เรื่องใหญ่สำหรับผู้หญิงที่รักและชื่นชอบในการแต่งหน้า หรือ จำเป็นต้องแต่งตามหน้าที่หรืออะไรก็ตามแต่ .. ลองถามตัวเองดูบ้างไหม .. ว่าฉันเคยสังเกตุวันเดือนปีที่ผลิต ฉลาก หรือ วันหมดอายุของเครื่องสำอางที่ฉันซื้อหรือไม่ ?
ถ้าตอบว่าเคย .. คุณก็ยังต้องอ่านต่อ
ถ้าตอบว่าไม่เคย .. คุณก็ต้องอ่านมันต่อเพื่อตัวคุณเอง
เอิ๊กตอบว่าไม่ เอิ๊กไม่เคยสนใจดูเลย .. ดังนั้นเอิ๊กคงต้องรวบรวมเขียนและอ่านต่อไปพร้อมกับหลายๆคน พร้อมโยนทิ้งบ้างส่วน ฉึบ (ฮ่า)
เอิ๊กมีเครื่องสำอางไม่เยอะ เพราะทิ้งไปเยอะแล้วเหมือนกัน เดี๋ยวจะทิ้งอีก หลังจากจบบทความนี้ บางอย่างยอมรับว่ามีอาการเสียดาย .. แต่กลัวอันตราย แล้วเป็นโรคอะไรแล้วต้องเสียเงินเสียทองมากกว่าตัดใจทิ้งมันไป แล้วซื้อใหม่ซะ เพื่อสุขภาพ และ อนามัยของผิวตัวเอง
BEAUTY FACT 1 : อย. ไม่บังคับให้ใส่วันหมดอายุลงในเครื่องสำอาง เพราะอายุขัยของเครื่องสำอางสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามการการถนอม และ เก็บรักษา เช่น เก็บในอุณหภูมิที่พอเหมาะ แห้ง เย็น ไม่ร้อน ไม่ตากแดด ไม่เปิดฝาตากลมจนฝุ่น และ แบคทีเรียลงไป จะทำให้ยืดอายุเครื่องสำอางได้มากขึ้น
BEAUTY FACT 2 : การเก็บเครื่องสำอางในตู้เย็นไม่ใช่การดีเสมอไป เพราะความชื้น ทำให้เครื่องสำอางเสียคุณสมบัติ และ เกิดการแยกชั้นของเนื้อครีมได้
โรค หรือ ปัญหาผิวหนังอะไรที่มาพร้อมเครื่องสำอางหมดอายุได้บ้างนะ ?
- เยื่อบุตาอักเสบ [ ตาแดง ]
- เยื่อบุปากอักเสบ
- อาการอักเสบของผิวต่างๆ เช่น ระคายเคือง ผื่นแพ้ ตุ่มแดงคล้ายสิว
- ติดเชื่อแบคทีเรีย
ปัจจัยใดบ้างที่ทำเกิดปัญหาผิวหนังจากการแต่งหน้า ?
- เครื่องสำอางหมดอายุ
- เครื่องสำอางที่ไม่ได้มาตรฐานไม่มีฉลาก หรือ ตราสินค้าที่น่าเชื่อถือ
- เครื่องสำอางที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว มีส่วนผสมที่ทำให้ผิวระคายเคือง
- พัพฟ์ ฟองน้ำที่ใช้แต่งหน้าที่ไม่ได้ทำความสะอาดมานานเกิน 1 – 4 สัปดาห์
อายุขัยของเครื่องสำอางแต่ละชนิดยาวนานแค่ไหนถึงหมดอายุ ?
