่เป็นเพราะครีมกันแดดทำให้เกิดสิวอุดตันได้ต่างหาก
  12. การบีบ แคะ แกะ หรือกดสิว อาจทำให้เกิดสิวอักเสบ มีรอยแดง รอยดำ หรือหลุมสิวตามมา
  13. รอยแดงสิวไม่มีครีมหรือยาทาชนิดไหนช่วยได้ นอกจากรอ 6-9 เดือนให้หายไปเอง หรือทำเลเซอร์ 3-4 ครั้งถึงจะจางลง
  14. สีของลิปสติกที่มีโอกาสแพ้บ่อยที่สุดคือ สีแดง ซึ่งเป็นสียอดนิยม
  15. คนที่มีผื่นคันรอบดวงตา อาจเกิดจากการแพ้ eyeshadow หรือ ยาทาเล็บ
  16. คนที่มีประวัติแพ้พลาสเตอร์ จะมีโอกาสแพ้ mascara eyeliner และลิปสติกได้บ่อย
  17. ถั่วเหลืองนี่ดีต่อสุขภาพจริง ๆ กินก็ได้ประโยชน์ สารสกัดจากถั่วเหลืองเมื่อเอามาทาลงบนผิวก็ให้ความชุ่มชื้นและลดริ้วรอยได้
  18. การดูแลผิวให้สวยสดใส ไม่จําเป็นต้องซื้อวิตะมินหรือคอลลาเจนแพงๆ มากิน แค่กินผักผลไม้ ปลาและอาหารให้ครบ 5 หมู่ และนํ้าเยอะๆ ก็พอ
  19. คนนอนดึก ถ้าตื่นมาแล้วใต้ตาคล้ำ ให้เอาถุงชา (แบบชงดื่มเสร็จแล้ว) ชุบน้ำแช่เย็นจัดมาโปะตา 10-15 นาที รอยคล้ำจะจางลง
  20. การรักษาหลักของฝ้าคือการทายาและครีมกันแดดอย่างต่อเนื่อง เลเซอร์สำหรับรักษาฝ้าจะใช้ในกรณีที่ดื้อต่อการรักษาด้วยยาเท่านั้น
  21. การโกนขนไม่ได้ทำให้ขนดำขึ้น แข็งขึ้น หรือมากขึ้นแต่อย่างใด เพียงแต่ขนที่พึ่งขึ้นใหม่หลังโกนจะมีปลายตัดทำให้ดูเห็นชัดขึ้น
  22. ยิ่งล้างหน้าบ่อย หน้าจะยิ่งมัน เพราะเมื่อความมันถูกล้างออก ต่อมไขมันจะยิ่งผลิตน้ำมันขึ้นมาชดเชย ทำให้ต่อมไขมันทำงานมากขึ้น
  23. การแต่งหน้าจัดไม่ทำให้หน้าแก่เร็ว แค่ทำให้ดูแก่ขึ้นเท่านั้น
  24. ไม่ควรใช้เครื่องสำอางหรืออุปกรณ์แต่งหน้าร่วมกับคนอื่นหรือลองใช้เครื่อง สำอางตามเคาน์เตอร์ เพราะถ่ายทอดเชื้อโรคสู่กันได้ โดยเฉพาะเชื้อเริม
  25. อุปกรณ์แต่งหน้า เช่น ฟองน้ำหรือแปรง ควรทำความสะอาดเดือนละครั้งด้วยน้ำอุ่นและสบู่ เพราะเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรีย
  26. การเก็บเครื่องสำอางในตู้เย็นไม่ดีเสมอไป เพราะความชื้นในตู้เย็นจะทำให้เครื่องสำอางเนื้อแป้งเสียคุณสมบัติ เนื้อครีมแยกขั้นได้
  27. เครื่องสำอางจะหมดอายุเร็วถ้าอยู่ในที่ร้อน หรือถูกแสงแดด เพราะจะทำให้วัตถุกันเสียหรือส่วนผสมของเครื่องสำอางเสื่อมสภาพเร็ว
  28. การทารองพื้นลงบนหน้า ไม่จำเป็นต้องรอ 10-15 นาทีหลังทาครีมกันแดด เพราะรองพื้นจะไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่ผิวหน้าอยู่แล้ว จึงสามารถทาได้ทันที
  29. ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวผู้ชาย จะต้องเน้นเรื่องการทำความสะอาด ลดความมันและควบคุมความมันของใบหน้า และมีส่วนผสมของน้ำมันน้อยกว่า
  30. การนอนเปิดไฟทำให้ผิวหน้าคล้ำ มีจุดด่างดำได้ เพราะแสงไฟจะมี UVA ซึ่งมีผลทำให้หน้าดำ เกิดริ้วรอยก่อนวัยได้
  31. การนอนโดยไม่ล้างเครื่องสำอางให้สะอาดก่อนเข้านอน เป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิวอุดตัน
  32. การนอนอ้าปากทำให้ริมฝีปากแห้ง แตกง่าย เกิดรอยย่นที่ริมฝีปากได้
  33. การนอนน้ำลายไหล ทำให้เกิดเชื้อราที่มุมปากและแก้มได้
  34. การนอนตะแคงข้างใดข้างหนึ่งเป็นประจำ จะทำให้ใบหน้าข้างนั้นมีริ้วรอย และร่องแก้มมากกว่าใบหน้าอีกข้างหนึ่ง
  35. พฤติกรรมบางอย่างก็ทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าโดยไม่รู้ตัว เช่น เวลานอน ถ้าชอบนอนตะแคงข้างใดข้างหนึ่ง ร่องแก้มข้างนั้นจะลึกกว่าอีกข้างนึง
  36. ไม่ควรรีบทาครีมหรือยาเพื่อป้องกันแผลเป็น เพราะยาต่าง ๆ อาจทำให้เกิดการระคายเคืองแผล หรือทำให้แผลหายช้าได้
  37. ถ้ามีอาการแสบร้อน อาจใช้ยาสีฟันหรือครีมโกนหนวดทาลงบนแผลก่อนได้ แต่ควรระวังในขณะทายา ไม่ควรถูหรือป้ายยาลงบนแผลแรงเกินไป
  38. ปริมาณของครีมกันแดดที่กันแดดได้ดีทีสุดคือ ความยาวของครีมที่บีบเท่ากับ 2 เท่าของความยาวข้อปลายนิ้วชี้
  39. เพื่อถนอมผิวจากอันตรายจากแดด ควรหลีกเลี่ยงการออกกลางแจ้งในช่วง 10.00-16.00 น. เพราะเป็นช่วงของวันที่แดดแรงที่สุด
  40. ไม่ควรผสมครีมบำรุงผิวกับครีมกันแดดเข้าด้วยกันก่อนทาลงบนผิว เพราะจะทำให้ ครีมกันแดดเจือจาง ประสิทธิภาพของครีมกันแดดในการปกป้องผิวจะลดลง 
  41. เครื่องกำบังแดดที่ดีคือ ร่มเงาของชายคา สวมหมวกปีกกว้าง กางร่มกันUV สวมเสื้อเนื้อผ้าแน่นและสีเข้ม 
  42. การชอบขยี้ตา มักทำให้เกิดริ้วรอยรอบดวงตา คนสายตาสั้นที่ไม่ยอมใส่แว่น มักจะมีรอยขมวดคิ้ว เพราะต้องเพ่งสายตาเพื่ออ่านหนังสือ
  43. การชอบแสดงสีหน้าบางอย่างก็เป็นกรรมพันธุ์ เช่น ครอบครัวที่ชอบขมวดคิ้ว ก็จะขมวดคิ้วกันทั้งบ้าน มีรอยย่นหว่างคิ้วเมื่อแก่กันทุกคน
  44. รอยย่นบนใบหน้ามีสาเหตุหลัก 2 ประการคือ ความแก่ของผิว (ทั้งจากอายุที่เพิ่มขึ้นและแสงแดด) และการแสดงสีหน้า
  45. ริ้วรอยที่เห็นเฉพาะเวลาแสดงสีหน้า เช่น ตอนยิ้มเห็นตีนกา แต่เวลาไม่ยิ้มก็จะไม่เห็นตีนกา ริ้วรอยชนิดนี้รักษาได้โดยการฉีด botulinum toxin 
  46. ไม่ควรนำครีมหลายตัวมาผสมกันแล้วทาลงบนผิวพร้อมกัน เพราะสารในครีมอาจ ทำปฏิกิริยากันทำให้เกิดผลเสีย เสื่อมฤทธิ์ หรือแย่งการดูดซึมสู่ผิวได้
  47. การทาครีมหลายตัวทับกันในเวลาสั้น ผิวหนังจะไม่สามารถดูดซึมครีมหรือยาได้ ทั้งหมด ทำให้ประสิทธิภาพของครีมหรือยาที่ทาลดลงเพราะถูกดูดซึมน้อย
  48. การทายาหรือครีมลงบนผิวหนัง ทาไม่เกินวันละ 2 ครั้งก็พอ ถึงแม้ทามากกว่าวันละ 2 ครั้ง ประสิทธิภาพในการดูดซึมยาหรือครีมไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก
  49. ครีมทามือหรือทาเท้า ถ้าจะให้มีประสิทธิภาพดี ควรทาก่อนนอน แล้วใส่ถุงมือ ถุงเท้าคลุมเอาไว้ จะเพิ่มการดูดซึมของครีมได้ดียิ่งขึ้น
  50. กลิ่นตัวของคนเราจะถูกกำหนดด้วยปัจจัยหลายอย่าง เช่น อาหารที่รับประทานเข้าไป ลักษณะการใช้ชีวิต เพศ อายุ สุขภาพ การรับประทานยาต่างๆ
  51. อย่ารักษารอยคล้ำด้วยวิธีขัดถูแรงๆ หรือสคับแรงๆ เพราะจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดสีคล้ำเข้มมากขึ้น
  52. การขัดถูผิวหน้าหรือสครับหน้าแรงๆทำให้ผิวหยาบกระด้าง และอาจทำให้เกิดตุ่มสีขาวเล็กๆที่ดูคล้ายสิวอุดตัน
  53. ยาทาที่ใช้สำหรับรอยคล้ำสิวและรอยคล้ำจากยุงกัดที่ได้ผลดี เช่น ไฮโดรควิโนด กรดวิตะมินเอ กรดผลไม้
