Archive | REVIEW

HAPPY VALENTINE DAY

 

HAPPY VALENTINE DAY ล่วงหน้านะคะทุกคน 
ขอให้ความรักเบ่งบานทุกวันกับทุกคนรอบตัว ทุกสถานะ
I LOVE YOU AND NICE TO MEET YOU ALL KUB

 

Posted in HOW TO, MAKE UP, REVIEWComments (0)

REVIEW & HOW TO : SATINIQUE ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพเส้นผมจาก AMWAY

” นิยามของผมที่มีสุขภาพดี จะมีน้ำหนัก อ่อน นุ่มสลวย

เงางามเป็นประกาย  จัดทรงง่าย “

เส้นผมที่งอกยาวออกมาคลุมศีรษะ คือ เซลล์ที่ตายแล้ว

อายุเส้นผมเฉลี่ยต่อเส้นประมาณ 36 เดือน หรือ 3 ปี

และ ต่อมรากผมจะลดจำนวนลงเมื่ออายุมากขึ้น

♥ บางคนตกใจผมที่เคยสวยเจอเคมีมากเสียแล้วเสียเลย

♥ บางคนตกใจมีอายุมากขึ้นผมบาง

♥ บางคนตกใจทุกวันผมร่วงตลอด

ข้อความข้างต้นคร่าวๆ คือ ความจริงที่เกี่ยวกับเส้นผมนะคะ ที่หลายคนต้องทำความเข้าใจไว้เพื่อที่จะได้ทราบว่า

ตัวเองมีปัญหาตรงจุดไหน ส่วนไหนเป็นธรรมชาติของเส้นผม ส่วนไหนที่เราสามารถที่จะบำรุงเพิ่ม และแก้ไข

เส้นผมเรามีสุขภาพที่ดีขึ้นได้ ทั้งที่ยังมีปัจจัยอีกมากที่มีผลต่อสุขภาพเส้นผมของเรา ทุกคนก็ต้องทำความเข้าใจ

ตรงจุดนี้ด้วย .. จะได้ไม่ตกใจ และ แก้ไขก่อนเกิดปัญหา 🙂

ดูแลผมยังไงดีให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น หรือ ดีอยู่แล้วก็ดียิ่งขึ้นไปอีก

  1. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพเส้นผม และ  เส้นผมมีทั้ง แห้ง มัน ธรรมดา เหมือนผิวหน้าเลยต้องดูแลให้เหมาะกับสภาพเส้นผม ปัญหาเส้นผม หนังศีรษะ บางคนโชคดีสภาพผมธรรมดา หนังศีรษะก็ไม่มันไม่แห้ง เส้นผมชุ่มชื่น ดูแลง่าย ส่วนบางคนก็อาจต้องมีการดูแลแยก เช่น ถ้าหนังศีรษะมัน แต่ เส้นผมอาจจะแห้งก็ได้ บางครั้งก็อาจต้องดูถึงค่าความเป็นด่างสมดุล PH BALANCE เช่น ทรีทเมนท์ หรือ ครีมนวด จะทำให้ผมชุ่มชื่นขึ้น
  2. นวดหนังศีรษะเวลาสระผม ด้วยอุ้งนิ้วมือ ไม่เกาเพราะเดี๋ยวจะเป็นแผล การนวดเลือดไหลเวียน และน้ำมันตามธรรมชาติเคลือบดูเลี้ยงเส้นผมได้ดีขึ้น
  3. ไม่หวีผมตอนเปียก ถ้าหวีควรใช้หวีซี่ห่าง [มาก] จะลดการขาด และ ร่วงของผม
  4. ใช้ผลิตภัณฑ์ปกป้องความร้อน เวลาไดร์ผม หนีบผม ก็ช่วยลดการเสียของเส้นผมได้ระดับนึง
  5. ไดร์หรือเป่าผม ควรเป่าจากบนลงล่าง ด้านบนอาจจะเป่าแบบร้อน ส่วนเส้นผม ปลายผมเป่าด้วยไดร์เย็น เกล็ดผมจะเรียงตัว ทำให้ผมเงา ไม่ชี้ฟู
  6. ทานอาหารบำรุง เน้นพวกวิตามินบี ผัก ผมไม้ ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ
  7. ไม่ตากแดดจัด ถ้าออกแดดให้กางร่ม หรือ สวมหมวกทุกครั้ง
  8. ใช้เคมีเท่าที่จำเป็น และ ทิ้งช่วงให้ผมได้พักบ้าง บางคนดัด ย้อม ในเวลาเดียวกัน ผมเสียสุดๆ จะฟื้นบำรุงยากมาก
 ปัจจัยอะไรบ้างที่มีผลต่อการมีสุขภาพผมที่ดี
  1. โครงสร้างเส้นผมตามธรรมชาติ เช่น เม็ดสีผม โครงสร้าง ผมตรง ผมหยักโศก ผมหยิก
  2. ฮอร์โมน เช่น ฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ทำให้ผมงอกเร็ว สเตียรอยด์ฮอร์โมนยับยั้งการงอกของผม
  3. อาหาร เช่น วิตามินบี ทำให้เส้นผมเจริญเติบโต วิตามินเอถ้าทานมาผมจะงอกช้า
  4. อากาศ มลภาวะ มีผลโดยตรงกับสภาพเส้นผม สังเกตุหลังสระผมแล้วไปโดนควัน ผมจะแห้ง กระด้าง
  5. สภาพบางอย่างของโรค เช่น การขาดโปรตีน ผมเปราะบาง ขาด,ร่วงง่าย  
  6. สารเคมี ไดร์ ยืด ดัด ย้อม ความร้อน การใช้ผลิตภัณฑ์ที่รุนแรงกับหนังศีรษะ และ เส้นผม
  7. ผมแตกปลาย และ ไม่ยอมเล็มทิ้ง หวังว่าจะมีอะไรทำให้ผมหายแตกปลายได้ คำตอบคือ ไม่มี
  8. หวีผมตอนผมเปียก ผมจะขาดและร่วงง่ายมาก
  9. นอนทั้งที่ผมไม่แห้ง เป็นการมาของเชื้อรา รังแค ทำให้บุคลิกเสีย
  10. โดนแสงแดดจัด มีผลทั้งสุขภาพเส้นผม และ การเปลี่ยนไปของเม็ดสีผม

เส้นผมมี 4 ชั้น

ผิวนอก เนื้อผม แกนผม รากผม

 


1.  ผิวนอก [Cuticle]  ชั้นนอกของเส้นผม โปร่งแสงไม่มีสี เป็นเกล็ดใสเรียงซ้อนกันเหมือนเกล็ดปลา เรียกว่า keratinized cell ล้อมรอบเส้นผม ส่วนประสำคัญของชั้นนอกจะมีคีราตินชนิดแข็ง (hard keratin)เป็นส่วนใหญ่ ่ทำให้เส้นผมแข็งแรง ป้องกันการซึมผ่านของสิ่งสกปรกที่จะเข้าไปทำลายเส้นผม และปกป้องชั้นเนื้อผม ไม่ให้สูญเสีย ความชุ่มชื้น, เม็ดสี, น้ำมันตามธรรมชาติ ทำให้ผมดูเป็นเงา

 

เกล็ดผมปิดเรียงตัวสวย vs เกล็ดผมเปิดเรียงตัวไม่เป็นระเบียบ

ผมที่สุขภาพดี : เกล็ดผมจะปิดและเรียงตัวกันดี แต่ผมที่เริ่มแห้งเสีย หรือ เสียอย่างหนัก เกล็ดผมจะฉีกขาด แล ะไม่สามารถเรียงตัวปิดได้ ทำให้เกล็ดผมไม่สามารถปกป้องความชุ่มชื้นภายใน และ จะทำให้แห้งเสียมากขึ้นหากไม่มีการบำรุง

เกล็ดผมจะเปิดก็ต่อเมื่อ :
  • โดนความร้อน
  • ความชื้นจากธรรมชาติ
  • ความชื้นจากเคมีบางตัว

2.เนื้อผม [Cortex]  ชั้นที่หนาที่สุด ประกอบด้วยเซลล์เส้นใยเรียงอัดกันแน่นตามยาว เป็นแหล่งรวม ของเม็ดสี [ตัวกำหนดสีผม] มีช่องอากาศ โปรตีน เคราติน และเส้นใยโปรตีน เป็นส่วนกำหนดโครงสร้างตามธรรมชาติ ทำให้ผมมีความนิ่ม ยืดหยุ่น

 

3.แกนผม [Medulla]  เกิดจากโปรตีน และไขมัน ผมที่มีสภาพแข็งแรงจะพบแกนผม ผมเส้นเล็กมักไม่มีแกนผม

 

4. รากผม [har root] ฝังในเนื้อเยื่อหนังศรีษะ เรียกว่า ต่อมรากผม[hair follicle] และต่อมรากผมแต่ละต่อมจะมีปุ่มปลายแหลม 1 อัน [papilla] และมีต่อมผลิตน้ำมัน [sebaceous gland] ปุ่มนี้มีความสำคัญมากต่อการเจริญเติบโตของเส้นผมเพราะมีเลือดและเส้นประสาทมาเลี้ยง ทำให้เซลล์์รากผมแบ่งตัว และ เกิดเซลล์ใหม่ของผมขึ้นเรื่อยๆ คนที่หัวล้านสาเหตุ คือ เซลล์ของปุ่มปลาย แหลมนี้ตายหรือฝ่อ ผมจะขาดอาหาร หลุดร่วง จึงไม่มีการงอกใหม่ และ ต่อมน้ำมัน สร้างน้ำมันออกมาหล่อลื่นทำให้เส้นผมอ่อนนุ่ม มันเงาคนที่ผมแห้งเพราะต่อมน้ำมันสร้างน้ำมันออกมาน้อยเกินไป ตรงกันข้ามถ้าต่อมน้ำมันทำงานมากเกินไป จะทำให้เส้นผมมัน

ไม่ค่อยได้เขียนเรื่องผมจริงจัง แต่ตอนนี้ผมเสียจากการทำสี และ ยืดอย่างเป็นทางการ 55555555

ประกอบกับมีผู้สนับสนุนส่งผลิตภัณฑ์ดูเส้นผมที่ถูกทำลายจนมีสุขภาพที่แย่ลง หรือ ขาดการบำรุง

มาให้ทดสอบ ก่อนหน้านี้มีหลายชั่ววูบมาก อยากตัดผมที่แตกปลาย และ ขาดง่ายออกจากการ

ยืดร้านที่ใช้น้ำยาที่ทำร้ายเส้นผมเรามาก ประกอบกับความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ในการหาความรู้เรื่อง

น้ำยายืดโครงสร้างเส้นผมก่อนหน้านั้น ทำให้ผมเอิ๊กเสีย และ สุขภาพแย่มากกว่าครึ่งศีรษะ ขาด

แบบว่าง่ายสุดๆ มันไม่หลุดทั้งราก แต่ขาดได้ตั้งแต่ ช่วงต้น กลาง ปลาย ส่งผม ให้มีผมเกิดใหม่

เป็นจำนวนมาก ข้อดี อายุเราไม่เยอะ ผมเรางอกง่าย โตไว แต่ผมเอิ๊กถ้าส่องแสง จะมีหลายชั้น

จะตัดก็เสียดาย อุตส่าห์ไว้มาตั้งนาน ผมยาวก็ทำได้ทรง และ เรามั่นใจว่าผมยาวเข้ากับรูปหน้า

เราได้มากกว่า เลยสองจิตสองใจ ผมแบบไร้ซึ่งน้ำหนัก ฟู ถ้าส่องใกล้ๆ ปลายนี่น่าสงสารสุดๆ

ขนาดเล็มไปบ่อยมาก มันก็ยังไม่หมด อย่างว่า ของเก่าที่เคยไว้ยาว เสียหายหมดเลย บทเรียน

ราคาแพง จำไว้ดีดีนะคะสาวๆ จะทำอะไรที่เป็นเคมีกับเส้นผมต้องคิดให้เยอะ

ผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของเราวันนี้เป็นแบรนด์ SATINIQUE ซาทินิค

เปิดตัววางขายไปตั้งแต่ 29 ตุลาคม 2556 ที่ผ่านมาทุกสูตรเลยค่ะ ในตอนแรกที่ฟังนั้น

ชื่อแบรนด์ไม่คุ้มเคย จนกระทั่งทราบว่าเป็นแบรนด์นึงในเครือ AMWAY ซึ่งหลายคน

ทราบถึงชื่อเสียง ประวัติที่มีมายาวนาน และ คุณภาพกันดีอยู่แล้ว ผลิตภัณฑ์ดูแล

เส้นผม SATINIQUE ก็เป็นอีกแบรนด์ที่เอิ๊กได้มาทดสอบกันในช่วงนี้ ก็จะมีหลายสูตร

ตามสภาพเส้นผมและ มีทั้งของผู้หญิง ผู้ชาย

แบรนด์ SATINIQUE เขาบอกว่าเน้นดูแลทั้งด้านสุขภาพ ความงาม และเส้นผม 3 อย่างรวมเข้าด้วยกัน

จึงสร้างสรรค์จนเป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับส่วนผสมที่จำเป็นและสำคัญ เพื่อสุขภาพผมที่ดี

จุดเด่น : คือ เอนเนอร์จูฟTM  เป็นสิทธิบัตรสูตรเฉพาะของแบรนด์ SATINIQUE หลักที่สำคัญจะประกอบด้วย สารพลังประจุบวกของลิพิด (ไขมัน) กับ ครีเอทิน ที่ช่วยกันเสริมประสิทธิภาพความแข็งแรงให้กับเส้นผม ทำให้เส้นผมมีสุขภาพดีขึ้น และมีกรดไขมัน 18-เอ็มอีเอ ที่ให้ความเรียบลื่นแก่เส้นผม รวมถึงเทคโนโลยีการผลิต

 

ก่อนใช้ vs หลังใช้

การทำงานของ เอนเนอร์จูฟTM

ก่อนใช้ :  ผมที่ถูกทำร้าย ทำให้ลิพิดในเส้นผมลดลง เส้นผมอ่อนแอ ไม่ค่อยเห็นแสงเรืองรองสะท้อนจากเส้นผม

หลังใช้ : เส้นผมเดียวกัน เอนเนอร์จูฟจะซึมผ่านเข้าเนื้อผม[cortex] เพื่อเพิ่มความเงางามมีประกาย สุขภาพผมดี

และแข็งแรง จนเห็นเป็นแสงเรืองรองสะท้อนอย่างชัดเจน

ก่อนใช้ vs หลังใช้

                                                  ก่อนใช้ : เส้นผมถูกทำลายจากความร้อนและการทำสี

                                                  หลังใช้ : ผมเสียที่ได้รับการดูแลด้วยเอนเนอร์จูฟเพียงหนึ่งครั้ง เส้นผมเรียบลื่นและแข็งแรงขึ้น