- ขึ้นกับวันหมดอายุที่ระบุบนฉลาก
- ถ้าไม่มีให้นับตั้งแต่วันแรกที่เปิดใช้ [ทำNoteแปะไว้หรือจดไว้] จะมีอายุโดยเฉลี่ยแต่ละประเภทเรียงตามลำดับดังนี้
- กลิ่นเปลี่ยน สีเปลี่ยน หน้าตาเปลี่ยน [ ทิ้งทันที ]
BEAUTY NOTED : เครื่องสำอางที่ใช้กับดวงตา หรือ ของเหลวมักไปไวกว่าที่อยู่ในรูปแบบการอัดแข็ง เนื้อแข็ง เพราะด้วยเนื้อของมันเป็นอะไรที่เกิดการสะสมของแบคทีเรียได้ง่ายเวลาที่เราเปิดฝา หรือ ดึงเข้าดึงออก จนลมสามารถลอดผ่านเข้าไปได้
- มาสคาร่า & อายไลเนอร์แบบน้ำ = 3 – 6 เดือน
- รองพื้น เบส ไพรเมอร์ บีบีครีม ที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก water-based = 12 เดือน / 1 ปี
- รองพื้น เบส ไพรเมอร์ บีบีครีม ที่มีไขมันเป็นส่วนประกอบหลัก oil-based = 18 เดือน
- คอนซีลเลอร์ = 12 – 18 เดือน
- ลิปกลอส = 12 เดือน
- ที่ปัดแก้ม [บลัช ออน] & ที่ทาตา [อายแชโดว์] เนื้อครีม เหลว = 12 – 18 เดือน
- ที่ปัดแก้ม [บลัช ออน] & ที่ทาตา [อายแชโดว์] เนื้อฝุ่น อัดแข็ง = 24 เดือน / 2 ปี
- อายไลเนอร์ & ลิปไลเนอร์ เนื้อครีม = 24 เดือน
- ลิปสติก = 24 เดือน
- แป้งอัดแข็งทุกประเภท = 24 เดือน
- ครีมบำรุงผิวไม่ใส่สารกันเสีย = 1 – 3 เดือน
- ครีมบำรุงผิวใส่สารกันเสีย = 12 เดือน
- น้ำยาทาเล็บ = 12 เดือน
- น้ำหอม = 18 เดือน
BEAUTY NOTED : เครื่องสำอางของเหลว หากไม่สัมผัสด้วยนิ้วโดยตรง แต่เทออกมา ใช้แปรง ฟองน้ำสะอาด จะช่วยยืดอายุได้อีกซักนิด
อยากให้ใบหน้ามีผิวสุขภาพดีทั้งที่แต่งหน้ามีกฎเหล็ก 6 ข้อให้จำ
- ดูวันหมดอายุของเครื่องสำอางก่อนใช้ ไม่มีก็เขียนลงไปและเริ่มนับตั้งแต่วันที่เปิดใช้
- ไม่ใช่เครื่องสำอางที่หมดอายุขัยของมัน
- ล้างอุปกรณ์แต่งหน้าให้สะอาด แปรง พัฟ สม่ำเสมอ 2-4 สัปดาห์ต่อครั้ง
- ล้างหน้าให้สะอาดทุกครั้งที่แต่งหน้าอย่างพิถีพิถันและใส่ใจ
- เลือกเครื่องสำอางที่เหมาะกับสภาพผิว โดยเฉพาะ รองพื้น ไพรเมอร์ เบส บีบีครีมที่ต้องลงทั่วหน้าทั้งวัน
- ไม่ใช่เครื่องสำอาง หรือ อุปกรณ์ แต่งหน้าร่วมกับใครทั้งสิ้น อาจทำให้เกิดการติดต่อเชื่อโรค เช่น เริม
BEAUTY NOTED : ระวังการซื้อเครื่องสำอางเซลล์เพราะอาจทำให้ได้เครื่องสำอางที่ใกล้หมดอายุมาไว้ในครอบครองแทน หรือ ไม่ควรซื้อเครื่องสำอางมาไว้ทีละเยอะๆ เพราะอาจเสื่อมสภาพก่อนจะได้ใช้
จะรู้ได้อย่างไรว่าเราแพ้เครื่องสำอางที่พึ่งซื้อมา ?