  54. การบีบ แกะ และกดสิวทำให้ผิวเกิดการอักเสบมากขึ้นส่งผลให้เกิดรอยคล้ำตามมา ฉะนั้นเป็นสิวอย่าบีบ แกะ หรือเค้นเด็ดขาด
  55. ปกติรอยคล้ำที่เกิดตามหลังผิวอักเสบบริเวณหน้าจะจางเร็วกว่าที่ลำตัว แต่ที่แขนขาจะหายช้าที่สุด อาจใช้เวลาเป็นปี
  56. การหลบแดดและทาครีมกันแดดช่วยให้รอยคล้ำจากสิวจางเร็วขึ้นด้วย
  57. ไม่ควรใช้เลเซอร์ในการรักษารอยดำสิว หรือรอยดำจากการอักเสบอื่น ๆ เนื่องจากเสี่ยงต่อการทำให้เกิดรอยดำมากขึ้น
  58. หลายคนยังเข้าใจผิดคิดว่าสิวเสี้ยนที่จมูกคือสิว และใช้ยาทาสิวรักษา แล้วจะไปหายได้อย่างไงล่ะครับ
  59. สิวเสี้ยนเห็นเป็นจุดดำเล็กๆที่จมูก ที่จริงจุดดำนั้นคือเส้นขนหลายเส้นที่แทงออกมาจากรูเดียวกัน เลเซอร์กำจัดขนรักษาสิวเสี้ยนได้
  60. ท่านที่มีปัญหาเรื่องผมร่วงควรไว้ผมทรงสั้นจะดีกว่า เพราะการไว้ผมยาวจะเพิ่มโอกาสผมร่วงจากการถูกดึงรั้งมากกว่าในขณะสระผมหรือหวีผม
  61. ผมบนศีรษะเหมือนใบไม้ ผมเส้นเก่าต้องรวงเพื่อให้เส้นใหม่งอกขึ้นมา ปกติผมจะร่วงวันละ 100-150 เส้น วันที่สระผมหรือหวีบ่อยๆผมจะร่วงมากขึ้น
  62. ความเชื่อที่ว่าหวีผมวันละ 100 ครั้งจะทำให้ผมงอกดกและยาวเร็วไม่เป็นความจริง ยิ่งหวีมากยิ่งร่วงมากต่างหาก
  63. คนผมบาง/ศีรษะล้านควรสวมหมวกเพื่อป้องกันแดดเวลาออกกลางแจ้งแดดจัดหรือเวลา เล่นกีฬากลางแจ้งโดยเฉพาะก๊อล์ฟ เพราะไม่มีเส้นผมป้องกันหนังศีรษะจากแดด
  64. สารปรอทเป็นโลหะหนักที่มีพิษสะสมในร่างกายแม้ได้รับในปริมาณน้อย ก็สามารถทำให้ผู้ใช้ครีมมีผิวบางลง ผิวจะมีความไวต่อแสงมากขึ้น
  65. ครีมกันแดดช่วยป้องกันรือชะลอการเกิดริ้วรอย กระแดด กระเนื้อ และฝ้า
  66. กระแดด กระเนื้อ ฝ้า ไฝ ขี้แมงวัน เป็นรอยคล้ำที่กระตุ้นจากแสงแดดทำให้หน้าหมองคล้ำ ไม่ใส
  67. การรักษาฝ้าต้องหลบแดดและทากันแดดอย่างเคร่งครัว เพราะถึงแม้จะรักษาฝ้าได้จางแล้ว ก็จะกลับมาเป็นใหม่ได้อีกถ้าโดนแดด 
  68. ปัญหาของการโกน ถอน และแว๊กซ์คือการเกิดรูขุมขนอักเสนเห็นเป็นจุดแดงหรือตุ่มหนองรอบๆรูขุมขน เลเซอร์กำจัดขนช่วยแก้ปัญหานี้ได้
  69. ตำแหน่งที่คนไข้ชายนิยมกำจัดขนได้แก่ 1. หน้าอก 2. หลัง 3. บริเวณเคราในคนเคราดก เพราะการโกนขน/หวดบ่อยๆจะทำให้เกิดรูขุมขนอักเสบเห็นเป็นตุ่มแดงๆ
  70. ตำแหน่งที่คนไข้ผู้หญิงนิยมกำจัดขนคือ 1. รักแร้ 2. หน้าแข้ง 3. ไรหนวดอ่อน 4. ขอบบิกืนี่
  71. การทำเลเซอร์กำจัดขน 1 ครั้ง ขนจะหายไป 10-15% หากทำซ้ำที่เดิมทุกเดือนติดต่อกัน 7-8 ครั้ง ขนหายเกือบ 100%
  72. แสงแดดไม่ใช่ทำลายแต่ผิวหนังอย่างเดียว กระตกตาถ้าถูกแดดนานๆทำใ้ดกิดต้อกระจกได้ เวลาออกแดดควรสวมแว่นตากันแสง UV ด้วย
  73. ส่วนที่คนมักลืมทาครีมกันแดดคือ ใบหู คอ และส่วนที่เสื้อไม่ปิดเช่น หน้าอกตอนบน หลังมือและหลังแขน
  74. แสงแดด UVA สามารถทะลุผ่านกระจกได้ ใครนั่งทำงานริมน้าต่างต้องระวังโดยปิดม่าน UVA ทำลายคอลลอเจนทำให้เกิดรอยเหี่ยวและหนังยาน
  75. หากผิวไหม้แดดและมีผื่นแดงแสบร้อนให้ประคบด้วยผ้าชุบน้ำเย็นบ่อยๆ
  76. เชื้อราที่ผิวหนังรักษาได้ด้วยยาทา อาจต้องกินยาหากเป็นหลายตำแหน่ง
  77. ขี้กลากเป็นการติดเชื้อราชนิดหนึ่งที่ผิวหนัง ซึ่งส่วนใหญ่ติดมาจากสัตว์สู่คน
  78. การสวมรองเท้าส้นสูงเป็นประจำทำให้เกิดตาปลาเพราะน้ำหนักตัวจะถูกเทไปอยู่เฉพาะเท้าส่วนหน้า และนิ้วเท้าด้านบน
  79. วิธีรักษาตาปลาคือ การทายา และการฝาน ห้ามรักษาโดยการผ่าตัดหรือจี้ไฟฟ้าและเลเซอร์เพราะอาจเกิดแผลเป็นเวลาเดินจะปวดตลอด
  80. การใส่รองเท้าส้นสูงเป็นประจำเป็นสาเหตุให้เกิดการปวดหลังเพราะแนวกระดูกสันหลังเกิดการแอ่นมากผิดปกติ
  81. ชายที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำจนติดอาจมีหน้าอกโตเพราะมีการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนเอสโตรเจน (ฮอร์โมนเพศหญิง) ในร่างกาย
  82. แอลกอฮอล์ทำให้หลอดเลือดที่ผิวขยายตัวและแตกง่าย สังเกตุว่าคนที่ดื่มแอลกอฮอล์จะหน้าแดงง่ายและเห็นเป็นเส้นเลือดฝอยที่หน้าและอก
  83. การขาดวิตะมินเอบวกกับผิวขาดน้ำเป็นตัวเร่งทำให้ผิวแก่ก่อนวัย คนที่ดื่มเป็นประจำจะดูแก่ก่อนวัย
  84. การกดสิวทำโดยใช้ปลายเข็มขนาดเล็กสะกิดผิวตื้นๆแล้วใช้อุปกรณ์กดหัวสิวกดออก
  85. การกดสิวทำโดยใช้ปลายเข็มขนาดเล็กสะกิดผิวตื้นๆแล้วใช้อุปกรณ์กดหัวสิวกดออก
  86. การนอนคว่ำหรือนอนตะแคงผิวหน้ามีโอกาสยับ ถูกทับ ถูไถและเสียดสีไปกับปอกหมอน ผ้าปูที่นอนและผ้าห่มได้ตลอดเวลา
  87. วิธีลดรอยย่นจากการนอนแบบง่ายๆ เช่น ใช้หมอนที่นุ่ม เลือกปอกหมอนผ้าปูที่เป็นผ้าซาตินเลี่ยงผ้า cotton หรือฝึกนอนหงาย
  88. คนที่ชอบนอนหงายจะเป็นริ้วรอยบนหน้าน้อยกว่าคนที่ชอบนอนตะแคงหรือนอนคว่ำ
  89. คนที่ชอบล้างมือบ่อยๆหรือทำงานที่มือต้องแช่น้ำบ่อยๆ มักจะมีอาการบวมแดงของจมูกเล็บดังรูปเพราะเป็นเชื้อรา
  90. การหยุดสูบบุหรี่ไม่ได้ทำให้ริ้วรอยจากการสูบเดิมหายไป แต่จะช่วยลดการเสื่อมสลายของผิวให้น้อยลง
  91. สารในควันบุหรี่ยังเร่งกระบวนการทำลายเส้นใยคอลลาเจนในผิว ลดปริมาณวิตะมิน A และ C ในผิว
  92. ผลเสียของควันบุหรี่ต่อผิวที่สำคัญมี 2 อย่างคือ ทำให้แก่เร็วกว่าเพื่อนในวัยเดียวกันและทำให้แผลหายช้า
  93. เมื่อทาครีมแล้วเกิดอาการผื่นบวมแดงและคันแสดงว่าอาแพ้ครีมให้ล้างออกด้วยการฟอกสบู่อ่อนแล้วล้างน้ำและไปพบแพทย์ถ้าไม่ดีขึ้น
  94. การทาครีมหลังอาบน้ำเสร็จใหม่ๆจะทำให้ครีมซึมลงผิวได้มากกว่าผิวปกติ
  95. ปริมาณครีมทาบนผิวหนังที่เหมาะสมคือการใช้ครีมปริมาณที่น้อยที่สุดที่สามารถครอบคลุมพื้นที่ที่ต้องการทา
  96. ก่อนทาครีมบนผิวควรซับผิวให้แห้งเพราะน้ำที่อยู่บนผิวจะเจือจางความเข้มข้นของครีม
  97. การทาครีมบริเวณที่ผิวอ่อนเช่นรอบดวงตา,ซอกพับ,ขาหนีบ,อวัยวะเพศควรใช้ครีมปริมาณน้อยเพราะเกิดการระคายเคืองง่าย
  98. ขอเตือนท่านที่คิดจะไปฉีดฟิวเลอร์เพื่อเสริมดั้ง ควรเลือกฉีดกับแพทย์ผู้มีประสบการณ์เพราะผลข้างเคียงที่อันตรายคือ ตาบอด หากฉีดเข้าไปในเส้นเลือด
  99. ผิวหนังรอบดวงตาบริเวณที่มีผิวหนังค่อนข้างบอบบางหากเทียบกับผิวหนังบริเวณ อื่นของร่างกาย และมีโอกาสเกิดการแพ้และเกิดแผลเป็นได้ง่ายกว่า
  100. ตีนกาเกิดจากการที่กล้ามเนื้อหดตัวแล้วคลายตัวไม่หมด ทำให้เห็นเป็นรอยเท้ากาคาไว้ข้างตา

