Archive | SURGERY

วิธีรักษารอยเย็บและรีวิวผลการรักษาแผลเป็นบนใบหน้าเกือบ 4 ปี ⁣

 

เกือบ 4 ปีแล้วที่น้องเราถูกทำร้ายร่างกาย

เย็บบนใบหน้า 100 กว่าเข็ม

 

(ขออนุญาตไม่พูดถึงพาดพิงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตนะคะ

เพราะเราผ่านมาได้แล้วและ เราชนะคดี ถึงแม้ว่าเรารู้สึกว่า

เรายังไม่ได้รับความยุติธรรมเท่าที่มันควรจะเป็นก็ตาม

ทุกคนคงรู้ดีว่าเราหมายถึงอะไร)

 

เหตุการณ์นั้นทำให้เราเป็น PTSD และ ซึมเศร้ารุนแรง1ปี

ร้องไห้เหมือนหมาทุกวันแบบหยุดไม่ได้ทั้งที่ร้องไห้ยากมาก

โชคดีเพื่อนดี กัลยาณมิตร คนช่วยเหลือทุกด้านเยอะมาก

เราขอขอบคุณทุกคนอีกครั้งจากหัวใจจริงๆในวั้นนั้น

ที่ช่วย SUPPORT เป็นกระบอกเสียงให้เราได้รับความยุติธรรม

 

ไม่น่าเชื่อเนอะ ไม่ได้เกิดบนหน้าเรา แต่เกิดขึ้นกับคนที่เรารัก

มันไม่มีอะไรเหมือนเดิมในการใช้ชีวิต แต่สิ่งที่รู้คือ

ยามลำบาก คุณจะเห็นเองว่าจากนี้ใจคุณควรให้ใคร

มองในแง่ดีมันก็สอนเราได้อย่างดีมาก 🙂

 

▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂

 

วันนี้เราจะมาสรุปวิธีรักษาแผลผ่าตัด แผลเย็บบนใบหน้า

โดยผ่านการแก้ไขแผล 1 ครั้งจาก

อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านศัลยแพทย์ตกแต่ง

เอิ๊กใช้เวลาเก็บผลการรักษาเกือบจะครบ 4 ปี

อยากเป็นกำลังใจให้ทุกคน

ที่กำลังรักษาแผลผ่าตัดบนใบหน้าทุกคน

กลับมามีความหวัง และ อยู่กับสิ่งดีๆที่ยังมีอีกมากรอบตัว

แค่เราไม่ตีตราตัวเอง

คนเรา 1 คนมีเอกลักษณ์&มีด้านดีอีกมากมาย

 

 

บทสัมภาษณ์ และ การรักษาทั้งหมด

ได้รับเกียรติจาก

ศาสตราจารย์นายแพทย์ วรพงษ์ มนัสเกียรติ ในการรักษา

และให้ข้อมูลวิธีการรักษาแผลเป็นบนใบหน้าทั้งหมด

รวมถึงทีมงานผู้ช่วยแพทย์ทุกๆท่านที่ @ISKYCENTER

ได้ดูแลอย่างดีตลอดการรักษา

เกือบ 1460 วัน ที่ได้เก็บผลการรักษา

รวมถึงอีกบุคคลที่สำคัญ

คือ อาจารย์ศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทาง

อาจารย์นายแพทย์วิษณุ โล่ห์สิริวัฒน์

โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์

 

ครอบครัว รชตสุวงศ์มีความซาบซึ้ง

และ กราบขอบพระคุณอย่างสูง มา ณ ที่นี้ค่ะ

พีรญา รชตสุวงศ์

ผู้จัดทำ

 

สรุป หากคุณมีแผลผ่าตัดบนหน้า

  1. ตั้งแต่ตอนแรกที่เกิดอุบัติเหตุต้องพยายามทำให้เลือดหยุด ทำให้แผลปิดเร็ว สมานเร็วที่สุดโดยไม่ให้มีการติดเชื้อเกิดขึ้น

  2. ฝีมือของศัลยแพทย์ที่ทำการเย็บแผลเป็นสิ่งสำคัญมากอันดับที่ 2 ความประณีตในการเย็บแผลโดยตรงกับการรักษาแผลระยะยาว

  3. พบคุณหมอผิวหนังโดยเฉพาะศัลยแพทย์ทางด้านเลเซอร์ผิวหนังเพื่อนำเครื่องมือมาใช้ให้แผลดูดีที่สุด ลดโอกาสการเกิดแผลเป็นนูน หรือ แย่ได้

  4. วินัยการรักษาแผลที่ต่อเนื่องขึ้นกับความรุนแรงด้วย เริ่มต้นคือเดือนละ1ครั้งไปเรื่อยๆจนกว่าแผล

  5. การตอบสนองของผิวหนังเราแต่ละคนไม่เหมือนกัน

  6. พันธุกรรม หรือ กรรมพันธุ์ บางคนทำทำให้โอกาสการเกิดแผลเป็นนูนหรือแผลเป็นคีลอยด์มากขึ้น ทำให้ผลการรักษายากขึ้น

  7. อายุของผู้ป่วย ถ้าผู้ป่วยอายุน้อยเท่าไหร่ผลการรักษาหรือการสมานแผลจะดีเร็วขึ้น ถ้าผู้ป่วยอายุมากขึ้นเนี่ยผลการรักษาจะไม่ดีเท่า และ รีบเป็นรีบรักษาเร็วที่สุด ดีที่สุด

 

ไม่วิทยาการการรักษาในปัจจุบัน

สามารถทำให้แผลหายได้ 100%

 

▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂

 

ในฝั่งความรู้สึกของคนไข้ที่รักษาด้วยเลเซอร์เพียงอย่างเดียว

คือ น้องเรา

จะเน้นกลุ่มปรับสภาพผิว และ ช่วงแรกกำจัดเส้นเลือดแดง

ทำทั้งหมด 4 ปีเกือบ 20 ครั้ง ++

ทำเสร็จเราก็เห็นนอนซมทรมานทุกครั้ง

 

 

ความรู้สึกทุกครั้งตอนทำเลเซอร์

ตอนยิงเลเซอร์ ถ้าแบบแปะยาชา + เครื่องพ่นลมเย็น

จะรู้สึกเจ็บแบบแสบๆร้อนๆ จี๊ดมาที่แผล

ความรู้สึกเหมือนแผลโดนเตารีด

หลังยิงเสร็จคือปวดแสบ ปวดร้อนเลย

พอเข้าวันที่ 1 จะเริ่มตึงๆ จะแสดงสีหน้ามากไม่ค่อยได้

เพราะแผลจะตึงและต้องคอยทาวาสลีนไลท์บ่อยๆ

เนื่องจากว่ายิงแผลหลายจุดบนหน้า พอวันที่ 4-5 สะเก็ดตก

ก็จะได้กลิ่นสะเก็ดแผลที่หน้า จะเริ่มคันๆ เพราะสะเก็ดเริ่มจะหลุด

ใกล้จะหายแล้ว แต่จะต้องหลบแดดให้ดีเลย โดนแดดไม่ได้

 

ตอนยิงเลเซอร์แบบแปะยาชา + ไม่พ่นลมเย็น

จะรู้สึกเจ็บมากกว่าแบบแรก 2 เท่า ตอนยิงแบบนี้

คือ มีขากระตุก

สะดุ้งและแอบจิกเบาะเลยทีเดียว

ปวดแสบ ปวดร้อนที่แผลตรงๆเลย เหมือนจะทนไม่ได้

คือทนแทบไม่ไหวเลย เพราะเวลายิงคุณหมอจะยิงแผลๆนึง

จะซ้ำ 2 รอบหรือ 3 รอบ ซึ่งแล้วแต่คุณหมออีกที

เลยขอคุณหมอพ่นเป่าลมเย็นด้วย

เพราะแค่แปะยาชาอย่างเดียว ไม่ไหวจริงๆ

 

ตอนยิงแบบไม่แปะยาชา + ไม่พ่นลมเย็น

คือเจ็บมากที่สุด น้ำตาไหล ไม่ไหวเลย

 

ตลอดเวลายิง 4 ปี เวลาระหว่างนั่งรอคุณหมอ

ยอมรับว่าได้ยินเสียงเลเซอร์ติ๊ดๆ แอบรู้สึกหลอนเบาๆ

จากการรักษามาทั้งหมด เกือบ 4 ปี รู้สึกแผลเป็นในหลายๆจุดดีขึ้นมาก รู้สึกขอบพระคุณคุณหมอจากใจจริงๆ ที่ได้มารักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งคุณหมออ๊อด และ น้องผู้ช่วยแพทย์ทุกคน ซึ่งทำให้แผลเป็นดีขึ้นมาก โชคดีมากๆ ส่วนตัวรู้สึกพอใจมากกับการรักษาที่ยาวนานในครั้งนี้ และจนถึงปัจจุบันก็ยังคงรักษาและยิงอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆให้แผลขึ้นดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะยังมีในส่วนตรงจมูกที่ไม่สามารถจะขึ้นเต็ม และ สร้างคอลลาเจนได้ไม่เท่าตรงอื่น เนื่องจากตรงข้างใต้เป็นกระดูกคุณหมอให้ทำใจแต่แรกแล้วค่ะ แต่โดยรวมคือพอใจหมดค่ะ

OAB-OAB

 

▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂

 

ตอนไปประเมินแผลบนหน้าเห็นชัดระยะ 5 เมตร

ตามกฎหมาย คือ เสียโฉมตลอดชีวิต

ประเมินวันแรกโดยคุณหมอวรพงษ์ คือ

เขาสามารถรักษาให้ดีคือ 70-80%

ถ้าบอกใจเราตามตรง เราเฟลทุกคนรู้จักเราดีจะรู้ว่า

เรารักใบหน้ามากแค่ไหน

คุณหมอก็พูดตามจริงและไม่ให้ความหวังเกินจริงเลย

เนื่องจากทั้งฝีเย็บตะขาบรอบแรก และ การเกิดแผลบางจุด

ยากต่อการรักษา เช่น หน้าแก้ม โดยเฉพาะจมูก หมอบอกเลย

จุดนี้อาจได้แค่ 60% และการปลูกถ่ายไขมัน

อาจไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร

นั้นก็เป็นเหตุผลให้เราทำใจ

 

ทำไมต้องเป็นคุณหมอวรพงษ์ ?

ส่วนตัวคิดว่า “ฉายาเจ้าพ่อแผลเป็นในวงการผิวหนัง”

ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย ความวิริยะ อุตสาหะ

และ ความเชี่ยวชาญ แกก็คือที่สุดในแผลเป็นแล้วจริงๆสำหรับเรา

ถึงแม้ในตอนนั้นเราจะยังไม่มีโอกาสได้รักษาด้วยตัวเอง

แต่ก็เห็นเคสของแกเยอะ โดยที่ไม่ได้ลงในสื่ออะไรเลย

และ แกเป็นคนนึงที่มีปานโอตะขนาดใหญ่บนหน้าน่าจะเข้าใจ

คนมีแผลบนหน้าได้ดีในเรื่องของความรู้สึก ณ ขณะนั้น

ถ้าเป็นหมอไทยที่มาตรฐานระดับสากลเราเลือกท่านนี้คนเดียวเลย

แต่ก็แอบลุ้นว่า จากวันนั้นจนถึงวันนี้ การรักษาจะเป็นยังไง

นี่คือรูปตอนเย็บแผลครั้งแรกพลาด ตะขาบเพียบ

 

 

เราเองหาทางติดต่อหาหมอศัลยกรรมตกแต่งว่าแบบนี้แย่ไหม

หมอจึงขอตรวจดูแผลก่อน เลยพบว่ามีเศษแก้วข้างอยู่จึง

เอาเศษแก้วออกมาเป็นชิ้นๆ ถ้าไม่เอาออก

ระยะยาวจะค้างไว้เกิดความเจ็บปวด

หรือ โดนสัมผัสไม่ได้ไปตลอด

 

ในครั้งที่ 2 นี้แก้ไขโดยเอาเศษแก้วที่อยู่ใต้ผิว

จำนวนมาก และ ฝุ่น รวมถึงเศษเหล็กดำๆ ออก

และ แก้ไขบาดแผลที่เป็นตะขาบ

เพราะคุณหมอบอกว่าที่เย็บแล้วเป็น “รอยตะขาบ”

เนื่องจาก รัดแน่นมากเกินไป

การเย็บต้อง layer-by-layer หรือ ชั้นๆ ทีละชั้น

ไม่ให้เกิด แรงรัดจากการรวบชั้น

นี่คือสิ่งที่คุณหมอ วิษณุ อจ.ศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทาง

ที่ศิริราช ปิยมหาราชการุณย์บอกในวันที่เย็บอยู่ห้องฉุกเฉิน

 

ในวันที่ผ่าตัดรอบที่ 2

 

รอบนี้เอาสวนตะขาบออกหมด และ เย็บแบบปราณีต

(ตอนเห็นแผลตะขาบครั้งแรก เราร้องไห้หนักมากๆ

ชอบดูมากวีดีโอผ่าตัด

แต่พอเห็นบนหน้าคนในครอบครัวเรากลัวมาก)

 

 

มาถึงตอนรักษาจริงเลือกวิธีปรับสภาพผิวด้วยเลเซอร์

และ พ่นลมเย็น รวมถึงยาชา

คือ วิธีที่ดีที่สุดสำหรับการทนให้ผ่านไปได้ในแต่ละครั้ง

(ทางเอิ๊กเองไม่ได้ไปกับน้องทุกครั้ง

อีกคนที่ต้องขอบคุณคือ “น้องหมูแดง”

ผู้ช่วยแพทย์ที่จะคอยดูแลแทนเอิ๊กเองในทุกครั้งเลย

ขอบคุณจริงๆค่ะ)

คนถามว่าไปทำงานเป็นไง เอาเป็นว่าน้องสาวโดนถามจนชิน

คือ สภาพนี้ ผลคือไม่อยากทานข้าวรวมกับใคร

เพราะต้องตอบคำถามซ้ำไปซ้ำมา ห่อข้าวกินเอง

 

 

ชีวิตเปลี่ยนจริง

จากวันที่ไม่มีแผลสู่ก่อนเริ่มการรักษา

ผิวหน้าน้องเอิ๊กดีกว่าเอิ๊กมากและการฮีลลิ่งแผลดีกว่า

แต่พอมีแผลหนักในวันนั้นก็คิดไม่ออกเหมือนกัน

ว่าปลายทางจะเป็นยังไง ?

 

 

▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂

 

การรักษาค่อยๆดำเนินไป แต่ละปีที่ผ่านไป

 

 

 

 

ความเรียบฟูของแผลที่ดีขึ้น สีแผลที่เกือบเนียนไปกับผิว

แผลบางจุดหายไป ..

 

อันนี้เป็นรูปที่เก็บภาพรายละเอียด

โดยเอิ๊กกับกล้องDSLRใช้เลนส์มาโครนะคะ

เพื่อให้เห็น TEXTURE ผิว สีแผล

และ แผลใกล้เคียงตาเห็นที่สุด

 

บริเวณเปลือกตา

 

บริเวณคิ้ว

 

บริเวณครึ่งหน้าจมูก,แก้ม,ใต้ตา

 

บริเวณร่องลึกตรงแก้ม

 

บริเวณแผลที่หน้าผาก

 

บริเวณซีกหน้าโดยรวม คิ้ว หน้าผาก จมูก แก้ม ตา

 

 

บริเวณหน้าทั้งหมด ณ เดือน มิถุนายน 2564

สำหรับการเรียงไทม์ไลน์ทำให้รู้ว่ามาไกลแค่ไหน

ดีขึ้นมากๆๆๆๆๆ

น้องเราจริงๆเป็นคนร้องไห้ง่ายมากๆๆๆๆ ร้องได้ตลอด

แต่เกิดเหตุการณนี้นางไม่ร้องเลย ไม่เลยเราไม่เห็นเลย

มีแค่น้ำตาออกมาแต่ไม่สะอื้น และ สลับกันเราผู้ร้องไห้ยาก

เรากลายเป็นทุกวันได้ร้องวันละ1ครั้งก็ยังดี

ก็ปล่อยตามธรรมชาติ เข้าใจอารมณ์ตัวเอง

สุดท้ายเมื่อไม่ยอมแพ้ ก็กลับมามีใจแข็งแรงอีกครั้ง

 

สำคัญที่สุดที่อยากจะบอก กำลังใจให้ตัวเอง

เพราะเราคือคนที่เห็นแผลตัวเอง อยู่กับแผลตลอด 24 ชม.

กำลังใจสำหรับความอดทนแต่ละครั้งในการรักษาแผล

เราปฏิเสธไม่ได้ว่าเราไม่รู้สึกแย่หรือเศร้าหรือเสียใจ

เมื่อแผลที่เกิดขึ้นมันมาอยู่บนใบหน้าเรา

เราปฏิเสธไม่ได้ว่าเราจะไม่รู้สึกด้อยค่าลงในบางเวลา

เพราะความมั่นใจเราหายไป

แต่อย่างที่บอก สุดท้ายอยู่ที่มุมมองของเรา 🙂

หวังว่าเหตุการณ์ในวันนั้น และ บล็อคในวันนี้

จะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนไม่มากก็น้อย

แผลหน้าค่อยๆฟื้นฟู

แผลใจถึงใช้เวลานานกว่าหรือทั้งชีวิตเราก็ต้องทำ

อยู่ให้ความกับความสุขตรงหน้าในปัจจุบัน

อย่าอยู่กับความทุกข์ในอดีตที่จบไปแล้ว

เราได้ทำอย่างดีที่สุดแล้ว รักตัวเองให้มากๆ

แล้วเราจะผ่านมันไปได้ด้วยกัน

 

ขอบพระคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจให้ตลอดมาอีกครั้งค่ะ

 

ERK-ERK

Posted in BEAUTY TECHNOLOGY, REVIEW, SURGERYComments (0)

วิธีรักษาฝ้า 2021 | Clubhouse

ความเจ็บปวดของคนเป็นฝ้า

จะเข้าใจดีว่าพยายามมาทุกวิธียังไม่มีวิธีหายขาด

ความจริงถูกต้องแน่นอนว่าฝ้า

ยังไม่มีวิธีไหนสามารถรักษาให้หายขาดได้ 100%

 

ลักษณะของฝ้าและสาเหตุ

CREDIT PHOTOS : GOOGLE

ฝ้า หรือ บางคนอาจจะนิยามว่ารอยน้ำตาลดำ หรือเทาน้ำเงินขนาดใหญ่ที่อยู่บนหน้า

บนแก้ม มักเป็นสองข้าง แต่อาจจะเท่ากันหรือไม่เท่ากันก็ได้ มีลักษณะเป็นปื้น

ซึ่งสาเหตุเกิดจากเซลล์สร้างเม็ดสีทำงานมากขึ้นโดยมีรากมาจาก

1.ฮอร์โมน

2.แสงแดด 

Note* มักเกิดในคนเอเชีย หรือ เชื้อชาติคนที่มีสีผิวเข้ม (ฝรั่งไม่ค่อยเป้น)

และ ถ้ามีโอกาสคนในครอบครัวเป็นก็อาจจะเป็นมากขึ้น

 

ถึงแม้ว่ายังไม่มีวิธีการไหนรักษาฝ้าได้หายขาด แต่เราทำให้มันสงบนานขึ้นได้ ทั้งหมอใช้วิธี คนไข้ร่วมมือ การทาครีมกันแดดมีส่วนช่วยร่วมกันหมด และถึงแม้ว่าฮอร์โมนเพศหญิงจะมีส่วนเกี่ยวกับฝ้า (เกิดจากเซลล์สร้างเม็ดสีทำงานเยอะ) แต่บางครั้งพออายุมากขึ้นมันหายไปเอง(เพราะการสร้างเม็ดสีไม่ทำงานหรือทำงานน้อยลง)

 

ความแตกต่างการเกิดฝ้าของเพศ

ผู้หญิง ฮอร์โมนเพศหญิงจะเข้ามาเกี่ยว

ผู้ชาย ส่วนใหญ่เกิดจาก UV

แต่หน้าตาฝ้าโดยรวมจะคล้ายกันยกเว้นอาจมีแค่บางชนิดที่ต่างกัน

เพศชายรักษาฝ้ายากกว่า (เพราะผู้ชายขี้เกียจทายา ใส่หมวก หลบแดด)

การรักษาหลัก

ฝ้าทางการแพทย์ไม่มีการแบ่งชนิดฝ้า จะเรียกทุกแบบว่า ฝ้าหมด แต่เวลาแพทย์ดูอาจจะมีการแบ่งชนิดจากตาตัวเอง เช่น ฝ้าผสม ฝ้าลึก ฝ้าเลือด สำหรับการรักษานั้นอาจรักษาฝ้าที่เห็นชัดแบบตื้นก่อนค่อยมารักษาฝ้าลึก ฝ้าที่เกิดจะมีทั้งชั้นหนังกำพร้า ชั้นตื้น รวมถึงอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงชั้นหนังแท้ด้วยทั้งหลอดเลือดและเซลล์ก็ต้องรักษารวมกันแนวทางเดียวกัน

1.ทายาภายนอก

เช่น ไฮโดรควิโนน กรดวิตามินเอ  Azelaic Acid

(ซึ่งการทายาอาจใช้เวลาประมาณ3เดือนถึงจะเห็นผล)

หรือ เวชสำอาง (cosmeceutical products) ซึ่งมีเยอะมาก

(มองหาผลิตภัณฑ์ WHITENING / BRIGHTENING)