เอิ๊กลองสูตรนี้ SATINIQUE GLOSSY REPAIR ทั้งตัว SHAMPOO & CONDITIONER และมาส์ค

SATINIQUE REVITALIZING MASK ทั้ง3ผลิตภัณฑ์นี้ สำหรับDAMAGED, COLOR-TREATED HAIR

หรือ สภาพเส้นผมที่เสีย-เสียมาก และ ผ่านการทำสี ไม่แน่ใจว่ารู้ได้อย่างไรว่าเอิ๊กประสบปัญหาแก้ไม่ตกเรื่องนี้อยู่

มาดูคำโปรยของ SATINIQUE กันก่อนเข้าสู่ REVIEW ตามการใช้และผลลัพธ์จริง 

SATINIQUE GLOSSY REPAIR : SHAMPOO & CONDITIONER

ซาทินิค กลอสซี่ รีแพร์ สูตรปราศจากสารซัลเฟต ฟื้นบำรุงผมเสียและผมทำสีให้สุขภาพผมดี เงางาม  พร้อมมอบสีผมเด่นชัด ลดการซีดจางของสีผม โดดเด่นด้วยการปลดปล่อยพลังเอนเนอร์จูฟ™ ที่ได้รับสิทธิบัตรเฉพาะของซาทินิค  ประกอบด้วยสารบำรุงประจุบวก ที่ช่วยให้เส้นผมสวยมีชีวิตชีวาและเสริมประสิทธิภาพความแข็งแรงให้แก่เส้นผมจากโคนจรดปลาย  พร้อมสารสกัดจากทับทิมและเมล็ดองุ่น ช่วยบำรุงให้สุขภาพเส้นผมแข็งแรง ฟื้นสภาพเส้นผมให้กลับมีชีวิตชีวา

 

 

 

SATINIQUE REVITALIZING MASK

ซาทินิค รีไวทัลไลซิ่ง มาส์ค ช่วยบำรุงให้สุขภาพผมดี แข็งแรงขึ้นถึง 6 เท่า* ฟื้นบำรุงและป้องกันผมแตกปลาย พร้อมปกป้องเส้นผมจากความเสียหายที่จะเกิดขึ้น  โดดเด่นด้วยการปลดปล่อยพลังเอนเนอร์จูฟ™ ที่ได้รับสิทธิบัตรเฉพาะของซาทินิค  ประกอบด้วยสารบำรุงประจุบวก ที่ช่วยให้เส้นผมสวยมีชีวิตชีวาและเสริมประสิทธิภาพความแข็งแรงให้แก่เส้นผมจากโคนจรดปลาย  พร้อมสารสกัดจากเมล็ดองุ่นและน้ำมันเมล็ดคูคุย ช่วยปกป้องผมจากมลภาวะและดูแลให้เส้นผมสุขภาพดีและชุ่มชื้น

*เมื่อใช้รีไวทัลไลซิ่ง มาส์ค ร่วมกับชุดผลิตภัณฑ์แชมพู คอนดิชันเนอร์

เข้าสู่ช่วง HOW TO และ REVIEW ทั้ง 3 ตัวนี้ของเรากัน

ก่อนหน้านี้เอิ๊กมา WORKSHOP ที่โรงแรงโหมดสาธรเลยอยากลองมาพักดู เลยพาน้องสาวมานอนด้วยกันที่นี่เลย

ถ่ายรีวิวชิ้นนี้กับอย่างสนุกสนาน ฟองฟอด บ้านไม่มีอ่าง เลย สนุกสนาน แช่กันตัวเปื่อยเลย ทำรีวิว + ฮาวทูไปด้วย

เพื่อแชร์ให้เห็นว่าเอิ๊กสระผม และ มีวิธีการดูแลเส้นผมยังไงบ้าง หลังจากที่ผมเสีย และ ทำสีไป ก็ดูแลมาตลอดแต่

ผมคือเซลล์ที่ตายแล้ว และ โดนทำร้ายอย่างหนักมาก ก็ดีขึ้นบ้าง แต่บางวันก็แห้งมาก เพราะต้องไปถ่ายรายการ

ผมแห้งไม่ทัน และ ต้องทำผมที่กอง ก็มีทั้งขาด เป่า และ โดนความร้อนจากอุปกรณ์ทำผมบ่อยครั้ง ตั้งแต่ตอนนี้ไป

จะพกสเปรย์ทำความร้อนละ ไม่ไหว แตกปลายก็เล็มไปยังไม่หมด เพราะมันยาวมากที่เสียหาย ดังนั้นผมงอกใหม่

สุขภาพดี หลั่นล้ามาก ปลายผมหงอยเหงามากฟื้นฟูไม่ค่อยได้ผลมากนัก หมักทรีทเมนท์ทุกชนิดยังอาการไม่ค่อย

จะสู้ดี และ ไม่รวมถึงผมขาด

SATINIQUE สูตร GLOSSY และ REVITALIZING MASK หน้าตาของจริงแพคเกจสีชมพูเลือดหมู

SATINIQUE GLOSSY REPAIR : SHAMPOO

SATINIQUE GLOSSY REPAIR : SHAMPOO เนื้อผลิตภัณฑ์จะขุ่น เหลว กลิ่นอ่อนๆ ความรู้สึกเอิ๊กว่า

คล้ายกลิ่นน้ำมันมะพร้าวอ่อนๆนิดๆ ส่วนตัวอาจไม่ค่อยชอบกลิ่นของแชมพูเท่าไหร่เป็นความชอบส่วนตัว

SATINIQUE GLOSSY REPAIR : SHAMPOO ส่วนผสมสำคัญหลังขวด

SATINIQUE GLOSSY REPAIR : CONDITIONER

SATINIQUE GLOSSY REPAIR CONDITIONER  : เนื้อผลิตภัณฑ์เข้มข้นมากเทียบเท่าทรีทเมนท์บางยี่ห้อ

SATINIQUE GLOSSY REPAIR CONDITIONER : ส่วนผสมสำคัญ

SATINIQUE REVITALIZING MASK

SATINIQUE REVITALIZING MASK : เนื้อเข้มข้นแบบสุดพลัง เนื้อแน่นมากกกกกกกกกก

SATINIQUE REVITALIZING MASK : ฉลากด้านหลัง รวมถึงประเทศที่ผลิต ผลิตอเมริกา

SATINIQUE REVITALIZING MASK : หน้าตากล่อง ฉลากบนกล่อง จะมีเครื่องหมายรับรองต่างๆ

เอิ๊กจะใช้ทั้ง 3 ตัว ในการทำ HOW TO และ REVIEW นะคะจะเริ่มด้วยการ

สระผมให้สะอาด ด้วยน้ำเย็น หรือ น้ำอุณหภูมิธรรมดา เพื่อป้องกันความชุ่มชื่นระเหย และ สูญเสียความเงาไป

หลังจากนั้นตามด้วย  SATINIQUE GLOSSY REPAIR SHAMPOO 

ในที่นี้สระผม 2 รอบ และ นวดด้วยอุ้งมือเน้นบริเวณ ไม่เกา หนังศีรษะ หรือ กระตุ้นรากผมเป็นพิเศษ

“สำหรับยาสระผม” เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด การงอกของเส้นผม และ ทำให้น้ำหล่อเลี้ยง

มาเลี้ยงเส้นผมให้ผมไม่กระด้างดูเงาขึ้น

ในส่วนของการบำรุงบริเวณเส้นผม ปลายผมอย่างเข้มข้นเพื่อให้รู้สึกในคราวเดียว เอิ๊กจะขอทดสอบทั้ง 2 อย่าง

คือ SATINIQUE GLOSSY REPAIR CONDITIONER กับ SATINIQUE REVITALIZING MASK

หรือ ครีมนวด และ มาส์ค โดยแบ่งผมไป 2 ข้างให้มีจำนวนเท่าๆกัน

จะเริ่มจาก  SATINIQUE REVITALIZING MASK ก่อน โดยเท หรือ ค่อยกระเทาะจากอุ้งมือให้เนื้อมาส์คไหล

ออกมาให้พอดี กับ จำนวนเส้นผม จะไม่นวดบนหนังศีรษะเด็ดขาด เว้นจากโคนไปเลยประมาณ 5 – 10 เซนติเมตร

นวดเน้นปลายผมซัก1นาที หรือ ส่วนที่เสียของเส้นผม และ เก็บมัดยางหลวมๆขึ้นไปก่อน 1 ข้าง

 อีกข้างแน่นอนตามด้วย  SATINIQUE GLOSSY REPAIR CONDITIONER เทพอประมาณ

นวดเหมือนมาส์ค เน้นปลายผมและเก็บขึ้นไปหลวมๆ ด้วยยางเหมือนเดิม

ADVANCE หน่อยก็หมักผมด้วยผ้าขนหนูอุ่นแทนการอบไอน้ำ หรือ จะใส่หมวกคลุมผมก็ได้

แล้วก็ทิ้งไว้ซัก 15 -30 -60 หรือนานกว่านั้น ได้หมดเช่นกัน

 ทิ้งไว้ซักพัก ล้างออกให้สะอาด เน้นบริเวณขอบหน้า ขอบผมแถวหน้าผาก และ ก้มศีรษะ อย่าให้โดนหลัง เพราะ

หลายคนก็สามารถอุดตันและเป็นสิวที่หน้าอก หรือ แผ่นหลังได้ เอิ๊กใช้วิธีนี้ สิวไม่ค่อยขึ้นอีกเลยล ตอนแรกเพียบ

หาที่หายใจของรูขุมขนไม่ได้ ซับเอาน้ำออก ไม่ขยี้ๆๆๆแรงนะคะ ผมจะขาด และ ร่วงเอา และ ถ้าไม่ซับไม่ได้

น้ำที่เปียกแฉะ ก็นำมาซึ่ง เชื่อรา ณ หนังศีรษะของท่านได้ เป็นห่วงจริงๆ

ไดร์ผมให้แห้งด้วยลมเย็น หรือ ถ้ารีบนอน ลมร้อนที่โคนผม เพราะผมที่งอกขึ้นมาจะมีสุขภาพที่ดี และ แข็งแรง และ

ลมเย็นที่ปลายผม เป่าตั้งแต่โคนลงมาให้เกล็ดผมเรียงตัว บางทีเอิ๊กก็นั่งแช่หน้าพัดลมเพราะไม่อยากให้ผมโดน

ความร้อน หรือ เปลืองไฟกับไดร์ 555555 เปล่าหรอกขี้เกียจเมื่อยแขนคับ ตั้งแต่ส่วนที่เสียลงมา เอิ๊กจะรอให้ผมแห้ง

และ หวีทีเดียวด้วยแปรงซี่ห่าง หรือ แปรงที่ถนอมเส้นผม และ หนังศีรษะ

[ แค่หวีผม และ ไดร์เย็นธรรมดาแค่นั้นค่ะ ]

ผลลัพธ์ : เมื่อใช้ทั้งแชมพู คอนดิชั่นเนอร์ และ มาส์ค ร่วมกัน ความรู้สึกแรกของเอิ๊กคือ ผมเงา ลื่น และ นิ่มมาก

มีน้ำหนัก ทิ้งตัวดีขึ้นมากกก พอมันเงาสีผมเวลาโดนไฟมันก็เป็นประกายมากขึ้น ส่วนกลิ่นเราไม่ได้กลิ่นชัด

เพราะเราชินกลิ่น แต่พอลงมาจากข้างบน แม่บอกผมหอมมากกกกกก ถามว่าไปทำอะไรมาหรือ เดินผ่านน้อง

น้องบอกหอม ใช้อะไรอะ 555 ส่วนคุณแฟนให้ลองจับ แกบอกว่า ทำไมมันนิ่มกว่าเมื่อก่อนใช้อะไรกลิ่นหอมดี

รวมถึงให้เพื่อนสาวลูบจับเส้นผมทั้งสองข้าง เทียบความรู้สึกกัน หลายคนชอบฝั่ง แชมพู + มาส์คแต่สำหรับเอิ๊ก

[ ผมที่ขาดของเอิ๊กจากตอนแรกที่ยืดมา และทำสี ทำให้ผมไม่แข็งแรง

ความจริงช่างผมแนะนำให้ตัดทิ้งหมดเลย พอใช้แล้วผมเงา จัดเรียงตัวสวย ]

ชอบแชมพู + คอนดิชันเนอร์ มากกว่าเพราะรู้สึกว่าเนื้อคอนดิชั่นเนอร์ก็เข้มข้นแล้ว และ ลองสระทิ้งไว้ไม่สระผม

2 วันผมยังนิ่ม และ ส่วนปลายผม ยังมีกลิ่นหอมติดทนมาก และ มีความนิ่มมากอยู่ ทั้งที่ใช้เทคนิคนี้กับทุกแชมพู

คอนดิชันเนอร์ และ มาส์ค ตอนแรกเอิ๊กแค่ลองแต่ไม่ได้คิดอะไร นั่งทำงานมัดผมไปกลิ่นยังหอมลอยมาเลยพอ

จับก็นิ่ม ลื่นเหมือนเดิม ประมาณวันที่ 3 หลังจากโดนมลภาวะ ประกอบกับการฉีดสเปรย์ มูส ทำผมลอน เอิ๊กก็

เลยต้องสระ ทนไม่ไหว 55555555 แต่ผมดูแข็งแรง สุขภาพดีขึ้น แบบเห็นได้ และ สัมผัส มัน GLOSSY จริงๆ

[ ZOOM – ZOOM  ซูม ซูม ปลายผมดีขึ้น ความแห้เสียแตกปลาย ดูดีขึ้น]

ชอบมากกว่า สูตร GLOSSY ของแบรนด์อื่น เพราะสิวไม่ขึ้น และ หอมอึด รวมถึง ผมคงสภาพสุขภาพได้

หลายวัน มากกว่าที่เคยลองแบรนด์อื่นๆมา รู้แค่ว่าอยากซื้อใช้ต่อ และ อยากลองสูตรอื่นบ้าง ไม่แน่ใจ

จะเงาเหมือนสูตรนี้ไหม

ราคา แชมพู และ คอนดิชันเนอร์ จะอยู่ที่ขวดละ 400-500 กว่าบาทขึ้นกับราคาสมาชิก

ราคามาส์ค จะอยู่ที่ 700-800 กว่าบาทขึ้นกับสมาชิก

[ สาดแฟลช ]

จุดเด่น ตามสรรพคุณทุกประการ ผมนุ่ม ลื่น เงา ประกาย หอมมากก

จุดด้อย หาซื้อไม่ได้ตามห้าง หรือ ซุปเปอร์มาเก็ต / ต้องเป็นสมาชิก / ราคาจะถูกจะไม่ถูกขึ้นกับการเป็นสมาชิก / ต้องใช้รวมกันทุกตัว ผลลัพธ์จะเห็นชัดมาก

จุดแนะนำ อยากให้แพคเกจดูอลังการกว่านี้ เพราะมันมีส่วนผสมและเทคโนโลยีที่จดสิทธิบัตรเป็นพิเศษ เป็นความเห็นส่วนตัว เช่นอักษรพิมพ์เงิน พิมพ์ทอง

 

ไม่ต้องตัดผมแล้ว ดีใจ อย่างน้อยก็ดูแลด้วยเจ้านี้ไปก่อน รักจุงเบยยยย ชอบมาก RECOMMENDED !!! 