ขอบพระคุณข้อมูล

จากทวิตเตอร์ @DrWoraphong @DrRungsima คุณหมอผิวหนังสุดฮอตในทวิตเตอร์ค่ะ 

Photo Reference : bloggang.com, jaranskinclinic.com, doctorcosmetics.com, kajabbi.com,nomoremelasma.blogspot.com, n3k.in.th, petcharatbeauty.com, hnzic.blogspot.com, health.kapook.com, torojunior.blogspot.com, board.postjung.com, toonne.com, chaoprayanews.com, kvamsook.com, xn--12ca1ducec1gdtz3j6d.com, komwit.com, lauvenzee.com, beautysecret.co.th, imarm.com, boojazzy.com, exteen.com, weloveshopping.com,ir-beautina.info, globalfashionreport.com, morebeautybypim.tarad.com, dek-d.com, augustzarisa.exteen.com, learners.in.th, kvamsook.com,health.ladytips.com, variety.teenee.com, women.thaiza.com,toptenthailand.com, crostbello.com, health.kapook.com, catninelifecanter.blogspot.com, women.mthai.com, xn--12cf3caxc5cp3ei6dr4a6o9a2g.com, health.kapook.com, globalfashionreport.com, charming-house.com, zazana.com

Posted in BEAUTY, SKINComments (0)

ลดแก้มด้วยวิธีที่ 3 – TRILIPO คลื่นความถี่วิทยุแบบ 3 ขั้ว

อยากให้แก้มลดลงแต่ไม่เคยคิดว่าจะมาลงเอยด้วยวิธีนี้

บอกตรงๆว่าไม่ค่อยเชื่อมั่นว่าจะได้ผลกับใบหน้า ทั้งที่มันมีหัวไว้ทำกับใบหน้าและดวงตา

TRILIPO คือ คลื่นวิทยุ RFที่มี 3 ขั้ว ไว้ปล่อยพลังงานความร้อนเพื่อกระชับ

ช่วยกระชับสัดส่วนทั่วร่างให้ผลดีรองจากหัวเดียวซึ่งราคาก็ถูกกว่าหัวเดียวมาก

คลื่นวิทยุดังๆในเรื่องยกกระชับคือ THEMAGE แต่แพงกว่าเกือบยี่ิสิบเท่า

” หลักการทำงาน “ ปล่อยคลื่นความถี่วิทยุเป็นความร้อนไปทำหน้าที่ออกกำลังกายกระชับกล้ามเนื้อชั้นลึก ไขมันเมื่อโดนความร้อน โดนกระชับเซลล์ในไขมันก็แตกตัว ทำให้น้ำในเซลล์ไขมันถูกขับออกมา ภายหลังเกิดการจัดเรียงตัวของไขมันใหม่ ก็จะกระชับขึ้น หลักการของมันมีประมาณนี้ ความร้อนของ RF ลงไปลึกมากถึงชั้นไขมัน ซึ่งเลเซอร์หลายตัวลงไปไม่ถึง ที่เป็นจุดเด่นคือไม่มีแผล ไม่เจ็บ แต่เห็นผลเหมือนกัน

หน้าที่มีทั้งหมด 3 อย่าง

  1. ออกกำลังกายกล้ามเนื้อ
  2. กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
  3. เร่งกระบวนการเผาผลาญไขมันเฉพาะส่วน

 

หน้าตาของ TRILIPO มีหลายขนาด ไว้ทำตัว ทำหน้า ทำตา ก็จะมีขนาดเล็กลงไปเรื่อยๆ

หมอทำให้ไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายนะคะ เอิ๊กก็ไม่ทำ เพราะอย่างที่บอกดูหน้าตาก็ไม่หน้าจะทำได้อันแค่เนี๊ยะลดแก้มได้ 555 (สมัยความรู้เรื่อง RF ยังไม่มี) จนพี่คนนึงเป็นลูกค้า มาชมให้ฟังว่าซื้อสองคอร์สแล้ว แต่เขาซื้อตอนโปร ทำได้ถูกมากเปรียบลด 50% ราคาตอนลดอยู่ที่ประมาณครั้งละ 1600 ทั่วใบหน้า คือแบบว่า ถูกกว่าฉีด LIPO MESO บลาบลาๆ ซึ่งเจ็บมากต่หลักการเดียวการ ต้องทำต่อเนื่อง หลายครั้งเหมือนกัน คือถ้าปล่อยให้อ้วนมันก็กลับมาใหม่ เขาพูดรอบแรกเราก็เฉย พี่เขาหล่อ หน้าเรียวเล็กอยู่แล้ว จนเห็นพี่สาวสุดที่รักทำ ตกใจนึกว่าศัลยกรรม 5555 หน้ามีแก้ม แฟบไปเลย แต่เขาทำต่อเนื่อง ส่วนเอิ๊กขอลองความรู้สึก และ อยากรู้ไขมันช่วงแก้มเราตอบสนองรึเปล่า เลยลองไป 1 ครั้ง

ทำที่ ISKYCENTER ที่เก่าเวลาใหม่ 555 ทำกับคุณนุชค่ะ เขาบอกว่าเก่งสุดแล้วสำหรับ TRILIPO

ขอโทษที่จำไม่ได้ว่ากี่นาทีเพราะหลับอะ 555 นอนกรนเก๋ๆ เขาจะทำความสะอาดใบหน้าให้เราด้วยคลีนซิ่งสำหรับผิวเรา (ของเอิ๊กแพ้ง่าย) แล้วมีเจลสองตัวให้เลือกคือ กลีเซอรีน กับ เจลก่อนลง IPL เอิ๊กใช้ตัวหลัง แต่ยังไงผิวเอิ๊กยังมีการระคายเคืองขึ้นหลังทำไม่ เจล ก็ คลีนซิ่ง หน้าเอิ๊กแพ้ง่ายจริงๆ บางทีจะบอกว่าไปทำอะไรที่ศูนย์ความงาน คลินิค หรือ เลเซอร์ ถ้าผิวแพ้ง่ายเตรียมอุปกรณ์ล้างหน้าไปเลย หรือไปเวิร์คช็อปแต่งหน้าที่ไหนก็ตามพกไป !!!! 