ส่วนใหญ่เวชสำอางที่ทำให้ผิวขาวช่วยรักษาได้บ้างให้เม็ดสีทำงานน้อยลง

แต่ผลลัพธ์ไม่เท่ายาแน่นอนอาจต้องรอเวลาเห็นผลนานกว่า

(สำหรับถ้าใช้วิธีทาแล้วไม่ได้ผลถ้า 6 เดือนไม่ดีขึ้นดูการประพฤติตัวอื่นร่วมด้วย

เช่นหลบแดด กันแดดเราทำดีไหม ถ้าดีแล้วแสดงว่า ทายา ทาครีมอาจจะไม่ผล)

 

การทากันแดดสำคัญมากหัวใจหลักในการดูแลฝ้าเช่นกัน *

คุณหมอแนะนำPhysical Sunscreen และ ควรหลบแดดร่วมด้วย

จะกางร่ม ใส่หมวก ใส่เสื้อผ้าสีเข้มเนื้อหนา

 

2. ยาทาน ยาฉีด

เช่น tranexamic acid (ยาต้านลิ่มเลือด) ผลดีแต่ไม่ทุกคน

บางคนมีผลข้างเคียงมีลิ่มเลือดอุดตัน อาจต้องระวัง

ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ โดสปกติที่ใช้คือ

250 มิลลิกรัม ทาน 2 ครั้งต่อวัน

(ทั้งทานและฉีดคนไข้ต้องไม่มีโรคหัวใจขาดเลือดไปเลี้ยง

อัมพฤก อัมพาต เส้นเลือดขอด โรคเสี่ยงกับการอุดตันหลอดเลือด)

แพทย์สมัยใหม่อาจจะไม่นิยมฉีดเท่าไหร่

เพราะมีผลข้างเคียง เช่น เสี่ยงรอยคล้ำกว่าเดิม และ

เจ็บมาก เพราะฉีดที่ผิวชั้นตื้น 50-100 ครั้ง

 

3. เทคโนโลยีเลเซอร์

เลือกจัดการกับเม็ดสีให้แตกโดยตรงแต่ไม่ได้ลดช่วยลดกลไกการสร้างเม็ดสี

แบบต่อเนื่องเหมือนเราขยันทาครีมและกันแดด

เราจึงเน้นทายา ทากันแดดเป็นหลักก่อน

 

การเลือกใช้เลเซอร์ควรเป็นเฉพาะต่อเมื่อ

เรารักษาดีที่สุดใช้ทุกอย่างแล้วดูแลตัวเองอย่างเต็มที่

แต่ยังไม่ได้ผลเท่าที่เราพอใจ

เราสามารถลองเลเซอร์เพื่อพัฒนาผลการรักษาได้

ซึ่งปกติแพทย์เฉพาะทางจะเลือกใช้เลเซอร์เป็นวิธีสุดท้าย

เลเซอร์จะแบ่ง 2 กลุ่ม

1. กลุ่มทำลายการสร้างเม็ดสี

2.กลุ่มที่ทำการกรอผิวเป็นส่วนๆออกไป(อาจจัดการกับเม็ดสีออกได้บ้าง)

แต่ผลรักษาอยู่ได้ไม่นาน ไม่ตลอดไป คือ ถ้าหยุดอาจจะมีฝ้ากลับขึ้นมาอีก

สำหรับการใช้เลเซอร์ต้องระวังผลข้างเคียง ถ้าพลังงานน้อยไปก็ไม่หาย

พลังงานมากไปอาจจะทำให้เม็ดสีตาย เป็นจุดขาวเกิดๆ จะรักษายากว่า

ส่วน งานวิจัยล่าสุดการรักษาเลเซอร์ชรนิด

PICO อาจจะทำให้ฝ้าจางจริง แต่ก็กลับมาได้ภายในเวลา 6 เดือน

เเลเซอร์ที่มักนิยมดูแลฝ้า เช่น IPL / Q SWITCH / PICO SECOND LASER

 

แสงที่ควรระวัง

แสงUVA

แสงUVB

แสงINFRARED (ความร้อนสูง เช่น อาชีพเชฟ อาชีพหน้าเตา)

แสงINVISABLE LIGHT 

ก็มีผลการกระตุ้นเซลล์สร้างเม็ดสีได้

พวกมือถือ หรือ จอคอมอาจไม่มีรายงานทางวิจัย

ถึงผลกระทบชัดเจน บอกว่ามันน้อยมาก คือเทียบเท่า

เราใช้หน้าจอไม่พักเลยตลอด 1 สัปดาห์อาจจะเท่า

การเจอBLUELIGHTเวลาตากแดด 1 นาที

แต่ถ้าเราไม่สบายใจจริงๆ ยังกังวล

ลองหาที่กรองแสงกลุ่ม BLUELIGHT

หรือ เปิด NIGHT MODE กรองแสงช่วยได้ และ

 

สำหรับคนที่มีฝ้าอยู่แล้วอาจละ

การใช้โทรศัพท์แนบแก้มเพราะ BLUELIGHT

สัมผัสโดยตรงและมีความอุ่นร้อน อาจทำให้ฝ้าเข้มขึ้น (ศึกษาIPL)

พญ.พักตร์พิไล ทวีสิน

( ส่วนตัวเรื่อง แอบคิดเรื่องความร้อนกับแสวสีฟ้าเพราะที่บ้าน

มีของเล่นพวก LED สีฟ้า + ความร้อนโดยตรง

ไว้ใช้ช่วงเป็นสิวแต่สรุปคือสิวดีขึ้นแต่เป็นรอยดำไวขึ้น

อยู่นานขึ้น จากประสบการณ์ส่วนตัวก็คิดว่าเกี่ยวมาก

PM 2.5 มีสิทธิ์ทำให้เกิดการกระตุ้นการสร้างเม็ดสีได้ และ ริ้วรอยเกิดขึ้นได้

 

ยาคุม กับ ฝ้า

ถ้าเราทานอาจมีโอกาสที่ทำให้เม็ดสีที่เพิ่มขึ้น เพราะมีฮอร์โมนสำคัญ

คือ เอสโตรเจน กับ โปรเจสเตอโลน

ถ้าเราหลีกเลี่ยง เอสโตรเจนในปริมาณสูงได้ คือ ทานปริมาณต่ำ

อาจจะช่วยลดโอกาสการเกิดฝ้าได้

หมอสูติแนะนำ YAZ YAZMIN หรือ จะเป็นยาคุมชนิดที่มีโปรเจนตินเท่านั้นก็เวิค

ลองเลือกดู ยังไงให้ดีสังเกตการเปลี่ยนแปลงใบหน้าที่กระจกสม่ำเสมอ

อีกประเภทอาจใช้แบบห่วงสอดที่มีแต่โปรเจสเตอโลนอย่างเดียวได้

 

คนท้อง กับ ฝ้า

คนท้องบางคนมีโอกาสเกิดฝ้า ต้องหมั่นทากันแดด

ยังไงรอคลอดก่อนมารักษายังทัน

ให้อดทน รอจาง ถึงแม้ว่าอาจใช้เวลานานเป็นปี

เพราะตอนท้องมีฝ้า ตอนคลอดบางทีหายเอง

ส่วนยาทาอาจจะใช้ยา Azelaic Acid พอได้

หรือ กลุ่มเวชสำอาง

 

ส่วนผู้ชายท่านไหนทานยาที่ช่วยเรื่องฮอร์โมนเพศหญิง

จะมีความเสี่ยงการเกิดฝ้ามากกว่าเพศชายที่ไม่ได้ทาน

 

สรุปจาก #CLUBHOUSE #CLUBHOUSETH

ห้องใครไม่แคร์ SKIN CARES ตอน ห้องปลดทุกข์ของคนเป็นฝ้า

SPEAKER

ศาสตราจารย์นายแพทย์วรพงษ์ มนัสเกียรติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านตจวิทยา หรือ ว่าผิวผิวหนัง รวมถึงเป็นอาจารย์แพทย์ และ นักวิจัย จากรพ ศิริราช

ว่าที่ศาสตราจารย์แพทย์หญิงรังสิมา วณิชภักดีเดชา วณิชภักดีเดชา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนัง อาจารย์แพทย์ และ นักวิจัย  จากรพ ศิริราช

รองศาสตราจารย์นายแพทย์ วาสนภ วชิรมน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนัง ภาควิชาอายุรศาสตร์เป็นผู้ที่เขียนตำราเรื่องฝ้า เล่มแรกและเดียวในไทยซึ่งกำลังจะออกจำหน่าย

Posted in REVIEW, SURGERYComments (0)

น้องสาวเอิ๊กถูกทำร้ายเย็บ2รอบที่ใบหน้าเกือบ 100 เข็ม เสียโฉมไปตลอดชีวิต ! จากดีเจอ้อนน้อยเน็ตไอดอลทอม ตั้งใจทุบแก้วเข้าใบหน้าเต็มแรง

น้องสาวเอิ๊กถูกทำร้ายเย็บ2รอบที่ใบหน้าเกือบ 100 เข็ม
เสียโฉมไปตลอดชีวิต

จากดีเจอ้อนน้อยเน็ตไอดอลทอมแห่งยุค
ตั้งใจทุบแก้วเข้าใบหน้าเต็มแรง

 เรียงเหตุการณ์
1. https://goo.gl/2HPafu
2. https://goo.gl/VFbjGH
3. https://goo.gl/yeZ7pX
4. https://goo.gl/gxxbUF
5. https://goo.gl/oezj5E
6. https://goo.gl/xa8hF3
7. https://goo.gl/2kmakG
8. https://goo.gl/gfRJSJ
9. https://goo.gl/NE36gp
10. https://goo.gl/D1q2TQ
11. https://goo.gl/VJu1R1

เพจรวมเหตุการณ์ https://goo.gl/iUk9Tk

 

 

[ ภาพน้องสาวเอิ๊กที่พยายามพยุงร่างมาโรงพยาบาลเพียงคนเดียว ]

มีผู้เกี่ยวข้องขู่อีกสองคน ขู่ทำร้าย และ หาเรื่องก่อนลงมือ
ไม่มีคำว่าขอโทษใดๆ

ฝากแค่คนมาบอกวันเกิดเรื่อง

“ มีเงินพอ อยากได้เท่าไหร่ก็เรียกมา “

“ ครอบครัวเอาจริง ถ้าตีตีเลย“

“ อยากให้ไปโรงพักบอกพร้อมสารภาพ “

แต่ไม่เคยติดต่อมาด้วยทั้งที่รู้จะกัน”

 

 

เอิ๊กอดทนมาตลอด 6 วันด้วยความทุกข์ทรมาน
จนวันนี้เมื่อรู้ว่ากฎหมายมีระยะเวลารอคอยที่ยาวนานของมัน มีช่องว่างมากมาย
ไม่อาจทนได้อีกต่อไปกับสิ่งที่น้องสาวเราต้องถูกกระทำ
พี่สาวคนนึงขอออกมาทำเพื่อน้องสาวที่ตัวเองรักดังดวงใจ
และ สู้อย่างถึงที่สุดให้ทุกคนได้รู้ว่า
คนที่บอกว่าตัวเองมีอิทธิพลใช้กำลังรุนแรงจนเกิดอันตราย
กับคนที่เรารักแล้วออกไปมีความสุขมันใช่สิ่งที่สังคมที่ควรจะเป็นใช่หรือเปล่า ?!
เขาปะปนกับผู้คนโดยไม่มีใครรู้ ว่าวันก่อนเขาได้ทำร้ายใครซักคนมา
และ อาจจะเกิดขึ้นต่อๆไปกับคนที่คุณรักอีกคนรึเปล่า !

 

 

 

วันที่ 23 กค. วันอาทิตย์
เอิ๊กทำงานที่บ้านเสร็จตอนตี 4 น้องโทรมาด้วยเสียงเครือบอกว่าโดนตีหัว

ได้ยินตอนแรกเย็บ 19 เข็ม !!!! เราตกใจมาก

เกิดอะไร รีบขับรถออกไป แล้วโทรถามอีกทีเรื่องเกิดที่ไหน
เกิดข้างสถานที่เที่ยวแห่งหนึ่งที่เป็นเวลาปิดแล้ว
กำลังจะกลับบ้าน ได้ยินแบบนั้น เราว่าน้องก่อนอันดับแรกเลย
บอกแล้วใช่ไหม เนี่ยเป็นความผิดของเราส่วนหนึ่ง
ออกไปเที่ยวไหนกลางคืนมันอาจจะสุ่มเสี่ยงได้ตลอด บอกตลอดทำไมไม่เชื่อ
น้องบอกมี2คนมาหาเรื่อง แล้วอยู่ๆก็ตีมา กำลังจะกลับบ้าน ไม่ได้ทำอะไรผิด สาบานได้
เดี๋ยวรีบไป ขอให้ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว แผลที่หัวเดี๋ยวรักษากันได้
ก็พยายามคิดดีๆตอนขับรถไป

 

พอเห็นหน้าจริง น้องถูกเย็บแผล และ มีผ้าก๊อตปิดเต็มหน้าด้านบนทั้งหมด
ตาช้ำม่วงจะปิด 1 ข้างมีห้อเลือดที่เปลือกตา
ช็อคมาก ! จนบอกความจริง ว่าโดนแก้วตีหน้ามา เย็บทั้งหมด 49 เข็ม !!!
หัวใจคนเป็นพี่สาวแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ
ในหัวตอนนั้นรู้สึกได้เลยว่าใจมันรู้สึกเจ็บมากๆ หัวใจสั่น ตัวสั่นเหมือนจะทะลุออกมา
พยายามตั้งสติอยากทำอะไรต่อมิอะไรเต็มไปหมด
รู้สึกเจ็บมากที่ช่วยน้องไม่ได้ ไม่มีโอกาสได้ปกป้องน้องตรงนั้น
รู้เลยเวลาหัวใจคนที่มันแหลกสลายเป็นยังไง
คนที่เห็นคนที่ตัวเองรักเจ็บปวดจนเราอยากเจ็บแทนมันเป็นยังไง
เราทำงานด้านนี้ เรารู้ว่า นอกจากความสาหัสที่เขาเจอ
เขาจะต้องอยู่แบบตายทั้งเป็นกับแผลเป็นบนหน้าไปตลอดชีวิต
ถึงแม้ศัลยกรรมแผลก็ไม่มีวันทำให้ผิวหนังบนหน้ากลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม
มันลึก มันฉีก หลายจุด ในขณะนั้นยังไม่เห็นแผลที่เย็บ

 

พยายามคิดบวก ซึ่งมันโคตรยาก ยอมรับเลย
อย่างน้อยเขายังรอดชีวิตกลับมา เรายังมีโอกาสเห็นเขา
อย่างน้อยเขาหลับตาทัน เขาจึงไม่ต้องลูกกระตาแตกเหมือนที่หมอบอก
อย่างน้อยอวัยวะยังครบทุกชิ้น
เอิ๊กตั้งสติได้ เอิ๊กก็รีบไปโรงพัก คุณตำรวจดีปลอบใจให้ใจเย็นๆ
เขียนคำร้อง ลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน ไม่ต้องรีบถ้าเรารู้ตัวคน
รักษาจิตใจน้อง รักษาตัวน้องก่อนให้หาย ห่วงน้องก่อน
ยังไงต้องรอน้องเป็นคนเจ็บหายแล้วมาแจ้งความเองจะรับเข้าคดี
จึงรีบกลับมาดูน้อง ไม่กล้าย้ายห้องน้องไปห้องเดี่ยว น้องถูกขู่มา
กลัวถูกทำร้ายเวลาที่ละสายตา บ้านเราเป็นคนธรรมดา
ไม่รู้จักผู้มีอิทธิพล เราและน้องไม่เคยมีเรื่องกับใคร

 

 

ผู้เกี่ยวข้องอีกฝ่ายมีหลายคน
หนึ่งคนข่มขู่ตลอดเวลา
หนึ่งคนเดินมาหาเรื่อง
แต่คนทุบแก้วเข้าที่หน้าก็คือดีเจอ้อนน้อยเพียงคนเดียว ..

 

[ 2 คนนี้รู้จักกันมานานแล้ว ]

สอบถามน้องสาว และ พยานเอกที่อยู่ในเหตุการณ์
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซอกข้างๆสถานบันเทิงแห่งนึงย่านทาวน์อินทาวน์ซึ่งอยู่ในเวลาปิดร้านแล้ว
ขณะที่น้องกำลังจะกลับบ้าน นั่งรอเพื่อนๆของตัวเอง กับ น้องผู้หญิงคนนึงข้างๆร้าน
ก็มีผู้หญิงคนนึงเป็นเพื่อนสนิทกับดีเจอ้อนน้อยเดินมาคู่กัน
(ตอนนี้ทราบชื่อผู้เกี่ยวข้องครบทุกคนแล้ว)

เดินมาหาโดยตั้งใจ คนที่เอ่ยทักทายก่อนคือผู้หญิงคนนึงที่เป็นเพื่อนสนิทกับดีเจอ้อนน้อย
ทั้งที่ไม่รู้จักกับน้องสาวมาก่อน โดยดีเจอ้อนน้อยยืนอยู่ข้างๆ

ผู้หญิงคนนี้เดินเข้ามาลูบหน้าทักทายน้องสาว ทำนองว่า “เราเคยรู้จักกันมาก่อนไหม ?”
แล้วน้องสาวเลยตอบไปว่า “รู้จัก  ถามพี่อ้อนดูสิ พร้อมมองไปที่ดีเจอ้อนน้อย”
ดีเจอ้อนน้อยตอบว่า “ ไม่รู้จัก “
แล้วผู้หญิงคนนี้ก็ถามซ้ำน้องสาวซ้ำอีกว่า “เราเคยรู้จักกันมาก่อนไหม ?”
น้องสาวเลยตอบไปอีกทีว่า “รู้จัก  ถามพี่อ้อนดูสิ ”
ดีเจอ้อนน้อยตอบอีกครั้งว่า “ ไม่รู้จัก !! “
ผู้หญิงคนนี้ก็ถามอีกครั้งว่า “ เราเคยรู้จักกันไหม ? “
น้องสาวจึงตอบรอบที่สามอีกครั้งว่า “รู้จัก “
ในขณะนั้นดีเจอ้อนน้อยซึ่งสูง 170 ซม ก็เอาแก้วที่ถือในมือข้างขวาที่ถนัด
ตั้งใจทุบเข้ามาที่จุดศูนย์กลางบนใบหน้าหน้าน้องสาวอย่างเต็มแรง
ในขณะที่น้องกำลังนั่งอยู่ต่ำกว่า
จนแก้วแตกคาหน้าเลือดค่อยๆไหลอาบตั้งแต่หัวจรดเท้า
และ แก้วก็ได้บาดมือดีเจอ้อนน้อยเช่นกัน

 

น้องสาว กำลังงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนเห็นเลือด และ เพื่อนที่เห็นเหตุการณ์จึง
รีบให้คนพยุงขึ้นแท็กซี่ไป แล้วน้องสาวก็ได้รถนั่งรถไปโรงพยายาลทันที

 

พยานคนที่สอง เห็นดีเจอ้อนน้อย เดินกลับเข้าไปในสถานที่เที่ยวแห่งนั้น
มีเลือดหยดอยู่ในมือ และ อีกคนโวยวายตกใจ

บอกว่าบอกแล้วอย่าตีให้โดนตรงกลาง
ให้ตีแฉลบๆ แล้วก็มีคนถามว่าเกิดอะไรขึ้น จึงได้ยินดีเจคนนี้พูดออกมาจากปากว่า
ตีน้องสาวของเอิ๊ก แล้วเขาก็คุยกับกลุ่มของเขาหัวเราะกัน
ภายในกลุ่มก็มีคนนึงบอกอย่าตีตรงกลาง ให้ตีเฉียงๆ
ครอบครัวคนจริง ตีตีเลย ซึ่งก่อนหน้ามีขู่มารอบนึงแล้ว ว่าระวังมีเรื่อง
ซึ่งน้องสาวเอิ๊กคิดว่าพูดเล่นหยอกเล่นๆ

 

ในขณะเดียวกัน เมื่อเพื่อนที่เหลือที่รออยู่พอทราบจึงขับรถตามมา
ถึงโรงพยาบาลจึงรู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ ดวงตา ดั้งจมูก กระดูกโหนกแก้ม แก้ม หน้าผาก คิ้ว
มีแผลลึก ฉีกขาดหลายส่วน

เศษแก้วละเอียดฝังอยู่บนใบหน้าหลายจุด
กระจกแก้วตาข้างซ้ายถลอกเป็นแผลขนาดใหญ่ “
ทำให้ตามัว มองไม่ชัด น้ำตาไหลข้างเดียวตลอดเวลา
คุณหมอบอกโชคดีมากที่หลับตา เพราะไม่อย่างนั้นลูกกระตาแตกแน่นอน

ส่งผลต่อการถาเห็นแบบถาวรได้
ทำให้มีแผลเย็บทั้งหน้าส่วนบนบริเวณ 49 เข็ม

 

แต่สิ่งที่ได้รู้ อีกฝ่ายทั้งที่รู้จักกันมานาน ฝากแค่คนมาบอกว่า

“ มีเงินพอ อยากได้เท่าไหร่ก็เรียกมา “

“ อยากให้ไปโรงพักบอกพร้อมสารภาพ “

ซึ่งเราไม่เข้าใจ ทำไมเขาถึงจะรับสารภาพได้ง่ายๆขนาดนี้


[ จนได้ยินพยานคนนึงเล่าว่าพวกเขาทำแบบนี้
มาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่มีใครกล้าเอาเรื่อง
ไม่รู้มีอีกมากแค่ไหนที่เขาโดนแล้วไม่ได้สู้ ]