อยากลองสูตรอื่นอีก ><

XOXO

 

  • ที่มาวิชาการเกี่ยวกับเส้นผม

http://www.cmicosmetic.com/articles_hair.html

Posted in HAIR, HOW TO, REVIEWComments (2)

UPDATED : REVIEW – EXILIS ll เทคโนโลยีกระชับใบหน้าตัวล่าสุด ครั้งที่ 2&3

 เอิ๊กมั่นใจว่าเขียนเทคโนโลยีนี้ในไทยคนแรก

ขอบพระคุณสำหรับความไว้ใจจาก ISKYCENTER

ที่ให้เอิ๊กและอ๊บได้ไปเก็บข้อมูลของเทคโนโลยี EXILIS II ตัวนี้ในครั้งที่ 2 ด้วยค่ะ

                    สำหรับครั้งที่ 2 ของการใช้เทคโนโลยีจากเครื่อง EXILIS II นี้ โดยเลือกแม่ซึ่งเป็นตัวแทนของความหย่อนคล้อย อายุ 60 ปี  ก่อนที่เราจะไปดูผลจากการทำครั้งที่ 2 นี้ เราก็คงได้ทราบถึง คุณสมบัติ ความเป็นมา หลักการใช้งาน และผลลัพธ์ที่จะได้ของเจ้าเครื่องตัวนี้กันแล้วใน REVIEW ครั้งแรกที่พี่เอิ๊กได้เขียนไป หรือหากท่านในยังไม่ทราบสามารถเข้าไปอ่านได้ใน บทความอันก่อนหน้านี้ได้ เพื่อที่จะได้เข้าใจอย่างแจ่มเเจ้งสำหรับความอัจฉริยะของเจ้าเครื่องตัวนี้ว่ามันทำงานอย่างไรค่ะ (REVIEW – EXILIS ll เทคโนโลยีกระชับใบหน้าตัวล่าสุด ครั้งที่ 1)

 

ก่อนจะเข้ารับทำครั้งที่ 2 แม่ก็ได้ตรวจวัดวิเคราะห์สภาพผิวทั้ง 2 แบบ ดังนี้ คือ

1.  ผลตรวจวัดสภาพผิวด้วยระบบ Multi Systemของแม่ก่อนทำ

  1. ความชุ่มชื้น : 43%
  2. สีผิว : 25%
  3. ความยืดหยุ่น : 72%

 

2. เครื่องวิเคราะห์สภาพผิว 8 มิติ (VISIA complexion analysis) 

        เครื่องนี้สามารถตรวจวัดสภาพผิวที่เราสามารถมองเห็นได้ทั้งด้วยตาปล่าวและที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาปล่าว โดยการตรวจเช็คสภาพผิวจะตรวจด้วยกันทั้งหมด 8 อย่าง ดังนี้

 

  1. Spots : รอยด่างดำบนหน้าที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า เช่น รอยแดง น้ำตาล มีขอบชัดเจน อาจเป็นรอบรอยวงกลมหรือมีรูปลักษณะอย่างอื่นก็ได้
  2. Wrinkles : รอยเหี่ยวย่น, ริ้วรอย เป็นแนวร่องส้นเล็กๆบนผิวหน้า ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นตรงตำแหน่งที่แสดงออกถึงอารมณ์, สีหน้า เช่น หางตา หน้าผาก ใต้ตา เป็นต้น
  3. Texture : ความไม่สม่ำเสมอของสีผิว โดยอาศัยหลักการวัดความต่างระดับของสี ทำให้เห็นความสูงต่ำของพื้นผิวได้อย่างชัดเจน เช่น ร่องลึก, รอยไม่เรียบเนียน, รอยนูน
  4. Pores : ขนาดของรูขุมขนซึ่งมีความเข้มมากกว่าบริเวณพื้นผิวปกติ ทำให้ทราบของลักษณะปัญหาหน้ามันและต่อมไขมันสร้างขึ้นมามากน้อยเพียงใด
  5. UV Spots : เป็นลักษณะเฉพาะของผิวที่ถูกทำลายด้วยแสงแดด โดย Melanin ที่อยู่ในชั้นหนังกำพร้าเลือกดูดซับแสงUV ทำให้สามารถมองเห็น UV Spots ได้ชัดเจนขึ้น
  6. Brown Spots : เกิดจากบริเวณนั้นมีการสะสม Melanin ซึ่งผลิตจาก Melanocytes ที่อยู่ใต้ผิวที่มากกว่าปกติ เช่น กระ ฝ้า จุดด่างดำบนใบหน้า Brown Spot จะทำให้เห็นความไม่สม่ำเสมอของสีผิวที่อยู่ด้านบนและภายในผิวซึ่งไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่สามารถตรวจได้ด้วย RBX TM Technology ของ VISIA (เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้สามารตรวจวิเคราะห์เพื่อหาความผิดปกติของเส้นเลือด หรือ Red Spots และบริเวณที่มีการสะสมของMelaninซึ่งอยู่ภายใต้ผิวหนังที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาปล่าว เพื่อที่ว่าจะได้วางแผนในการรักษาได้อย่างตรงและเเม่นยำ)
  7. Red Area : ดูความผิดปกติของเส้นเลือดฝอยบนใบหน้า เช่น รอยสิว, การอักเสบของผิว, Rosacea หรือ Spider Vein เนื่องจากเส้นเลือดแดงและฮีโมโกลบินที่อยู่ใต้ผิวหนังจะทำให้เห็นเป็นโครงร่างสีแดง8.
  8. Porphyrins : เป็นของเสียจากกระบวนการ Metabolism ของแบคทีเรียที่อยู่ในรูขุมขนเรืองแสงภายใต้สภาวะ UV และมีความสัมพันธ์การการเกิดสิว

     

                     โดยหลัักการการทำงานของสภาวะแสงในการถ่ายภาพของเครื่อง VISIA Complexion Analysis มีด้วยกันทั้งหมด 3 แบบ

  1. เเสงStandard คือ แสงมาตรฐานทั่วไป
  2. แสงCross-Polarize คือ แสงครอสโพลาไรซ์
  3. แสงUV Fluorescence คือ แสงอุลตราไวโอเลต
 ภาพนี้จะเป็นภาพ 3D จำลองสภาพผิวหน้าเราออกมาให้เห็นถึงรายละเอียด ริ้วรอย ร่องลึกและความเรียบเนียนของบริเวณจุดต่างๆบนใบหน้า

 

ผลตรวจสำหรับการวิเคราะห์สภาพผิวด้วยเครื่อง VISIA Complexion Analysis ของแม่ก่อนทำ

  1. Spots : 24% 
  2. Wrinkles : 82% 
  3. Texture : 56%
  4. Pores : 62%
  5. UV Spots : 69%
  6. Brown Spots : 62%
  7. Red Areas : 69% 
  8. Porphyrins : 13%

** หมายเหตุ : เปอร์เซ็นต์มากถือว่าดี ไม่ค่อยมีปัญหา แต่ถ้าเปอร์เซ็นต์น้อยถือว่าค่อนข้างมีปัญหา ถ้าต่ำกว่า 50% จะถือได้ว่าค่อนข้างมีปัญหาเยอะค่ะ **

 

ภาพ 2 ภาพนี้ เป็นการเปรียบเทียบระหว่างก่อนทำครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2

  •  คำถาม : EXILIS ll สามารถทำบ่อยได้แค่ไหน ?
               – ำหรับใบหน้า 2 สัปดาห์ สามารถทำได้ 1 ครั้ง โดยถ้าทำ 2 ครั้งขึ้นไป ก็จะสามารถเห็นผลเลยได้ แก้มจะยกกระชับขึ้นและเล็กลงอย่างเห็นได้ชัดเลย ซึ่งFATของเเก้มเราจะค่อยๆฟีบลง วิธีที่เห็นผลที่ดีสุดแนะนำต้องทำจำนวน 4 ครั้งขึ้นไป จะเห็นได้ชัดเจนเลย สำหรับตัวคลื่น RF (Radio Frequency) ที่ทำบนใบหน้าจะค่อนข้างร้อนน้อยกว่าตัว โดย 3-6 เดือนจะสามารถเห็นผลได้หลังทำเสร็จครบจำนวนที่ต้องทำ  
 
              สำหรับลำตัว 1 สัปดาห์สามารถทำได้ 1 ครั้ง ห้ามเกิน 2 อาทิตย์ สำหรับคนที่ความหย่อนคล้อยของผิวและต้องการกระชับสัดส่วน จะได้ผลเห็นชัดเจน ในเวลานานแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับปัญหาความหย่อนคล้อยในบริเวณสัดส่วนนั้นๆว่ามากน้อยแค่ไหน ถ้ามีปัญหาแถวบริเวณนั้นมากๆ ก็อาจจะต้องทำหลายครั้งถึงจะเห็นผล โดยจะมีการบันทึกวัดสภาพผิวก่อนและหลังทำในจุดที่จะทำเพื่อนำมาเปรียบเทียบความแตกต่างอีกด้วย วิธีที่เห็นผลที่ดีสุดแนะนำต้องทำจำนวน 4 ครั้งขึ้นไป ส่วนใหญ่ที่นิยมทำกันจะเป็นช่วงท้อง แขน ขา 
                            
 ครั้งนี้ แม่สามารถทนความร้องของเครื่อง  EXILIS ll ได้ถึง 90 วัตต์ นับว่าเป็นความร้อนที่ค่อนข้างสูง ยิ่งร้อนสูง ย่ิงได้ประสิทธิผลที่ดีค่ะ
  •  ความรู้สึกของแม่ ผู้ที่เป็นตัวแทนความหย่อนคล้อย 60 ปี ทั้งก่อนและหลังทำ 
                 ความรู้สึกครั้งแรกก่อนจะได้รับการทำ : รู้สึกใบหน้ามีรอยเหี่ยวย่นมาก มีร่องลึกค่อนข้างมาก อีกทั้งรอยตีนกาก็มีมากกว่าคนในวัยเดียวกัน รวมจนถึง Brown Spots ก็มีหลายจุดเลยทีเดียว นอกจากนี้รอยย่นที่ี่หน้าผากจะค่อนข้างเห็นเด่นชัด โดยเฉพาะเวลาที่ขมวดคิ้ว เวลาที่ยิ้มหรือหัวเราะ เวลาที่ใช้ความคิด อีกทั้งถุงใต้ตาค่อนข้างหย่อนคล้อย และที่ผนังลำคอห้อยหย่อนยาน และพวงแก้มยุ้ยมาก สภาพสีผิวของใบหน้ามีสีน้ำตาลเข้ม 

                         ความรู้สึกหลังจากได้รับการทำครั้งแรก : ริ้วรอยต่างๆดูลดเลือนลงอย่างเห็นได้ชัด ผนังลำคอหย่อนน้อยลง จุด Brown Spots ลดน้อยลง หน้าดูใสขึ้น เรียบเนียน แถมผิวหน้านุ่มขึ้นอีกด้วย

 

                   นอกจากนี้ ” เครื่องEXILIS ll นี้ได้ยังรับรางวัล การันตี BEST BODY SHAPING AWARD 2012 (Cozycot Women’s Choice Award) & BEST SKIN TIGHTENING AWARD 2012  (The Aesthetic Show USA) จากประเทศสหรัฐอเมริกาอีกด้วย “

UPDATED สำหรับการการยกกระชับหน้า ด้วยเครื่อง EXILIS II ครั้งที่ 3

               ในวันอังคารที่ผ่านมา คือ การยกกระชับหน้า ด้วยเครื่อง EXILIS II  ในสำหรับครั้งที่ 3  โดยเลือกแม่ซึ่งเป็นตัวแทนของความหย่อนคล้อย อายุ 60 ปี  ก่อนที่เราจะไปดูผลจากการทำครั้งที่ 2 นี้ เราก็คงได้ทราบถึง คุณสมบัติ ความเป็นมา หลักการใช้งาน และผลลัพธ์ที่จะได้ของเจ้าเครื่องตัวนี้กันแล้วใน REVIEW ครั้งแรกที่พี่เอิ๊กได้เขียนไป หรือหากท่านในยังไม่ทราบสามารถเข้าไปอ่านได้ใน บทความอันก่อนหน้านี้ได้ เพื่อที่จะได้เข้าใจอย่างแจ่มเเจ้งสำหรับความอัจฉริยะของเจ้าเครื่องตัวนี้ว่ามันทำงานอย่างไรค่ะ (REVIEW – EXILIS ll เทคโนโลยีกระชับใบหน้าตัวล่าสุด ครั้งที่ 1)

               เราจะมาเริ่มดูภาพความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของแม่ ซึ่งเป็นตัวแทนความหย่อนคล้อย 60 ปี ตั้งแต่ก่อนทำครั้งที่ 1 จนถึง ก่อนทำครั้งที่ 3 กันนะคะ

ภาพ 2 ภาพนี้ เป็นการเปรียบเทียบระหว่างก่อนทำครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2  และครั้งที่ 3

 

สำหรับในการทำครั้งนี้ แม่ ผู้เป็นตัวเเทนความหย่อนคล้อย 60 ปี แม่สามารถทนความร้อนได้ถึง 90 วัตต์อีกเช่นเคยค่ะ

พี่ๆ พนักงานที่ i – Sky น่ารักมากค่ะ คอยเทคเเคร์ และถามตลอดเลย ว่าคุณแม่ร้อนไหมคะ ทนไหวไหมคะ อีกแปปเดียวนะคะคุณแม่ ทนหน่อย 🙂

เริ่มกันที่แก้มขวาของแม่ค่ะ 

จากแก้มขวาเสร็จก็จะขึ้นไปหน้าผากด้านบน แก้มขวาหลังจากทำเสร็จสักพัก แก้มจะเเดงระเรื่อ เนื่องจากคลื่น RF ได้ไปกระตุ้นคอลลาเจนชั้นผิวหนังค่ะ

หน้าผากเสร็จเเล้ว ลงมาต่อที่แก้มซ้าย จากนั้นก็ไปที่คางค่ะ

คางเสร็จ ก็เป็นอันว่าสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี สำหรับการยกประชับหน้าครั้งที่ 3 ของแม่ค่ะ

เสร็จเเล้วค่ะ เย่ ! ลองสังเกตความเปลี่ยนแปลงของใบหน้าแม่ ที่ดูยกกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลย

 

ข้อดี

  • ไม่เจ็บ
  • ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น
  • แต่งหน้า ทาครีม ออกแดดได้ตามปกติ
  • ยกกระชับได้เหมือนกัน รวมถึงผิวหย่อนคล้อยกับคนที่อายุยังน้อย
  • ได้ความกระชับแบบเป็นธรรมชาติ
  • ผลพลอยได้คือผิวที่ดูเรียบตึง เนียนขึ้น