  • ทำความสะอาดใบหน้า ใต้ตา บริเวณที่จะทำ
  • ลงเจล IPL ให้เครื่องไหลลื่น และ ปล่อยพลังงานได้ไม่มีสะดุด
  • วนไปให้ทั่วใบหน้า
  • วนไปใต้ดวงตา ถ้าทำดวงตาด้วย
  • ซับหน้าด้วยกระดาษทิชชู่
รอผลลัพธ์ซัก 1 เดือน บางคนก็เห็นเลย  ของเอิ๊กเป็นแบบนี้ ….
ก่อนทำก็ไม่ได้ใหญ่แต่ช่วงข้างแก้มห้อย 5555 แก่แล้วก็แบบนี้แหละ ที่รู้สึกได้ ใต้ตาเรียบไปเลยเป็นอาทิตย์ก่อนจะกลับมาเหมือนเดิม เพราะไม่ได้ซ้ำ การทำซ้ำต้องเดือนละ 4 ครั้ง ซักระยะ ค่อยทิ้งช่วงเดือนละครั้งสองครั้งได้ นี่ทำครั้งเดียวคิดว่ามันเลยเห็นผลทันทีไม่ชัด
หลังทำ 1 เดือน อย่างที่เคยบอกเอิ๊กมีปัญหาเรื่องระบบหน้าบวมน้ำ วันดีคืนดี เช้าหน้าใหญ่ เย็นหน้าเล็ก เช้าเล็ก กลางวันอืด เย็นเล็ก คือถ้าทานโซเดียมเยอะมันขึ้นอืดทันที ดังนั้น ตอน1เดือนยังวัดไม่ได้ ความรู้สึกคือ ส่วนห้อยข้างแก้ม ดูไม่ห้อย แต่อืดนี่โซเดียมจัดช่วยไม่ได้ล๊า ~
1 เดือน 6 วัน วันนี้หน้าเรียวขึ้นนะ 5555 บอกแล้วแล้วแต่วัน แต่นอนตะแคงเลยย้อย
สรุปดูเอาเอง .. ไม่รีทัชรูปร่างนะคะ ขยายกันไปเลย
[ปล . ขอร้องโปรดอย่านำรูปไปทำอะไรในเชิงพาณิชย์ ขึ้นโรงพักบ่อยไปแจ้งความก่อนขึ้นศาลมันเหนื่อยจ๊ะที่รัก]
เอิ๊กว่ามันดูไข่มากขึ้น ความห้อยด้านข้างลดลง แต่หน้าดูเต็มๆมากกว่ารูปแรก สำหรับ 1 ครั้งทั้งที่ควรจะทำหลายครั้ง คุณหมอบอกให้มาซ้ำๆๆๆ 5555 ยังเลย ยังไม่มีเวลา เอิ๊กว่ามันเก็บที่ห้อยได้ดีนะ
วันนี้ทำงานหนักไม่ได้ทานข้าว หน้าหันข้างนี่แบบ ลืมหน้าเก่าไปเลย 😀 ปลื้มมมมลึ่ม แค่นี้ละพอล่ะ
เต็มตัวก่อนไปอีกซักรูป เพื่อให้ดูโดยรวมของใบหน้าค่ะ
สรุป สำหรับใบหน้าครั้งละ 4000 บาท / ครั้ง ซื้อเป็นคอร์สก็ถูกกว่าหน่อย ถ้าซื้อตอนโปรสบายตัวสุด แต่ยังไม่มีวี่แว่วจะกลับมา 55
ข้อเสีย ต้องทำบ่อยหลายครั้ง / ค่าใช้จ่ายสูง 4,000 บาท แต่ละครั้งไม่รวมดวงตา / ต้องเสียเวลา / ไขมันที่ออกไปแค่ทำให้เซลล์ไขมันเล็กลง ไม่ได้หายไป ถ้าอ้วนก็กลับมาใหม่ / ทำช่วงโบทูลินูมทอกซินไปแล้วไม่ได้ ความร้อนทำให้สลายไว
ข้อดี ไม่เจ็บ สบายที่สุดเมื่อเทียบกับวิธีอื่น / ผ่าน FDA ทั้งไทยและเทศ / ลงลึกถึงชั้นไขมัน / บางคนเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรก / คิดว่าถ้าทำต่อเนื่อง ไขมันฟีบแน่ๆ / ทำได้ทั้งตัว / ลดเฉพาะส่วนที่อยากลด
 
XOXO
ไว้คราวหน้าลองลดต้นขา 5555 บางวันบวม บางวันไม่บวม โอยร่างกายฉัน ยังไงกันเนี่ย
ปล. ดูเป็นแนวทาง อย่าถึงขนาดเดือดร้อนแล้วมาทำเลยนะคะ โดยเฉพาะน้องๆหนูๆ น๊า <3

Posted in BODY, CHEEKS, RADIO FREQUENCY, THERMAGEComments (3)

วิธีดูแลผมร่วงให้ร่วงน้อยลง / วิธีดูแลเส้นผมให้ถูกต้อง BEAUTY TIPS

ขอบพระคุณข้อมูลจาก ผศ.พญ. รังสิมา วณิชภักดีเดชา

ขอบพระคุณข้อมูลจาก อีเวนท์ DAVINES ให้เราได้นำมาแชร์ต่อ

Posted in HAIRComments (0)

ฝ้า รักษายังไง ?

 

 

ฝ้า หรือ รอยดำขนาดใหญ่ที่อยู่บนหน้า จะรักษายังไงติดตามกัน 🙂

ฝ้าเกิดจากอะไร

  1. แสงแดด (ปัจจัยหลัก)
  2. ฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลง เช่น ขณะตั้งครรภ์ , ใกล้จะหมดประจำเดือน , รับประทานยาคุม
  3. กรรมพันธุ์

ลักษณะฝ้า

ขึ้นเป็นรอยน้ำตาล หรือ ดำ หรือ เทาปนน้ำเงิน เป็นเงากว้าง เช่นตามโหนกแก้ม หน้าผาก จมูก เหนือริมฝีปาก

ฝ้ามี 3 ประเภท

  1. ฝ้าตื้น จะมองเห็นเข้ม ชัด รักษาง่ายกว่าฝ้าลึก
  2. ฝ้าลึก จะมองเห็นบางเบา เป็นเงา สีคล้ำๆ เลือนๆ รักษายากกว่าฝ้าตื้น
  3. ฝ้าผสม ทั้งฝ้าลึก & ฝ้าตื้น ก็จะรักษาฝ้าตื้นก่อนฝ้าลึก

ฝ้าเกิดขึ้นเมื่ออายุเท่าใด

20 ปลายๆขึ้นไป เพราะเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน / และการโดนแสงแดดมาเป็นเวลานานเริ่มส่งผล

สีผิวกับการเกิดฝ้า

คนที่มีสีผิวคล้ำมีโอกาสเกิดฝ้ามากกว่าคนที่มีสีผิวขาว เราจึงพบฝ้าในคนเอเชียมากกว่า คนแถบตะวันตก

การรักษาฝ้า

เริ่มต้นด้วยตัวเอง คือ ทากันแดด และ พบแพทย์เพื่อทายาที่แพทย์สั่งจ่ายได้เท่านั้น

  • สำคัญที่สุดและต้องเปลี่ยนแปลงไปตลอดชีวิต คือ การใช้สารกันแดดทุกวันให้พอเหมาะ และ ถูกต้อง SPF 30-50 ขึ้นไป และ PA +++ ขึ้นไป และปริมาณต้องเหมาะสม สำหรับทาหน้าถ้าเป็นเนื้อน้ำ ใช้เท่าเหรียญ 10 บาท 1 เหรียญ 2 ครั้ง ถ้าเหลือเยอะ ให้รอซักพักแล้วทาซ้ำอีกรอบได้  ถ้าเป็นเนื้อครีมให้บีบ 2 ข้อนิ้วชี้ จะได้ประมาณ 2 กรัมสำหรับทาหน้า ถ้าลำตัวใช้ถึงส่วนละ 7 กรัมขึ้นไป ถ้าอยู่ในกิจกรรมกลางแดด ต้องเลือกกันแดดที่กันน้ำ WATER PROOF , WATER RESISTANT และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง รวมถึงการที่เหงื่อออกมากก็ต้องทาซ้ำ ปัจจุบันบางยี่ห้อก็ออกมาให้ทาทับเครื่องสำอางได้
  • ทายา ที่สามารถลอกผิวส่วนบนออก ฝ้าจึงแลดูจางลง (รักษาฝ้าตื้นได้ดี)
  • ทายา ที่ยับยั้งการสร้างเม็ดสีเข้ม ฝ้าจึงแลดูจางลง (รักษาฝ้าลึกได้ดี)
  • การทำทรีทเมนท์ด้วย AHA ลอกเซลล์ผิวด้านบน
  • การผลักวิตามินเข้าสู่ผิวหนังโดยเครื่อง
  • การฉายแสง LED สีเขียว เหลือง ผสมกัน ช่วยในการลดการสร้างเม็ดสีได้ ข้อเสีย ทำบ่อย ทำต่อเนื่อง
  • การเลเซอร์ ไม่ควรใช้ โดยเฉพาะคนผิวสองสี หรือ ผิวสีเข้ม เพราะผลข้างเคียงจะทำให้ฝ้าดำมากขึ้น รวมถึงรอยดำ