ตำรวจแนะนำใจเย็น รอน้องหายเราจะเรียกเขามาสอบ เพราะเรารู้ตัว
คนหาไม่ยากประวัติในออนไลน์ก็มี

หลายวันที่ต้องทนเงียบแล้วตั้งใจรวบรวมข้อมูลหลักฐาน
รอเวลาที่น้องหายแล้วจะพาน้องไปแจ้งความ
ทรมานมากตั้งสติตลอดพยายามอย่างมากลากตัวเองไปทำชีวิตให้ดี
อย่าให้มันพังทั้งครอบครัว เราและน้องมีครอบครัวหลายคนต้องดูแล
เราล้มไม่ได้ ใจนึก อยากทำแบบเดียวกันให้รู้สึก แต่เราทำไม่ได้
ใจของเรารู้ว่า

“ทุกคนมีคนที่เขารักรอเขาอยู่ที่บ้าน และ มันจะเจ็บหัวใจเขามากแค่ไหน
ถ้าเขาต้องรู้ว่าคนที่เขารักถูกทำร้ายให้เสียใจ เจ็บตัว เสียโฉม หรือ แม้แต่เสียชีวิต”

ในขณะที่ครอบครัวของเรา
ทุกคนเสียใจมาก ทุกข์ และ เศร้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นทุกวินาที
อีกฝ่ายใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุกๆวัน
กลุ่มคนๆกลุ่มนึง ที่ทำตัวเหมือนคนอื่นไม่ได้เป็นคน
และ ใช้อิทธิพลทางชื่อเสียงที่มีมากกว่า มีพวกมากกว่า มีกำลังมากกว่า
กดคนอื่นทั้งคำพูด การกระทำให้เหมือนเป็นแค่ชิ้นเนื้อที่ไม่มีชีวิต
และ การใช้ความรุนแรงให้ผู้อื่นได้รับอันตรายจนเสียหายต่อสภาพร่างกาย
จิตใจที่เขาถือเป็นเรื่องปกติ

 

เราพยายามทำใจอยู่จนวันที่ขอให้พยาบาลเปิดแผลให้ดู วันที่ 3
ทุกจุดบนหน้าเป็นการ “เย็บแบบตะขาบทุกจุด”
นาทีนั้น เหมือนหัวใจถูกหยิบมาขยี้ซ้ำด้วยเท้าคนทำอีกครั้ง

เอิ๊กรีบติดต่อคุณหมอผู้มีพระคุณที่รู้จัก

คุณหมอบอกว่าการเย็บแผล ไม่ใช่จากศัลยแพทย์
อาจทำให้คนไข้ มีแผลลักษณะ suture marks แผลเป็นตะขาบขนาดใหญ่บนใบหน้า
ควรแก้ไขภายใน 3-5 วันก่อนมันจะแก้ยากเป็นตะขาบหนาหนักกว่านี้
( เนื่องจากเข้ารพ. ตอนเวลาฉุกเฉิน
จึงไม่ได้พบศัลยแพทย์ให้เย็บตั้งแต่แรกโดยตรง
เข้าใจแพทย์ที่เย็บ ก็ทำอย่างดีที่สุดในตอนนั้น )
น้องเอิ๊กเป็นคีลอยด์ง่าย มันต้องเป็นฝันร้ายมากกว่าเดิมแน่นอน
จึงขอร้องหมอโปรดช่วยน้องหนูด้วย น้องหนูไม่ได้ทำอะไรผิด
คุณหมอกรุณามาก จึงได้ทำนัดอย่างเร่งด่วนเพื่อเปลี่ยนโรงพยาบาล
เข้ารับการผ่าตัดแต่งแผล รื้อ และ เย็บใหม่ซ้ำอีกครั้ง
และสุดท้ายพอเราได้คุยกับคนที่ทราบกฎหมายเชี่ยวชาญเรื่องนี้
เราก็พอจะได้เห็นโอกาสในการผ่อนปรน
ถึงแม้ว่าโทษมีสิทธิได้รับจริง แต่การผ่อนผันที่ต้องเกิดขึ้น
อาจทำให้คนที่ทำผิดขนาดนี้ไม่ได้รับโทษอย่างที่ควรจะเป็น
เราถึงเข้าใจในข้อความแรกที่เค้าฝากคนมาบอกน้องเรา ตำรวจเรียกก็ให้เรียกมา

 

วินาทีนั้น ทำให้เรารู้ว่า เราตัน เราไม่มีที่ไปเลย ..
มาอยู่จุดนี้ถึงเข้าใจคนไทยหลายคนที่ต้องรับสภาพในการที่คนในครอบครัวที่ไม่ได้ทำอะไรผิด
แต่มีการบาดเจ็บ บาดเจ็บสาหัสหรือแม้แต่การสูญเสียคนในครอบครัวอย่างปัจจุบันทันด่วน
หลายกรณีที่เรียกร้องกันยาวนานหลายปี และ หลายคนก็ยังเรียกร้องอะไรไม่ได้เลย ..

คุณหมอได้ให้ข้อคิด คุณทำยังไงก็ได้ให้แผลคุณออกมาดีที่สุดดีกว่า
ตอนนั้นฉุกคิดได้อย่างเดียว โฟกัสในสิ่งที่เรามี พยายามเยียวยาจิตใจน้อง
และบรรเทาแผลให้ดีที่สุดเท่าที่พี่สาวคนนึงจะหาทางให้เขาได้

ผลการผ่าตัดแผล รื้อและเย็บใหม่ ครั้งที่2
อีกเกินกว่า 50 เข็ม รวมแล้วเหยียบ 100 เข็ม
ผลการผ่าตัดอาจาร์ยหมอบอกว่า
“ ยังมีเศษแก้วจำนวนนึงอยู่ในหน้า กล้ามเนื้อใบหน้าบางส่วนฉีกขาดยังไม่ได้เย็บซ่อมแซม
และบาดแผลตรงบริเวณจมูกลึกถึงซิลิโคนจมูก
และกระดูกจมูกและกระดูกขอบเบ้าตาส่วนบนบางส่วน มีเนื้อเยื่อตายบางส่วน
โชคดีของเราที่พาน้องมาพบอาจารย์ศัลยกรรม จากโรงเรียนแพทย์แห่งหนึ่งทัน
ซึ่งเราเลือกศัลยแพทย์เฉพาะทางสาขาศัลยศาสตร์ตกแต่งโดยเฉพาะ
หมอได้บอกว่า คนไข้ลักษณะนี้ ที่บาดแผลฉีกขาดจากอุบัติเหตุ
มีโอกาสที่เนื้อเยื่อช้ำ บาดเจ็บถึงเส้นเลือดเส้นประสาท
กระดูก และ บ่อยครั้งมีสิ่งแปลกปลอมยังค้างอยู่ในบาดแผล
และ ยิ่งบาดแผลบริเวณใบหน้า การเย็บซ่อมไม่ควรให้มีความตึง ดึงรั้งและเนื้อเยื่อช้ำ
จึงจำเป็นต้องล้าง เย็บซ่อมทีละชั้น และ อาจต้องตัดตกแต่งแผลด้วย “

สงสารน้องมาก ตั้งแต่วันเกิดเรื่อง ก็ไม่เคยกล้าดูแผลในกระจก
ยังรับไม่ได้ อาย ไม่ให้ใครมาเยี่ยม
“ อย่าให้เขาดูกระจก ขอไม่ดู เขาทำใจไม่ได้ “
ได้แต่ร้องไห้จนตาบวมทุกวัน
จากน้องที่เคยขี้แยง่ายๆ ในทุกครั้งที่พี่ไปเยี่ยมเข้มแข็งต่อหน้าพี่มาก
จนได้รู้จากครอบครัวว่าร้องไห้หนักมากตลอดเวลาที่เอิ๊กไปทำหน้าที่ตัวเองอยู่

 

 

พอรู้ว่ามีแก้ว ยังอยู่หลายจุด แผลเย็บไม่สนิท เนื้อเยื้อตายหลายส่วน
ตอนนั้นรู้ทันทีเลยว่า
เราจะออกมาปกป้องน้องในแบบวิธีของเราให้เต็มที่ที่สุด
เดิมพันทั้งใจและทุกอย่างในชีวิตที่เรามี
คนไม่ได้ผิด ทำไมต้องอาย กลัว และหนีไปตลอดชีวิต !

 

 

เราขอร้องน้อง เราอยากถามหาความยุติธรรม ในเมื่อฝ่ายเราไม่ได้หาเรื่องใครก่อน
และ อยากโพสเตือนทุกคน ต้องบอกทุกคนที่เรารู้จักให้รู้
ให้เป็นอุทาหรณ์ เป็นการอุทิศตนในกรณีตัวอย่างที่เราต้องเจอ
น้องสาวบอกไม่เป็นไร ให้ตัวเขาเป็น ไม่ใช่คนในครอบครัวเป็น เขาโอเค
เขาไม่อยากให้ครอบครัวเราต้องเดือดร้อน และ เขากลัว (ขู่มาทำร้าย)
เขาอายหน้าจากเพื่อนทุกคน
คนเราถ้าจนตรอกมีอยู่ 2 ทาง ไม่สู้ก็ตาย (ทั้งเป็น)
ให้พี่ได้ทำหน้าที่นี้ ไม่งั้นพี่จะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต ..

 

 

วันที่ 5 เอิ๊กเพิ่งกล้าดูรูป ดูคลิปคนที่ทำร้ายน้องเอิ๊ก ว่าเขาต้องเป็นยังไงเหรอ
ใจเขาต้องเป็นแบบไหน เขาถึงมอบความรุนแรงฝังใจให้ครอบครัวนึงได้ถึงเพียงนี้
จากหนึ่งคลิปสัมภาษณ์ดีเจอ้อนน้อยเนตไอดอลพศ.นี้ ..

 

คุณอายุ 38 ปี เป็นโปรดิวซ์เซอร์รายการ เป็นดีเจ

เป็นเนตไอดอลมีแฟนคลับมากมาย
น้องเรา 26 ต่างกัน 12 ปี โนเนมไม่มีใครรู้จัก พนักงานธรรมดา

ไม่มีอิทธิพลลูกคนธรรมดามันไม่มีวิธีการที่ดีกว่านี้เหรอ ?

 

คุณชอบการเป็นดีเจ เพราะชอบพบปะผู้คนมากมาย
น้องเราก็ชอบ แต่จากนี้ เขาอาจจะไม่กล้าใช้ชีวิตแบบเดิม
คุณไม่คิดถึงใจคนอื่นบ้างเลยเหรอ

ว่าคนๆนึงถ้าไม่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก
เขาก็ไม่ได้ต่างจากตายทั้งเป็น ?

 

คุณบอกคุณไม่ดื่มแอลกอฮอล์เวลาเป็นดีเจ
แสดงว่าคุณมีสติครบ 100% ที่จะตั้งใจทำถูกไหม ?

 

คนบอกว่าคนรักคุณเยอะขนาดนี้ แฟนคลับเยอะ
น้องสาวเราเป็นคนโนเนมธรรมดา หน้าตาธรรมดา ไม่มีแฟนคลับ
คนที่มีคนรักเยอะขนาดนี้แบบคุณ
ต้องเลือกทางเดินแบบนี้ทุกคนเหรอ ?

 

ครอบครัวคุณเป็นครอบครัวอบอุ่น มีความรักทุกอณูชีวิต
แต่คุณทำแบบนี้กับคนในครอบครัวคนอื่น คุณคิดไหม
เขาและคนในครอบครัวเขาจะเป็นยังไงต่อจากนี้ ?

 

คุณบอกว่าครอบครัวคุณรู้ว่าคุณเป็นคนรักดี รู้ว่าสิ่งไหนดี สิ่งไหนไม่ดี
ถ้าเป็นทอมแล้ว ก็ต้องเป็นทอมที่ดี
อันนี้ใช่ตัวอย่างการเป็นทอมที่ดีจริงๆในโลกนี้จริงๆใช่ไหม ?

 

คุณบอกทุกคนเห็นคุณเป็นตัวอย่างที่ดี สุภาพ ไม่เคยทำใครก่อน
นี่คือสิ่งที่พิสูจน์ความสุภาพของคุณ ?

 

คุณให้ค่ากับสิ่งที่มีค่าในตัวคุณเองอย่างรูปลักษณ์มาก
เหตุผลคุณคือคู่แข่งเยอะ คุณรักตัวเองเป็น คุณรักหน้าคุณ
เพราะคุณคิดว่ามันมีค่าที่สุดในชีวิต คุณเลยทำลายหน้าคนอื่น
เพราะคุณคิดว่าเขาจะได้เสียคุณค่าไปทั้งชีวิต ?

 

คุณเป็นนักกีฬาบาสที่เก่งมากจนได้เรียนฟรี
แรงมือคุณเยอะมาก คุณจึงเลือกใช้วิธีนี้แค่เปลี่ยนเป็นแก้วของแข็ง
ทุบกระแทกเข้าศูนย์กลางใบหน้าคนอื่น ทั้งที่รู้ว่ามันคือระบบการมองเห็น
ระบบการหายใจ และ ระบบสมองส่วนหน้า
เพื่อหวังให้เกิดอันตรายโดยตรงเลยใช่ไหม ?

 

คุณเป็นคนสำคัญในการทำงานของคุณหลายตำแหน่ง
ครีเอทีฟ ข้อมูล โปรดิวซ์ ดีเจ แล้วคุณไม่คิดบ้างเหรอ
น้องเราก็เป็นพนักงานหนึ่งคนที่มีความสำคัญในงานเค้าเช่นกัน
ในขณะที่คุณทำงานมีเงินไหลเข้าออกตลอด
น้องเราต้องรักษาตัว ไม่มีเงิน

จะให้พ่อแม่เพื่อแสดงความกตัญญูอย่างที่ตั้งใจ
คุณจะเข้าใจความรู้สึกนี้บ้างไหม ?

 

 

วันที่ 23 กค. วันที่เกิดเหตุ

น้องเอิ๊กเข้ารับการผ่าตัดเย็บแผล 49 เข็ม

 


 

ในขณะเดียวกัน

ชุดก่อเหตุ

ชุดก่อเหตุ

 

 

 

วันที่ 24 ก.ค

น้องเราเช็คแผล และ กระจกตาว่าเป็นอะไรรึเปล่า

ตาบวมช้ำเขียวน้ำตาไหลตลอดเวลา

ในขณะเดียวกัน

 

วันที่ 25 กค.

น้องเราร้องไห้ทั้งวัน ปวดกระดูกแก้มด้านหน้า หมอส่งเอ็กซ์เรย์เพิ่มเพราะกลัว

กระดูกร้าวต้องผ่าตัดกระดูก โชคดีมากไม่เป็นไรเพิ่ม

ในขณะเดียวกัน

 

วันที่ 26 กค.

ผ่าตัด รื้อ เย็บแผลใหม่หมด โดนเย็บไปเพิ่มกว่า 50 เข็ม

เศษแก้วยังฝังอยู่หลายจุด เนื้อเยื่อตายหลายจุด

แผลยังไม่ถูกเย็บทุกชั้นผิวหนัง

แผลมีความลึก และ ฉีก อาจทำให้ต้องถอดซิลิโคนได้

รอดูอาการอย่างใกล้ชิด

ในขณะเดียวกัน ..

 

วันที่ 27 กค.

น้องเรารักษาตัว ปวดแผลลจากการผ่าตัดเมื่อวาน

ระบมทรมานช่วงบนทั้งหน้า หมอให้เฝ้าระวัง อาจมีสิทธิ์ติดเชื้อที่แผลและ

ถอดซิลิโคนได้

ในขณะเดียวกัน

 

และ วันนี้ 28 กค.

เรากำลังทำบางอย่างเพื่อสร้างกำลังใจให้น้องลุกขึ้นเพื่อบอกเค้าว่า

 พี่จะดูแลปกป้องน้องเอง

ในขณะเดียวกัน

 

 

“ คุณบอกคุณอยากปกป้องพี่สาวคุณ

ถ้าคุณเจอเหตุการณ์แบบเดียวกัน

คุณอยากให้คนทำรับผิดชอบยังไง ? “

 

สังคมจะเป็นแบบไหน ถ้าวันนึงคุณทำแบบนี้กับใครก็ได้
แล้วคุณก็เดินออกไปมีชีวิตที่ปกติสุขเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

คุณไม่ได้แค่ทำร้ายแค่ร่างกายเขา หน้าเขา ทำลายชีวิตเขา
แต่คุณทำลายชีวิตทุกคนในครอบครัว และ คนที่รักเขาทั้งหมด

 

ERK-ERK
28/07/17

03/06/18 
– เหตุการณ์ใกล้ครบ 1 ปี ตอนนี้เรื่องราวยังคงอยู่ในกระบวนการยุติธรรมนะคะ 
ไม่แน่ใจสาเหตุในความล่าช้าค่ะ ทางเราเห็นใจทุกฝ่าย ก็ทำหน้าที่ประชาชน
ตามเท่าที่ตามได้ค่ะ
– สำหรับคู่กรณีไม่เคยมีการติดต่อมาเพื่อไกล่เกลี่ย เยียวยาช่วยเหลือ

หรือ กล่าวขอโทษใด นับตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ และ วันนัดไกล่เกลี่ยทางศาล ทางเราไปตามนัด

แต่ทางคู่กรณีไม่ได้มาค่ะ จึงเรียนมาเพื่อทราบ
– สำหรับแผลอยู่ในการดูแลของศาสตราจารย์ วงพงษ์ มนัสเกียรติ

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนัง ได้วินิจฉัยเบื้องต้นว่า

แผลใดที่เกิดขึ้นแล้วไม่มีทางทำให้หายเป็นปกติได้ 100%

แต่ทางคุณหมอจะรักษาอย่างเต็มที่ที่สุด

ต้องกราบขอบพระคุณคุณหมอผู้มีพระคุณมา ณ ที่นี่ด้วยค่ะ

ขอบพระคุณทุกคนสำหรับความห่วงใยนะคะ
ขอให้ทุกคนดูแลตัวเอง และ คนที่ตัวเองรักอยู่ในความไม่ประมาทนะคะ
ทุกชีวิตมีค่า เราควรดูแลรักษาและถนอมไว้ให้ดีที่สุดค่ะ

 

Posted in SURGERYComments (0)

การศัลยกรรมหน้าอก และ มะเร็งเต้านม

ศัลยกรรมหน้าอก

Posted in SURGERYComments (0)

Protected: UNCENSORED !! ศัลยกรรมจุดซ่อนเร้นผู้หญิงเป็นอย่างไร ? ว่ากันด้วยเรื่อง REPAIR ของ STMSTYLE

This content is password protected. To view it please enter your password below:

Posted in SURGERYEnter your password to view comments.

ศัลยกรรมจุดซ่อนเร้นผู้หญิงเป็นอย่างไร ? ว่ากันด้วยเรื่อง REPAIR ของ STMSTYLE

คำเตือน เนื่องจากเนื้อหาอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการตัดสินใจกระทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของร่างกายได้ (ศัลยกรรม) ขอแสดงความรับผิดชอบในเนื้อหาด้วยการบังคับให้ทุกคนอ่านคำเตือนก่อนทุกครั้ง การทำศัลยกรรมที่เป็นการผ่าตัดทุกชนิด จะเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นบริเวณเนื้อเยื่อในร่างกาย เกิดบาดแผลเมื่อผ่าตัด เมื่อตัดสินใจแล้วผลของแผลทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็นจะคงอยู่ตลอดไป ไม่สามารถเรียกเนื้อเยื่อเก่าให้กลับมา หรือ ลบเลือนแผลเป็นที่เกิดขึ้นใต้ผิวหนัง (พังผืด) บนผิวหนัง (แผลเป็น) ให้หายไปหมดได้ การผ่าตัดยิ่งใหญ่มากเท่าไหร่ โอกาสมีแผลบนผิวหนังแน่นอน 100% การศัลยกรรมทุกชนิด เป็นเรื่องที่ต้องดูแล และ สังเกตุความเปลี่ยนแปลงที่ไม่ปกติตลอดชั่วชีวิตเหมือนสุขภาพร่างกายของคนเรา วัสดุบางชิ้นไม่ได้เกิดมาเพื่ออยู่กับเราไปจนตาย อาจต้องมีการเอาออก เอาใส่เข้าไปใหม่ หรือ ถึงช่วงอายุขัยนึง เราอาจจะนำมันออกไปและไม่ใส่เข้าไปใหม่อีกเลย ก่อนตัดสินใจทำอะไรกับชีวิต คุณมีข้อมูลดีพอรึยัง ให้ถามตัวเองอยู่เสมอ

ด้วยความรัก และ ปรารถนาดีอย่างสูง

 erk-erk

เกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก อกต้องฟู รูต้องฟิต 555555555 

เป็นอะไรที่ตื่นเต้นในการเรียนรู้สำหรับหัวข้อบล็อคในวันนี้มาก

ได้แต่ร้อง OMG OMG OMG มันมีแบบนี้ด้วยเหรอ

เอิ๊กไม่รู้ว่าโชคดีรึเปล่า ที่ได้เข้ามาในวงการนี้ มีทุกอย่างที่ไม่ต้องรอชาติหน้า

ก็แก้ไขได้จริงๆ อย่างที่บอกค่ะ ศัลยกรรมทุกชนิด ไม่เคยสนับสนุนให้ทำ

หาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจทั้งก่อนและหลังทำค่ะ

จั๋วหัวข้อแรงขนาดนี้ ผู้หญิงทุกคนต้องมาอ่านแน่นอน ไม่ใช่อ่านเพราะอยากทำ

แต่คงเพราะอยากรู้ และ แน่นอนภาคนี้เรามีแบบใส่รหัสด้วย สำหรับ VERSION

UNCENSORED !!