ข้อด้อย 

  • ราคาสูง
  • ต้องทำ 2 ครั้งถึงจบคอร์ส
  • ยังเป็นการผสมผสานเทคโนโลยียกกระชับตัวแม่ที่อาจจะแบ่งความเจ๋งมาอย่างละส่วน แต่ไม่ทั้งหมด ผลคงสู้เทคโนโลยีอย่าง THERMAGE และ ULTHERA ไม่ได้ แต่ก็ยกกระชับได้ในระดับนึงทีเดียว
  • การคงอยู่เฉลี่ย 12 เดือน น้อยกว่า THERMAGE และ ULTHERA 
ข้อแนะนำ
  • หย่อนคล้อยไม่มาก และ กลัวเจ็บ แต่อยากหน้ากลับมาดูเรียบตึง ผิวดูเนียน ริ้วรอยดูลดลงแบบเป็นธรรมชาติ เครื่องนี้เหมาะ
  • ใครกลัวเจ็บจาก THERMAGE และ ULTHERA เครื่องนี้เหมาะ
  • อายุน้อยที่มีเหนียง หน้าแก้มคล้อย เครื่องนี้เหมาะไม่หนักจนเกินไป แต่ก็ราคาแรงอยู่พอสมควร ทางที่ดีติดตามโปรโมชั่นสำหรับคนที่อายุไม่มาก จะคุ้มมาก

ผลลัพธ์ของ EXILIS ของฝรั่งบางส่วน เห็นแล้วเอาแม่ไปจัดโดยด่วน

 

 

        สำหรับตัวอ๊บเองก็ได้มีโอกาสตรวจวัดวิเคราห์สภาพผิวหน้าด้วยเช่นกัน โดยตรวจทั้ง 2 แบบดังนี้

  1. ผลตรวจวัดสภาพผิวด้วยระบบ Multi System
    1. ความชุ่มชื้น : 35%
    2. สีผิว : 29%
    3. ความยืดหยุ่น : 83%

    2.  ผลตรวจสำหรับการวิเคราะห์สภาพผิวด้วยเครื่อง VISIA ของอ๊บ

1. Spots : 81%    ถือว่าดี ไม่มีปัญหาอะไร                                                                                                                                            

2. Wrinkles: 56%   ถือว่าปานกลาง ค่อนข้างมีปัญหาตรงมีร่องลึกตรงบริเวณใต้ตา ซึ่งสามารถแก้ปัญหาได้ด้วย การใช้สารเติมเต็มหรือที่เรียกว่า Filler ฉีดเติมเต็มบริเวณใต้ตาจะทำให้สามารถแก้ปัญหาร่องลึกใต้ตาได้ ใต้ตาจะกลับมาเต็ม ร่องลึกหรือรอยดำใต้ตา เกิดจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น 1. ภูมิแพ้ 2. พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันเช่น นอนดึก นอนน้อย เป็นต้น                                    

3. Texture : 76% ถือว่าใช้ได้ ยังดีอยู่

ภาพนี้เป็นภาพแบบ3D แสดงให้เห็นถึงภาพเฉพาะจุด จุดนี้คือ ร่องลึกใต้ตาที่อ๊บค่อนข้างมีปัญหา ร่องตาค่อนข้างลึกและมีสีคล้ำ

4.Pores : 73% ถือว่าโอเคอยู่ แต่รูขุมขนแถวบริเวณข้างแก้มและจมูกของอ๊บจะค่อนข้างกว้างหน่อย สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการทำ Three Zone
5. UV Spots : 54% ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ แต่ควรให้ความสำคัญในการทากันแดด เพราะหากไม่ให้ความสำคัญกับการทา เม็ดสีMelaninที่อยู่ลึกใต้ชั้นผิวของเราของเราก็จะไปดูดซับกับเเสงUV จากจุดรอยดำของเราอาจจะกลับกลายเป็น ฝ้า กระ ได้ในอนาคต ถ้าเราดูแลไม่ดี โดยไม่ให้ความสำคัญกับการทาครีมกันแดด
6. Brown Spots : 46% ค่อนข้างต้องระวัง Brown Spots จะเป็นพวกเม็ดสีที่อยู้ใต้ผิวลึกๆของเราที่จะรอเวลาลอยขึ้นมา ซึ่งถ้าลอยขึ้นมาก็อาจจะทำให้สามารถเป็น กระ เป็นรอยดำ ได้ง่าย ควรจะต้องดูแลรักษาผิวหน้าดีดีด้วยการทาครีมบำรุงและใส่ใจในการทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงแสงแดดให้ดี เพราะแสงแดดเป็นตัวทำลายคอลลาเจนในผิวหนังอย่างดีเลย ซึ่งการทาไวท์เทนนิ่งครีม เป็นแค่การปรับสภาพผิวให้ขาวใส แต่ยังไม่สู้การให้ความสำคัญในการทาครีมกันแดดเลย เพราะเป็นการป้องกันผิวหน้าจากแสงแดดโดยตรง เสริมในเรื่องปริมาณการใช้ครีมกันแดดนิดนึงนะคะ ถ้าครีมกันแดดเป็นแบบเนื้อครีม ให้ใช้ปริมาณ 2 ข้อนิ้วมือ แต่ถ้าเป็นแบบLiquid ให้ทาปริมาณเหรียญ 10 บาทบ้านเรา ซึ่งทาทุก 4 ชม. เพราะฤทธิ์ของครีมกันแดดนั้นไม่สามารถอยู่ได้ทั้งวัน รวมถึงในกรณีที่เราอยู่ในบ้าน (เปิดไฟ หรือเปิดคอมพิวเตอร์)ไม่ออกไปโดนแสงแดดที่ไหนก็จำเป็นต้องทา เพราะแสงไฟ และ แสงคอมพิวเตอร์นับเป็นแสงยูวีชนิดหนึ่ง ที่สามารถทำลายผิวหน้าเราได้ เพราะฉะนั้นการทาครีมกันแดดจึงเป็นวิธีเบสิคที่สุดในการปกดูแลผิวหน้าของเราจากปัญหาต่างๆ ที่จะเกิดกับใบหน้าในอนาคตที่จะตามมาค่ะ

แผนภูมิแท่งแสดงถึงสภาพผิวหน้าทั้ง 8 ข้อในจำนวนเป็นเปอร์เซ็นต์

7. Red Areas : 87% ถือว่าดีเลย ไม่มีปัญหาอะไร
8. Porphyrins : 71% ถือว่าค่อนข้างใช้ได้
** หมายเหตุ : เปอร์เซ็นต์มากถือว่าดี ไม่ค่อยมีปัญหา แต่ถ้าเปอร์เซ็นน้อยถือว่าค่อนข้างมีปัญหาถ้าต่ำกว่า 50% จะถือได้ว่าค่อนข้างมีปัญหาค่ะ

              ข้อได้เปรียบของVISIA Complexion Analysis (เครื่องวิเคราะห์สภาพผิว)

1.   สแกนทำงานร่วมกันเพื่อวัดและเซ็นเซอร์

2.   การวิเคราะห์ที่แม่นยำของการจดจำใบหน้า

3.   รวดเร็วและอัตโนมัติสแกนเนอร์และการวิเคราะห์โดยเซ็นเซอร์

4.  วิเคราะห์ของผมรูขุมขน, ไขมัน, ริ้วรอย, คราบสถานะ

5.   วิเคราะห์ของความชื้น, มีความยืดหยุ่น, ผิวและอุณหภูมิ

6.  3D โปรแกรมในภาพต้นฉบับ

7.  แสดงข้อมูลการตั้งค่าและการตั้งค่าความเข้มCenter

8.  การนำกล้องCanon: 14.7ล้านพิกเซลความละเอียดและโคมไฟled

Posted in REVIEWComments (0)

REVIEW – CUTE PRESS COLOR FANTASY NATURE SHINE LIP BUTTER

 สวัสดีค่ะ บล็อคนี้จะมาโชว์สีสีลิปราคาเบาเบา พร้อม MINI REVIEW ส่วนตัวปากแห้งมาก

ถ้าใครเห็น HOW TO แทบทุกอัน เพราะเอิ๊กขี้เกียจทาลิปมันเอาตรงๆ 5555 รอบนี้ก็มีแห้งบ้าง

จากปากตัวเอง ตัวนี้เนื้อจะชุ่มชื่นมากเพราะ AVOCADO OIL

ซึ่งแน่นอนสรรพคุณ และ วิตามินบำรุงล้นเหลือ 

มาในกล่องแพคเกจสีเงิน ราคาเบ๊าเบา แท่งละ 199 บาท ถ้วน ทั้งนี้ขึ้นกับโปรโมชั่น

อาจจะถูกกว่านี้ บอกได้เลยว่าเหมาะกับสาวไทยมาก เพราะอะไรรู้ไหม โทนสีไม่ฉูดฉาด

ไม่สด หรือ เข้มมาก ทาได้ทั้งนักศึกษา หรือ วัยทำงาน ถ้าใครชอบลิปเนื้อชุ่มและแวววาวเล็กๆ

แท่งลิปสติกมาในสีม่วง เมทาลิคเงาๆ ใสใส พิมพ์ด้วยตัวอักษรและโลโก้สีขาว

N1 – N10 สีจะเป็นโทน ชมพู ส้ม ชมพูอมแดง ประมาณนี้ ขึ้นกับสีปากเดิมด้วยนะคะ

มองด้วยตาเปล่าใกล้เคียงมาก ไม่มีการ PHOTOSHOP แต่อย่างใด

ปากเปล่าซีด แห้ง ลอกนิดหน่อยบริเวณขอบปาก

N1 ชมพูแวววาว มีผสมกลิตเตอร์เล็กน้อย เป็นเพียงสีเดียวที่ผสมจึงดูมุกๆหน่อย

N2 ชมพูอมส้ม สีนี้สุภาพเข้าได้กับทุกสีผิว

N3 ตุ๊กตาบาร์บี้เรียกแม่ 555555 สีชมพูแหววมาก

N4 ส้มอมชมพูพีชสดๆ สีนี้ชอบส่วนตัว ถ้าผิวสว่างทาจะเด่นมาก

N5 สีใกล้เคียงกับ N4 มาก ลองไปปาดเล่นดูค่ะ

N6 สาวผิวสองสีน่าจะสนใจ เพราะโทนน้ำตาลนูดสุภาพค่ะ

N7 น้ำตาลอมส้ม สุภาพเช่นกันค่ะ ทาได้ผิวทุกสี

N8 น้ำตาลอมส้มอ่อน สีนี้เหมาะกับผิวสองสีเช่นกัน สุภาพแบบมีสุขภาพดี

N9 จะแดงชมพูอมส้มเล็กๆสีสดอยู่ ผิวสว่างน่าจะชอบค่ะ 

N10 สีอมส้มเลยทีเดียว ทาได้ทั้งผิวสองสี แต่สีจะสดเหมือนกันค่ะ

ขออภัยที่แสงสว่างไปหน่อยไม่ได้ตัดคลิปที่บ้านนาน – – “

ข้อดี ให้ในเรื่องของราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่าย และ ให้ความชุ่มชื่นในระดับนึง เฉดเหมาะกับคนไทย

ข้อด้อย สถานที่ซื้อยังคงต้องเป็นตาม บูท และ ร้านCUTEPRESS อยู่ / ถ้าปากแห้งมากก็ต้องบำรุงเพิ่มอยู่ดี ยังเอาอยู่ไม่หมด 555 ปากเอิ๊กแห้งเกิน

ข้อแนะนำ ส่วนตัวคิดว่าเฉดสีใกล้กันมากเกิน ชอบสีที่โดดแตกต่างเยอะๆ

XOXO

Posted in LIPS, REVIEWComments (0)

REVIEW BIORE PERFECT MILD CLEANING LIQUID ล้างเครื่องสำอางแน่นเปรี๊ยะ


ตั้งแต่ต่อขนตามา บอกเลยว่ารักขวดนี้มากสุด โดยเฉพาะเวลาแต่งตาหนักๆ

เพราะไม่ต้องพกสำลี ขวดนี้เรียกว่าบุพเพมากกว่า ตอนแรกได้มาจากแบรนด์เขาส่งมา

แต่เห็นที่บ้านซื้อ CLEANSING เต็มไปหมดเลยยกให้เพื่อน แต่แล้วก็ได้มาอีกก็ยกให้เพื่อนอีก

จนวันนึงอยากล้างหน้ามาก ไปอีเวนท์ไหนมาไม่แน่ใจ แต่เดี๋ยวนี้อยู่กับเครื่องสำอางนานไม่ได้

อึดอัดหน้า 5555 เห็นขวดนี้เลยเอามา 480 บาท รู้งี้ไม่ให้เพื่อนดีก่า 5555555 ล้อเล่น

พร้อมกันแบบกระดาษเช็ดหน้า เข้าห้องน้ำพารากอนเลย

สบายตามาก ชอบ ล้างไวเว่อร์ ส่วนใบหน้าไม่ได้ใช้นะคะ เพราะว่าแพ้ง่าย เลยไม่กล้าลอง ฮี่ฮี่

วิธีใช้

บีบออกมาซัก 1-2 ปั้ม สำหรับดวงตานะคะ ถ้าทั้งหน้าก็รวมแล้ว 2-4 ปั๊ม

นวดวนเบาๆให้ทั่วบริเวณเครื่องสำอาง ล้างน้ำออก เสร็จ ไวเว่อร์

ดวงตา และ ใบหน้าขึ้นกับความหนาแน่นของเครื่องสำอางด้วย

อย่างที่แต่งคือ SMOKEY EYE หนักนิด

ล้างน้ำรอบแรกผ่านไป รอบเดียวเท่านั้น หายไปเยอะมาก

นวดรอบสองเบาเบา เช่นเคย

รอบสอง ล้างน้ำออกเช่นเคย [เผอิญถ่ายในสตูเลยใช้สำลีชุบน้ำมาลูบออกค่ะ]