การทายารักษาฝ้ามีข้อควรระวัง เนื่องจากสารควบคุมที่ใช้รักษา อาจมาในรูปแบบสารไฮโดรควิโนน หรือ ปรอท ไฮโดรควิโนนนั้นแพทย์เท่านั้นถึงสั่งจ่ายได้เท่านั้น แต่ยังมีจำหน่ายกันอยู่ซึ่งอาจอยู่ในปริมาณที่สูงเกินกว่า อย. กำหนด และบางครั้งอาจเป็นปรอทผสม  ซึ่งดูดซึมเข้าสู่ร่างกายโดยง่ายเป็นพิษกับตับและไต รวมถึงกล้ามเนื้อ ถ้าสะสมในร่างกายเป็นเวลานานอาจทำให้เสียชีวิต ดังนั้น หากอยากซื้อยาทาฝ้าเอง เช็คเลขที่จดแจ้งขึ้นทะเบียนกับ อย. เป็นสำคัญ และกรุณานำเลขนั้นมาเช็คได้ในเว็บ FDA ทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย ไม่ใช่แค่ยาทาฝ้า

การรักษาฝ้าให้ได้ผลดีที่สุด คือ การทากันแดด และ หลบแดดไปตลอดชีวิต ไม่ว่าฝ้า กระ มีสิทธิ์กลับมาได้ใหม่ตลอดเวลา รวมถึงใบหน้าที่ดูอายุมากกว่าอายุจริง เพราะ UVA ทำลายลึกไปยังเซลล์ผิวชั้นลึก ควรหัดทากันแดดทุกวันให้เป็นนิสัยค่ะ 🙂 EE 

เขียนและเรียบเรียงโดย erk-erk.com

 

ขอบพระคุณเนื้อหา

– แกะเทปสัมภาษณ์ ผศ. พญ. รังสิมา วณิชภักดีเดชา

– รูป laskinmd dot com

– pharmacy.mahidol.ac.th/thai/knowledgeinfo.php?id=14

Posted in BEAUTY TECHNOLOGY, FACEComments (0)

อยากหน้าเรียวทำอย่างไร ? รวมรวบวิธีทำหน้าเรียว ภาค 2

หลังจากที่ดูภาค 1 ของคุณหมอ อภิรุจ กันแล้ว

ภาค 2 ขอเป็นตัวเอิ๊กเอง และ สัมภาษณ์จากคุณหมอ รังสิมา อีกท่าน

ขอบพระคุณคุณหมอทุกท่านด้วยค่ะ

บทความนี้ขออนุญาตแนะนำตามสไตล์คนไข้ และ สิ่งที่ได้เรียนรู้มาจากคุณหมอทุกท่านนะคะ รวมถึงวิธีการใหม่ๆที่จะนำมาเล่าด้วยค่ะ 🙂 ไม่ได้สนับสนุนให้ใครทำ แต่เป็นการแชร์ประสบการณ์ที่เราได้ผ่านมาและมีความสุขขึ้นกับมันอย่างปลอดภัยค่ะ 

ในอดีตการอยากทำหน้าเรียวคงไม่ได้แพร่หลาย และ วิธีการก็ไม่ได้มากมายเหมือนอย่างตอนนี้ ใครที่อยากหน้าเรียวก็คงหมดสิทธิ์ ใครอยากทำจริงก็คงต้องศัลยกรรมตัดกรามอย่างเดียว หรือ ไม่ก็จัดฟัน ถอนเยอะๆ พอขยับฟันให้เข้าไป หน้าก็ดูเรียวเล็กขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถตัดกระดูกแนวกรามได้ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่มีกระดูกแนวกรามขนาดใหญ่ และไม่ใช่ทุกคนที่จะถอนฟันออกเยอะได้ เพราะบางคนก็ฟันน้อยอยู่แล้ว สังเกตุได้ง่ายๆ ฟันบางคนถอนแล้ว พอดัดเสร็จคล้ายคนแก่ ฟันงุ้มเข้าไปเยอะ ซึ่งไม่ค่อยจะคุ้มเท่าไหร่ โชคดีที่เอิ๊กรอ 55555555555 รอเป็นสิบปี เดี๋ยวจะรออีก คิดว่าต้องมีวิธีที่ง่ายและไม่เจ็บและเหมาะกับเอิ๊กแน่นอน

วัตถุประสงค์เอิ๊กคือ ทำยังไงก็ได้ให้แก้มดูน้อยลง ปกติแก้มเยอะขั้นอืด หน้าอืด และ อยากให้หน้าดูเรียว คางดูยาวกว่านี้

สภาพร่างกายเอิ๊กเป็นคนที่บวมน้ำง่าย จะออกหน้า ออกขา ดังนั้น เช้าบวม-เย็นหด เช้าหด-เย็นบวม นี่คือข้อจำกัดของร่างกายเอิ๊ก ทางแก้หากร่างกายเยอะ แสดงว่าทานน้ำน้อย และ ทานโซเดียม หรือ ขอรสจัด เค็ม ผงชูรสเยอะ ต้องรีบทานน้ำ หน้าจะหดลงกลับสู่สภาพปกติ ดังนั้นจะทำวิธีไหนก็ไม่ถาวรภายในวันเดียวกัน 5555555 เศร้านะ

 เมื่อทราบสิ่งที่ต้องการ – ข้อจำกัดของร่างกายของแต่ละคน สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องทราบ ..

อยากหน้าเรียวโครงสร้างใบหน้าเราเป็นแบบไหนหน้าถึงไม่เรียว

1. กระดูก โหนกสูง กระดูกกรามใหญ่

2. กล้ามเนื้อช่วงมัดแนวกรามใหญ่

3. คางสั้น หน้าเลยดูสั้น

4. ไขมันกระพุ้งแก้มเยอะ

 

จะมี 4 สาเหตุนี้ที่ทำให้เราเองอาจจะรู้สึกไปเองว่าหน้าดูไม่เรียว ทั้งนี้จะดูเรียวขึ้นมากน้อยขึ้นกับหน้าของแต่ละคน และวิธีการที่เลือก รวมถึงปริมาณในการทำของแต่ละวิธี เมื่อทราบแล้ว เราไปดูกันดีกว่า สาเหตุ 1-4 เราจะใช้วิธีไหนได้บ้าง บางคนวิธีเดียวจบ บางคนต้องผสมผสานกันหลากหลายวิธี 

1. กระดูก โหนกสูง กระดูกกรามใหญ่

 หากเป็นสาเหตุนี้จะต้องใช้วิธีศัลยกรรมปรับแต่งกระดูก ไม่ว่าจะตัด เหลา

ข้อดี หน้าเราก็จะดูเรียวลงแบบเห็นได้ชัด / ค่าใช้จ่ายเพียงครั้งเดียวผลถาวรตลอดไป

ข้อด้อย หากเราไม่ชอบเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกลับมาเป็นแบบเดิมได้ / ต้องได้แพทย์ที่เก่งและเข้าใจสรีระโครงสร้างใบหน้าเราดีพอ รู้ว่าจุดไหนที่สามารถที่ทำให้เราพอใจ / ราคาสูง


2. กล้ามเนื้อช่วงมัดแนวกรามใหญ่

วิธีนี้ปัญหาจะอยู่ที่บริเวณกล้ามเนื้อมัดแนวกราม หากเอามือวางแนบสนิทบนใบหน้าแล้วลองกัดฟันแน่นๆ พบว่ามีกล้ามเนื้อปูดขึ้นมาจนรู้สึกและคลึงโดนได้ กล้ามเนื้อบริเวณแนวกรามช่วงนี้ จะสามารถฉีดโบทูลินูมทอกซินให้กล้ามเนื้อส่วนนี้ลีบเล็กลง หรือ เป็นอัมพาตชั่วคราวได้ ใบหน้าก็จะเรียวลง เพราะกล้ามเนื้อมัดนั้นฟีบเล็กลงไป

ข้อดี หากไม่ชอบใบหน้าที่เล็กชอบแบบเดิมปล่อยไว้ 3-6 เดือนก็จะกลับมาเป็นแบบเดิม / ราคาสูงหลักพันถึงหมื่นกว่าๆ แต่ไม่เท่าผ่าตัด

ข้อด้อย กว่าจะเห็นผล 1-1.30 เดือน เต็มที่ 3 เดือน / ต้องได้แพทย์ที่เชี่ยวชาญเรื่องกล้ามเนื้อบนใบหน้าจริงๆ เพราะว่าบางคนฉีดแล้วปากเบี้ยว มุมปากตก (เอิ๊กเคย) /  ต้องฉีดซ้ำทุก 3-6 เดือน จากนั้นถ้าฉีดบ่อยอาจอยู่นานขึ้นเป็นปี

3. คางสั้น หน้าเลยดูสั้น

วิธีนี้จบลงด้วยการศัลยกรรมคางให้ดูยางไม่ว่าจะเป็นด้วยซิลิโคน กระดูกตัวเอง หรือ ฉีดฟิลเลอร์ 

ศัลยกรรม

ข้อดี ราคาไม่ได้แพงมากไปกว่าการทำฟิลเลอร์มากนัก / เจ็บครั้งเดียวก็จะอยู่นานซึ่งขึ้นกับการดูแล / การเสริมด้วยกระดูกตัวเองอาจจะแพงกว่า แต่ความเนียนจะดี และ ธรรมชาติกว่าซิลิโคน

ข้อด้อย เกิดการผ่าตัด / เจ็บ / ต้องพักฟื้น / ถ้าไม่พอใจ หรือ เกิดปัญหาอาจจะต้องผ่าตัดเอาออก