- ถ้าเริ่มใช้ครั้งแรก แล้วผื่นขึ้น ต้องแยกให้ออกชัดเจน ว่า ระคายเคือง หรือ แพ้
- ถ้าระคายเคืองจะ คัน คันยิบๆ หรือ ปวดแสบปวดร้อน เป็นแค่ช่วงสั้นๆ ไม่เกิน 10 นาที
- ถ้าแพ้ใช้ไปซักพักจะเกิดอาการ ทีเป็นได้ตั้งแต่ผื่นแดง บวม ตุ่มน้ำ ขุย ลมพิษ ผื่นดำ ผื่นขาว สิว
- การระคายเคืองมักเกิดจากส่วนผสมที่มีฤทธิ์เป็นกรด หรือ แอลกอฮอล์ในเครื่องสำอาง คนผิวแห้งมักเกิดอาการระคายเคืองง่าย
- การแพ้ มักเกิดจาก 1. น้ำหอม 2.สารกันบูด
ทดสอบการแพ้เครื่องสำอางอย่างไร ?
- ทาทิ้งไว้ที่ท้องแขนตอนกลางคืน ทิ้งไว้ทั้งคืน ทำซ้ำ 1 สัปดาห์ติดต่อกัน ถ้าผื่นขึ้นแสดงว่าแพ้
- พบแพทย์ทำ SKIN PATCH TEST ตรวจสอบได้อย่างละเอียดว่าแพ้สารชนิดใดบ้าง จะได้หลีกเลี่ยง
BEAUTY FACT 3 : ผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า “hypoallergic” ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ทำให้เกิดการแพ้ เพราะปัจจุบัน อย. ไม่ได้กำหนดชัดเจนว่าต้องทำการทดสอบอะไรบ้าง
BEAUTY FACT 4 : ผลิตภัณฑ์หลายชนิดระบุว่า “แพทย์ผิวหนังรับรอง” หรือ “ผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนัง” แต่สมาคมแพทย์ผิวหนังยืนยันว่าไม่เคยรับรองผลิตภัณฑ์ใดทั้งสิ้น
BEAUTY FACT 5 : แม้ว่าจะเคยใช้เครื่องสำอางยี่ห้อนี้มานานแล้ว ไม่ได้หมายความว่าจะแพ้ไม่ได้ เพราะบางครั้งผู้ผลิตอาจมีการเปลี่ยนสูตรเล็กน้อย ทำให้แพ้ได้ หรือ สภาพผิวของเราที่แปรเปลี่ยนตาม อายุ ฤดูกาล ช่วงเวลา ฯลฯ
สารต้องห้ามในเครื่องสำอาง มี 1) ไฮโดรควิโนน 2) ปรอท เราทดสอบได้อย่างไร ?
- ทดสอบไฮโดควิโนน เอานํ้าสบู่มาถูกับครีม ถ้าครีมเปลี่ยนสีเป็นสีนํ้าตาลดํา แสดงว่ามีไฮโดรควิโนน
- ทดสอบปรอทในครีม เอาทองแท้มาถูกับครีม ถ้ามีสารปรอทเจือปน ครีมจะเปลี่ยนสีเป็นสีนํ้าตาลดํา
หวังว่าบทความนี้คงเป็นประโยชน์กับใครได้บ้างนะคะ นำไปใช้เพื่อสุขภาพผิวของเราค่ะ
ขอให้ทุกคนผิวสวย หน้าใสกันทุกคนค่ะ
แหล่งข้อมูล
– ผู้ช่วยศาสตราจารย์ รังสิมา วณิชภักดีเดชา ที่ปรึกษาศูนย์ผิวหนัง&ศัลยกรรมเลเซอร์ไอสกาย
– แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนัง แพทย์หญิง แอนเจลา บาวเวอร์ จาก สหรัฐอเมริกา
– Tesco UK magazine
– เดลินิวส์ออนไลน์
– ประสบการณ์ส่วนตัวจากที่เป็นสาวแต่งหน้ามา 8 ปี