นวดรอบ 3 เก็บรายละเอียดให้เกลี้ยงซักนิด ตามแนวร่องขนตา สังเกตุเอิ๊กหลับตาสนิทเลย

ขนตาที่ต่อมาไม่หลุดซักเส้น บอกแล้วว่ารักกกก

รอบที่ 3 นี้เกลี้ยง น้ำย้อยยยเลย ฮ่าฮ่า

แล้วก็ใช้คัตตัลบัตเก็บนิดหน่อย

อีกข้างล้าง 6 รอบด้วยสูตรน้ำของอีกแบรนด์ยังล้าง SMOKEY

ไม่สะอาดเท่าข้าง BIORE  3 รอบ

มาลองมือเพื่อนกันบ้างดีกว่า

วาดไลเนอร์ดำแน่น พร้อมกันน้ำแบบสุดๆ ลงไป แล้วบีบลงไป 1 ปั๊ม

นวดเบาๆไม่กี่วิ เตรียมตัวล้างออก

ล้างออกรอบแรก สำหรับไลเนอร์ หนักๆ

นวดรอบสองเบาเบา

รอบสองเกลี้ยงล่ะ 🙂

ถึงบอกว่าถ้าแต่งหน้าหนักทั้งรองพื้น และ ตา แล้วรีบๆ แต่ก็ต้องการความสะอาด

ตัวเดียวอยู่ ไม่ต้องพกสำลี หอบไปไหนมาไหน ตัวนี้ WORK

ข้อดี

หาซื้อง่าย

ทำความสะอาดได้ไวแค่นวดเบาๆ และ ล้างตามด้วยน้ำสะอาด

ออกแบบแพคเกจดีไม่หกเลอะมีฝาล็อค

ทำความสะอาดได้ดี

ประหยัดเวลา

ถ้าไม่ต้องถูตา ถูหน้าแรงเบาๆก็ออก ริ้วรอยก็มาช้าได้นะ

ข้อด้อย

อยากได้ไซส์เล็กกว่านี้เผื่อไปค้างที่ไหนไม่กี่วัน

ต้องหลับตาให้สนิท ระวังไม่ให้เข้าตาแสบตา

[ * เนื่องจากทางญี่ปุ่นเค้าอยากให้เวลาเข้าตาแล้วรู้ทันที เพื่อให้รีบล้างออกได้ 

และอยากให้แนะนำว่าเวลาที่เรานวดบริเวณตา

ควรจะหลับตา ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อใดก็ตาม ]

ข้อแนะนำ

ทำไซส์พกพา

ไม่แสบตาจะรักสุดใจเลย

สรุปใครที่อยากลองขอให้ลองที่ดวงตาก่อน สำหรับใบหน้าค่อยๆลองเป็นส่วนก่อน 🙂

ขนตาไม่หลุดซักเส้น ไว และ สะอาดจริงๆ เหมาะกับคนขี้เกียจล้างนานๆอย่างเรา

ต้องแปะตาไว้ 30 วินาทีกว่าจะลูบออกได้ 55555555 เธอเกิดมาเพื่อฉัน

XOXO

Posted in MAKE UP, REVIEWComments (0)

Erk-Erk ลุค SMOKEY EYE กับ Cleansing Makeup ล้างเมคอัพเป๊ะ

HOW TO LOOK สโมกกี้อายของสาวแก้มป่องพร้อม PARTY มาแล้วววววววว

ขออภัยที่หายไปนานมากกกกกกก และ ขอบพระคุณมากนะคะ

สำหรับคนที่ช่วยเลือกเพลงแดนซ์ในคลิปนี้ ทุกวันนี้เอิ๊กยังเปิดฟังอยู่

ขอบพระคุณมากจริงๆค่ะ คลิปนี้ถ่ายเอง 70% ตัดเองหมด

คลิปนี้สปอนเซอร์คือ BIORE PERFECT MILD CLEANSING LIQUID

เขาให้มารีวิวให้ดู แต่เราอยากให้คนอ่านได้อะไรกลับไปนอกจากการรีวิวที่มี

ข้อดี ข้อด้อย เลยลองหัดแต่งหน้าลุคสโมกกี้ให้ดูค่ะ อาจจะดูไม่เซกซี่เพราะ

เราไม่ใช่คนเซกซี่ 55555 ลองเอาเทคนิคไปลองใช้กันดูนะคะ LOVE YOU ALL ♥

ติ วิจารณ์ได้เต็มที่เช่นเคย จะได้พัฒนาในงานต่อๆไป

 

 

Posted in HOW TO, REVIEWComments (0)

REVIEW – LIP GLOSS AMOUR 20 สี

ไม่รู้จะเบื่อกันรึเปล่า มาอีกแล้วลิปกลอสนำมาปาดให้ชมกัน

ขอบคุณผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการจากร้าน 

แท่งละ 690 บาทไทย ยี่ห้อ AMOUR คอนเซ็ปต์

เป็นลิปกลอสมีสี ส่วนผสมหลักจากธรรมชาติ ติดทนนาน

ไม่มีพาราเบน และ การทดลองกับสัตว์ กลิ่นจะออกวานิลลาหน่อยๆ ชุ่มชื่น ปกป้องริมฝีปาก

อันนี้ที่พูดมาหาข้อมูลเอง + ลองใช้ คงให้มาไม่ได้บอก 55555555

ขออภัยรอบนี้ถ่ายกับแสงธรรมชาติมีภาวะ แสงตกด้วย และ ถ่ายคนละวัน

เพราะพระอาทิตย์ตกแล้ว มาดูกันเถอะ ><

Stardust

 

Divine

 

Gypsy

  

Diana

 

Kashmir

 

Dreaming

 

Cat Club

 

Gazarri’s

 

Hello

 

Candy

 

Ann-Margret

 

Nina

 

Lucy

 

Shattered

 

Grace

 

Barracuda

 

Siouxsie

 

Last Dance

 

After Hours

 

Femme Fatale

 

XOXO 
 

Posted in LIPS, MAKE UP, REVIEWComments (0)

REVIEW – EXILIS ll เทคโนโลยีกระชับใบหน้าตัวล่าสุด ครั้งที่ 1

 เอิ๊กมั่นใจว่าเขียนเทคโนโลยีนี้ในไทยคนแรก

ขอบพระคุณสำหรับความไว้ใจจาก ISKYCENTER

ที่ให้เอิ๊กได้ไปเก็บข้อมูลของเทคโนโลยี EXILIS II ตัวนี้ค่ะ

 

อยากทราบจุดเริ่มต้นของเทคโนโลยี EXILIS II

          Monopolar radiofrequency (RF) เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับมานานกว่า 10ปีแล้วที่รู้จักกัน ซึ่งให้ผลดีของการยกกระชับและลดเลือนริ้วรอย ซึ่งจัดว่าเป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวหน้าที่ดีที่สุด ณ เวลานี้ ก็มีเครื่องหลายอย่างมาก เช่น THERMAGE ซึ่งก็จะลงลึกระดับกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของผิว แต่เทคโนโลยีไม่เคยหยุดนิ่ง ก็จะมีเครื่องรุ่นใหม่มาตลอด อย่างเช่นเทคโนโลยี  ULTHERA ซึ่งใช้เทคโนโลยีUltrasound จะมีผลกับบริเวณกล้ามเนื้อส่วนบน เมื่อเทคโนโลยีกระชับตอนนี้ที่ดีสุดคงหนีไม่พ้น THERMAGE และ ULTHERA

          สำหรับ EXILIS ออกมานานประมาณ 2 ปีกว่าแล้ว เป็นการรวมเทคโนโลยีที่ดีที่สุดสำหรับการยกกระชับใบหน้าตอนนี้ที่มีอยู่ในโลกก็คือ Monopolar radiofrequency (RF)กับUltrasoundมารวมกัน และ ก็มีการพัฒนาเรื่องของความเจ็บปวด ให้มีระบบการปรับค่าพลังงานอัตโนมัตตามความหนาบางของผิวหนัง ไม่ต้องใช้ยาชาจึงทำให้กลายเป็นตัว EXILIS ตัวนี้ขึ้นมา เมื่อเทคโนโลยีMonopolar radiofrequency (RF)บวกกับเทคโนโลยีUltrasound แน่นอนว่าก็จะไปช่วยในเรื่องของการกระตุ้นการสร้างของคอลลาเจนตามธรรมชาติ ยกกระชับได้ทุกส่วนยกเว้นใบหู เพื่อทำทำให้ผิวตึงขึ้น ผิวจะดูเรียบเนียนขึ้น และ ที่สำคัญไม่ทำให้เกิดอันตราย ไม่มีแผล และ ไม่เจ็บปวดอีกต่อไป 

สื่อเมืองนอกกล่าวไว้ถึงตัว EXILIS คร่าวๆคือใช้ยกกระชับผิวได้ทุกส่วน

และกว่า 50 % เห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในการทำเพียงหนึ่งครั้ง * และต้องทำต่อเนื่อง

ในอีกสองสัปดาห์ถัดมา เราก็จะเริ่มเห็นถึงความแตกต่างภายใน 1 เดือน

 

EXILIS ตอนนี้รุ่น 2 เป็นรุ่นล่าสุด พัฒนาจากรุ่น 1 ในเรื่องอะไรบ้าง

  1. จำนวนครั้งในการที่ต้องทำต่อเนื่อง รุ่น 1 ทำ 4 ครั้งแต่ละครั้งห่าง 2 สัปดาห์ รุ่น 2 ทำแค่ 2 ครั้งแต่ละครั้งห่าง 2 สัปดาห์
  2. พลังงานจากรุ่น 1 มีค่าพลังงานอยู่ที่ 50 วัตต์ รุ่น 2 เพิ่มขึ้นไปเป็น 90 วัตต์ ผลลัพธ์ต้องดีกว่าแน่นอน
  3. ปรับพลังงานสูงต่ำแบบอัจฉริยะแบบอัตโนมัต โดยจะมีตัว Ultrasoundที่ใช้วัดอุณภูมิตามความหนาบางของผิวหนังแต่ละส่วนที่ไม่เท่ากัน และมันจะปล่อยพลังงานให้เหมาะสมทุกส่วนของอวัยวะ นี่คือ ส่วนที่จะไม่ทำให้เราเจ็บปวด เช่นถ้าปล่อยพลังงานเท่ากันทั้งหน้า บริเวณกระดูกเราจะเจ็บมาก ดังนั้นมันจะวัดและปล่อยให้เหมาะสม เราจึงไม่เจ็บ

หลักการปล่อยพลังงานของ EXILIS II

คือ ปล่อย Monopolar radiofrequency (RF)กับUltrasound พร้อมกันโดย เทคโนโลยี Ultrasound จะเป็นตัวสนับสนุนพลังงานของ Monopolar radiofrequency (RF) ซึ่งเป็นพลังงานหลัก อย่างที่เราทราบกันถึงความเจ็บปวดของการทำ THERMAGE เวลายิงลงไปที่ผิวมันจะร้อนและเจ็บ จะมีระดับในความทนได้ของคนไข้แต่ละคน แต่ยิงลงลึกได้มากพลังงานสูงได้มาก ผลมันก็ดีมากตามกัน ดังนั้นอย่าแปลกใจที่ีคนที่มีความหย่อนคล้อยมองตาเปล่าเท่ากัน แต่ผลลัพธ์ในการทำ THERMAGE ต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นกับพลังงานที่เขาสามารถรับได้ด้วย EXILIS จึงใช้จุดเด่นของเทคโนโลยี Ultrasound มาคอยเสริมซึ่งจะช่วยทำให้ผิวสามารถรับพลังงาน  Monopolar radiofrequency (RF) ที่สูงขึ้นได้ หมายความว่าจะยิงด้วยพลังงาน  Monopolar radiofrequency (RF) ที่สูง ผิวก็จะรับได้เพราะมีเทคโนโลยี Ultrasound คอยเสริมโดยการสั่นสะเทือนกระจายพลังงานไปให้ทั่วทุกบริเวณพร้อมๆกัน จะทำให้กลายเป็นรู้สึกว่าเหมือนใช้หินร้อนกลมๆกลิ้งให้ความอุ่นทั่วใบหน้า ไม่มีความเจ็บปวดใดใดทั้งสิ้น แต่ก็ยังมีในเรื่องของระดับพลังงานที่เรารับได้อีกเช่นกัน เช่นความร้อนไปเราอาจจะไหวแค่เท่านี้ และ แน่นอนว่า ยิ่งพลังงานสูงมาก ผลลัพธ์ย่อมเห็นชัดกว่า

การดูแลตัวเองก่อนทำ – หลังทำ EXILIS ll

ดื่มน้ำเยอะๆก่อนเพราะเนื่องจาก Monopolar radiofrequency (RF) มันเป็นความร้อน ระหว่างทำอาจทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื่น เราควรดื่มน้ำให้เยอะเพื่อให้ผิวหนังของเราทนกับพลังงานสูงๆได้ดีขึ้น ยิ่งดื่มน้ำมากก็จะรู้สึกยิ่งสบายผิว และแนะนำให้ดื่มน้ำมากๆหลังจากที่ทำด้วย เพื่อให้ผิวอิ่มน้ำ จะไม่มีแผล ไม่เจ็บปวด แค่หน้าแดดนิดนึง และ จะหายไปเพียงไม่ถึงชั่วโมง แต่จะรู้สึกกระชับบริเวณที่ทำ ก็สามารถทากันแดด ทาครีม แต่งหน้าได้เหมือนเดิม ใช้ชีวิตกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติทันที

จำนวนครั้งที่ทำ EXILIS ll

รุ่นใหม่คอรส์นึงจะต้องทำ 2 ครั้งทั้งหมด ทำครั้งแรก และ ทิ้งระยะห่างกัน 2 สัปดาห์ ทำครั้งที่สอง เป็นอันเรียบร้อย

ผลจะคงอยู่เฉลี่ยประมาณ 12 เดือน

นอกจากความหย่อนคล้อยที่มากน้อย และ การรับพลังงานได้เป็นตัวที่จะส่งผลถึงผลลัพธ์ที่ออกมา อีกส่วนคือผลลัพธ์จะเต็มที่ๆสุด ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองเช่น ไม่ออกไปโดนแดดจัด เพราะมันจะทำลายคอลลาเจนที่มีอยู่แล้ว การดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงการนอนดึกที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระ พูดง่ายๆ ก็คือการดูแลตัวเองหลังทำก็สำคัญมากในการใช้เทคโนโลยีกระชับ แต่โดยเฉลี่ยแล้วประมาณ 12 เดือนที่คงสภาพกระชับอยู่

อายุที่เหมาะสมกับการทำ EXILIS ll

คนที่เริ่มมีปัญหาเรื่องความหย่อนคล้อยของผิวก็สามารถมาทำได้เลยค่ะ เช่น แก้มห้อยย้อย ไขมันแก้มเยอะ ดังนั้นอย่าแปลกใจ ที่มีเด็กอายุยังไม่ถึง 20 แต่มีปัญหาเรื่องผิวหย่อนคล้อยก็เริ่มมาทำกัน หรือ จะเป็นที่รู้จักกันคือ เหนียง ช่วงไขมันใต้คอ

 

EXILIS ll เห็นบอกว่าทำได้ทุกส่วนยกเว้นหู

ทำได้ทุกส่วนของร่างกายจริงๆ ยกเว้นใบหู เพราะหูไม่หย่อนคล้อย ทำได้ทั้งตัว แต่ที่ฮิตเมืองนอกมากสุด คือทำยกกระชับหน้าอก เนื่องจากไม่อยากศัลยกรรม สำหรับคนที่ไม่ได้หย่อนคล้อยขนาดหนัก และ อีกส่วนที่นิยมทำคือคอ เพราะคอมีเนื้อที่บาง การใช้ THERMAGE จะเจ็บมากทนแทบไม่ไหว พอปรับพลังงานน้อย ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่คุ้มกับเงินที่เสีย EXILIS ll ปรับสูงสุดแล้วบางทีคนไข้ยังรู้สึกอุ่นสบายอยู่เลย