REPAIR ตามที่สาวไทยเข้าใจ และเอิ๊กเข้าใจ แน่นอนทำให้รูฟิตขึ้น สำหรับผู้ที่ผ่านการมีบุตร

หรือช่องคลอดอาจจะไม่กระชับเท่าที่ควร ออกกำลังกายขมิบแล้วก็ไม่ดีขึ้น

เอิ๊กบอกได้เลยบทนี้เอิ๊กได้กลับมาอ่านอีกแน่นอนหากวันใดคิดจะมีลูก

และ เลือกคลอดโดยวิธีธรรมชาติ ว่าแต่กระชับไปทำไม ป้องกันลมมันเย็นมั๊งฮะ ~ 555

เอาละ พามาทัวร์ และ มาเล่าให้ฟังละกัน ไม่ได้มาทำ ยังไม่พร้อม 555

มาถึงด้านหน้า ลูกค้า STMSTYLE ก็วางใจได้คับ ที่นี่ต้อนรับอย่างดี

ศูนย์เลเซอร์ที่นี่ชื่อว่า

” RIZ LASER CENTER “

NEW PARADIGM OF BEAUTY

อนาคตอันสดใสของผู้หญิงที่กลับมาเป็นสาวอีกครั้ง

ที่นี่เป็นที่แรกที่ก่อตั้งเกี่ยวกับการศัลยกรรมจุดซ่อนเร้นของผู้หญิงอย่าง

ครบวงจรในภูมิภาคเอเชีย ตั้งแต่ปี 2001 มาตรฐานระดับ WORLD CLASS

ปัจจุบัน 13 ปีแล้ว ดังนั้นราคาไม่ต้องพูดถึง เท่าที่ทราบ

ราคา REPAIR ประมาณ 200,000 บาทไทย

 

ริสเป็นศูนย์เลเซอร์ศัลยกรรมเฉพาะทางผู้หญิงริสที่ได้รับมาตรฐานสูง

โดยใช้เทคนิคสากล และ มีคนไข้มากกว่า 10,000 คน

สำหรับโรงพยาบาลด้านการแพทย์ศัลยกรรมเฉพาะทางผู้หญิง

มีทัวร์ของแต่ละประเทศเข้าเยี่ยมชมอยู่ตลอดเวลาไม่หยุดหย่อน

ก็มีผู้คนมากมายจากต่างประเทศเข้ามาเรียนรู้เทคนิคของ RIZ 

คอนเซ็ปต์ของ RIZ คือ

การเห็นคุณค่าของความสาวที่งดงามของผู้หญิงเรา

และไม่ทำให้มันเลือนหายไป

เข้ามาเป็นอันต้องตะลึงงัน กับ PRESENTATION บนทีวี อ้าปากค้างเบยยย XD

ที่นี่ถือเป็นศูนย์เลเซอร์ระดับ HIGH CLASS และ PRIVACY สุดๆ หากเราได้ทำนัด

แน่นอนวันที่เราเข้ามา เราจะไม่เจอใครเลย เพราะเขาจะจัดห้องแยกลูกค้าแต่ละโซน

เอิ๊กได้รับเกียรติจากคุณหมอศัลยกรรมเฉพาะทางเกี่ยวกับจุดซ่อนเร้นผู้หญิง

ซึ่งชื่อดังติดอันดับทอปของประเทศเกาหลี

ให้สัมภาษณ์ข้อมูลทุกอย่างที่อยากรู้โดยมีล่ามเป็นผู้แปล

คุณหมอ LEE HYEONG KEUN เป็น REPRESENTATIVE DIRECTOR

ศูนย์เลเซอร์ RIZ ให้บริการด้านไหนบ้าง ?

  1. เลเซอร์ฟื้นฟูกระชับช่องคลอด (LVR)
  2. เลเซอร์ฟื้นฟูช่องคลอด(WVR)
  3. เลเซอร์ตกแต่งปากช่องคลอด(DVR)
  4. เลเซอร์ตกแต่งเยื่อพรหมจรรย์(LMH)
  5. การทำเลเซอร์ฟื้นฟูกระชับช่องคลอดควบคู่กับการเลเซอร์ตกแต่งปากช่องคลอด(LVR-DVR)*
  6. การทำเลเซอร์ฟื้นฟูกระชับช่องคลอดหรือ เลเซอร์ตกแต่งปากช่องคลอด ควบคู่กับ การทำเลเซอร์ศัลยกรรมตกแต่งในแบบอื่นๆพร้อมกัน(LVR DLV)
  7. การขยายจุดG- spot
  8. การตกแต่งคลิตอริส CLITORIS 

เลเซอร์ฟื้นฟูกระชับช่องคลอด

  • ท่านที่มีกล้ามเนื้อช่องคลอดเสียหาย ไม่กระชับเต่งตึงเนื่องจากการตั้งครรภ์ คลอดบุตร หรือการแท้งจากการผ่าตัด ?
  • ท่านที่มีช่องคลอดหย่อนคล้อย เนื่องมาจากการมีเพศสัมพันธ์บ่อยๆหรือ มีอายุมากขึ้น ?
  • ท่านที่ไม่เคยรู้สึกถึงจุดสุดยอดในการมีเพศสัมพันธ์เลย ?
  • ท่านที่มีลมออกจากช่องคลอดหรือมีเสียงลมในขณะมีเพศสัมพันธ์ ?
  • ท่านที่ขณะมีเพศสัมพันธ์ ต้องใช้แรงตลอดเพื่อให้กล้ามเนื้อช่องคลอดหดตัวกระชับ ?
  • ท่านที่ขณะมีเพศสัมพันธ์ ไม่สามารถทำให้ฝ่ายชายรู้สึกถึงอารมณ์ทางเพศ จนทำให้รู้สึกว้าเหว่ในที่สุด ?

ศัลยกรรมจุดซ่อนเร้น กำลังเป็นที่นิยมมากไม่ใช่แค่สาวเกาหลี

เมืองไทยก็เช่นกัน ทุกคนคงจะรู้จัก ศัลยกรรมช่องคลอด หรือรีแพร์ กันอยู่แล้ว

 

เลเซอร์ช่องคลอดหรือศัลยกรรมนั้นคล้ายๆกัน หลายท่านก็คงพอจะทราบอยู่เช่นกัน

แต่ว่าทั้งสองประเภทนั้นความจริงต่างกันโดยสิ้นเชิง

เราลองมาดูความแตกต่างระหว่าง การรีแพร์ช่องคลอด และ การเลเซอร์ช่องคลอดกัน

 

 รีแพร์ช่องคลอด คือ

ประเทศไทยหรืออีกหลายๆประเทศต่างเรียก การศัลยกรรมช่องคลอด

ว่า “รีแพร์ช่องคลอด”

ถ้าเครื่องมือผ่าตัดไม่พร้อม ความประณีตในการผ่าตัดจะยิ่งยากมากขึ้น

การศัลยกรรมก็ทำได้แค่เพียงส่วนด้านนอกเท่านั้น

ดังนั้น ขณะมีเพศสัมพันธ์อาจจะไม่ค่อยรู้สึก

และผู้ชายก็ไม่พึงพอใจหรือไม่อยากมีเพศสัมพันธ์ด้วย

 

เลเซอร์กระชับช่องคลอด คือ

เลเซอร์กระชับช่องคลอดจะช่วยปรับเปลี่ยนภายในช่องคลอด

และช่วยให้ช่องคลอดกระชับมากขึ้น ผู้หญิง 1 ใน 2 คน 

เวลามีเพศสัมพันธ์จะไม่ถึงจุดสุดยอด

หรืออาจจะที่มีความรู้สึกเฉยชาขณะมีเพศสัมพันธ์

ไม่เพียงแค่นั้น ขณะไอ หัวเราะ ออกกำลังกาย

หรือขณะมีเพศสัมพันธ์ อาจจะมีอาการปัสสาวะเล็ดออกมาโดยที่เราไม่รู้ตัว

หากผ่าตัดด้วยวิธีการนี้จะช่วยเรื่องอาการดังกล่าวด้วยไม่ว่าจะทำให้

ความสุขทางเพศสัมพันธ์แด่คู่รักที่มากขึ้นทั้งสองฝ่าย อาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่

ปัสสาวะกระปริดกระปรอย อาการไม่มั่นใจหลังคลอดบุตรทำให้ช่องคลอดหลวม

ซึ่งวิธีการนี้จะช่วยแก้ไขทั้งช่องคลอดตั้งแต่ด้านนอก ด้านใน 360 องศา

และปรับสะโพกให้ดูดี รู้สึกกระชับเหมือนกลับไปวัยแรกรุ่นอีกครั้ง

พูดง่ายๆว่าเป็นลักษณะของการรักษาอาการตรงๆ ก็คือ ช่องคลอดหลวม

 

ข้อแตกต่างระหว่าง การรีแพร์ช่องคลอด vs เลเซอร์กระชับช่องคลอด

“ปากช่องคลอด vs ด้านในช่องคลอด” คือจุดแตกต่างที่เด่นชัดมากที่สุด

การรีแพร์นั้น ถ้าต้องใช้มีดผ่าตัดเข้าไปด้านในช่องคลอดนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากมาก

ดังนั้นแพทย์จะใช้วิธีเย็บบริเวณปากช่องคลอดเท่านั้น

แต่การเลเซอร์กระชับช่องคลอดจะมีความละเอียดมากกว่า

การผ่าตัดวิธีนี้เลือดยังออกน้อยลง

และยังสามารถทำบริเวณกล้ามเนื้อด้านในสุดที่ติดกับรังไข่ได้อีกด้วย

 

เลเซอร์ตกแต่งปากช่องคลอด

  • ท่านที่แคมเล็กมีขนาดใหญ่มากจนโผล่พ้นแคมใหญ่ออกมา
  • ท่านที่แคมเล็กมีขนาดความยาวไม่เท่ากัน
  • ท่านที่แคมเล็กมีขนาดหนาหรือมีเนื้อบริเวณดังกล่าวเยอะเกินไป
  • ท่านที่แคมครอบปุ่มคริสตอริส ทำให้ประสาทรับความรู้สึกทางเพศลำบาก
  • ท่านที่เวลามีเพศสัมพันธ์แคมตรงช่องคลอดชอบเข้าไปข้างใน
  • ท่านที่แคมมีรูปทรงไม่พึงประสงค์
  • ท่านที่สูญเสียความมั่นใจระหว่างการมีออรัลเซ็กส์

ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนที่จะมีตรงบริเวณนั้นที่สวยเหมือนกันทุกคน

เพราะฉะนั้นอย่างที่หนึ่งเป็นเรื่องของการศัลยกรรมตกแต่งให้บริเวณนั้นสวยขึ้น

บางคนก็อาจจะเห็นรูปในอินเทอร์เน็ตแล้วก็อยากจะมีตรงนั้นที่สวยๆ

เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นบ้าง ก็อาจจะใช้วิธีการตรงนี้ช่วยในการตกแต่งได้

อีกทั้งหมดห่วงเรื่องริ้วรอยเล็กๆได้ เพราะจะช่วยยกกระชับให้เรียบเต่งตึงขึ้น

การทำเลเซอร์ภายในช่องคลอด

VS

ารทำเลเซอร์เฉพาะปากช่องคลอด

เลเซอร์ตกแต่งเยื่อพรมจรรย์

  • ท่านกำลังกังวลเรื่องหรหมจรรย์ความสาวที่หายไป ?
  • ท่านที่มีความกังวลก่อนการแต่งงานในเรื่องเยื่อพรหมจรรย์ที่เสียหาย
  • ท่านที่เยื่อพรมจารีเกิดความเสียหายโดยที่ไม่รู้ตัวเนื่องจากการออกกำลังกายหนักๆ
  • ท่านที่กังวลเพราะคาดหวังว่าจะมีอยู่เองในตัวตามธรรมชาติ
  •  ท่านที่เนื้อส่วนนุ่มนิ่มไม่มีความกระชับที่ช่องคลอด

 ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเยื่อพรหมจรรย์

ในการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ผู้หญิงที่ไม่มีเลือดออกก็มีถึง 20% และ ในขณะที่ไม่เกี่ยวกับเพศสัมพันธ์ ผู้หญิงที่ไม่ค่อยมีเยื่อพรหมจรรย์ก็มีเช่นกัน เนื่องจากเยื่อพรหมจรรย์มีขนาดบางมากเกินไปในการมีเซ็กส์ครั้งแรกก็มี ผู้หญิงบางส่วนทีมีการเสียเลือดแค่เล็กน้อยเท่านั้นและอีกด้านกลับกัน ผู้หญิงบางคนมีเยื่อพรหมจรรย์หนาไป ทำให้มีการเสียเลือดมาก หรือ บางครั้งก็อาจขาดตั้งแต่ทำกิจกรรมอย่างอื่น เช่น ขี่จักรยานเป็นต้อน

ยื่อพรหมจรรย์ใครหายอยากได้คืน ที่นี่จัดให้ 55555

[ นึกไม่ออกว่าปัจจุบันมีคนสนใจอีกเหรอ ? ]

การขยายจุดG-spot

G- spot เป็นส่วนทำให้เกิดความรู้สึกทางเพศด้านในของผู้หญิง จะใช้เลเซอร์ขยาย

เพื่อที่จะทำให้ความสามารถในการรับรู้ประสาทความรู้สึกนั้นมีมากขึ้น

การตกแต่งคลิตอริส CLITORIS 

ทำให้มีขนาดที่พอเหมาะ และ รับความรู้สึกได้ดีขึ้น

[ ที่นี่ให้ความสำคัญกับความสาวและความสุขทางเพศมาก 55555555 ]

จุดเด่นของศูนย์ศัลยกรรมจุดซ่อนเร้นผู้หญิงครบวงจรอย่าง RIZ

 ในเครือ STMstyle

 

  • มีเครื่องมือผ่าตัดที่ทันสมัย ปราศจากเชื้อโรค ได้มาตรฐาน
  • การให้ยาชาหรือการผ่าตัดใช้เทคนิคพิเศษ ดังนั้นการเลเซอร์ทำให้อาการเจ็บแทบไม่มีเลย
  • ระบบเทคโนโลยีชั้นสูง มีความชำนาญและเชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก
  • ระบบการผ่าตัดหรือแม้กระทั่งวิสัญญีแพทย์ต่างก็มีความชำนาญ ปลอดภัย 100%
  • การรับคำปรึกษา การผ่าตัด แพทย์ผู้ศัลยกรรม หรือข้อมูลต่างๆจะถูกปิดเป็นความลับ

 ขั้นตอนการรับบริการ

  1. จะมีเจ้าหน้าที่ดูแลลูกค้าชาวต่างชาติมาต้อนรับและดูแลอย่างใกล้ชิดในห้องส่วนตัว
  2. เริ่มต้นจากการกรอกข้อมูลส่วนตัวเพื่อให้ทราบว่าลักษณะร่างกายตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
  3. หลังจากที่เราตอบว่ามาเนื่องในปัญหาอะไร เจ้าหน้าที่จะอธิบายคร่าวๆ ในเรื่องของสูตินารีแพทย์
  4. มีการสอบถามเกี่ยวกับร่างกายของเราทั้งหมดตั้งแต่
เคยมีกลิ่นที่บริเวณนั้นไหม
เคยมีเลือดออกที่ไม่ใช่ประจำเดือนไหม และ มีประจำเดือนครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่คะ ลักษณะประจำเดือนเป็นยังไง
เคยมีเพศสัมพันธ์ไหม
วางยาสลบเราได้ไหม เราแพ้ยาอะไรรึเปล่า
เคยมีการผ่าตัดในส่วนอื่นมาก่อนเปล่า?
ทานยาอะไรเป็นประจำอยู่
ปีนี้อายุเท่าไหร่
มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเลือดไหม
ความดันสูง-ต่ำ
เคยได้รับการตรวจร่างกายอย่างเป็นทางการไหม
มีการเปิดภาพประกอบการสอบถามพร้อมอธิบาย ตรงนี้จะเป็นจุดรับความรู้สึกที่เรียกว่า คริสตอริส ซึ่งตรงนี้จะเป็นจุดรับความรู้สึกที่แต่ละคนจะต่างกันออกไป บางคนก็ไว บางคนช้า บางคนปกติ ไม่เหมือนกัน แล้วของตัวเองเป็นยังไง
เคยช่วยตัวเองไหมครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ นานหรือยัง
เคยมีตรวจภายในไหม
เป็นครั้งแรกที่มาลักษณะสูตินารีแพทย์แบบนี้ใช่ไหม
ส่วนตัวรู้สึกไม่สบายใจหรือไม่ดีกับส่วนนั้นของร่างกายตัวเองไหม
เวลาที่ขี่จักรยานหรือใส่กางเกงรัดรูป มีอะไรที่รู้สึกไม่สะดวกสบายไหม

 

เจ้าหน้าที่อธิบายถึงการทำเลเซอร์ให้ฟัง ว่าจะแบ่งปัญหาผู้หญิงเป็น 5 ระดับ

ลักษณะของอวัยวะ จะมี 5 แบบ ซึ่งการทำศัลยกรรมในจุดตรงนี้ แต่ละแบบและวิธีการจะแตกต่างกันไป  ก็คือถ้าปรึกษากับคุณหมอจะทราบได้ว่าเราเป็นลักษณะแบบไหน ก็จะมี 5 แบบ อาจจะเป็นลักษณะการหย่อนยาน หรือ แบบต่างๆ ค่ะ [เปิดภาพประกอบ]

เลเซอร์ที่ใช้เป็นเลเซอร์ชนิดไหน?

diode laser ส่วนที่ใช้มันจะมีการปล่อยพลังงานรอบจากหลายๆ ทาง และ โฟกัสเข้าไปในจุดที่เราต้องการได้ง่ายข้อดีคือเลือดไม่ออกด้วย ก็คือมันอาจจะมีความรู้สึกร้อนๆ นิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้เจ็บปวดอะไร 

มีวิสัญญีแพทย์เฉพาะทางประจำอยู่ด้วยไหม?

ก่อนเข้าผ่าตัดจะมีการตรวจเช็คสภาพร่างกายล่วงหน้าอย่างละเอียดแม่นยำ เพราะถ้าเข้าสู่ขั้นตอนการผ่าตัดแล้วเราจะต้องทำให้เกิดคความสบายใจด้วย และ ยังมีการตั้งระบบการผ่าตัดที่มั่นคงปลอดภัยมาก จึงไม่จำเป็นที่ท่านจะต้องกังวลเลยในเรื่องของการวางยาสลบ เพราะจะมีวิสัญญีแพทย์อยู่ใกล้ชิดตลอดเวลา

ใช้เวลาพักฟื้นนานเท่าไหร่คะ?

หลังจากผ่าตัดแล้วก็สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติแต่อย่าหักโหมหรือออกแรงเยอะ และในช่วงเวลาดังกล่าวควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ ดื่มสุรา ลงอาบน้ำในอ่าง เข้ารับการรักษาภายในไม่กี่ชั่วโมงก็เดินทางกลับ ใช้ชีวิตได้ตามปกติ ซัก 3-6 วันก็ใช้งานได้ [ หมายถึงกุ๊กกิ๊กกะแฟน ]

หลังการผ่าตัด มีผลข้างเคียงหรือไม่อย่างไรคะ?

การเลเซอร์ศัลยกรรมผู้หญิงนั้น เนื่องจากใช้เลเซอร์ทำ จึงช่วยลดความเจ็บปวดหรือการเสียเลือดได้อย่างคาดไม่ถึง การที่เสียเลือดน้อยนั้นก็หมายถึงเป็นการลดระยะเวลาการพักฟื้นด้วย

หากเปรียบเทียบกับวิธีการผ่าตัดธรรมดาจะมีความปลอดภัยและอาการเจ็บปวดน้อยกว่า ทั้งนี้ยังไม่จำเป็นต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลด้วย อย่างไรก็ตามหลังการผ่าตัด ถ้าดูแลรักษาด้วยความสะเพร่าไม่ระมัดระวัง  ก็อาจทำให้เกิดแผลอักเสบได้

ในขณะเดียวกันถ้าดูแลให้สภาพดี สะอาดสะอ้าน ก็จะสามารถฟื้นตัวได้เร็วและไม่จำเป็นต้องความกังวล

สำหรับสาวโสดยังไม่ได้แต่งงานก็สามารรับการเลเซอร์ผ่าตัดได้ไหมคะ?

แน่นอนค่ะ ที่ริสนั้น ถึงจะเป็นท่านที่ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านเซ็กส์มาก่อน

และประกอบกับการมีช่องคลอดหย่อนคล้อยตั้งแต่กำเนิด หรือท่านที่ผ่านการมีเซ็กส์อยู่บ่อยๆจนประสาทรับความรู้สึกด้อยลงไป เราก็เป็นเจ้าของเทคนิคการผ่าตัดที่หลากหลายสำหรับท่าน

ทั้งการเลเซอร์กระชับช่องคลอดและการเลเซอร์ตกแต่งปากช่องคลอด ก็สามารถที่จะรับการผ่าตัดได้ค่ะ

หลังการคลอดบุตร สามารถรับการผ่าตัดได้เลยหรือเปล่าคะ?