ฟิลเลอร์

ข้อดี ปั้นรูปทรงได้ตามชอบ / ไม่ต้องพักฟื้น / ไม่ชอบก็ปล่อยให้สลายไปเองถ้าเป็นฟิลเลอร์ชนิดไม่ถาวร / ธรรมชาติกว่าเมื่อเวลาผ่านไป 1-3 เดือนจะเริ่มเข้ารูป / ไม่เจ็บเท่าศัลยกรรม 

ข้อด้อย สลายไปภายในเวลา 6-12 เดือน / บางทีถ้าเราอยากทำศัลยกรรม บริเวณที่เราทำฟิลเลอร์ต่อให้เมื่อสลายไปหมด แต่เวลาที่ฟิลเลอร์อยู่อาจมีการสร้างพังผืดของเนื้อเยื่อในร่างกายเราขึ้น เราจึงต้องขูดมันออกก่อนทำศัลยกรรมจริง / ถ้าต้องฉีดบ่อยตลอดถือว่าแพงกว่าการทำศัลยกรรม

4. ไขมันกระพุ้งแก้มเยอะ

สัญลักษณ์ของความเป็นเด็ก ความอ่อนเยาว์ ซึ่งหลายๆคนชอบ แต่บางคนคงอยากมีช่วงเวลาโตเป็นสาวกันบ้าง 555 ก็ไม่ได้เอาออก แต่เราทำให้มันเล็กลงได้แบบถาวรถ้าเราไม่อ้วนขึ้น และ ไม่ถาวร ทำได้ 4 วิธี 1. ลดน้ำหนัก 2. คลื่นวิทยุ RF 3. ดูดเซลล์ไขมันออก (ACCULIFT) 4. ผ่าตัดเอาถุงไขมันช่วงแก้มออก buccal fat

ลดความอ้วน หากใครเมื่อผอมลงหน้าก็เล็กลงก็ลดน้ำหนักซะ

ข้อดี ไม่เสียเงิน / ถ้าลดถูกวิธีก็ได้เรื่องสุขภาพดี / ใส่เสื้อผ้าได้หลากหลาย / คล่องตัวมั่นใจขึ้น

ข้อด้อย ถ้าลดหักโหม จากสวยจะกลายเป็นซูบ

คลื่นวิทยุ RF หากใครตัวเล็กแต่หน้าใหญ่ลดน้ำหนักก็ไม่ลง แสดงว่าไขมันกระพุ้งแก้มคุณเยอะ buccal fat คลื่นวิทยุมีหลายตัวล่าสุดเพิ่งลอง trilipo เป็นคลื่นวิทยุสามขั้ว สามหัว อาจไม่ดีเท่าหัวขั้วเดียว แต่ถูกกว่า และ ถ้าหน้าไม่ได้หย่อนคล้อยคอลลาเจนเสื่อม แต่มีปัญหาแค่ไขมันจะกำลังดี

ข้อดี ไม่เจ็บเลย ไม่เหมือนฉีดสลายไขมันอันนั้นยังไม่ผ่าน อย. และ FDA / อาจแพ้เจลได้

ข้อด้อย ต้องทำบ่อย / ทำบ่อยจะเริ่มเห็นผลชัดขึ้น 4-10 ครั้งขึ้นไป / อ้วนอีกก็กลับมาอีกได้ ไม่ถาวร

ดูดไขมัน ACCULIFT ดูดเซลล์ไขมันออกไปเลย จะสอดเข็มเล็กๆมากๆเข้าไปแล้วดูด มักใช้ในคนอายุ 40 ขึ้นไปที่สภาพใบหน้าหย่อนคล้อยร่วมด้วย

ข้อดี เซลล์ไขมันน้อยลงถาวร ถ้าอ้วนอีก ก็ไม่กลับมาอีกเท่าตอนเซลล์ไขมันเยอะ

ข้อด้อย เจ็บ / หน้าบวมเป็นเดือน / เข็มไม่สะอาด อาจจะติดเชื้อ  / ความชำนาญของแพทย์สำคัญมาก

ศัลยกรรมผ่าตัด เอาถุงไขมันกระพุ้งแก้มออ

ข้อดี ถุงไขมันออกไปขนาดใหญ่ในคราวเดียว / ผลชัดเจนแจ่มแจ้ง / แผลด้านในปาก

ข้อด้อย แพง เสี่ยงต่อการใบหน้าสองข้างไม่เท่ากัน โอกาสสะสมใหม่มี

 

ราคา ค่าใช้จ่ายคิดว่าหลายคนอยากรู้แต่ขอโทษที่ไม่ได้ถามมาให้เพราะแต่ละที่ราคาไม่เหมือนกันเลย นำไปเสริทหาข้อมูลเรื่องราคาต่อเอานะคะ ส่วนเอิ๊กเองทำแค่ 3 อย่างคือ เป็นคนกล้ามเนื้อกรามใหญ่ ใช้วิธีโบทูลินูม ทอกซิน ซึ่งทำติดต่อกันเรื่อยมา / คางสั้น ฟิลเลอร์ แค่ครั้งเดียว/ แก้มยุ้ย เคยทั้งฉีดและTRILIPO ตอนหลังคิดว่าคงจะทำแค่คลื่นวิทยุ RF อย่างเดียวเพราะไม่เจ็บ เคยทำครั้งเดียวแล้วชอบมาก วันนี้เลยนำมาแชร์แต่วิธีที่ปลอดภัยแล้วกันนะคะ  อยากอ่านต่อว่าทำที่ไหนกับใครเสริทกลางบล็อคerk-erk.com ว่าหน้าเรียว เอิ๊กบันทึกไว้ทุกท่าน ตั้งแต่คุณหมอรังสิมา คุณหมออภิรุจ คุณหมอเจี๊ยบ ทั้งสามท่านทำดีหมด ทุกคนมีศิลปะเป็นของตัวเอง สไตล์ของแต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ ชอบทุกคน เพราะทุกคนแก้ปัญหาให้เอิ๊กได้แบบปลอดภัยหมด ดังนั้นอย่าถามว่าที่ไหนดีกว่ากัน ดีหมด แต่เลือกเอาแบบเดินทางสะดวก และ อยากทำกับใครดีกว่า หวังว่าคงได้ประโยชน์กัน ทั้งนี้จะได้ผลมากน้อยขึ้นกับแต่ละคน และไม่อยากให้คนที่ยังขอสตางค์คุณพ่อคุณแม่รีบร้อนนัก รอเราทำงาน หาข้อมูล เตรียมใจ เตรียมสตางค์พร้อมไม่เดือนร้อนใครแล้วค่อยลงมือดีกว่า มาแชร์ไม่ได้ชวนเสียตังค์นะ 5555  แค่อยากแบ่งปันประสบการณ์ที่ตัวเองรู้สึกดี ทุกวันนี้ใครจะชอบเอิ๊กแบบไหน แต่เอิ๊กชอบที่เอิ๊กเป็นเอิ๊กในวันนี้ เอิ๊กที่เป็นคนที่พัฒนาตัวเองขึ้นกว่าเมื่อวานในทุกๆด้าน เลี้ยงดูครอบครัว เป็นคนดีของแม่ เอิ๊กโอเคกับชีิวิตละ 😀 สวยอย่างปลอดภัย ก็ขอให้ไม่เดือดร้อนใครด้วยค่ะ <3

2010 ด้านบน

2012ด้านล่าง

XOXO

Posted in BEAUTY TECHNOLOGY, BOTOX, CHIN, HOW TOComments (4)

ตอบทุกปัญหาการทาและทานคอลลาเจนเพื่อผิวสวย

วันนี้เราจะมาพูดคุยกันถึงเรื่องรับทานคอลลาเจน ทาคอลลาเจน อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับคอลลาเจน

ว่าความจริงมันได้ผลหรือไม่ เรื่องนี้เอิ๊กไม่เชี่ยวชาญ ดังนั้นต้องอัญเชิญ

แพทย์ผิวหนังผู้ทรงคุณวุฒิตอบคำถามข้อนี้ค่ะ 🙂

คอลลาเจนเอ๋ยเจ้าคืออะไรกันหนอ ?