 ระยะเวลาในการทำ EXILIS ll

ต้องใช้เวลาในแต่ละโซนค่ะ เช่นใบหน้า ก็จะแบ่งหน้าทั้งหมด 8 โซน แล้วเราก็แบ่งทำทีละโซน โดยที่ให้พลังงานในแต่ละโซนอย่างสม่ำเสมอและใช้เวลานานพอเพราะถ้าน้อยไปมันอาจจะไม่เห็นผลดี

 

ผลพลอยได้ของ EXILIS ll

จะเป็นเรื่องของผิวที่ดูเรียบเนียนเต่งตึงขึ้น อย่างที่บอกว่าหลักการกระชับนั้นจะทุ่มเทไปกับการสร้างคอลลาเจนใหม่ให้เกิดขึ้นแบบไม่เจ็บปวดอีกต่อไป

สรุปคือผลที่ได้จาก EXILIS ll ทั้งหมดจะมีผลลัพธ์ในด้านไหน   

  • การยกกระชับ
  • ริ้วรอยตื้นขึ้น ลดลง
  • กระตุ้นเรื่องการไหลเวียนโลหิตดังนั้นสภาพผิวโดยรวมจะดีขึ้น 
  • ปิดรูขุมขน เพราะฉะนั้นผิวก็จะเนียนขึ้น
ราคา
80,000 บาท ต่อคอร์ส [ 2 ครั้งจบ ]

 เอาละ 10 ปากว่าไม่เท่าตาเห็น สำหรับเทคโนโลยีนี้อย่างที่บอก

เน้นยกกระชับ ยิ่งหย่อนคล้อยมากยิ่งเห็นผลลัพธ์ชัดเจน

แม่เป็นตัวแทนผิวหย่อนคล้อยมากในวัย 60 ปี

เอิ๊กเป็นตัวแทนเรื่องแก้มที่สามารถกระชับได้อีก 26 ปี

บอกเลยว่าก่อนทำจะไม่เห็นผลของเอิ๊กชัดเพราะเอิ๊กชัดอยู่แล้ว

มาดูแม่เอิ๊กกันคนที่ผิวหย่อนคล้อยหลังทำจะเป็นยังไง

จะมี 2 หัวนะคะ คือ สำหรับทำหน้า และ สำหรับทำตัว

นอกจากดื่มน้ำเยอะๆก่อนทำก็ต้องแปะแผ่น grounding pad

เพื่อให้เครื่องสามารถปล่อยพลังงานไปยังบริเวณที่ต้องการรักษาได้ ทั้งหลังคุณแม่ ซ้าย

และ คุณลูก ขวา

ขั้นตอนต่อมาทาเจลเย็นให้สบายเวลาปล่อยพลังงานซึ่งเราจะรู้สึกอุ่นถึงอุ่นมากและ

ทำให้การกลิ้งของหัว EXILIS ll ไหลลื่นขึ้น

แบ่งหน้าเป็นโซนๆ และเริ่มกลิ้งหัว EXILIS ll แบบช้าๆ ละเอียดๆ ให้ทั่วถึงทุกอณูของโซนนั้น

ถ้ายังรู้สึกว่าทนความอุ่นไหวก็สามารถปรับพลังงานเพิ่มขึ้นได้ เพราะเราจะเห็นผลได้ดีกว่า

แต่ถ้าไม่ไหวก็สามารถลดระดับพลังงานได้เหมือนกัน

ถ้าผู้ที่หย่อนคล้อยมากก็จะทำไล่ลงคอไปด้วย แต่เอิ๊กมีเหนียงก็มีเก็บเหนียงใต้คางนิดนึง

ทำเสร็จหน้าแม่เอิ๊กแดงมาก เพราะใช้พลังงานสูงเกือบที่สุด เอิ๊กเอาน้อย เอาแบบอุ่นสบาย

เท่าที่ไหว อีกอย่างเอิ๊กทานน้ำไม่เยอะมากเท่าไหร่ แม่ดื่มน้ำเยอะ ชีไหวตลอด ดูหน้าเอิ๊กหลังทำ

ปกติมาก ชิวไปเลย ก็แต่งหน้าได้ปกติ แต่รู้สึกหน้ามันตึงๆยังไงไม่รู้ ฮ่าๆๆๆๆ มันรู้สึกยกๆ

แม้มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น แต่มันตึงๆมุมปาก ยังกับมาส์คหน้าไว้

เอิ๊กขออนุญาตเชิญดูผลงานหน้าแม่เอิ๊กก่อนผู้ที่ต้องเห็นผลหลังทำชัดกว่าเอิ๊กแน่นอน

เพราะท่านคล้อยมาก นี่คือ ครั้งแรกหลังทำทันที ต้องทำอีกครั้งภายในสองอาทิตย์ที่จะถึง

และรอดูผลนับจากการทำครั้งสุดท้าย ไป 1 – 3 เดือน เชิญเพื่อนแม่ ติดตามผลได้

ใน 3 เดือนนับจากนี้ เอิ๊กได้เก็บผลไว้ส่วนนึงแล้ว

นี่คือภาพที่วัดให้เท่ากันตั้งแต่ตำแหน่งตา ถึง ขนาดของปากให้พอดีกันในมุมเดิม เห็นอะไรไหม

เอิ๊กเห็นแล้วตอนนี้ แต่ยังไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ เลยต้องขีดเส้นวัดอีกทีให้แน่ใจเพราะบางทีตา

อาจจะเหล่ หรือ เอียงได้

ผลคือแน่ๆ เกิดการหดตัวของคอลลาเจนทันทีหลังทำ หน้ามีขนาดแคบลง

แบบมองตาเปล่าภาพแรกก็เห็น ซึ่งวันนี้ผ่านมา 7 วัน หน้าแม่เอิ๊กดูแคบลง แต่เรื่องกระชับ

เอิ๊กต้องรอทำครั้งที่ 2 ให้เสร็จก่อน และ รอเก็บผลอีกทีภายหลัง 1-3 เดือน

ข้อดี

  • ไม่เจ็บ
  • ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น
  • แต่งหน้า ทาครีม ออกแดดได้ตามปกติ
  • ยกกระชับได้เหมือนกัน รวมถึงผิวหย่อนคล้อยกับคนที่อายุยังน้อย
  • ได้ความกระชับแบบเป็นธรรมชาติ
  • ผลพลอยได้คือผิวที่ดูเรียบตึง เนียนขึ้น

ข้อด้อย 

  • ราคาสูง
  • ต้องทำ 2 ครั้งถึงจบคอร์ส
  • ยังเป็นการผสมผสานเทคโนโลยียกกระชับตัวแม่ที่อาจจะแบ่งความเจ๋งมาอย่างละส่วน แต่ไม่ทั้งหมด ผลคงสู้เทคโนโลยีอย่าง THERMAGE และ ULTHERA ไม่ได้ แต่ก็ยกกระชับได้ในระดับนึงทีเดียว
  • การคงอยู่เฉลี่ย 12 เดือน น้อยกว่า THERMAGE และ ULTHERA 
ข้อแนะนำ
  • หย่อนคล้อยไม่มาก และ กลัวเจ็บ แต่อยากหน้ากลับมาดูเรียบตึง ผิวดูเนียน ริ้วรอยดูลดลงแบบเป็นธรรมชาติ เครื่องนี้เหมาะ
  • ใครกลัวเจ็บจาก THERMAGE และ ULTHERA เครื่องนี้เหมาะ
  • อายุน้อยที่มีเหนียง หน้าแก้มคล้อย เครื่องนี้เหมาะไม่หนักจนเกินไป แต่ก็ราคาแรงอยู่พอสมควร ทางที่ดีติดตามโปรโมชั่นสำหรับคนที่อายุไม่มาก จะคุ้มมาก

ผลลัพธ์ของ EXILIS ของฝรั่งบางส่วน เห็นแล้วเอาแม่ไปจัดโดยด่วน

 

มาลุ้นผลกันอีก 3 เดือนนะคะ <3

XOXO

 

Posted in BEAUTY TECHNOLOGY, EYES, FACE, RADIO FREQUENCY, REVIEW, THERMAGEComments (0)

REVIEW น้ำยาทำความสะอาดและให้ความชุ่มชื่นจุดซ่อนเร้น SAUGELLA IdraSerum

“น้องสาว ผิวบอบบาง แพ้ง่าย” ?

 

 

 

 

 

 

เฮ้ยยยยยยย เพิ่งจะรู้ว่าผิวตรงนั้น [ ตรงนั้นหมายถึงอวัยวะเพศที่น่ารักกระจุ๋มกระจิ๋มของผู้หญิง ] นอกจากบอบบางแล้วยังแพ้ง่ายได้เหมือนผิวหน้าผิวกายอีก กับ คำถามที่ได้ยินมาจากแฟนเพจหลังไมค์ อยากจะบอกว่าตอนแรกก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะดูแลยังไง นอกจากทำความสะอาดด้วย “น้ำเปล่า” อย่างที่เราเข้าใจว่าน้ำเปล่ามักถูกแนะนำโดยแพทย์ เพราะว่าจะทำความสะอาดได้เพียงพอ และ แค่น้ำเปล่าก็พอแล้ว เนื่องจากผิวตรงนั้นบอบบาง

 

แต่ถ้าผิวตรงนั้นบอบบาง เราทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่า เหตุใดจึงมีคน มีอาการคัน อับชื้นจนเป็นเชื้อรา ตกขาวเยอะผิดปกติ มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ นี่เป็นตัวอย่างอาการที่จะทำให้เห็นภาพ จึงเกิดเป็นคำถามที่ว่า “ถ้าน้ำเปล่า สะอาด และ ดีพอแล้ว ทำไมผู้หญิงหลายคนยังมีสาเหตุนี้เกิดขึ้นได้ คำถามที่เอิ๊กคิดขึ้นเอง หลังจากเคยได้คุยกับหมอว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ เกิดขึ้นได้บ่อยกับผู้หญิงไทย สาเหตุส่วนใหญ่บางทีก็มาจากกิจกรรมประจำวัน และ อากาศที่ร้อนชื้นของไทย

 

แต่สำหรับคำตอบอื่นก็อาจมีหลายปัจจัยมาก แต่เอิ๊กรู้อยู่อย่างนึงว่า ตัวเองเป็นคนไม่ได้ใช้พวกน้ำยาทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นทุกวัน แต่หากช่วงใดมีประจำเดือน ต้องบอกเลยว่ารู้สึกไม่มั่นใจในกลิ่น ในความสะอาด ในความอับชื้น อย่างน้อย บ้านเอิ๊กต้องมีติดไว้ เอิ๊กชอบใช้พวกน้ำล้างจุดซ่อนเร้นที่ซื้อตามร้านขายยา เพราะว่ารู้สึกว่าปลอดภัย กลิ่นหอมไม่แรงเกินไป จนบางครั้งก็มีบางท่านบอกว่าสามารถนำมาล้างหน้าได้ ไม่แน่ใจว่าทำได้หรือไม่ .. ยังไงยังไม่กล้าฟันธงหรือแนะนำ

 

สำหรับคำถามถ้าน้องสาวผิวแพ้ง่ายควรใช้อะไรดี ?

เอิ๊กตอนก่อนยังไม่รู้ว่าแก้ปัญหายังไงก็คงจะแนะนำว่าใช้น้ำเปล่าเถอะ บางทีใช้พวกอะไรล้างมันอาจจะทำให้อาการหนักขึ้น แล้วพึ่งรู้ว่ามีผลิตภัณฑ์สำหรับน้องสาวแพ้ง่ายด้วยเพราะโชคดีที่ทางแบรนด์ SAUGELLA [ซอลเจลล่า] ส่งมาให้ทดสอบและรีวิว ตอนแรกเค้าบอกเป็นเซรั่ม แอบงง น้องเราเดี๋ยวนี้พัฒนามีเซรั่มใช้ทากันได้เลย นึกต่อไป ว่าถ้ามีครีมออกมาให้ใช้ด้วยก็คงดี

 

แบรนด์นี้ต้องบอกว่าเอิ๊กใช้มาก่อนหน้านี้ประมาณ 2 สูตร 1 สูตรที่ใช้ได้ทุกวัน [เผื่อไว้] 2 สูตรลดการสะสมของแบคทีเรีย 2 เท่า เพราะช่วงหลังมา อย่างที่ทุกคนเห็นเอิ๊กออกกำลังกายในฟิตเนสบ่อย กลัวว่ามันอับชื้น และ อาจทำให้เป็นเชื้อรา จึงใช้2สูตรเป็นประจำ ที่เลือกเพราะว่าวันนึงไป MEETING กลับ FANCLUB ถามเขาว่ารู้จักยี่ห้อ SAUGELLA ไหม หรือ น้ำยาล้างจุดซ่อนเร้นที่ขายในร้านขายยา หรือ โรงพยาบาลที่ดังๆ คนชอบใช้ สองคนนี้ตอบพร้อมกันว่าใช้อยู่ ดีมาก ใช้แล้วตกขาวเขาหาย แต่เอิ๊กไม่ได้มีปัญหาตกขาวนะคะ พอฟังแบบนี้เลยไปซื้อมาตามคนอ่าน [ วินาทีที่บลอคเกอร์ตามคนอ่านก็มีนะคะ ] พูดง่ายๆ เราก็เชื่อเพื่อนของเราเสมอมากกว่าโฆษณา 

 

 

วันนี้จะมา REVIEW เจ้าเซรั่มสำหรับน้องสาวตรงนั้น

จุดขาย : คือ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและให้ความชุ่มชื้น [24 ชม] กับจุดซ่อนเร้น

สภาพผิวจุดซ่อนเร้น : ผิวแห้ง ผิวบอบบาง ผิวแพ้ง่าย ผิวที่มีการระคายเคือง

ส่วนผสมสำคัญ : สกัดจากธรรมชาติจากใบเสจ ดอกดาวเรือง น้ำนมข้าวโอ๊ต และ maltodextrin

– ใบเสจ ช่วยลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย และ ช่วยปกป้องอย่างอ่อนโยนต่อต้านอนุมูลอิสระ

– ดอกดาวเรือง ช่วยลดการระคายเคือง 

 น้ำนมข้าวโอ๊ต และ maltodextrin ช่วยให้ผิวเนียน นุ่ม ชุ่มชื้น

วิธีใช้ เขย่าก่อนใช้ หยดเพียง 1-2 หยด ใช้ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น วันละครั้ง ซึ่งหมายความว่าใช้ได้ทุกวัน 

 