โดยปกติทั่วไปแล้วหลังการคลอดบุตรในทันทีก็สามารถทำการผ่าตัดได้เพียงแต่ว่า

บริเวณใกล้ช่องคลอดมีเส้นเลือดฝอยที่ละเอียดกระจายอยู่มากมาย  และด้วยลำไส้ กระเพาะปัสสาวะ อวัยวะภายในร่างกายที่ติดกันอยู่ และทางริสเรามีความปลอดภัยในด้านเทคนิคการผ่าตัดที่เหนือกว่า เพื่อให้ผลความพึงพอใจ หลังการคลอดบุตร เมื่อร่างกายได้รับการพักฟื้นระยะหนึ่งแล้ว ทางริสก็เห็นด้วยที่ท่านจะเข้ารับการผ่าตัดได้ทันที เพื่อเราได้ทราบแน่ชัดถึงความหย่อนคล้อยไม่กระชับของช่องคลอด เมื่อระยะเวลาผ่านไปประมาณสามเดือนหลังการคลอดบุตร ก็เป็นการเหมาะสมที่สามารถจะรับการผ่าตัดได้

ส่วนใหญ่เขามีปัญหาจุดซ่อนเร้นด้านอะไรคะ 

เมื่อก่อนไม่มีสื่อมาก อย่างเช่นประเทศไทยก่อนหน้านี้ก็เหมือนจะไม่มีรูปอย่างนี้มาให้ดู [ คุณหมอเปิดรูปที่คนไข้นำรูปผู้หญิงที่ไม่ได้สวมมกกน. หันหลังโก้งโค้งมาให้เป็นตัวอย่าง ว่าอย่างมีจจุดซ่อนเร้นที่สวยงามแบบนี้ ] ดังนั้นเมื่อก่อนคนก็จะไม่ค่อยวิตก ไม่ค่อยกังวล ไม่ค่อยคิดถึงว่า เออมันมีปัญหาหรือว่าอะไร แต่จนกระทั่งตอนนี้ เปิดกว้างมากขึ้น คนก็เห็นรูปภาพมากขึ้นจากหนังผู้ใหญ่ [18+] ซึ่งนางเอกแต่ละคนก็จะมีจุดซ่อนเร้นทั้งสี และ รูปร่างที่สวยงาม คนก็เริ่มวิตกกังวลมากขึ้นว่าของเราไม่เหมือนในสื่อที่เห็นของเรามีปัญหาหรือเปล่า ปัญหายอดนิยมสมัยก่อนอย่างที่รู้กัน คือมันหย่อนคล้อยก็อาจจะใช้วิธีศัลยกรรมตัดแล้วก็เย็บปากช่องคลอด แต่ว่าไม่ใช่ว่าเป็นเพราะมันมีลักษณะแบบนี้จะใช้ชีวิตลำบากหรือมีปัญหาอะไร เพียงแต่เป็นเพราะมันไม่สวยคนเลยวิตกกังวลมากขึ้น หรือ อาจจะเป็นในเรื่องของเพศสัมพันธ์ด้วย แล้วก็ความรู้สึกของเวลามีเพศสัมพันธ์ แน่นอนว่าคู่นอนก็จะมองเห็นสิ่งเหล่านี้ แล้วก็ด้วยความที่เป็นกังวลเรื่องที่คู่นอนเห็นแล้วจะรู้สึกว่าไม่สวย มีปัญหา รู้สึกไม่ดี ทำให้ความมั่นใจลดลง แล้วก็จะทำให้ความสุขลดลงตามไปด้วย การเลเซอร์จึงเป็นการเพิ่มความมั่นใจซึ่งเป็นการเพิ่มความสุขมากขึ้นแด่สุภาพสตรี บางเคสอายุเพิ่ง 19 เอง คุณหมอโชว์รูปแบบไม่มีเซ็นเซอร์ เพื่อประกอบความเข้าใจ ซึ่งคุณหมอได้สอบถามแล้วว่าเราต้องการดูแบบภาพวาด หรือ กรณีศึกษาของจริง แน่นอนเอิ๊กตอบอย่างหลัง เพื่อทำให้เราอธิบายคนอื่นง่ายขึ้น สำหรับคนไข้เคสนี้ไม่่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน แต่แบบกังวลมากว่าของตัวเองมีลักษณะแคมยื่นออกมาผิดรูปจนเขานั่งอยู่ก็รู้สึกไม่สบายตัว ทำให้เรียนหนังสือไม่รู้เรื่องเพราะมัวแต่กังวลกับเรื่องนี้ พ่อแม่จึงพามาทำ เพราะบางทีผู้หญิงเรามักนั่งไขว่ห้างบ่อยๆ แล้วการไขว่ห้างจะมีการเอี้ยวตัวทำให้ด้านซ้ายกับขวาไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นถ้าเป็นแบบนี้ด้านที่สูงกว่าก็จะขยายตัวไปเรื่อยๆ 

ในการทำเลเซอร์ตกแต่งรูปภายนอกสำหรับสีมันเปลี่ยนไหมคะ 

จริงๆ แล้วมันไม่ได้เชิงว่า ทำแล้วสีจะดีขึ้น แต่พอเหมือนกับมันกระชับขึ้น สีมันก็ดีขึ้นไปด้วยตัวเอง แต่ไม่ใช่ว่าเลเซอร์เปลี่ยนสีของมัน เพราะในแง่ของเลเซอร์ไดโอดยังทำได้ยากอยู่ [ แอบเห็นเมืองนอกใช้เลเซอร์ชนิด CO2 เปลี่ยนลอกสีผิว ดูแล้วโหดมากต้องลงยาชาก่อน แต่ที่นี่ไม่มี เท่าที่เดาจากประสบการณ์เลเซอร์กรอผิวอย่าง Co2 มันเจ็บมาก มันมีแผล และ บริเวณนั้นเป็นบริเวณอับชื้นตลอดวัน แอบงงว่าคนไข้ จะนอนรพ. หรือ ผึ่งให้แผลแห้งยังไง เพราะแผลต้องตกสะเก็ด 7-14 วันกว่าจะหลุด คิดว่าไม่น่าเป็นสิ่งสะดวก สำหรับมนุษย์ที่ต้องออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านทุกวัน ]

ใช้เวลารักษานานกี่นาที

การเปลี่ยนขนาดของช่องคลอด หรือ เลเซอร์กระชับช่องคลอดใช้เวลาประมาณ 1-3 ชั่วโมงขึ้นกับความยากง่ายของกรณีคนไข้ เวลาคล้ายกับการตกแต่งภายนอกของจุดซ่อนเร้น

เจ็บไหมมีแผลไหม

มันจะไม่ได้มีความเจ็บปวดเป็นพิเศษอะไร และ ไม่ทิ้งแผลไว้เลยด้วยความละเอียดและปราณีตของคุณหมอ

ผลข้างเคียง

ก็โดยปกติไม่ได้มีผลข้างเคียงอะไร ไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อหรืออะไร แต่ว่ามีโอกาสไหมก็มี แต่แค่ 1 % เท่านั้นเอง

ตรงนี้จะลดปัญหาการนอกใจได้ไหม สามีจะกลับมาไหมหากไปมีบ้านเล็กบ้านน้อย

ตอนนี้ถ้าว่ากันตรงๆ ก็คือ รักษาเพื่อจับผู้ชายให้อยู่หมัด แบบหนีไปไหนไม่รอดล่ะค่ะ  [ ล่ามแปล 555555 จริงรึเปล่า ไม่รู้ ]

มีกรณีที่ทำแล้วกลับมาขอบคุณ คุณหมอ ที่สามีกลับมาหาไหมคะ

คุณหมอบอกมีเยอะประจำ คุณหมอบอกว่าจริงๆแล้วการศัลยกรรมใบหน้าหรือหน้าอกก็เป็นสิ่งสำคัญที่คนนิยมทำ แต่ที่แท้อยู่ที่การศัลยกรรมตรงนี้มากกว่า

อยากไปใช้บริการเดินเข้าไปเลยได้ไหมคะ

เราดำเนินขั้นตอนตั้งแต่การเข้าปรึกษา การเข้ารับผ่าตัด ทั้งหมด100%ด้วยการจอง  

การรักษาที่เป็นความลับมีไหม

บอกเลยที่นี่จะไม่ให้ลูกค้าแต่ละคนเจอหน้ากัน เพราะเป็นการรักษาในส่วนของสูตินารี เพราะฉะนั้นถ้ามาที่นี่ครั้งแรกก็เพื่อไมให้รู้สึกเขินอายคนอืน เเพื่อป้องกันไม่ให้แต่ละคนมาเจอกัน ก็ต้องมีการนัดหมายเพื่อสลับเวลา คุณหมอมีทั้งผู้ชาย ผู้หญิงเผื่อบางคนอาจจะอายที่จะรักษา ก็ร้องขอเป็นก็อาจคุณหมอผู้หญิงได้ การรักษามีตั้งแต่เด็ก ซึ่งก็อาจจะมีความเขินอายอยู่ แต่ถ้าผู้ใหญ่ที่ค่อนข้างมีอายุแล้วก็อาจจะรักษากับหมอผู้ชายหรือผู้หญิงก็ได้ และ นอกจากข้อมูลที่เกี่ยวกับงานด้านการแพทย์การรักษาแล้ว ทุกอย่างที่เราบันทึกไว้กี่ยกับการผ่าตัด จะไม่มีการเปิดเผยออกไปอย่างแน่นอน

มันจะกลับไปหย่อนหลอมอีกไหมในอนาคต

เป็นไปได้ เพราะมันเป็นเรื่องของกล้ามเนื้อ ยกตัวอย่างเหมือนสปริง ถ้าเราดึงจนมันยืดออกไป โอกาสที่มันหดกลับมาก็มี หรือโอกาสที่มันจะไม่หดกลับมาก็มี เพราะมันเป็นเรื่องของกล้ามเนื้อเท่านั้นเอง ก็คือเราจะทำให้จากที่มันกว้าง หดกลับมาแคบ แต่ถ้าเราผ่านการใช้งานใหม่ บ่อย มันก็มีโอกาสกลับมากว้างเหมือนเดิมได้เหมือนกัน ถ้าสมมติว่าเราไม่ได้บังเอิญว่ามีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายที่มีอวัยวะเพศใหญ่เท่ากับตัวเด็กก็คงจะไม่มีปัญหา แต่ว่าแต่ละคนก็มีความแตกต่างกันในเรื่องของกล้ามเนื้อบางคนก็แข็งแรงบางคนก็ไม่แข็งแรง จริงๆแล้วก็อาจจะมีการออกกำลังกายที่ช่วยได้ด้วยอย่างการขมิบ และ ปล่อย ช่วยได้จริงๆ ประมาณวันละ 50 ครั้ง ก็คือตอนที่เราขมิบ เราก็นับหนึ่งถึงห้าเราก็ขมิบไว้ แล้วค่อยๆ คลาย นับเป็น 1 ครั้ง อาจไม่ต้องทำทีเดียว 50 ครั้งแบ่งได้ต่อวัน เช่น ตอนขับรถ 10 ครั้ง นั่งอ่านหนังสืออีกสัก 10 ครั้ง กล้ามเนื้อที่ไม่มีแรง แต่ถ้าเราทำไปเรื่อยๆ มันก็จะแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ

มีคนกลับมาทำซ้ำไหม เขาทำซ้ำเพราะอะไร

มี เพราะว่าเหมือนกับบางคนทำแล้วยังแน่นไม่พอ อยากให้แน่นอีกก็มาทำอีกก็มี ก็คือเจ็ดปีก็กลับมาทำอีก ที่จริงมันแน่นอยู่แล้วแต่ความรู้สึกมันอยากได้แน่นอีกก็กลับมาทำใหม่

เอาอะไรวัดความหนาแน่นของช่องคลอด

ความรู้สึกมันเป็นยังไง มันต่างกันอยู่ที่แต่ละบุคคลจริงๆ ว่าความรู้สึกนี้จะเป็นยังไง คือตอนนี้อาจจะยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับใครอาจจะยังนึกภาพไม่ออกว่าความรู้สึกมันเป็นยังไง แต่ถ้าถามคนที่ผ่านการแต่งงานแล้ว มีลูกแล้วมันเป็นความรู้สึกที่ไม่พูดไม่ถูก แต่มันเป็นความรู้สึกที่แตกต่างกันแต่ละบุคคลจริงๆ  ที่นี่ผ่านไป 6 เดือนแล้วก็อาจจะต้องมาตรวจอีกทีนึงว่าเป็นยังไง ก็เป็นการบริการเช็คให้ฟรีของที่นี่

การเตรียมตัวก่อนทำการผ่าตัด

เนื่องจากมีการวางยาสลบจะต้องมีการงดอาหารก่อนทำการผ่าตัด 1 วัน ห้ามทานอาหารโดยเด็ดขาด และหลังจากการผ่าตัดอาจจะยกของหนักไม่ได้ชั่วคราว2-3 สัปดาห์ และ ห้ามวิ่งซักระยะ ยังไงเตรียมของใช้มาให้พอดี และก่อนผ่าตัดต้องมีการตรวจสภาพร่างกายคือตรวจเลือดและระบบขับถ่ายด้วย ถ้าผลโอเคก็ทำการผ่าตัดได้เลย หลังจากผ่าตัดแล้วพักที่ รพ.ประมาณ 3-4 ชั่วโมงก็สามารถกลับบ้านได้เลย และสามารถอาบน้ำได้ในวันรุ่งขึ้นเลย ตรงนี้จะไม่มีอาการเจ็บปวดใดๆ 

ที่นี่ได้รับการรับรองหรือไม่

ที่นี่มีใบรับรองที่ถูกต้องตามกฎหมาย และ ใบรับรองจากกระทรวงสาธาณะสุขของประเทศเกาหลี และ ได้รับ

เราสามารถขอชื่อหมอไปเช็คประวัติก่อนได้ไหมคะ

ทางเรายินดีมากค่ะ และ ทางเราก็มีประวัติคร่าวๆที่สามารถดูได้ตามเว็บไซด์ของเรา และ สามารถนำไปสืบค้นประวัติได้ค่ะ

หลายคนบอกรู้ข้อมูลแบบนี้บินไปทำเองดีกว่า

ทำได้ค่ะ สบายมาก อย่างที่บอกในบล็อคต้นๆ ว่าทำกับ STMSTYLE มีคนติดต่อสอบถามหากเรามีปัญหาให้ตลอด มีประกัน 1 ปีหากเกิดปัญหาจากการผ่าตัด หากเราอยากไปเช็คแผลช่วงไหน เขาก็นัดคิวที่ยุ่งยากของหมอให้ได้ เวลาไป รพ. ในเครือ STMSTYLE ส่วนมากก็จะได้นั่งรอในโซน VIP ค่ะ แต่จ่ายเงินเท่าเดิม ค่าผ่าตัดเท่าไหร่เราก็จ่ายเท่านั้น เอิ๊กเพิ่งไปเช็คแผลมา คุณหมอยุ่งพยาบาลยุ่ง แต่ถ้าเราไปในนาม STMSTYLE เขาก็จัดเวลาให้เราได้ ที่สำคัญเรามีปัญหาอะไร เราก็ถามได้ตลอดค่ะ 😀

 

ใครอยากดู BEFORE-AFTER ภาค UNCENSORED

ขอ PASSWORD ได้ที่ stmstyle@gmail.com

ได้ PASSWORD แล้วมาใส่ที่นี่ CLICK รูปภาพ 

ข้อมูลตัวพิมพ์บทความทั้งหมดถือเป็นลิขสิทธิ์ของ www.erk-erk.com แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเอิ๊กเรียบเรียงและเขียนเอง รวมกับข้อมูลบางส่วนจาก STMSTYLE โดยได้รับอนุญาตลิขสิทธิ์ภาพและภาพบางส่วนจาก STMSTYLE.COM ที่ให้เผยแพร่ต่อได้โดยให้เกียรติลงเครดิต และขอความกรุณาคนไทยด้วยกันไม่ดัดแปลง แก้ไข ข้อความส่วนใดทั้งสิ้นนะคะ กราบขอบพระคุณล่วงหน้า อยากให้คนไทยที่มีความคิดที่จะทำศัลยกรรมได้อ่านอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจทำอะไรลงไปกับร่างกาย 

 

 

ที่มาส่วนประกอบข้อมูล รูปภาพ

  • รูปภาพลิขสิทธิ์ศูนย์เลเซอร์ RIZ สังกัด STMSTYLE
  • ข้อมูลจากเทปสัมภาษณ์ของเอิ๊กกับคุณหมอLEE HYEONG KEUN และ ผู้จัดการศูนย์
  • รูปภาพข้อมูล STMSTYLE.COM

Posted in SURGERYComments (3)

ประสบการณ์ทำศัลยกรรมหน้าอกที่ประเทศเกาหลีกับ STMSTYLE

คำเตือน เนื่องจากเนื้อหาอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการตัดสินใจกระทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของร่างกายได้ (ศัลยกรรม) ขอแสดงความรับผิดชอบในเนื้อหาด้วยการบังคับให้ทุกคนอ่านคำเตือนก่อนทุกครั้ง การทำศัลยกรรมที่เป็นการผ่าตัดทุกชนิด จะเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นบริเวณเนื้อเยื่อในร่างกาย เกิดบาดแผลเมื่อผ่าตัด เมื่อตัดสินใจแล้วผลของแผลทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็นจะคงอยู่ตลอดไป ไม่สามารถเรียกเนื้อเยื่อเก่าให้กลับมา หรือ ลบเลือนแผลเป็นที่เกิดขึ้นใต้ผิวหนัง (พังผืด) บนผิวหนัง (แผลเป็น) ให้หายไปหมดได้ การผ่าตัดยิ่งใหญ่มากเท่าไหร่ โอกาสมีแผลบนผิวหนังแน่นอน 100% การศัลยกรรมทุกชนิด เป็นเรื่องที่ต้องดูแล และ สังเกตุความเปลี่ยนแปลงที่ไม่ปกติตลอดชั่วชีวิตเหมือนสุขภาพร่างกายของคนเรา วัสดุบางชิ้นไม่ได้เกิดมาเพื่ออยู่กับเราไปจนตาย อาจต้องมีการเอาออก เอาใส่เข้าไปใหม่ หรือ ถึงช่วงอายุขัยนึง เราอาจจะนำมันออกไปและไม่ใส่เข้าไปใหม่อีกเลย ก่อนตัดสินใจทำอะไรกับชีวิต คุณมีข้อมูลดีพอรึยัง ให้ถามตัวเองอยู่เสมอ

ด้วยความรัก และ ปรารถนาดีอย่างสูง

 erk-erk

ทำนมเจ็บระบมน้อยกว่าเลเซอร์กำจัดขนใต้วงแขน

และ ผ่าตัดนอนโรงพยาบาลไม่ถึง 18 ชม หมอไล่กลับบ้าน !!

ราคาเกือบ 4 แสนบาท มีอะไรดีมาดูกัน

erk-erk

ชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิมมาก บอกได้คำเดียวว่าพอใจขีดสุด และ

ถือว่าเป็นโชคดีมากของชีวิตที่โลกนี้มีคุณหมอศัลยกรรม และที่สำคัญขอบคุณล้านครั้ง

ให้กับ STMSTYLE เอเจนซี่ทัวร์ศัลยกรรมเกาหลีอันดับ 1 ของไทย

ที่มีทำให้เราได้มีประสบการณ์ขั้นผ่าตัดใหญ่ที่ดีมาก และ เลือกคุณหมอที่เก่งที่สุดที่เขาหาได้

รวมถึงดูแลเราอย่างดีตลอดการเดินทาง แม้กระทั่งกลับมา

 

[ ก่อนทำ – หลังทำ เสื้อตัวเดิม บรรยากาศคล้ายเดิมๆ กับคนที่เรารัก ]

เหตุผลแรกที่ทำ ทำไมถึงทำ ?

ปมด้อยโดนล้อ แรกๆไม่ได้คิดอะไร ขำขำ ทำไมนมแบนแล้วทำไม ทำนองนี้ !!