คอลลาเจนคือเส้นใยโปรตีนชนิดนึงในร่างกายของเรา ทำหน้าที่เชื่อมเซลล์แต่ละเซลล์เข้าด้วยกัน เนื่องจากคอลลาเจนมีประมาณ 1 ใน 3 ของโปรตีนภายในร่างกายจึงมีแรงสปริงตัวทำให้ผิวหนังกระชับ เต่งตึง แข็งแรง เรียบเนียน ยืดหยุ่น คอลลาเจนพบได้ในผิวชั้นหนังแท้ และ พบได้ในอวัยวะด้วยเช่น ผังผืด (Fascia), กระดูกอ่อน (cartilage), เส้นเอ็น (ligaments), ข้อต่อ (tendons),กระดูก (bone)

หน้าตาเจ้าคอลลาเจน ดูเป็นเส้นใยระโยงระยางระยวยเต็มไปหมด

 คอลลาเจนมีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ

เมื่อเราเกิดมาก็มีการสร้างคอลลาเจนในร่างกายตามธรรมชาติอยู่แล้ว แต่คอลลาเจนนั้นก็เป็นไปตามสังขารมนุษย์ เมื่ออายุที่เพิ่มมากขึ้นเลย 20-25-30 ปี การผลิตก็จะลดน้อยลงทีละนิดทีละนิด อย่างช้าๆทุกปี ทำให้เราเห็นตามวัฎจักรมนุษย์ เมื่อทุกคนเกิด ทุกคนโต ทุกคนก็ต้องแก่ และตายไปในที่สุด แม้เราพยายามยึดวัยมากเท่าไหร่ เมื่อเราอายุมากขึ้น ร่างกายเราก็จะกระตุ้นได้ยากมากขึ้นเท่านั้น 

ปัจจัยที่เร่งให้คอลลาเจนเสื่อมสภาพ

ตัวการที่ร้ายแรงที่สุด คือ แสงแดด โดยเฉพาะ UVA จะลงลึกถึงชั้นผิวหนังแท้ ทำให้เกิดอนุมูลอิสระทำลายเส้นใยคอลลาเจน มิหนำซ้ำ กระ ฝ้า เม็ดสี สีผิวไม่สม่ำเสมอก็ตามมา และเมื่อคอลลาเจนเสื่อมเราก็แค่แก่เร็วขึ้นเท่านั้นเอง

คอลลาเจนเสื่อมรู้ได้ยังไง ?

ผิวหนังแท้ของเราจะแบ่งเป็น 2 ระดับ หนังแท้ชั้นตื้น หนังแท้ชั้นลึก ชั้นตื้นจะมีคอลลาเจนน้อยกว่าชั้นลึก จุดสังเกตุแรก หากคอลลาเจนหนังแท้ส่วนตื้นเสื่อม ริ้วรอยจะมา รูขุมขนกว้างมากๆทั้งที่ไม่ได้หน้ามัน นอนดึก แต่กว้างแบบสุดพลังก็เกี่ยว หากคอลลาเจนเสื่อมที่ผิวหนังชั้นลึก ผิวพรรณของเราที่เคยจับแล้วดึ๋ง เต่งตึง ก็จะจับแล้วยวบยาบ กดแล้วยุบย้วย กว่าจะคืนสู่สภาพต้องใช้เวลา ยกตัวอย่างคุณย่า คุณตา คุณปู่ คุณยายของพวกเรา ผิวพรรณจะเริ่มไม่เรียบตึง


อยากสร้างคอลลาเจนใหม่อยากแก่ช้าทำไง ?

1. ฉีดสารคอลลาเจน [ แต่โอกาสแพ้สูง ] & ฉีดสารHyarulonic acid ให้อุ้มน้ำ ผิวจะดูอิ่ม เต่งตึงทันที

2. กระตุ้นการสร้างผิวใหม่ เช่น ให้ความร้อนลงไปยังชั้นหนังแท้ [ เลเซอร์ ] , ทำให้ผิวเกิดแผลเล็กๆ , ลอกผิวด้วยสารเคมี

แล้วการทาน & ทาคอลลาเจนล่ะ ?

  • สำหรับการทาด้วยมือ บอกตรงนี้เลยว่าไม่มีครีมตัวไหนสามารถซึมลึกผ่านลงชั้นหนังกำพร้า หรือ ชั้นขี้ไคลไปได้ เพราะผิวเราวิเศษมีการป้องกันตัวเองจากสิ่งแปลกปลอมอยู่แล้ว
  • สำหรับการทานร่างกายมีระบบการย่อยที่ซับซ้อนหลายขั้นตอน ทานคอลลาเจนเข้าไป เจอย่อยไปเรื่อยๆก็เหลือเพียงเศษเสี้ยวกลายเป็นกรดอะมิโน (โอเค) ไป คงไม่ได้ไปทำให้เต่งตึง เปล่งปลั่งขึ้นได้ ร่างกายไม่สามารถดูดซึมโมเลกุลที่มีขนาดใหญ่อย่างคอลลาเจนได้ หรือ ถ้าได้อย่างที่คุณหมอว่าก็คือทานไปจะไปพอกจุดไหนก็ไม่ทราบได้ 
อยากรักษากลไลสร้างคอลลาเจนในร่างกายให้ยาวนานขึ้นทำยังไง ?
ปกติก็สร้างเองในร่างกายอยู่แล้วเพียงแต่ลดลงทีละเล็กน้อยเมื่ออายุ 25 ขึ้นไป แต่หากอยากให้กลไลร่างกายยังสร้างได้ดีอยู่ไม่ลดลงไปมาก ก็รับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ / ออกกำลังกายสำคัญมากเพราะต้านอนุมูลอิสระ อนุมูลอิสระนั้นทำให้เซลล์ในร่างกายเสื่อม คอลลาเจนก็เสื่อมไปด้วย / และนอนให้ตรงเวลา อย่านอนดึกแบบเอิ๊ก เพราะเวลากลางคืนเป็นเวลาที่ผิวหนังซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ลองนอนหัวค่ำทุกวัน หน้าดีขึ้นแน่นอน
จากใจนะ จะทานอะไร จะทาอะไรหาข้อมูลให้ดี โดยเฉพาะข้อมูลทางวิชาการ โดยเฉพาะอะไรที่นำเข้าสู่ร่างกาย   
และในความรู้สึก ” การออกกำลังกายนั้น ไม่ว่าในรูปแบบไหน ชะลอวัยได้เรื่องจริง “
อ่าน ฟัง หาข้อมูล แล้วเขียนเอง หากผิดพลาดประการใดติได้ค่ะ <3

Posted in BEAUTY TECHNOLOGY, SKINComments (0)

การกดสิวที่ถูกวิธี – BEAUTY TALK

การกดสิวที่ไม่ถูกวิธีนอกจากจะทำให้เกิดการอักเสบแล้วยังมีโอกาสทำให้เกิดแผลเป็นตามมา รวมถึงการลุกลามของสิวเม็ดข้างเคียงของบริเวณที่กด ดังนั้นรู้หลัก อยากกดต้องศึกษาวิธีที่ถูกต้องค่ะ

Erk-Erk

สิวที่เราสามารถกดได้จะมีทั้งหมดประมาณ 3 ประเภท

  1. สิวหัวเปิด (หัวดำ)
  2. สิวหัวปิด (อุดตัน-สีขาว)
  3. สิวหัวหนอง

นอกนั้นห้ามเด็ดขาดค่ะ เพื่อความปลอดภัยของสุขภาพผิว

ทำไมต้องกดสิว ?

บางคนการกดสิวอาจจะทำให้สิวหายเร็วขึ้นเช่นคนผิวมันมีสิวอุดตันอยู่เยอะและมีโอกาสที่สิวจะหลุดไปเองยากกว่าคนผิวแห้งเพราะน้ำมันใต้ผิวผลิตออกมาตลอดเวลา ถ้าไม่กดทั้งสิวหัวปิด หัวเปิด ก็อาจจะพากันอักเสบ เป่ง ช้าง ให้เครียดกันอีก บางคนชอบใช้มือกดเค้นไปเค้นมาห้อเลือดทันทีบวมเป่ง พอหายหลุมสิวมาเยือนรักษาอาจจะไม่หาย 100%

โดยส่วนตัวเคยใช้คัตตัลบัตเค้นจนเลือดออกแล้วยังเค้นอยู่จึงห้อเลือดและมีหลุมตามมา ดีที่ตื้น ยิงเลเซอร์ด้วยความร้อนปกติมันก็ฟูขึ้นมา ดังนั้นการเอาคอมีโดนจากสิวออก หรือกดสิวถ้ามีเลือดออกต้องหยุด อย่าไปต่อ !!!

อุปกรณ์กดสิวที่สำคัญ

1. ไม้กดสิวแสตนเลสสามารถซื้อตามร้านขายยา หรือ ร้านขายเครื่องมือแพทย์

2. แอลกอฮอล์

3. สำลี

4. ถุงมือที่ผ่านการฆ่าเชื้อ

5. เข็มฆ่าเชื้อใช้แล้วทิ้ง สำหรับสิวอุดตันหัวปิด / สิวหัวหนอง

ส่วนตัวกดเอง มีผงพิเศษ + น้ำเกลือ อิอิ

วิธีการกดสิวที่ถูกต้องมี 2 วิธีตามเทคนิคแพทย์

ขั้นตอนการกดสิ

1. เช็ดแอลกอฮอล์รอบๆผิวหนังที่ต้องการกดสิว


2. ใช้เข็มสะอาดเจาะกรณีที่เป็นสิวอุดตัน สิวหัวปิด 


3.ใช้ที่กดสิววางทาบลงไปแล้วใช้เทคนิค 1 หรือ 2 (ในภาพใช้วิธีที่2ทำมุม 45องศา ดันข้างสิว)


4. กดห้ามเลือดด้วยสำลี แล้วทาตามด้วยยาฆ่าเชื้อ (ส่วนตัวใช้สำลีชุบน้ำเกลือกด) 