มาดูหน้าตาเจ้า IdraSerum กัน

ขวดละประมาณ 100 + บาท สูตรนี้เป็นสูตรใหม่ล่าสุดที่ออกมาจาก 3 สูตรแรก

SAUGELLA IdraSerum สูตรให้ความชุ่มชื้นยาวนาน และ ปกป้อง 24 ชั่วโมง

โดยมีค่า PH ที่เหมาะสมอยู่ที่ 4.5

สีฟ้าSAUGELLA Dermoliquid 

ใช้ได้ทุกวันเป็นอีกตัวที่เอิ๊กมีติดไว้ในห้องน้ำ

ทั้ง 2 สูตรนี้เป็นตระกูล BLUE LINE

น่าจะเป็นตระกูลที่เกิดมาเพื่อใช้ได้ทุกวัน

ใช้ทำความสะอาดภายนอกแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

ข้อแนะนำ * ไม่ควรทาทิ้งไว้นะคะ

เวลาเปิด เปิดใช้จากด้านบน คือ เปิดฝาที่เป็นทรงแบบนี้ขึ้น หยดนิดเดียวบนฝ่ามือ

น้ำยาจะหนืดเล็กน้อย ไม่ไหลเหลว ทะลัก สิ้นเปลือง ชอบมากอีกจุดตรงนี้

หน้าตาหัวขวดที่ใช้เทน้ำยาออกแบบซูมใกล้ๆ เปิดปิดง่าย ไม่หกเลอะเทอะ

มีลักษณะเป็นน้ำนมตอนบีบออกมามีกลิ่นหอมอ่อนๆ ใช้แล้วมีฟองเล็กน้อยล้างออกง่าย

ล้างสะอาดแต่พอจับผิวน้องสาวแล้วจะรู้สึกนุ่ม แต่เนียนคิดว่าถ้ามีขน55555

คงวัดกันยากหน่อยนะฮับ ส่วนความแห้งไม่แห้งเลยตลอดวัน ผิวนุ่มดี ไม่มีกลิ่นอับตลอดวัน

ขนาดวันนี้เดิน อยู่ในที่ๆร้อนอับทั้งวัน

กลับบ้านผิวจุดนั้นก็นุ่มอยู่ ไม่เหนียว ไม่มีเหงื่อ ชอบมาก สำหรับเอิ๊กนะ

แต่รอยหมองคล้ำนี่ตอบไม่ได้ส่วนนึงถ้าผิวชุ่มชื่น มันจะดูอิ่มเอิม และดูกระจ่างขึ้นได้อยู่แล้ว

เหมือนผิวหน้า ผิวกาย ที่มีความชุ่มชื่นดี ไว้ใช้นานแล้วคงจะบอกได้ค่ะ

ด้านหลังฉลากละเอียด ชัดเจน มีที่มาที่ไป จุดนี้ชอบมาก

สำหรับข้อมูลสำคัญเพิ่มเติมที่อยู่ในฉลาก

  • ปกป้องยาวนาน 24 ชั่วโมง
  • รับรองโดยสูตินรีแพทย์จากอิตาลี
  • ผลิตโดย บ. ร็อตตาฟาร์ม เอส พี เอ ประเทศอิตาลี นำเข้าโดย บ.ร็อตตาฟาร์ม (ประเทศไทย) จำกัด
  • ปริมาณ 100 มล.
  • SAUGELLA IdraSerum เป็นสูตรใหม่อยู่ในกลุ่ม BLUE LINE
ส่วนใหญ่แล้วแบรนด์นี้ขายดีมาก อันดับ 1 ในอิตาลี มีดาราไทยหลายคนใช้มาก จากคำบอกกล่าวของผู้นำเข้า และเอิ๊กเองเคยตกขาวเยอะ เพราะว่ายน้ำ หลายวันติด ในสระไม่สะอาด ไปหาหมอ หมอจ่าย SAUGELLA ATTIVA ขวดสีเขียว สูตรปกป้องเป็นสองเท่า เลยทำให้ตอนนี้ที่บ้าน มีแต่ยี่ห้อนี้ และ แนะนำให้น้องสาวใช้เวลาเขาเป็นประจำเดือน 

ข้อดี : น่าเชื่อถือ / มีการรับรองโดยแพทย์ / Clinically Proven / หาซื้อง่ายมาก / แพคเกจดีตั้งแต่การออกแบบฝาเปิดปิด และ สามารถถ่ายลงขวดที่เล็กกว่าได้เมื่อจำเป็น / มีน้ำหอมน้อยมาก / มีหลายสูตรตอบรับปัญหาของจุดซ่อนเร้นผู้หญิงทุกวัย จนกระทั่งวัยหมดประจำเดือนก็มี ที่สำคัญมีให้กับผิวแพ้ง่าย / มีฉลากที่ชัดเจน ทั้งสรรพคุณ บริษัทนำเข้า เลขที่จดแจ้ง เว็บไซด์ วิธีใช้ ตรงนี้ชอบมากค่ะ 

ข้อเสีย : แพคเกจดูธรรมดา จืดๆ ถ้าเทียบกับสีสันทั่วไปของแบรนด์อื่น / แพงกว่าแบรนด์อื่น แต่ใช้ได้นานกว่า 

ลองใช้ผ้าอนามัยก็ชอบมาก ใช้ช่วงมีประจำเดือน รู้สึกว่าไม่อับชื้น ไม่มีกลิ่น

แต่กาวตรงปีกเหนียวไปหน่อย ดึงออกจาก MY กกน. ยากนิดนึง

ครอบครัว SAUGELLA บางส่วนที่ห้องน้ำคอนโด

รายละเอียดเพิ่มเติมที่ให้ความน่าเชื่อถือ

  •  SAUGELLA ช่วยลดการยึดติดเกาะของเชื้อรา แบคทีเรียที่ก่อให้เกิดอันตรายกับจุดซ่อนเร้น ซึ่งเป็นสาเหตุของการตกขาว คัน ระคายเคือง หรือ มีกลิ่นอับ แต่จะไม่มีผลกับเชื้อแลคโตบาซิลลัสที่มีประโยชน์กับจุดซ่อนเร้น ไม่ทำลายความสมดุลธรรมชาติของอวัยวะเพศผู้หญิง 
  • การแพ้ SAUGELLA พบได้น้อยเพราะซอลเจลล่าผ่านการทดสอบทางผิวหนังว่าอ่อนโยนแม้ผิวที่บอบบาง (hypoallergenic) ใช้ได้แม้ผิวของทารกแรกคลอด แต่ถ้าเป็นหนึ่งในคนส่วนน้อยที่อาจแพ้ส่วนประกอบใด ส่วนประกอบหนึ่งในผลิตภัณฑ์จริงๆ ควรหยุดใช้ อาการจะน้อยลงและหายไป
  • สำหรับกิจกรรมที่มากมายในแต่ละวันของผู้หญิง ที่ก่อให้เกิดเหงื่อ อับ หรือ หลังจากปัสสาวะแล้วไม่มีการซับให้แห้งก็อาจอับชื้นได้ วันนั้นน้ำสะอาดอย่างเดียว อาจไม่พอที่จะล้างทำความสะอาดคราบไขมันและเหงื่อไคลบริเวณจุดซ่อนเร้นได้หมด เพราะบริเวณนี้มีต่อมเหงื่อและต่อมไขมันอยู่ และถ้าไม่รักษาความสะอาดอย่างเพียงพอ ปล่อยให้จุดซ่อนเร้นอับชื้น ก็อาจจะกลายเป็นแหล่งของเชื้อ ซึ่งก่อโรค เจริญเติบโต เพิ่มจำนวนและเป็นสาเหตุของการติดเชื้อบริเวณปากช่องคลอด ทำให้เกิดอาการ คัน ระคายเคือง ตกขาวและทำให้เกิดกลิ่นอับตามมาได้ และถ้าไม่รักษา เชื้ออาจลุกลามไปทั้งอุ้งเชิงกรานและอวัยวะภายในอื่นๆ ได้ 
  • SAUGELLA ไม่รบกวนประสิทธิภาพของยาอื่นๆเวลาหมอจ่ายยามาให้ในขณะที่เรามีปัญหาเกี่ยวกับภายในช่องคลอด เช่น ตกขาว ติดเชื้อ เชื้อราช่องคลอด และยังช่วยเสริมประสิทธิภาพในการรักษา ทำให้คนไข้มีอาการดีเร็วกว่าการใช้ยาเพียงอย่างเดียว และด้วย dosage form ที่มีความหนืดที่เหมาะสม ใช้ปริมาณเพียงเล็กน้อยก็ทำความสะอาดและปกป้องจุดซ่อนเร้นได้เต็มประสิทธิภาพ
  • SAUGELLA จุดเด่นที่แตกต่าง คือ มีสารสกัดจากธรรมชาติ ทำให้มีกลิ่นอ่อนๆ อ่อนโยนและปลอดภัย ยับยั้งเชื้อก่อโรค ช่วยเสริมสร้างการทำงานที่ดีของสมดุลช่องคลอด มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการใช้ และเป็นที่ยอมรับของสูติ-นารีแพทย์ทั้งในยุโรป และเอเชีย รวมถึงสูตินารีแพทย์ในประเทศไทยมีการใช้ในโรงเรียนแพทย์ โรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชนและร้านขายยาชั้นนำทั่วประเทศ 
  • SAUGELLA มีการศึกษาทางคลินิกยืนยัน โดยมีการวัดผลถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการใช้ โดยแสดงผลชัดเจนทั้งด้านค่า pH สมดุลของเชื้อจุลชีพภายในช่องคลอด อาการแสดงทางคลินิกและผลการประเมินการรักษาของแพทย์ ว่ามีอาการดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
  • SAUGELLA ผ่านกรรมวิธีการผลิตที่ได้รับการควบคุมด้วยมาตราฐานสูง และ บรรจุภัณฑ์ของซอลเจลล่าทุกขวดมีระบบ safety seal เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจถึงคุณภาพและความปลอดภัย อีกทั้งยังสะดวกในการพกพาและเก็บรักษา
  • SAUGELLA หาซื้อง่าย ทั้งในโรงพยาบาล และร้านขายยาชั้นนำทั่วไป watsons / Boots / Save Drug / Pure/ P&F / Tops supermarket
เป็นอีกแบรนด์ที่เปลี่ยนมาใช้อยู่ 3 สูตรเพราะแฟนคลับแนะนำ
และ หมอให้มาใช้ เนื่องจากอยากใช้ของที่มีคุณภาพ และ ปลอดภัย
และพอได้ทราบว่ามีการวิจัยผล ยิ่งรู้สึกว่าคงไม่เปลี่ยนยี่ห้อ แต่ส่วนตัว
ไม่ได้มีปัญหาเรื่องกลิ่น เรื่องความอับชื้น ก็คงจะใช้แค่เวลาจำเป็น
หรือช่วงที่เป็นประจำเดือน

แบรนด์นี้บอกตรงๆลองใช้ดู เพราะเอิ๊กซื้อใช้เอง 2 สูตรประจำอยู่แล้วในเรื่องความปลอดภัย

ราคาอาจสูงกว่าเจ้าอื่นนิดหน่อย แต่มันหนืดใช้นิดนึง แต่นาน 🙂

XOXO

Posted in REVIEW, SKINComments (0)

[18+] แวกซ์ขนน้องสาว!!ไขปัญหาคาใจของสาวๆ

” ถามว่าเจ็บไหม ออกแนวสะดุ้งประมาณไม่เกิน 10 ครั้ง 5555+ “

Posted in HAIR, REVIEWComments (0)

สอนใช้ BB CREAM ทาผิวให้ขาวแบบเร่งด่วน + HOW TO แต่งหน้าไปงานกลางคืน

Posted in HOW TO, REVIEWComments (2)

REVIEW – OCC LIPS TAR

OCC LIPS TAR มีสปอนเซอร์มาจากร้าน
fanpage http://www.facebook.com/BARRYMMAKEUP
IG : Debeauteshop1
wabsite www.Debeaute-shop.com
หลอดละ 650 บาท
ขอบพระคุณมากค๊าฟฟฟฟฟ
อยากเล่นมานานแล้ว อิอิ สมใจ
ข้อดี : สีมีให้เลือกมาก ผสมกันได้ เม็ดสีแน่นกลบสีปากมิด สีตามหลอดเลย หลอดนึงใช้นาน
ข้อด้อย : ใช้กับพู่กันทาจะดีกว่า บางสีตกร่อง และ บางทีทาเยอะเลอะฟัน
 
สีจะสะท้านทรวงแค่ไหน ไปชมกันเลยยยยยยย <3
[ขออภัยกับหนวดด้วย ขี้เกียจรีทัช 555]
 
INTERLACE : สีออกนู๊ดชมพู 😀
 
KAVA KAVA = ส้มนู๊ดดดดด
 
GRAND MA = สีเหมือนแตงโม แดงอมส้มอมชมพู
 
CHA CHA = สีส้มสดใส ส้มนีออน
 
BETA = สีส้มปรี๊ดดด ส้มกว่านี้ มีอีกไหม
 
FEMME = สีชมพูนม หวานจนหยดสุดท้าย
 
NARCISSUS = ชมพูบาร์บี้
 
ANIME = ชมพูบานเย็นสดใส
 
PRETTY BOY = ชมพูอมม่วง
 
STRUMPET = ชมพูอมแดง
 
HUSH = ชมพูนู๊ดดด
 
 
MERION = สีน้ำตาล น่าจะเหมาะกับผู้หญิงผิวสองสีมากๆ สีนี้
NSFW = สีแดงสด
 
VINTAGE = สีแดงเลือดนก
 
SYBIL = สีไวน์แดงเข้ม
XOXO
 
 
 

Posted in HOW TO, REVIEWComments (0)

HOW TO กันแดดเป๊ะเมคอัพเนียนแต่งหน้ารับสงกรานต์

ผิวดูอายุเยอะกว่าความจริงแบบกร้านๆ รอยสิวที่ชัดขึ้น

ฝ้า กระ สิวอักเสบ สิวผดที่มาเยี่ยมเยียน

หารู้ไหม ว่าบางทีอาจจะมาจากการที่ไม่ใช้กันแดด หรือ ใช้กันได้ไม่ถูกวิธี

วันนี้มีเกล็ดการใช้กันแดดมาฝากนะคะ เป็นห่วงอยากให้มีสุขภาพผิวดีกันทุกคน

และ นำเอาเมคอัพรับสงกรานต์กันน้ำได้มาฝากด้วยยยยยยยยยยยย

ไปดูกันเลยยยยยยยยยยยยยยยย

ขอบคุณ CUTE PRESS สำหรับกันแดดที่ส่งมาให้เล่นด้วยฮะ

Posted in HOW TO, MAKE UP, REVIEWComments (0)

REVIEW – DOVE NOURISHING OIL CARE

วันนี้มาอวดItemโปรดก่อนเอาไว้ดูแลผมฟูขาดร่วงง่ายของตัวเอง
ตอนนี้เอิ๊กเลิกทำสีผมโดยสนิท กลัวทำลายโปรตีนเส้นผม ส่งผมให้มีสุขภาพไม่ดี อ่อนแอ 