หนักไปจนกระทั่งเกิดปัญหาที่ “เสื้อผ้า” ซึ่งเป็นคำตอบแรกเพียงคำตอบเดียว

ที่อยากใส่จะทำให้ใส่แล้วมั่นใจขึ้น ไม่ต้องคอยแปะซิลิโคนแล้วกังวลว่า

มันจะร่วงรึเปล่า เวลาทำงานถ่ายแบบเสื้อผ้าคือพะวง ว่ามันจะร่วงไหม

วันดีคืนนี้ดันขึ้นมาให้พอมีเนินอีกข้างร่วง ณ จุดนี้ มันก็ยังไหวนะ

จนกระทั่งชุดต้นเหตุชุดนี้ที่เห็นแวบแรก มั่นใจแน่นอนว่าเราใส่แล้วต้องเหมาะมาก

สรุปใส่ไปข้างหน้าแบนมาก ใส่ไปเดินไปดึงไป เสียบุคลิคมาก

ใส่แล้วไม่สวยเลยทั้งที่ชุดสวยมาก พอกลับบ้านโดนล้อเรื่องนี้อีก

นอยมากตั้งใจไว้เลย อีก 2 ปีเจอกัน

[ ชุดต้นเหตุ ]

พอ STMSTYLE ติดต่อมาให้เป็น BARTER กัน เป็นพาร์ทเนอร์ซึ่งกันและกันเขาให้ข้อมูล

ให้การดูแลจุดนี้ เราตั้งใจเขียนคอนเทนต์ในสไตล์เราเพื่อให้คนไทยได้อ่านแบบตรงประเด็น

ตรงไปตรงมา ประสบการณ์ตรง ณ วินาทีนั้น 2 ปีเอิ๊กไม่รอแล้วจ๊าาาาาา … จัดไป

สิ่งที่ผิดมีเพียงสิ่งเดียว คือ ไม่ได้หาข้อมูลมานานเท่าไหร่ มีความไว้ใจเต็มร้อยล้วน

เพราะเชื่อมั่นความจริงใจ และ ตรงๆของเจ้าของSTMSTYLE

บริษัททัวร์ศัลยกรรมเกาหลีอันดับ 1 ของไทย หลังจากที่เปิดใจคุยกันบอกเลยว่า

มีเอเจนซี่เอิ๊กไม่ได้เตรียมข้อมูลอะไรเลย เพราะงานเยอะด้วย คุยปลายเดือนมกรา

กลางมีนาคมเอิ๊กบินไปเกาหลีทันที ก่อนร่วมทำงานกันข้อตกลงขอให้เอิ๊กได้คุยกับหมอ

ได้ข้อมูลทุกอย่างที่อย่างได้แบบหมดเปลือกทั้งข้อดี และ ข้อเสีย STMSTYLE จัดการให้หมด

[ คุณคิมผู้บริหารและเจ้าของ STMSTYLE กับ คุณหมอชองเจยอนแพทย์ประจำตัวของเอิ๊ก ]

ข้อมูลที่เขามีแน่นมาก แต่ทางที่ดีอย่าทำแบบเอิ๊กนะคะ ชีวิตเราสำคัญมากในการผ่าตัด

ต้องมีเวลาหาข้อมูลให้ดีก่อน ส่วนหนึ่งเอิ๊กให้คุณหมอรังสิมา วณิชเดชาภักดี

คุณหมอที่รักของเอิ๊กรบกวนให้ท่านช่วยใช้ความสัมพันธ์ของคุณหมอกับหมอศัลยกรรมดัง

ในเกาหลีที่ท่านรู้จักเช็คประวัติแพทย์ที่ทาง STMSTYLE จะให้ผ่าตัดให้เอิ๊ก

เมื่อคุณหมอของเอิ๊กได้รับคำตอบว่าแพทย์เก่งมาก เฉพาะทาง

เอิ๊กจึงยอมเอาชีวิตตัวเองเป็นเดิมพันเลย ต้องขอขอบพระคุณคุณหมอรังสิมาอย่างสูงค่ะ

และ เหตุผลอีกอย่างเขาบอกหากเกิดปัญหาจากทาง STMSTYLE

เขายินดีจ่ายเงินให้เองเพื่อรับผิดชอบลูกค้าทั้งหมด

จึงเป็นจุดนึงที่สบายใจ เลยได้แต่ทำใจสบายๆก่อนไปผ่าตัด

ในวันผ่าตัดก็มีเรื่องให้ใจไม่สบายเหมือนกัน แต่ใช้ความคิดบวก

เปลี่ยนอารมณ์ให้เข้าไปแล้วกลับออกมาเจอแม่ให้เร็วที่สุด

เอิ๊กบินถึงอีกไม่กี่ชั่วโมงเอิ๊กเข้าห้องผ่าตัดเลยทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก

อ่านเรื่องการเดินทางและที่พักในครั้งนี้ CLICK

บทความเรื่องการศัลยกรรมหน้าอกภาคแรก CLICK

บทนี้ขอมาพูดถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการผ่าตัด และ การดูแลตัวเองหลังการผ่าตัด

จากประสบการณ์ตัวเอิ๊กคนเดียว ซึ่งหน้าจะเป็นคนไทยคนแรกที่เขียนเรื่องศัลยกรรมหน้าอก

ที่ประเทศเกาหลีค่ะ ดังนั้นข้อมูลพยายามเก็บมาเต็มที่

อาจจะผิดจะถูกยังไงควรหาข้อมูล ให้ละเอียดอีกครั้งด้วยค่ะ <3

การเตรียมตัวศัลยกรรมที่จะได้รับก่อนเดินทาง

ไฟล์ต่างๆทางอีเมลล์ดังนี้

  • ตั๋วเดินทางออนไลน์
  • จดหมายเซ็นยืนยันก่อนการผ่าตัด อย่าลืมอ่านข้อตกลงให้ละเอียด
  • ข้อควรระวัง การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด
  • ตารางการเดินทางไปและกลับ
  • เอกสารยืนยันจุดนี้จะมีตราประทับของโรงพยาบาลออกให้ชัดเจน [ถ้ามีผู้ติดตามก็จะได้รับด้วย]

เดินทางไปถึงจะมีคนขับรถมารับไปส่งที่โรงแรม

และ ตลอดวันเดินทางไปผ่าตัด เช็คแผล คนขับรถจะอยู่รับส่งดูแลเราอย่างดีค่ะ

จะบอกประทับใจมากตั้งแต่พี่คนขับสุภาพ ผู้ดี มารยาทดี มีน้ำใจงาม คุณ ปาร์ค

[ ไม่รู้ว่าปาร์คอะไรหรอก ] แต่เป็นคนเกาหลีที่อ่อนโยนมาก แม่เอ่ยปากชมตลอด

ก่อนผ่าตัดอย่างที่ได้อ่านกับไปบทความที่แล้ว เอิ๊กก็ตรวจทุกอย่างให้ละเอียดก่อนขึ้นเขียง

พยาบาลหน้าตาดีเว่อร์เถอะแทบทุกคนเลย ! สูงขาวเนียน ใส เด้งตามแบบฉบับสาวเกาหลี

ย่านนี้ หน้าใสออร่าพุ่งกระจาย แต่กระนั้นทุกคนก็ยังคงให้ความสนใจสาวเตี้ยอย่างเรา

คิดว่าเพราะ “ขนตา” ที่ต่อไปอย่างแน่นอน กระพรือจนลูกค้าจีนมาถาม ทำตาที่ไหน

จะเอาตาแบบเรา เผอิญแม่คุยภาษาจีนได้เลยบอกเธอไม่ได้ทำ แต่ขนตาเธอต่อมา 555

ในอีกไม่กี่ชม.ข้างหน้า คุณหมอคิวทองมากมาย ตอนพบคุณหมอไม่ได้ถ่าย ความรู้สึก

ทั้งเขิล ทั้งอาย ไม่กล้าถอดเสื้อ จำได้ว่าหันหน้าหนีแล้วหลับตาพี่ๆ STMSTYLE และ พี่ที่เป็น

ผู้ดูแลคนไทยประจำโรงพยาบาลนี้ที่เอิ๊กไปผ่าตัด ซึ่งเขาต้องเขาไปดูแล

ไปช่วยแปลพูดเป็นเสียงเดียวกันทันทีหลังจากเอิ๊กถอดเสื้อ

” นอกจากใบหน้าที่ดูเด็กของเอิ๊กแล้ว พี่ไม่นึกเลยว่า หุ่นเอิ๊กจะเด็กกว่า “

เราคิดถูกแล้วใช่ไหม !!!!

เห็นหน้าคุณหมอแล้วหนูก็ต้องหลับตา มันแบบไฟสว่าง ถอดเสื้อมาก็หนาวเย็นมาก

ขนลุกตัวพองไปหมด คุณหมอก็หน้านิ่งมากเถอะ .. จะคุยก็ต้องรอพี่ล่ามแปล

คุณหมอเริ่มวินิจฉัยสภาพพื้นฐานหน้าอกเราก่อน และ เริ่มคุยถึงความต้องการเลย

สรุป : กระดูกตรงหน้าอกช่วงกลางเอิ๊กปูด หน้าอกไม่เท่า เนื้อหน้าอกน้อยฯลฯ

และ หูต้องสะดุดกับปัญหาบางอย่างที่ทำออกมาอาจไม่ได้

อย่างที่เราต้องการเพราะสรีระออกมาเป็นแบบนี้ ตอนนั้นแทบอยากออกมาจากห้องทันที

ไม่อยากผ่าตัดแล้ว เพราะปัญหามีหลายอย่างเกิน เนื่องจากไม่เคยดูแลหน้าอกให้ดีเลย

รู้สึกเสียใจมาก แต่ก็ย้อนกลับไปแก้ไม่ได้

คุณหมอเปิดภาพคนไข้คนนึงที่เอิ๊กอาจทำออกมาแล้วคล้ายเขา

คุณหมอบอกจะได้ใกล้เคียงแบบนี้ ยิ่งเห็นยิ่งอยากวิ่งออกมาจากห้อง

สุดท้ายก็คิดในใจช่างเถอะ เราก็ดูของเราคนเดียว

ทำไปเถอะเพราะเรามีสรีระแบบนี้ ไม่ดูแรกแต่แรกก็ต้องยอมรับ

ระหว่างคุยปัญหาเสร็จ เริ่มวัดตัวจริงจัง คุณหมอจะร่างที่หน้าอกเราเพื่อเตรียมเข้าการผ่าตัด

โชคดีที่ถอดคอนแทคเลนส์ลดความอายไปบ้าง

รู้แค่ว่าตอนหมอวางไม้บรรทัดมาวัดที่หน้าอกเรา

มือหมอสั่น ตัวเราก็สั่น ต่างคนต่างสั่น

[ แบบนี้เลยที่โดนวัด ]

ถึงเวลาที่คุณหมอถามเอาไซส์ไหนด้วยความที่

แอบอ่านบลอค และ กระทู้คนไทยไปเยอะ เลยตอบหมอไป “ขอใหญ่ๆ” 5555

หมอส่ายหัว พร้อมให้เราใส่เสื้อรัดรูป 1 ตัวที่ฟิตมาก แล้ว หยิบซิลิโคนมาอันนึง

ยัดเข้าไปใต้เสื้อเรา การสนทนานี้เกิดขึ้นโดยมีล่ามเป็นผู้แปลอีกทีค่ะ

หมอ : เอาแค่ 255 CC พอกำลังดี ป้องกันผลข้างเคียงระยะยาว และ ปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้น

เอิ๊ก-เอิ๊ก : เกิดอะไรคะ  คือเท่าที่มองด้วยตาเปล่าก็คิดว่าทำแล้วใหญ่ไปเลยดีกว่า

หมอ : เนื้อเราน้อย บาง ใหญ่มากแก่ไปจะเห็นเป็นริ้ว จับเจอขอบ ปวดหลัง และไม่ดีต่อสุขภาพ

เอิ๊ก-เอิ๊ก : ขอใหญ่เท่าที่จะเป็นไปได้ได้ไหมคะ เอาแบบที่สุดของที่สุด

หมอ : โอเคได้ขนาดน้ำหนัก 290 cc เท่านั้น แต่ความจริงหมออยากให้ใส่แค่ 250 cc พอ

ถ้าอยากได้ขนาดสมตัวพอดี ไม่ใหญ่ และ ธรรมชาติ ที่นี่อาจจะเป็นคำตอบเรื่องไซส์ 55

ตกลงกันเรื่องไซส์เสร็จคุณหมอก็ต่อกันที่ชนิดถุงซิลิโคน

ก่อนจะวาดรายละเอียดลงไปเพื่อเตรียมตัวผ่าตัด ก็มีประเด็นกันเรื่องถุงซิลิโคนอีกแล้ว

จะผิวทราย หรือ ผิวเรียบดี จะทรงกลม หรือ หยดน้ำดี

ด้วยความที่ข้อมูลไม่แน่นจึงถามหมอไปแบบนี้ว่า

เอิ๊ก-เอิ๊ก : สมมุตว่าคุณหมอมีเพื่อนผู้หญิงที่สนิทมากหมอจะให้เขาทำน้ำเกลือหรือซิลิโคนเจล

หมอ : ซิลิโคนเจลผิวทราย

เอิ๊ก-เอิ๊ก : แล้วทรงละคะ

หมอ : แล้วแต่ชอบนะ หมอ ยื่นมาให้ดูระหว่างทรงกลม กับ หยดน้ำ

เอิ๊ก-เอิ๊ก : สมมุตว่าภรรยาคุณหมอจะทำ คุณหมอจะใส่อันไหนให้ภรรยา

หมอ : ยื่นหยดน้ำให้

เอิ๊ก-เอิ๊ก : win lol [ก็อยากรู้ว่าหมอจะให้อะไรกับคนที่รักเลยเอาแบบนั้น]

 

 

สรุปการเลือกซิลิโคน และ ขนาดที่ควรต้องหาข้อมูล

1. เอาเท่าที่ร่างกายรับไหว มองถึงสุขภาพระยะยาว เชื่อหมอ อย่ารั้น กระดูกหลังอาจงอ อาจปวดบ่า ไหล่ หลัง หากหนักไป

2. ก็มีขนาด CC ไว้ในใจ เอาเท่าที่หมอบอกว่าไหว

3. วัสดุ ผิวเรียบน้ำเกลือ ผิวทรายซิลิโคน ศึกษาให้ละเอียด เช่น ผิวเรียบต้องนวด แต่นิ่มโฮก ผิวทรายไม่ต้องนวด แต่นิ่มน้อยกว่าผิวเรียบ

4. ทรงหยดน้ำ หรือ ทรงกลม ทรงกลมดูอึ๋มทะลักทะลาย นมกลมตูม ทรงหยดน้ำทั้งรูปทรงหน้าตาเหมือนนมมนุษย์จริง นมดูไม่ตูมเท่า และ ดูเป็นคนหน้าอกตันกับสรีระบางคน

5. PROJECTION มิติด้านความสูงวัดจากฐานของถุงที่จะชนผนังหน้าอก เดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังนะคะ เป็นระดับ LOW – HIGH หรือ FULL ยิ่งมากยิ่งสูงดันผนังนมมากให้ดูใหญ่ดูตูมพุ่งไปข้างหน้า

6. PROFILE ความสูงของเนินอก ตามขนาดลำตัว จะLOW หรือFULL ดูตามขนาดลำตัวหมอจะเลือก ณ จุดนี้ค่ะ ยิ่งสูงเนินอกจะชัด

 

 

 

 

ซิลิโคนที่ใช้

ที่รพ.นี้ใช้ของ ALLERGAN เป็นรุ่น NATRELLE 410 ฮิตใน ยุโรปและแคนาดามาก เอิ๊กทำเป็นทรงหยดน้ำ หรือ ทรงลักษณะเหมือนนมจริงของมนุษย์ผู้หญิง เอิ๊กก็หาข้อมูลมาแน่นมาก ว่าอะไรว่าที่อยู่ในตัวเรา 55 หาเองและจะเขียนให้ฟัง ข้อดีเขาบอกว่า

  • รูปทรงที่คงรูปในระยะยาว รูปทรงไม่เปลี่ยน จะคงรูปสวยวิจัยมาแล้วว่า 7 ปีขึ้นเฉลี่ย
  • เทคโนโลยี HIGH COHESIVE GEL เจลหนาแน่นสูงมากๆ ไม่แตกง่ายๆ ถึงแตกก็ไม่ไหลมันจะเกาะตัวแน่น
  • มีจุดให้วางตำแหน่งได้แม่นยำขึ้น เวลาเลาะช่องแล้ววางจะเป๊ะมาก
  • ออกแบบมาหลายรูปแบบให้เหมาะสมกับสรีระมนุษย์มีให้เลือกเช่น ไซส์ ความสูงของเนินหน้าอก และ ความพุ่งตัวของทรงหน้าอกไปด้านหน้า [PROJECTION หรือPROFILE] 
  • มีเนื้อสัมผัสที่ธรรมชาติ กับ รุ่นกระชับ และความทรงตัวของรูปทรงระยะยาวให้เลือก
  • ไม่ต้องเนื้อออกแบบมาผิวไม่เรียบ เนื้อทรายให้ลดการเกิดการหดรัดของพังผืด จะนิ่มลงเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป

 

[ รูปทรงหน้าอกของเอิ๊ก ฝั่งตะวันตกไม่ค่อยฮิตฮิตกลมๆ ฝั่งเกาหลีชอบมากบอกสวยเบาๆ ธรรมชาติ ]

รูปนี้จะอธิบายเรื่อง PROJECTION ได้ดี เอิ๊กไม่รู้จะแปลให้ฟังยังไง แต่จะให้นึกง่ายๆ นับจากฐานซิลิโคนด้านเรียบ กับ จุดที่นูนป่องของซิลิโคน ตัวนูนป่องนี้จะเป็นตัวที่ทำให้นมดูพุ่งชัน สูงหรือต่ำไปด้านหน้า ยิ่งสูงยิ่งพุ่ง ยิ่งดูฐานนมตั้งพุ่ง แต่ข้อเสียถ้าเลือกแบบ EXTRA FULL PROJECTION ซึ่งคุณหมอเลือกให้เอิ๊ก T^T เพราะเอิ๊กเนื้อหน้าอกน้อย ใส่ CC ได้ไม่มาก จึงพยายามดันให้ดูพุ่ง และ แอบดูใหญ่เวลาเราดูหน้ากระจกคนเดียว 555555 มันเสียเรื่องสัมผัสมันเป็น TRUFORM 3 รุ่นที่เน้นความกระชับ ตึง คงรูป สัมผัสไม่นิ่มเท่าเจลธรรมดาที่เป็นแบบ SOFT TOUCH มันจะหนึบๆจับแล้ว นิ่มแต่หนึบมือ ไม่ต้องกลัวแตกง่าย เพราะเปลือกขอบถุงหนาโฮก ดังนั้นวางใต้กล้ามเนื้อสำหรับพวกเนื้อน้อยจะดีกว่า จับแล้วถ้าไม่นอนแงะขอบจะไม่พบ เพราะนี่ขนาดซ่อนใต้กล้ามเนื้อ จับบางทีโดนบนๆจิ๊ดนึง เอิ๊กโดนรุ่น MX เนินสูงปานกลางเพราะตัวเล็ก และ EXTRA FULL PROJECTION หน้าอกพุ่งทะยานสูง เพราะเนื้อน้อย ใส่ CC ได้ไม่เยอะมาก ก็จัดเต็มให้ดูใหญ่ไปเลย

 

อีกภาพของ PROJECTION ถึง CC เท่ากัน ความสูงเนินอกเท่ากัน แต่ถ้า PROJECTION ต่างกันมองแนวนอนนะคะ เห็นไหมว่าความพุ่งนมจะต่าง ขนาดมองด้วยตาเปล่าก็อาจจะต่าง หวังว่าจะเข้าใจการเขียนของเอิ๊กมากขึ้นนะฮับ ! 

 

ความทรงตัวของรูปทรงและการพัฒนาของเอิ๊กรุ่น TRU3 พัฒนามาให้ใช้งานได้ระยะยาวคงรูปได้ดีมากที่สุด ถุงไม่พับ เปลือกถุงหนานุ่ม คลำไม่เจอขอบ ไม่แตกง่าย แตกก็ไม่ไหล < พูดละเอียดขนาดนี้ ไปขายซิลิโคนเถอะเอิ็งนังเมิ๊ก ! 😎

นี่ไงรุ่น TRUFORM3 พัฒนาแล้ว รูปทรงตั้ง พุ่ง คงรูปยาวนาน แต่อาจไม่ได้สัมผัสแล้วรู้สึกเหมือนธรรมชาติมาก อันนี้ต้องรอพิสูจน์หลัง 1 ปีไป แล้วจะมารายงานนะ

 

 

ข้อเสียคืออะไรรู้ไหมสำหรับ NATRELLE 410

เอิ๊กหามาให้ละ สังเกตุว่าการผ่าตัดปกติถ้าหน้าอกไม่เท่ากันจะใส่ซิลิโคนขนาดต่างกัน แต่ของเอิ๊ก คุณหมอบอกเลยว่าใส่มากสุดคือ 290 cc อีกข้าง  และอีกข้างจะใส่แค่ 280 cc เพื่อให้มันเท่ากันเพราะคุณหมอบอกว่าหน้าอกต่างกันประมาณ 10 cc ปัญหาอยู่ที่ว่าตอนเอิ๊กออกมาจากห้องผ่าตัดคุณหมอใส่ให้เท่ากัน เฉย ไม่ได้ใส่ตามที่ปรึกษากันตอนแรกคุณหมอบอกไม่ต่างกันมาก แต่เอิ๊กบอกตรงๆตอนนั้น คิดแค่ว่าอ้าว แล้วตอนแรกทำไมคุณหมอบอกจะใส่ให้ไม่เท่ากันหนอ คิดว่าแกคงเข้าใจว่าเราอาจเข้าใจยาก เลยพูดมาแบบนั้นไม่ได้อธิบายยาว เอิ๊กเลยเกิดสงสัยว่าทำไมนี่คือเหตุผลเป็นแบบนี้ เหตุผลแท้จริงคืออะไรกัน เลยไปหาเรื่องซิลิโคนที่ตัวเองใส่อย่างละเอียดพบคำตอบเองว่า

 

 

คุณหมอให้ไซส์ขนาดเต็มที่ที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับเอิ๊ก คือ 290 cc อีกข้างจะใส่ให้ 280 cc ประเด็นคือมีความต่างขนาดไซส์อยู่ที่ 255 และ 325 และดูความกว้างของฐานนม พอต่างไซส์กันเยอะฐานจะขนาดไม่เท่ากันด้วย มันจะไม่เท่าทั้งขนาดทั้งฐาน ทั้งความสูง ทั้งความพุ่งชัน [ PROJECTION ] จากตอนแรกวางไว้จะต่างแค่ 10 cc ถ้าเอา 255 จะต่างกันถึง 35 cc หรือ 325 จะต่าง 35 cc และเอิ๊กใส่เกิน 290 cc ไม่ควรไม่ดีต่อสุขภาพและผิวระยะยาว เอิ๊กจึงเชื่อว่าหมอเลือกสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ตอนแรกแอบสงสัย ตอนนี้กระจ่างถึงยังไงเอิ๊กว่ารุ่นนี้ที่เอิ๊กทำ ความสูงของเนินขนาด MEDIUM ยังมีข้อเสียประมาณนี้ค่ะ

 

 