ข้อดี
  1. ลดการเกิดการอักเสบของสิว
  2. ทำให้สิวอุดตันหายไปชั่วคราว เพราะสิวอุดตันกลับมาใหม่ตลอดเวลา
  3. ถ้ากดถูกจะไม่ทิ้งแผลหรือรอยแดงนานแล้วจะหายไป ถ้าปล่อยให้อักเสบมักมีรอยแดงใหญ่กว่า
  4. ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น
  5. ราคาถูก
ข้อด้อย
  1. เจ็บ 
  2. ไม่ควรกดทีเดียวทั้งหน้า ระบม
  3. บางครั้งมีการผิดพลาดที่การกด ทำให้อักเสบได้ในที่สุดอีกเช่นกัน 
จากประสบการณ์ส่วนตัว ให้แพทย์กดเป็นสิ่งที่ควรทำ หรือ ถ้าตัวเองเชี่ยวชาญพอก็ลองดูได้ แต่อย่ากดทีเดียวเยอะ กดซัก 2-3 เม็ดรอดูผล ส่วนใหญ่กดเองมักมีแผลรอยดำตามมา แพทย์ทีกดเก่งมากๆ ไม่รู้สึกเจ็บ ไว หายเร็ว สิวออกหมดเกลี้ยง รอยแดง 2-3 ชม.หาย แต่ตอนนั้นกดแพงมาก หลังๆเลยกดเอง 5555 ถ้าใครไม่ถนัดให้แพทย์เถอะค่ะ แผลเป็นไม่คุ้มเลย 😀
บทความนี้ทำขึ้นมาจากประสบการณ์ตรงที่รักษาสิวมาตลอด 10 กว่าปีในคลินิคคุณหมอ และ
สัมภาษณ์วิธีการกดแบบถูกหลักอนามัยโดยแพทย์หญิง นุสรา วงศ์รัตนภัสสร
XOXO

Posted in ACNE, HOW TOComments (6)

REVIEW EUCERIN WHITE THERAPY สูตรผิวกระจ่างใส สุขภาพดี และ วิธีการเรียงลำดับการทาครีมค่ะ

ทุกตัวเป็นเซ็ท EUCERIN WHITE THERAPY ที่ใช้มาทั้งหมด 25 วันต่อเนื่อง 

EUCERIN WHITE THERAPY : เน้นสลายจุดด่างดำ / ผิวหมองคล้ำ / ทำให้ผิวชุ่มชื่น แข็งแรง 

สภาพผิวเอิ๊ก : ค่อนข้างแห้งมาก / แพ้ง่าย / เป็นสิวง่าย,บ่อย

เซ็ทนี้มีทั้งสำหรับผิวแห้ง ผิวผสม ผิวธรรมดา ผิวมัน แต่เอิ๊กผิวแห้งจึงเลือกเซ็ตนี้ตามสภาพผิว ดังนี้

  1. เจลล้างหน้าไม่มีฟอง
  2. อายครีม
  3. เซรั่ม
  4. ครีมบำรุงหน้าตอนกลางคืน [มีแต่ไนท์ครีมเพราะไม่ค่อยชอบทาตอนกลางวัน]
  5. ครีมบำรุงผิวกาย
การทาครีมหลายคนถามควรเลือกทาสิ่งไหนก่อน
จำง่ายๆ ” เนื้อใสเหลว > เนื้อขุ่นข้น “ / ” ดวงตา > เฉพาะจุด > ทั่วหน้า > ลำตัว “
หลังทำความสะอาดใบหน้า จะเริ่มที่ดวงตาเพราะครีมรอบดวงตาจะอ่อนโยนมากที่สุด > ตามด้วยเจล ยาแต้มเฉพาะจุดเช่น แต้มสิว แต้มรอยด่างดำ > ตามด้วยเนื้อเหลวๆ โลชั่น ,เซรั่ม ,เอสเซนส์ > ตามด้วยเนื้อขุ่นข้น ครีมบำรุง > ตามด้วยครีมบำรุงผิวกาย
www.erk-erk.com
REVIEW เรียงตามลำดับการทาครีมที่ถูกต้อง  
1. GENTLE CLEANSING GEL เจลล้างหน้าที่ไม่มีฟอง เนื้อนุ่ม และเข้มข้น สำหรับผิวบอบบาง ไม่มีแอลกอฮอล์ ล้างแล้วทำให้ผิวชุ่มชื่นไม่แห้งตึง ใบหน้าสะอาด ไม่เป็นสิว และทำให้ผิวกระจ่างใส ชอบมากเพราะผิวแห้งแพ้ง่ายหาเจลที่ถูกกับใบหน้ายากเหมือนกัน
www.erk-erk.com
2. EYE CREAM ตัวนี้ไม่มีน้ำหอม ช่วยเรื่องใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตาบวม ส่วนตัวชอบที่ไซส์ใหญ่มาก เนื้อชุ่มชื่นยาวนาน ลดอาการถุงใต้ตาบวม ส่วนใต้ตาคล้ำ บางทีมันช้ำข้างในเกิดจากเส้นเลือดดำเพราะนอนดึก อาจไม่เห็นชัด
www.erk-erk.com
3. CONCENTRATE-SERUM  อยากเริ่มต้องตัวนี้ก่อน แพงสุดในเซ็ท แต่จะซึมลึกที่สุด ซึมไว บางเบา ผิวแห้ง ผิวมันใช้ได้หมด ช่วยเรื่องเม็ดสีเมลานิน และเหมาะกับเรื่องรอยสิวดำๆ จุดดำๆ จุดแดงก็ใช้ได้ หรือบริเวณสีผิวไม่สม่ำเสมอ ขวดนึงจะใช้ได้ประมาณ 1 อาทิตย์ รอยดำใหม่ๆ อาจเห็นว่าสีจางลงภายในสองอาทิตย์จากที่ทดลอง
www.erk-erk.com
4. NIGHT CREAM ครีมบำรุงผิวหน้าตอนกลางคืนที่ให้ความชุ่มชื่น เข้มข้น เป็นสูตรที่ทำให้ผิวกระจ่าง ใช้คู่กับเซรั่มตัวบน เห็นผลชัดมาก สามอาทิตย์แรกไม่ได้ทาที่คอ หน้าขาวกว่าคอเลย – – ” ชอบมากที่สุด คือ ผิวนุ่ม ชุ่มชื่น แต่ถ้ามีสิว ให้แต้มสิวไว้ และเวลาทาครีม หรือ เซรั่มให้เว้นส่วนที่เป็นสิวไว้
www.erk-erk.com
5. BODY LOTION ครีมบำรุงผิวกาย ตัวนี้ชอบมากกกกก ชอบที่เนื้อเข้มข้น และ ซึมช้าให้เรานวดๆๆจนซึม ผิวจะนุ่ม เงาๆ รู้สึกว่าสุขภาพผิวกายดีขึ้นเลย
www.erk-erk.com
สังเกตุว่าข้างที่ทาจะเงาๆ ชุ่มๆ <3
www.erk-erk.com
นี่คือภาพจุดแดงที่กลายเป็นจุดดำโดยทาเซ็ทนี้ เน้นเอาเซรั่มทานวดๆหน่อยบริเวณที่เป็นจุดดำ มันก็ดีขึ้นมากภายใน 25 วัน และนอนเช้า นอนเที่ยงเกือบทุกวัน รู้สึกสุขภาพผิวมันดีกว่า ดูแข็งแรง ไม่ลอกเหมือนก่อนใช้ และ สีผิวสม่ำเสมอมากขึ้น
www.erk-erk.com
สภาพผิวหน้าล่าสุด 11/07/12 ไม่มีการตกแต่งภาพ มีสิวเป็นจุดๆ เพราะนอนเช้าทุกวัน แต่ดูจากสุขภาพผิวคือดีขึ้นมาก ผิวดูผ่องขึ้น โดยเฉพาะหน้า เพราะทาหน้าเยอะกว่าคอ
www.erk-erk.com
COOL : เป็นเซ็ทผิวขาวที่ดีมากเซ็ทนึงเนื่องจากไม่เน้นผลัดเซลล์ผิว แต่ไปยับยั้งเม็ดสี สีผิวจึงอ่อนลงจากภายใน และ ทำให้ผิวชุ่มชื่น แข็งแรง สุขภาพผิวดี สีผิว จุดด่างดำอ่อนลงประมาณ 3 อาทิตย์กว่า เป็นอีกเซ็ทที่ซื้อต่อแน่นอน อาจจะซื้อเซรั่ม มาลดจุดดำ เจล และ ครีมบำรุงตอนกลางคืน ชอบมากกกกกก ซื้อใช้ต่อเรียบร้อย แนะนำลองทีละตัวก่อนค่ะ อย่าซื้อทั้งเซ็ทเผื่อแพ้ 
UNCOOL : กระ ฝ้า อาจไม่ได้ช่วย สำหรับนักศึกษาราคาค่อนข้างสูงถ้าซื้อทั้งเซ็ท อยากแนะนำให้ลองทีละตัวเช่น เรื่องจุดด่างดำเน้นเซรั่ม หรือ ครีมบำรุงเน้นความชุ่มชื่น กระจ่างใส และ ค่อยๆไล่ไปทีละตัวค่ะ

XOXO

Posted in FACE, REVIEWComments (0)

advert

Google

erk-erk.com





BEAUTY MENU

มาคุยกับเอิ๊กได้ที่นี่ทุกวัน ถ้าว่างรีบตอบทุกคำถามค่ะ

INSTAGRAM @wwwerkerkcom

[instagram-feed]

ติดตามบล็อค erk-erk.com อย่างใกล้ชิด

เพียงกรอก Email ตรงนี้เลย

LINE @erk-erk

เพิ่มเพื่อน

Related Sites