ตอนนี้คือนอกจากผมขาด ปลายเสียฟูจากการยืด ใช้วิธีพลาง
ด้วยการทำผมสีเข้ม ซึ่งได้ผลมากๆ อิอิ ต้องมาจับ หรือ ทำผมให้ถึงจะรู้ความจรืง
วันก่อนมีบลอคเกอร์ความงามหลายท่านถูกเชิญไปเช็คสภาพของเส้นผม
ว่าแห้งขาดน้ำหนักขนาดไหน เรียบลื่นขนาดไหน โดยเครื่องนี้ใครผมฟู แห้ง มันฟ้องแน่นอน

เอิ๊กไปแถวเซนทรัลลาดพร้าวเมื่อกลางเดือนที่แล้ว
แล้วความจริงก็ฟ้องต่อหน้าใครหลายคน
ปลายผมฟูลอยเลย เบาหว๋อง และได้ผลิตภัณฑ์จาก Dove กลับมาทดสอบ 14 วัน

เป็นสูตร DOVE NOURISHING OIL CARE

เซ็ทนี้ประกอบด้วย 5 ชิ้นคือ

โดฟ นอริชชิ่ง ออยล์ แคร์ ครีมแชมพู
โดฟ นอริชชิ่ง ออยล์ แคร์ คอนดิชันเนอร์
โดฟ นอริชชิ่ง ออยล์ แคร์ เดลี่ ทรีทเม้นท์ คอนดิชันเนอร์
โดฟ นอริชชิ่ง ออยล์ แคร์ ทรีทเม้นท์ มาส์ก
โดฟ นอริชชิ่ง ออยล์ แคร์ เซรั่ม

ส่วนผสมหลักก็จะเป็นน้ำมันสกัดจากพืชต่างๆเช่น อัลมอนด์ออยล์ น้ำมันดอกทานตะวัน

โดฟ นอริชชิ่ง ออยล์ แคร์ ครีมแชมพู

โดฟ นอริชชิ่ง ออยล์ แคร์ คอนดิชันเนอร์

โดฟ นอริชชิ่ง ออยล์ แคร์ เดลี่ ทรีทเม้นท์ คอนดิชันเนอร์

โดฟ นอริชชิ่ง ออยล์ แคร์ ทรีทเม้นท์ มาส์ก

 

โดฟ นอริชชิ่ง ออยล์ แคร์ เซรั่ม

จะบอกว่าใช้แชมพู คอนดิชั่นเนอร์ผสมทรีทเมนท์ และเซรั่มตลอด 2ตัวแรกก็นุ่ม ลื่น เงาล่ะ

เพราะสูตรนี้ ชื่อบอกอยู่แล้ว อุดมไปด้วยน้ำมันจากธรรมชาติมาเคลือบเส้นผมไว้ ดังนั้น

ผมจึงมีน้ำหนักลื่น เรียบ ไม่ฟูทันทีหลังใช้ ผมจึงดูมีสุขภาพดี และตัวเด่นสุดที่ไม่พูดไม่ได้

เดี๋ยวจะให้เพื่อนลอง เพราะเพื่อนผมฟูมากหน้าจะเห็นความต่างเดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังอีกที

วันนี้ขอเจาะที่ตัวเซรั่มก่อน หลายคนอาจจะไม่ชอบน้ำมันใส่ผม เหมือน ซิลกี้แฮร์โคท

สมัยเด็กที่คุณแม่ใส่ให้ เซรั่มนี้ใช้เพียงนิดเดียว ผมก็จะถูกเคลือบให้หายฟู

เผื่อใครสนใจฉลากเลยแปะมาให้ เนื้อใสๆ หอมอ่อนๆสไตล์ที่ดมแล้วรู้ทันทีว่า DOVE ฮ่า ฮ่า

เนื้อใสๆเอิ๊กใช้ 3 – 4 หยดบนมือ แล้วลูบบนผม เว้นโคน 10-15 ซม เดี๋ยวด้านบนจะฟีบไป

เน้นปลายที่ฟูฟ่องเริ่งร่าลันล๊าพอ ~

กระจูกปลายผมที่มีปัญหาของเอิ๊กต้องคอยเล็มทิ้งอย่างเดียว และ พอฟูก็ลูบเซรั่มลงไปเงาเลย

เห็นได้ว่าแค่สระด้วยแชมพู ตามด้วยคอนดิชั่นเนอร์ กับ ทรีทเมนท์ ที่มาแบบ 2 in 1

ผมเอิ๊กก็เงานุ่มมากอยู่แล้วจัดเซรั่มตามด่วน มันก็ดูเงาขึ้นอีก สูตรนี้บอกได้เลย

ใครชอบความนุ่ม เรียบลื่น เงา ไม่ฟูคงต้องลองดู

มีหลายคนบอกว่าทรีทเมนท์ดีไว้รอบหน้าต้องขอจัดซักหน่อย

BEAUTY TIPS
ส่วนใครกลัวสิว คุณคิดถูกแล้วล่ะค่ะ พูดถึงทุกครั้งที่ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมทุกแบรนด์
ควรล้างน้ำเปล่าให้มั่นใจว่าสะอาดหมดจด สระผมก่อนแล้วค่อยถูสบู่
เพื่อจะได้มีผมสวยสุขภาพดีและไม่ก่อให้เกิดสิวบริเวณลำตัว อันนี้เป็นวิธีใช้ส่วนตัวของเอิ๊ก
เอิ๊กจะก้มหัวลงและสระผมแล้วล้างน้ำเปล่าให้สะอาด แล้วค่อยถูสบู่หรือว่าใช้เจลอาบน้ำล้าง
พวกยาสระผม ครีมนวดที่ตกคัางตามลำตัวให้สระอาด และเช็ดตัวให้แห้งหลังอาบน้ำทันที
วิธีนี้ป้องกันการเกิดสิวได้ดีสำหรับเอิ๊ก90%

 

ข้อดี เคลือบผมให้ดูเงา เรียบลื่น ดูมีน้ำหนัก ไม่ฟูทันที หาซื้อง่ายเว่อร์ ไม่แพง คุณภาพดี

ข้อด้อย เรื่องกลิ่นคงเป็นความชอบของแต่ละคน แนะนำไม่ให้สัมผัสที่หลังโดยตรง

สำหรับคนที่เป็นสิวที่ลำตัวง่าย


ปิดท้ายด้วยรูปเส้นผมที่ใช้ DOVE จะดูมีน้ำหนักแบบนี้
ขอบพระคุณแบรนด์โดฟที่ส่งมาให้ลองค่ะ

XOXO





Posted in HOW TO, REVIEWComments (0)

BEAUTY NEWS – สก๊อต คอลลาเจน-โอร่า

TVC ตัวใหม่ที่มีคุณพลอย เฌอมาลย์เป็นพรีเซนเตอร์ ซึ่งตัวจริงเธอสวยมากผิวผ่องออร่าสุดๆ

ล่าสุดเป็นของเครื่องดื่มที่ผสมคอลลาเจน อารมณ์ นางพญาน้ำแข็งในนาร์เนียเลย ><

Scotch Collagen Aora ออกใหม่ ตัวนี้อัด Collagen จากปลาทะเลน้ำลึก 5000 มิลลิกรัม

ถือเป็นโชคดีมากที่ทางสก๊อตส่งมาให้ได้ลองชิมก่อน ดื่มวันละ 1 ขวด รสชาติอร่อย

หวานอมเปรี้ยวนิดๆ 

ชื่อเต็ม : สก๊อต คอลลาเจน-โอร่า มาในแพคเกจขาว-แดง เอิ๊กคิดว่าคำว่าโอร่าคงเป็น

คำที่พยายามเลียนคำว่า ออร่า AURA เปล่งประกาย เปล่งรัศมี หรือที่เราพูดติดปาก

เวลาเจอดาราหรือพริตตี้ แล้วรู้สึกว่าผิวเขาดีจนเด้ง เปล่งแสงมาแต่ระยะไกล

หน้าตาแพคเกจข้างใน ขาวแดงเช่นกัน แพคนึงบรรจุ 6 ขวด

รู้สึกจะประมาณ 200 บาทปลายๆ หาซื้อได้ทั่วไปตามห้าง ซุปเปอร์

แพคเกจบ่งบอกว่าให้ผู้หญิงดื่มมาก และ สีขาวโดดเด่นมาก สวยเนอะ เวลาตั้งเรียงกัน

เหล่าดอกไม้สีขาว เอิ๊กชอบดอกไม้สีขาวมากกกกกกกกกกกกก (ไม่เกี่ยว55)

ขวดนึงเล็กๆไม่ใหญ่ ดื่มเอื๊อกเดียวหมดเลย ต้องค่อยๆจิบเพื่อลิ้มรส ปริมาณการทาน1ขวด

ต่อวัน ซึ่งเหมือนดื่มเป็นอาหารเสริมให้ร่างกาย เพราะมันหมดไวไป 55555555

เอาละมาส่องส่วนผสมกัน (เอามาจากเว็บกันเลย)

คอลลาเจน เปลือกสนฝรั่งเศษ น้ำองุ่นขาว น้ำราสเบอรี่ วิตามินต่างๆ เช่น วิตามินอี

เป็นส่วนผสมหัวใจหลักของสูตรนี้

ฉลากหน้าหลังอังกฤษชัดชัด ขวดนึงประมาณ 45 มิลลิกรัม ซึ่งใช้วิธีจิบดีสุด ฮี่ฮี่

ตารางโภชนาการ 45 กิโลแคลอรี่ ต่อขวด ไม่มาก และ ใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล

มีวิตามินสำคัญหลายตัว สูงสุดคือ วิตามินเอ , วิตามินเค และมีส่วนผสมอีกมากมาย

ฉลากละเอียดมาก 🙂

สรุปวิตามินทุกตัวที่ใส่ลงไปประมาณ10กว่าชนิด

และความสำคัญของวิตามิน 3 อันดับแรก คือ ต่อต้านอนุมูลอิสระ ทำให้กระดูกแข็งแรง

สร้างเม็ดเลือดแดง ฯลฯ

กินไปหมดแพคแล้ว 🙂

หน้าตาของขวด ฉลากสีขาว ฝาสีขาว

ส่วนประกอบของสูตรนี้ มีหลายอย่างมากที่น่าสนใจ

วันหมดอายุตัวใหญ่ชัดเจน และ ขึ้นทะเบียนอย.เรียบร้อย

เป็นน้ำสีน้ำขาวขุ่น รสชาติหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย อร่อย ทานง่ายมาก

แนะนำทานก่อนนอนร่างกายจะได้นำไปดูดซึมใช้ได้เต็มที่ 

สรรพคุณเท่าที่อ่านมา คือ เรื่องคอลลาเจน คงไม่พ้นเรื่องผิว ความยืดหยุ่น

ความชุ่มชื่นและ สารสกัดจากเปลือกสนฝรั่งเศษ ซึ่งจะมีวิตามินซีค่อนข้างสูง

และ ช่วยต้านอนุมูลอิสระได้ดี การผสมการทำงานของวิตามินซี – และอี

ก็จะช่วยลดการสร้างเม็ดเมลานินสีเข้มได้

ส่วนเอิ๊กเพิ่งทานได้หนึ่งแพคว่าจะลองทานต่อเนื่องซักระยะดูค่ะ ไว้มีโอกาสแล้วจะรีบ

รายงานผลส่วนตัวคิดว่า

จุดเด่น : ใส่ส่วนผสมได้ค่อนข้างจัดเต็มทั้งคอลลาเจน วิตามิน หรือ เปลือกสนที่มี

การต่อต้านอนุมูลอิสระได้ หาซื้อง่าย ทานง่าย อร่อย

จุดด้อย : ปริมาณต่อขวดน้อยมาก 😛 และการเห็นผลลัพธ์เรื่องผิว ยากมาก

คงดื่มต่อเนื่องซักระยะ ถึงจะรู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ หวังว่าคงเป็น

ประโยชน์สำหรับใครที่กำลังเล็งเครื่องดื่มแนวคอลลาเจน 😀 

ปล. ทานอาหารหลากหลายหมู่ และ ขยันออกกำลังกายไปด้วย พร้อมดูแลทัั้งอารมณ์

และผิวพรรณ โดยการเลือกใช้ครีมบำรุงที่เหมาะสม รวมถึงการป้องกันแสงแดด

ทุกวันเป็นประจำ ยังไงทุกอย่างควรทำควบคู่ไป ผิวกระจ่างขึ้นแน่นอน

XOXO

Posted in REVIEWComments (0)

REVIEW – NARS PENCIL LIP SATIN

คิดว่าเข้าไทยเดือนเมษานะคะสำหรับ

NARS PENCIL LIP SATIN

ลิปเนื้อครีมนุ่มชุ่มที่มาในรูปแบบของดินสอ

หลายสีควรมีไว้ในครอบครองแนะนำไปเล่นกันก่อน เอิ๊กเห็นว่าสวยดีเลย

13 สีวางขาย

  • Het Loo (cognac)
  • Floralis (light apricot)
  • Isola Bella (peach beige)
  • Lodhi (vibrant coral)
  • Biscayne Park (pink guava)
  • Rikugien (rose pink)
  • Golshan (spiced wine)
  • Majella (garnet)
  • Luxembourg (vivid watermelon)
  • Hyde Park (cardinal red)
  • Palais Royal (sangria)
  • Yu (shocking pink)
  • Jardin Des Plantes (fuchsia) (Exclusive Shade to Boutiques)

ราคา 970 บาท

เอิ๊กไม่ทำ REVIEW MAKEUP นานมากแล้วขอปาดแบบมาไวไปไว

เพราะคอมยังไม่ลงโปรแกรมเลยต้องนั่งแปะทีละอันใน PS 🙂

ได้มา 5 สีขอรวมร่างก่อน ปากเยินมาก 555

จุดเด่น : เนื้อครีมชุ่ม นุ่ม เกลี่ยง่ายมาก ปกปิดดีในระดับนึง ไม่ต้องกลัวหัก ทุกสีค่อนข้างสวย

จุดด้อย : อาจไม่ได้มีเม็ดสีที่เข้มข้นปกปิดที่สุด ต้องคอยเหลา 

Biscayne Park (pink guava)

Floralis (light apricot)

Luxembourg (vivid watermelon)

Majella (garnet)

Palais Royal (sangria)

XOXO

Posted in LIPS, REVIEWComments (0)

advert

Google

erk-erk.com





BEAUTY MENU

มาคุยกับเอิ๊กได้ที่นี่ทุกวัน ถ้าว่างรีบตอบทุกคำถามค่ะ

INSTAGRAM @wwwerkerkcom

[instagram-feed]

ติดตามบล็อค erk-erk.com อย่างใกล้ชิด

เพียงกรอก Email ตรงนี้เลย

LINE @erk-erk

เพิ่มเพื่อน

Related Sites