ข้อเสียหยดน้ำ หรือ ทรงเหมือนนมจริงในความคิดเอิ๊ก

  • การวางของทรงหยดน้ำต้องวางอย่างพอดีช่องให้ไม่เคลื่อน ไม่หมุนตัว 
  • ถ้าเลือกไซส์ใหญ่ แผลใต้ราวนมเท่านั้นที่เหมาะสม ดังนั้นการดูแลแผลบอกเลยว่าเห็นชัดเจนสุดในระหว่างที่ยังไม่หาย
  • ทรงหยดน้ำห้ามยุ่งกับมันระหว่างที่รอเข้าที่ เพราะจะเกิดการหมุนตัวได้
  • บนผอม ล่างอ้วนรูปทรงเหมือนนมจริงพอด้านล่างหนา บางทีมันจับแล้วไม่ค่อยนุ่มมากตรงฐานถ้าเราเนื้อน้อย
  • ดูไม่อึ๋มเท่าทรงกลม จะดูเหมาะสมพอดีตัว
  • หัวนมจะอยู่ระดับที่ต่ำกว่าทรงกลม
  • เนินหน้าอกมองเห็นไม่ชัดอย่าทรงกลม
  • ถ้าหน้าอกห่างทำออกมาจะเห็นว่าห่างชัดกว่าทรงกลม
  • เคลื่อนที่ไปมาไม่ได้ไกลมากเหมือนของจริง หรือ ทรงอื่นที่จะนวดให้ขยับไปมาได้เหมือนจริง เพราะป้องกันการหมุนของถุง หมอจึงต้องเลาะช่องหน้าอกให้พอดีที่สุด
  • เวลานอนเธอก็ยังตั้งสวย ไม่ไหลออกข้างมากเหมือนของจริง

[ตัวอย่างพูดเรื่องพื้นผิวทรายจากเว็บคุณหมอศัลยฯต่างประเทศ]

 

 

 

 

ไม่เอาขนาดใหญ่เต็มใจเชื่อหมอ

อ่านกระทู้ไทยเราไปมา ทุกคนเชียร์เอาใหญ่ๆเผื่อหด เราก็บ้าจี้เอาด้วยเห็นแต่ละคนฟูดี แต่หมอพูดมาได้น่าคิด และ เอิ๊กก็คิดในใจอยู่แล้ว ว่าอยากทำเพราะใส่เสื้อผ้าให้ดูดีขึ้น ไม่ได้ทำมาโชว์ออกงาน หรือถ้ามีก็คงนานๆที หมอบอกเราไม่ได้เล่นหนังเอวี 55555 เราก็เออปลอบใจตัวเอง เพราะจำได้ ถ้าผู้หญิงนมสวยขาว ใหญ่ เด้ง เราลืมตัวมองนมเค้าก่อนทุกทีสิน่า แล้วเราอยากให้เขามองหน้าหรือมองหน้าอกก่อน เราก็คิดแบบนี้ คุณหมอบอกมันจะเป็นอันตรายต่อตัวเองบางทีมันใหญ่มากไป ปวดหลัง ไหล่ เนื้อนมบาง จับเจอขอบ อีกอย่างดูทีรูปทรง ถ้าใหญ่มาก หน้าอกเราอาจห่างออกไป ดูตัวบนตันมาก ก็พอเซ้าซี้คุณหมอ พูดมาแต่ละอย่าง เงิบ !!! เอาสมตัวแล้วกันนะฮะ

 

 

 

ซิลิโคนแท้แน่นอนขอกล่องหรือ SERIAL NO. กลับบ้านได้

ความจริงในโรงพยาบาลที่เอิ๊กไปมีชื่อเสียงหลายสิบปีขึ้นมีหลายสาขาในประเทศที่ดังๆ เอิ๊กก็ลืมขอกล่องตอนแรก เลยได้มาแต่ SERIAL NO. และ ขอกล่องมาถ่ายให้ดูว่าของหนูแท้นะฮะ ! 

 

 

รายละเอียดครบถ้วน

การทรงตัวของรูปทรงมีงานวิจัยรองรับ เฮ !!!

ตัวอย่าง CASE STUDY รูปทรงตั้งสวยงามเฉลี่ย 7 ปีแน่นอน เรื่องความคงตัว

– – จบเรื่องซิลิโคนกลับมาที่โรงพยาบาลของเรากันต่อ – –

โรงพยาบาลที่เอิ๊กไปทำติดถนนใหญ่ ย่านอัปกูจอง ถ้าบอกต้องรู้จักแน่นอน

แต่ว่าทาง STMSTYLE ขอร้องจะเปิดเผยแค่คนไข้เท่านั้น ก็โอเคค่ะ

จะบอกแค่ว่าดาราไปถ่ายละครกันเยอะมาก

และ คุณหมอของเอิ๊กเป็นแพทย์ที่ดูแล ศิลปินสังกัด JYP และ SM ENTERTAINMENT

lol ดีใจได้ทำหมอเดียวกับศิลปินดังที่นี่หลายคนมาก ฮ่าฮ่าฮ่า

บรรยากาศสะอาด สบายตามาก หรูเบาเบา คนเยอะ คนเดินเข้าตลอด เพิ่งย้ายมาทำเลใหม่

ดูดีมากค่ะ ชอบเข้าไปเดินเล่น ห้องน้ำสวย เอิ๊กได้นั่งรอห้อง VIP รวมถึงห้องรักษาตัวก็ VIP

ก่อนจะเข้าห้องผ่าตัดต้องถ่ายรูปก่อน และ มาถ่ายรูปหลังผ่าตัด

ในวัน FOLLOW UP หรือนัดต่อไป

ลายมือพยาบาลที่นู่นถ่ายมาฝาก ชื่อคุณหมอเอิ๊กใส่ J ตัวเดียว 55

วินาทีในห้องผ่าตัดจำได้ว่าถ่ายรูปเสร็จเปลี่ยนชุดพยาบาล แล้วเขาก็ผ่าไปห้องผ่าตัด

ที่ไม่ใหญ่มากแต่อุปกรณ์เพียบเลย สายระโยงเต็มช่วงหัว

มีคนอยู่ในนั้นประมาณ 4-5 ชีวิต วิสัญญีแพทย์มาอยู่ที่หัว ให้นับ one two three ตอนปล่อย

ยาสลบปวดกระแสเลือดนิดหน่อย แต่พอปล่อยนับ ON TWO คร่อกกกกกกกก

ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แค่ว่าเขามีสิ่งที่ทำให้แพงคือ

  • ชื่อเสียงหมอ และ หมอเรียนเฉพาะทางทำงานเฉพาะทางมานานจริงๆด้านเดียวเท่านั้น
  • เทคนิคน่าจะต่างจากไทยตรงมีกล้องสอดเข้าไปเพื่อช่วยในการวางซิลิโคนได้แม่นยำ ตัดช่องเนื้อเยื่อให้พอดีเท่าที่จำเป็น ทำให้ไม่สูญเสียเนื้อเยื่อที่ยังดีอยู่ เราก็ไม่ผ่าตัดไปโดน วางได้ตรงเป๊ะ ผ่าพอดีลงบล็อค
  • ส่งผลให้เลือดออกเพียงเล็กน้อย ไม่ต้องมีถุงเลือดห้อยหลังผ่า
  • ทำเสร็จเย็บด้วยไหมละลายไม่ต้องมาตัดไหม
  • ปิดแผลซีลกันน้ำอย่างดีด้วยอุปกรณ์พยาบาลคุณภาพสูงตามราคา กลับบ้านอาบน้ำได้เลย
  • ไม่เจ็บสาบาน !! งงอยู่ เขาเล่ามาสิบล้อทับไม่รู้สึกเลย ไม่ระบม แต่หัวเราะไม่ไหวรู้สึกช้ำข้างในถ้าหัวเราะ ฮ่าๆ
  • ฟื้นตัวเร็ว อย่างที่เห็น ออกมาจากห้องผ่าตัด 2 ชม. ออกกำลังกายยกแขนเลย เดินเองได้ แต่นอนต้องประคองนอนและลุกอยู่ ยังระบมอยู่
  • นมไม่อักเสบ ไม่บวมตั้งแต่วันแรก ณ ปัจจุบันทำมาขนาดเท่าไหน ตอนนี้ก็ขนาดเท่าเดิมไม่มีหดเล็ก
  • ไม่ต้องนวด !!!!!! ไม่เจ็บตัว 

นี่ละมั๊งเหตุผลความทันสมัยเทคโนโลยีขั้นสูง หมอดังประสบการณ์มาก การฟื้นตัวที่ไว การเลือกใช้วัสดุอย่างดีที่สุด และ การฟื้นตัวเร็วหลังผ่าตัดอย่างมาก 

2 ชั่วโมงเต็มที่หลับไป ตื่นมาอย่างที่บอกรู้สึกหมดเรี่ยวแรงจากยาสลบ รู้สึกว่ามีคนปลุก

วินาทีหลังการผ่าตัดบอกเลย ตื่นขึ้นมาน้ำตาไหล งงตัวเองเหมือนกัน และคำพูดแรกคือ

” เอิ๊กรักแม่มากๆนะคะ เอิ๊กรักแม่ ”

และก็บอกรักคนที่สำคัญในชีวิตอีกหลายคน ฮ่าๆ แบบอัตโนมัติ

แล้วพยาบาลหลายท่านก็พยุงร่างเอิ๊กลงเตียงอุ่นๆ หนาวมาก หนาวตัวสั่นเลย

จนพยาบาลต้องเอาผ้าห่มมาให้อีกผืน และ ปรับอุณหภูมิเตียงอุ่นที่สุด

 l8 ชั่วโมงเท่านั้นในรพ.

ตื่นขึ้นมารู้สึกแน่นเล็กน้อยที่หน้าอก หายใจไม่เต็มปอดแต่ไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลย

ออกมาจากห้องผ่าตัดทันทีก็ถูกปลุกให้ตื่นห้ามหลับ คือ ทรมานมาก พอตาจะปิด

แม่ก็จะตะโกนมาว่า เอ้ย ห้ามหลับ !!! [ง่วงจะแย่]

แล้วก็หามุขตลกขำจนระบมหน้าอกมาให้เราต้องฝืนลืมตาไป 4 ชม.

และทุก 2 ชั่วโมงต้องออกกำลังกายเลย !!! หลับก็ต้องตื่นขึ้นมาทุก 2 ชั่วโมง

กางแขนบินไปรอบละ 10 นาที สรุปนอนไม่ได้เต็มอิ่ม หิวก็หิว

ไม่ได้ทานอะไรเกือบ 24 ชั่วโมง แม้แต่น้ำ ข้อดีคือ

ไม่อยากอาเจียนจากยาสลบแค่เสียงแหบและก็อาการดีขึ้นเรื่อยๆ

นี่คือทรงผมที่อินเทรนด์ที่สุดหลังจากออกจากห้องผ่าตัด ส๋วยยยยมากกกกก ! 5555

ออกมาแน่นอนห้ามหลับเลยเดินมาเที่ยวห้องน้ำ

สิ่งที่ทำให้เราตื่นเต้นคือ อะไรที่แปลกใหม่ในตัวเรา แหวกเสื้อดูซะถอดถ่ายรูปเล่นซะหน่อย

ความคิดแรก ” โหเล็กอะ ” 555555555555 เอาโว้ยยังดีกว่าไม้กระดานแต่ก่อน

สิ่งที่ตื่นเต้น ภาพหน้าอกเอิ๊ก เหมือนที่หมอเปิดให้ดูเด๊ะ

ว่าจะออกมาประมาณนี้หมอเก่งสุดยอด

ดีจังไม่เจ็บเลย แต่ยังหายใจไม่สบายรู้สึกมีอะไรกดไว้หนักนิดนึง เวลาสูดหายใจเข้าเต็มปอด

จะแอบเจ็บเล็กๆ ก็อดทนสูดมันเข้าไป เต็มปอดดดด เต็มปอด มันดีขึ้นไวมากกกกก

และแล้วก็กลับไปนอน ตื่น นอน ตื่น เพราะต้องออกกำลังกายต่อ

อุตส่าห์ดีใจจะได้ทานข้าว ทานน้ำ ปรากฎว่า วิตามินเอ เพื่อการหายระบม และ อักเสบไว

ซุปฟักทองกันมาเลย บอกตรงๆ แอบนอย 55555555 ฉันหิวววววววววข้าว lol

แต่ถ้วยนี้ก็เกลี้ยง และแล้วนอนยังไม่ถึง 16 ชั่วโมงดี ผ่าตัดไป 2 ชั่วโมง

รวมแล้วกระบวนการผ่าตัด และ พักไม่เกิน 18 ชั่วโมง หมอเข้ามา SAY HI

บอกเอิ๊กว่า หน้าอกเธอเป็นการผ่าตัดที่ดีมาก ไม่อักเสบและบวมเลย

คุณหมอก็เอาผ้ามารัดเหนือเนินอก บอกรัดไว้ 2-4 อาทิตย์ ไอตอนนี้แหละ

เจ็บเวลารัดผ้าอึดอัด พอถอดออกพักเจ็บมากเลยค่าาาาาา  – – ” และอัญเชิญ

มาดามเมิ๊กกลับสู่โลกภายนอกอย่างไว คนอื่นจะได้มาหลั่นล๊าบ้าง ข้างห้องนี่พันผ้าทั้งหน้า

สงสัยมาทำหน้าเรียว ชัวร์ อิอิ

แต่งตัวกลับบ้าน หน้าหนาวนี่อากาศดีแท้ ใสใส หน้าตาไม่เหมือนคนผ่าตัดมา

นี่คนเพิ่งผ่าตัดมาเหรอ เพิ่งผ่านมา 10 กว่าชั่วโมง หลั่นล้าเชียว นอนก็หลับๆตื่นๆ – – “

หน้าห้องซะหน่อย VIP เบอร์ 8 ก่อนกลับ ทุกคนดูแลเอิ๊กดีมากขอบคุณมากนะคะ

ไซส์ที่เปลี่ยนไปของเอิ๊กแบบธรรมชาติสมตัว

เอาเป็น CUP แล้วกันนะ ก็ปรับขึ้นเล็กน้อย

B ไป D ปวดหลังมากเหมือนเดิมตอนเป็นประจำเดือนตามปกติ นอกนั้นทุกวันไม่ปวดค่ะ

พักฟื้น ?

ไม่ได้พักอะไร อาการหลังจากนั้นมีแค่วันที่ 2 รำคาญมาก เหมือนปวดประจำเดือนแต่ย้ายมาปวดตรงหน้าอก นอนไม่หลับ ยาแก้ปวดช่วยได้บ้างที่โรงพยาบาลให้มาทาน 7 วัน วันที่ 2 ปวดวันเดียว นอนนั้นไม่เป็นอะไร เดินเล่น ทำงานทุกวัน ไม่ได้พักเลย พักตอนชอปปิ้ง 55555555 ออกชอปปิ้งตั้งแต่วันแรกจ๊ะ ฟิตมาก พี่ล่ามเดิน กันข้างๆเลย ไม่ให้ใครเดินชน เดี๋ยวนมเคลื่อน เอาเป็นว่าไม่มีใครรู้ ในไทยเอิ๊กโพสรูปเอิ๊กใช้ชีวิตตามปกติ ไม่มีใครรู้ว่าเอิ๊กผ่าตัด ถึงบอกว่าฟื้นตัวสำหรับเอิ๊กเร็วมากจริงๆ

ออกจากโรงพยาบาลทันทีก็หาข้าวทานเลย ไม่ได้นอนอะไรเลย เดินเท้าด้วย

อยู่โรงพยาบาล แม่ก็หาของให้โดฟ กินเข้าไป โสม ผลไม้วิตามินซี

ทำงานเสร็จกลับมาก็มานอนแวบนึงแล้วไปเดินเล่นข้างนอกทุกวัน

อาหารว่างที่แม่เตรียมไว้ให้ น้ำแอบเปิ้ล สตอเบอร์รี่ น้ำโสม ผลไม้ส้มสด น้ำเปล่า เกาลัด ฯลฯ

สิ่งที่ทำไม่ได้ช่วงพักฟื้น

  • ลุก และ นอนเอง เพราะมันจะรู้สึกระบมข้างในช้ำๆ ถ้าอยู่เฉยๆไม่เจ็บ
  • หัวเราะยังไม่ได้ผ่านไป 7 วัน ถึงจะเริ่มไม่ค่อยระบมข้างใน 555 ช่วงนั้นงดคุยกับเพื่อนสาวจ๊า เดี๋ยวขำตาย

เช็คร่างกายตามหมอนัด

เมืองไทยเราคงไปตัดไหม อันนี้ไปดูสภาพอากาศน้องนมหลังจากทำไป 4 วัน HOW R YOUR GUMMY BEAR ? [ GUMMY BEAR ศัพท์แสลงเมืองนอกทำหน้าอกนี่ละ ] เมืองไทยก็มีเรียกเกี่ยวกับหน้าอกที่ทำหลายอย่าง น้องซิลี่ [ซิลิโคน], น้องนม, หน้าอก[ตรงๆ], ทรงกลม, หยดน้ำ ฯลฯ ประมาณนี้ เมืองนอกก็ BREAST AUGMENT, BREAST IMPLANT etc.
หมอบอกคำเดียวว่าไม่อักเสบ รูปทรงสวย ต้องเปิดนมให้หมอดูอีกแล้ว ฮือๆๆๆๆๆ
และก็สั่งจ่ายยาบางตัวเพิ่ม เช่น ยาทา พร้อมกับถ่ายรูป AFTER ตอนกลับลงในประวัติด้วย
จากนั้นก็ไม่ได้พบหมอแล้วเตรียมตัวกลับไทย
 
ยาที่ได้มาทานในการดูแลหน้าอก และ แผลของนม
เราต้องงดพวกยาและวิตามินมาก่อนผ่าตัด 2 อาทิตย์ และ ตอนกรอกประวัติก็ต้องแจ้งไปว่าแพ้อะไรบ้าง เราจะได้รับยามาชุดนึงเป็นยาแก้อักเสบ แก้ปวด 7 วัน และ มียาบางตัวทานนานเป็นเดือน พร้อมยาทาน และ ซิลิโคนชีท แปะรักษาแผลกันนูน มาดูกัน
ยา 7 วัน ชุดแรกที่ต้องรับประทาน ก็จะจัดใส่ซองมาให้อย่างดี มีถุงละ 3 เม็ด
ทานตามคุณหมอสั่งเลย
พยาบาลรับคำสั่งหมอ และ ออกใบการทายาให้เอิ๊ก เป็นภาษาเกาหลี
ซึ่งพี่ล่ามจะเขียนแปลไทยให้ มีอะไรบ้างมาดูกัน
  1. ใบคู่มือการใช้ยา ทายา เราต้องทำตาม และ คำแนะนำ คือ ห้ามนวดนม เพราะไปเถียงกับหมอในห้อง หมอบอกอีกครั้งอย่านวดนะ
  2. SINGULAIR 10 MG ทาน 2 เดือน ยานี้หาข้อมูลช่วยเรื่องการหายใจ พวกหอบของเด็ก ยาแพงมาก แต่มีข้อมูลบางอย่างที่เอิ๊กหามาเองพบว่ายาตัวนี้จะช่วยลดการอักเสบ และ ป้องกันการหดรัดของพังผืดได้ แต่มันมี Effect ที่หาข้อมูลมาว่า มันจะมีผลต่ออารมณ์ อารมณ์แปรปรวน ซึมเศร้า หงุดหงิดง่าย ช่องคลอดแห้ง ฝรั่งบางคนบอกว่ามีผลต่อการไปไม่ถึงจุดสุดยอดของเธอ อันนี้อ่านเจอมา ไม่รู้จริงหรือไม่ ฯลฯ ณ จุดนี้เอิ๊กหาข้อมูลเพิ่มเอง เพราะรู้สึกแปลกๆกับอารมณ์ตัวเอง จึงพยายามค้น ก็ทานไป เกือบ 2 เดือน จนหมอบอกว่าถ้ามันเกิด Effect มากใกล้จะครบแล้วหยุดได้ไม่เป็นไร ที่รพ. ไม่ค่อยเจอคนไข้เจอผลข้างเคียง
  3. Eldoquin Forte 4% ไฮโดรควิโนน สั่งจ่ายโดยแพทย์ เอามาทาแก้แผลดำ แต่ถามหมอไทยมันก็เป็นยาอันตรายอยู่พอสมควร ควรทาแต่บางๆ และ ใช้กับแผลที่ดำ ตอนนี้แผลแดง อาจเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เอิ๊กไม่ใช้ตาม เพราะเอิ๊กกลับมายิงเลเซอร์ และ อยู่ในความดูแลของ ISKYCENTER ในเรื่องของแผล ตอนนี้ยังแดงมากอยู่ อาจเพราะใช้ไหมละลายด้วย และแดงมาก แดงนาน
  4. ยา 3 เม็ดก็เป็นยาฆ่าเชื้อ ยาแก้อักเสบ ยาแก้ปวดปกติ
  5. SILICONE SHEET ยี่ห้อ ILDONG ของเกาหลี เอามาแปะแผล ส่วนนึงกันการเสียดสีของเสื้อผ้า เพราะเอิ๊กผ่าแผลยาว 4 cm ใต้ราวนม และ ป้องกันแผลนูน ทุกวันนี้ติดตลอดเวลา แต่เปลี่ยนยี่ห้อ แผลเรียบ แต่แดงมาก
  6. ผ้ารัดเหนือนม ยี่ห้อ MERENA GROUP ทำมาเพื่อคนทำหน้าอก ด้วยผ้า FIBER อย่างดี 
* อิอิ เป็นไงรู้ทุกอย่างที่เขาให้มา ชอบหาข้อมูล สนุกมาก ว่าแล้วรัดที่ไรก็ปวดโฮก รัดไป 2 อาทิตย์ พัก 1 อาทิตย์ ต่ออีก 2 อาทิตย์ รัดแบบต้องแน่นนิดนึงให้นมคล้อยไว และ เท่ากัน

แผลตอนนี้เป็นอย่างไร ?

ขอบอกว่าเรื่องนี้อาจรีวิว 1 ปีให้หลัง ตอนนี้อยู่ในความดูแลของ ISKYCENTER เอิ๊กยิงเลเซอร์หลังจากกลับมาไม่เกิน 3 อาทิตย์ เพราะมีผลวิจัยบอกว่ายิงเร็วยิ่งดี แนะนำ VBEAM แต่เอิ๊กยิง CYNERGY โดยตั้งค่าพลังงานคล้ายกัน ตอนนี้ยิง 4 ครั้งแรก แผลเรียบสนิท มีครั้งนึงเหมือนจะปูด คุณหมอ ฉีดสเตรียรอยด์ให้ คุณหมอที่ดูแลเอิ๊กมี 4 ท่าน เรียกว่าไปแล้วเจอท่านไหน ก็ยิงกับท่านนั้น คุณหมอรังสิมา คุณหมอวรพงษ์ คุณหมอวลัยลักษณ์ คุณหมอกิตธีรา ไหมละลายแผลอาจจะแดงเข้ม และ อาจแดงอยู่นาน มีวันนึงชิ้นไหมหลุดมาหลังจากผ่านไป 3 เดือน ฮ่าๆ ตกใจตอนนี้เรียบแล้ว แผลต้องรอประมาณ 1 ปีสีถึงรูปร่างจะค่อยๆดีขึ้นตามลำดับและไม่เปลี่ยนแปลง ในกรณีที่หน้าตาแผลจะปูด ยุบ ป่อง เกิดจากการเคลื่อนไหวของบริเวณแผล การยืด ความตึงกล้ามเนื้อ รวมถึงการเย็บ เป็นต้น

ถ่ายวันที่ 27/7/13 ตอนนี้ยังแดงอยู่ไว้รายงานเมื่อครบ 1 ปีแต่ไม่มีคีย์ลอยด์ครับผม
ต้องขอบพระคุณ ISKYCENTER ด้วยค่ะ
ปล. ตอนนี้เหมือนไหมยังละลายไม่หมด รอต่อไป

เวลามีปัญหาทำยังไงศัลยกรรมไกลถึงเกาหลี

STMSTYLE ดูแลเอิ๊ก ข้อด้อยอีกอย่างอาจต้องรอแปลจากคำถามเราเป็นเกาหลี ส่งรพ. รอคุณหมอว่างตอบเป็นเกาหลี รอแปลไทยจะส่งถึงเราอีกที แต่ทุกอย่างจะมีตราสัญลักษณ์รพ. อย่างสวยงามอันนี้ตัดมาให้เฉพาะที่เคยถามคุณหมอแล้วรอคำตอบซักระยะค่ะ ในคำถามเอิ๊กถามเยอะ ละเอียด เลยต้องรอคุณหมอเป็นคนตอบ

 

ผิวทรายทรงหยดน้ำหมอสั่งห้ามนวดหน้าอก

เป็นความรู้สึกทรมานมากปกติคนไทยเขานวดกันนะ แอบถามหมอ ดื้อกับหมอตั้งนาน 5555 หมอต้องตอบย้ำๆ ว่าอย่า มันจะนิ่มเองเชื่อหมอ [ เชื่อหมอเท่านั้นสำคัญสุด ] แต่ไม่วาย ไปหาข้อมูลมาอีก 55555555 ทำไมห้ามนวด เปิดเว็บต่างประเทศอ่านความเห็นหมอต่างประเทศหลายคนมาก สรุปให้ฟังนะคะ เอิ๊กคงเป็นคนไทยคนแรกที่ไม่นวดตามหมอสั่งรึเปล่าไม่รู้ แต่เดี๋ยว 1 ปีจะมาเล่าให้ฟังว่าเป็นยังไงบ้าง

ห้ามนวดทรงหยดน้ำเนื้อผิวทรายคุณหมอต่างประเทศหลายท่านต่างมีความเชื่อหลากหลายดังนี้

  1. ต้องทำตามแพทย์สั่งเท่านั้น เพราะแพทย์เราเรียนและมีประสบการณ์สูงเฉพาะด้านทางนี้ จะรู้ดีที่สุด ข้อนี้ทุกท่านตอบเหมือนกัน
  2. เกิดการหมุนของตัวถุงซิลิโคนซึ่งมีคนเคยเกิดมาแล้ว
  3. ยังไม่มีงานวิจัยไหนออกมารับรองว่านวดแล้วจะลดการเกิดการหดรัดตัวของพังพืดรอบถุงซิลิโคนจนเกิดความเสียหาย นมกลมเป็นลูก ขึ้นกับเนื้อเยื่อคน และ พื้นผิวของถุงซิลิโคนมากกว่า
  4. บางคนเชื่อว่าการนวดเป็นวิธีที่เก่า และไม่ได้ช่วยเรื่องพังผืดหดรัดมาก แถมเจ็บตัว และ ทำให้ช่องที่เลาะใส่ซิลิโคนใหญ่ขึ้น พอซิลิโคนเคลื่อนไหวไปมา ทรงที่ทำไว้ก็เปลี่ยน
  5. เนื้อผิวทรายถูกออกแบบมาไม่ให้พังผืดหดรัดง่ายอยู่แล้ว มันจะค่อยๆนิ่มลงเองเมื่อเวลาผ่านไป
  6. ส่งผลต่อการยืดของแผลผ่าตัด ทำให้แผลไม่สวยได้
  7. การเคลื่อนไหวร่างกายทุกวันคือการออกกำลังกายหน้าอกอยู่แล้ว
  8. นวดไม่นวดสุดท้ายเมื่อเวลาผ่านไปนิ่มเท่ากัน
  9. การนวดบริเวณแผลที่หายสนิทแล้วเบาๆเป็นเรื่องดี มีผลวิจัยบอกว่าทำให้แผลนุ่ม และ ราบเรียบได้
หมอคนนี้บอกว่าการนวดอาจไม่ได้ช่วยเรื่องพังผืดหดรัด ต่างประเทศเรียกว่า CAPSULAR CONTRACTURE
แต่เขาเชื่อว่าช่วยให้นมนิ่มเร็ว คล้อย ฟู อิ่มเข้ารูปเร็วขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ทำให้รู้สึกสบายตัว
ไม่รู้สึกอึดอัดนาน ทำให้รู้สึกดีขึ้น ประมาณนี้

การเกิดการหดรัดของพังผืด [ CAPSULAR CONTRACTURE ] ที่หลายคนกลัวและพยายามนวด พังผืดหรือเปรียบเสมือนแผลเป็นหลังจากการผ่าตัดใต้ผิวหนัง เมื่อมีการเกิดบาดแผลของเนื่อเยื่อร่างกายเราก็สร้างพังผืดเวลาเราเกิดแผลเป็นปกติ สังเกตุแผลตามตัวบางทีทำไมมันแข็งๆ นูนๆ ลึกลงไปใต้ผิวหนังเราก็จะเป็นพังผืด จะมากน้อยก็ขึ้นกับร่างกายคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน หากเกิดพังผืดที่มากเกินไป หนาชั้นมาก จนทำให้รัดถุงซิลิโคนมากจนทำให้รูปทรงนมเวลามองเห็นเปลี่ยนไป นมแข็งขึ้น และ บางคนก็ถึงกับมีอาการปวด ไม่ว่ายังไงก็ต้องเอาออก [ ทำให้หลายคนต้องนวด คนไทยจะนิยมนวดกันเพราะบอกว่าช่วยลด แต่แพทย์ต่างประเทศบอกว่ากับถุงซิลิโคนบางทรงก็อาจจะไม่ต้อง มันไม่ได้มีการยืนยันหรือวิจัยว่าลดได้ แต่จะทำให้คนไข้สบายตัว กล้ามเนื้อคลายตัว หน้าอกนิ่ม ฟู และ คล้อยเป็นธรรมชาติเร็วขึ้น เกิดความสบายตัวแน่นอน ยังไงก็ตามเชื่อแพทย์ตัวเองถูกต้องที่สุด ]

กล้ามเสริมหน้าอกใต้กล้ามเนื้ออาจช่วยได้ลด % ความเสี่ยงลงได้บ้าง

ก่อน-หลังอัพไซส์หน้าอก ความรู้สึก การเปลี่ยนแปลง

  • ความรู้สึก

ข้อดี

♥ เหมือนได้ชีวิตใหม่ เราเป็นผู้หญิงค่ะ เข้าพวกแล้ว เราไม่แตกต่างจากคนอื่นแล้ว

♥ มีความสุขมาก นี่ละมั๊งความรู้สึกของคนที่ศัลยกรรมมาแล้วได้ผลลัพธ์ที่ดี ปลอดภัย ตรงใจ

♥ รู้สึกมั่นใจขึ้นเวลาใส่เสื้อผ้า ไม่เปลืองเงินซื้อซิลิโคนมาดัน

ไม่ได้โชว์หน้าอกแต่รู้สึกตัวเองอ่อนหวานขึ้น เป็นผู้หญิงมากๆบางเวลา

รู้สึกโชคดีมากๆ มีแต่เรื่องดีดีเข้ามาในชีวิต 5555555 ก็ชีวิตใหม่นิ

♥ ที่สุดของชีวิตวัย 25 ปี เป็นของขวัญที่ดีที่สุด 5555 ในความมั่นใจที่ได้รับ

ข้อเสีย

♥ เอิ๊กกลัวแผลเป็นมาก ไม่ชอบเลย แต่เมื่อทำแล้วต้องรับให้ได้ ก็ต้องใช้เวลาดูแลค่ะ

♥ หมอห้ามนวด ทำให้เอิ๊กต้องรอให้หน้าอกมันนิ่มเข้าที่นานกว่าคนอื่นเป็นปีเลย แต่จะรอนะคะ

♥ ส่องกระจกวันละ 20-30 รอบเปลี่ยนชุดนั้น ชุดนี้ไปมา เหมือนคนบ้า – – ” เป็นประจำ

  • การสัมผัส รูปทรง

ของจริง

♥ ข้อดี
สัมผัสนุ่มเป็นธรรมชาติ เป็นก้อนเนื้อ และบางคนอาจมีเนื้อเหลวไปนิดนึง อาจเป็นเพราะไม่ค่อยออกกำลังกายหรือนวดมากไป อิอิ
♥ ข้อด้อย
รูปทรงธรรมชาติถ้าใหญ่มากก็มีโอกาสหย่อนคล้อยตามแรงโน้มถ่วง
มีดหมอ
♥ ข้อดี
ทรงดูกระชับเข้ารูป ไม่คล้อยมากเหมือนของจริง และเป็นทรงแบบนั้นหลายปีขึ้นไป ไม่ค่อยเปลี่ยน
♥ ข้อด้อย
สัมผัสนุ่มแต่ไม่นิ่มมากเท่ากับธรรมชาติ แต่ยังไม่สามารถตัดสินได้กับวิวัฒนาการที่เพิ่งทำมาใหม่ เพราะยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ ต้องวิเคราะห์อีกทีหลังจากผ่านไป 1-2 ปี หลังทำมันดูเต่งตึงมาก ๆ เหมือนจะแตก ผิวดูเงา ๆ เหมือนลูกโป่ง ตึงเปรี๊ยะเหมือนยางแน่น ๆ แต่ไม่ถึงกับแข็งโป๊ก บริเวณหัวนมจะแข็งไวต่อการสัมผัสมาก
ผ่านไป 4 เดือน ด้านบนนิ่มลงอย่างรู้สึกได้ชัดมากประมาณ 80% หัวนมนิ่มลง ด้านล่างตั้งแต่หัวนมลงไป จะยังรู้สึกตึง ๆ แต่ไม่แน่นมากเหมือนตอนแรก นิ่มลงช่วงบนประมาณ 80% ด้านล่าง 30%

 

 

สรุปการทำศัลยกรรมหน้าอกที่ประเทศเกาหลี

♥ ข้อด้อย
  • ภาษาบางทีเรามีภาษาเฉพาะอยากอธิบายให้หมอฟังแต่พูดไม่ถูก และ พี่ล่ามก็ไม่เข้าใจเรา
  • รออีเมลล์คุณหมอตอบใช้เวลาเหมือนกัน มันต้องเป็นระบบ
  • เกิดปัญหาต้องบินกลับไปไกล แต่เผอิญสวยงาม ไม่มีปัญหาใดใด
  • ไหมยังไม่ละลายหมอมีเหลือตกค้างบ้างนิดหน่อย
  • แพงเลือดสาด คุ้มกับคุณภาพระดับ HI END ไหม ลองอ่านข้อดี 
  • ไซส์ใหญ่ไม่ต้องบินมา หมอให้เท่าที่สุขภาพที่ดีของเราจะรับได้
  • น้ำหนักขึ้น หนัก … นม เกือบโล ขนาดใส่เล็กๆ ประมาณ 6 ขีด
  • ห้ามนวด รอนิ่มนาน แต่จะรอ เพื่อแผลที่สวยเป๊ะไม่ดึงรั้งเวลานวดแรง
♥ ข้อดี
  • ชื่อเสียงหมอ และ หมอเรียนเฉพาะทางทำงานเฉพาะทางมานานจริงๆด้านเดียวเท่านั้น
  • เทคนิคน่าจะต่างจากไทยตรงมีกล้องสอดเข้าไปเพื่อช่วยในการวางซิลิโคนได้แม่นยำ ตัดช่องเนื้อเยื่อให้พอดีเท่าที่จำเป็น ทำให้ไม่สูญเสียเนื้อเยื่อที่ยังดีอยู่ เราก็ไม่ผ่าตัดไปโดน วางได้ตรงเป๊ะ ผ่าพอดีลงบล็อค
  • ส่งผลให้เลือดออกเพียงเล็กน้อย ไม่ต้องมีถุงเลือดห้อยหลังผ่า
  • ทำเสร็จเย็บด้วยไหมละลายไม่ต้องมาตัดไหม
  • ปิดแผลซีลกันน้ำอย่างดีด้วยอุปกรณ์พยาบาลคุณภาพสูงตามราคา กลับบ้านอาบน้ำได้เลย
  • ไม่เจ็บสาบาน !! งงอยู่ เขาเล่ามาสิบล้อทับไม่รู้สึกเลย ไม่ระบม แต่หัวเราะไม่ไหวรู้สึกช้ำข้างในถ้าหัวเราะ ฮ่าๆ
  • ฟื้นตัวเร็ว อย่างที่เห็น ออกมาจากห้องผ่าตัด 2 ชม. ออกกำลังกายยกแขนเลย เดินเองได้ แต่นอนต้องประคองนอนและลุกอยู่ ยังระบมอยู่
  • นมไม่อักเสบ ไม่บวมตั้งแต่วันแรก ณ ปัจจุบันทำมาขนาดเท่าไหน ตอนนี้ก็ขนาดเท่าเดิมไม่มีหดเล็ก
  • ไม่ต้องนวด !!!!! ไม่เจ็บตัว ไม่เปลืองเงินค่านวด 5555555
ภาพก่อน-หลังทำหน้าอก
ก่อนก็ดูตัวบางดีค่ะ เรียบเลยดูชุดเสื้อแดงสิ๊ เสื้อชมพูสิ๊ 555
หลังก็ดูอวบอิ่มขึ้น น้ำหนักไม่ลงเลย อ้วนขึ้นด้วย แต่มีความสุขมากกกกกก
” เป็นไงบ้างบล็อคนี้จัดเต็มให้เลยนะคะ เอิ๊กรู้แค่ว่าเอิ๊กทำสิ่งที่ถูกต้องที่สุดในชีวิต 555555 “

ข้อมูลตัวพิมพ์บทความทั้งหมดถือเป็นลิขสิทธิ์ของ www.erk-erk.com แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเอิ๊กเรียบเรียงและเขียนเองทั้งหมดโดยได้รับอนุญาตลิขสิทธิ์ภาพและภาพบางส่วนจาก STMSTYLE.COM ที่ให้เผยแพร่ต่อได้โดยให้เกียรติลงเครดิต และขอความกรุณาคนไทยด้วยกันไม่ดัดแปลง แก้ไข ข้อความส่วนใดทั้งสิ้นนะคะ กราบขอบพระคุณล่วงหน้า ตั้งใจทำมาก อยากให้คนไทยที่มีความคิดที่จะทำศัลยกรรมได้อ่านอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจทำอะไรลงไปกับร่างกาย ใส่ความคิดตัวเองลงไปบ้าง ภาษาส่วนตัวแต่ไม่เปลี่ยนแปลงความจริงที่เกิดขึ้น

 

 

ที่มาส่วนประกอบข้อมูล รูปภาพ

  • รูปภาพลิขสิทธิ์โรงพยาบาลสังกัด STMSTYLE
  • รูปภาพ GOOGLE บางส่วน
  • รูปภาพข้อมูล http://www.southfloridaplasticsurgery.com/
  • ข้อมูล REALSELF.COM
  • ประสบการณ์จากการทำศัลยกรรมส่วนตัว และ จากที่ได้พบเห็นมาจริง

BEAUTY PARTNER STMSTYLE

Posted in SURGERYComments (2)

ศัลยกรรมหน้าเรียวที่ประเทศเกาหลี กับ STMSTYLE

คำเตือน เนื่องจากเนื้อหาอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการตัดสินใจกระทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของร่างกายได้ (ศัลยกรรม) ขอแสดงความรับผิดชอบในเนื้อหาด้วยการบังคับให้ทุกคนอ่านคำเตือนก่อนทุกครั้ง การทำศัลยกรรมที่เป็นการผ่าตัดทุกชนิด จะเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นบริเวณเนื้อเยื่อในร่างกาย เกิดบาดแผลเมื่อผ่าตัด เมื่อตัดสินใจแล้วผลของแผลทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็นจะคงอยู่ตลอดไป ไม่สามารถเรียกเนื้อเยื่อเก่าให้กลับมา หรือ ลบเลือนแผลเป็นที่เกิดขึ้นใต้ผิวหนัง (พังผืด) บนผิวหนัง (แผลเป็น) ให้หายไปหมดได้ การผ่าตัดยิ่งใหญ่มากเท่าไหร่ โอกาสมีแผลบนผิวหนังแน่นอน 100% การศัลยกรรมทุกชนิด เป็นเรื่องที่ต้องดูแล และ สังเกตุความเปลี่ยนแปลงที่ไม่ปกติตลอดชั่วชีวิตเหมือนสุขภาพร่างกายของคนเรา วัสดุบางชิ้นไม่ได้เกิดมาเพื่ออยู่กับเราไปจนตาย อาจต้องมีการเอาออก เอาใส่เข้าไปใหม่ หรือ ถึงช่วงอายุขัยนึง เราอาจจะนำมันออกไปและไม่ใส่เข้าไปใหม่อีกเลย ก่อนตัดสินใจทำอะไรกับชีวิต คุณมีข้อมูลดีพอรึยัง ให้ถามตัวเองอยู่เสมอ

ด้วยความรัก และ ปรารถนาดีอย่างสูง

 erk-erk

 

บทความนี้คงเป็นอีกบทความที่หลายคนรอคอย ” ศัลยกรรมหน้าเรียว V-SHAPE V-LINE “

ก่อนจะทำหน้าเรียว มาเช็คกันก่อน คุณหน้าไม่เรียวเพราะเหตุใด 

เอิ๊กเขียนให้อ่านอย่างละเอียดไว้แล้ว CLICK ที่ภาพ

กระดูกส่วนไหนบ้างที่สามารถศัลยกรรมหน้าเรียวได้

กระดูกโหนกแก้มสูง

กระดูกแนวกรามใหม่

กระดูกคางสั้น

กระดูกปากยื่น

เพราะสำหรับโรงพยาบาลเกาหลีในสังกัด STMSTYLE จะเน้นที่ศัลยกรรมกระดูกอย่างจริงจัง

 
การผ่าตัดศัลยกรรมปรับเปลี่ยนรูปหน้า STMSTYLE มองว่า เป็นการผ่าตัดที่จำเป็นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญทางเทคนิค และประสบการณ์ในการผ่าตัดสูง และ ต้องจัดการให้ครอบคลุมทั้งขั้นตอนของการรักษา และการดูแลหลังการผ่าตัดให้เหมาะสมด้วย ในการผ่าตัดแพทย์จะต้องทำการพิจารณาถึงลักษณะของกระดูกบนใบหน้าเพื่อไม่ให้เกิดการสบกันแล้วทำให้รูปของโครงหน้าเปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้ยังมีการศัลยกรรมแก้ไขรูปหน้าที่ไม่สมส่วน ให้ได้ใบหน้าที่เรียวสมมาตรเหมาะสมกับคนไข้แต่ละคนอีกด้วย 
จะผ่าตัดศัลยกรรมกระดูกบนใบหน้าได้จะต้องดูอะไรร่วมด้วย
เช็คสมรรถภาพกระดูกกราม ได้แก่
  • ความหนาความสูงของกระดูกกรามทั้งอัน
  • ความสัมพันธ์ระหว่างกระดูกกรามและกระดูกใบหน้าส่วนบน
  • การสบฟันว่า ผิดปกติด้วยหรือไม่
  • ความหนาของกล้ามเนื้อมุมกราม
  • ความผิดปกติของกระดูกกรามส่วนอื่น เช่น คาง ข้อขากรรไกร รวมทั้งฟันซี่ต่าง ๆ
เพื่อจะได้นำข้อมูลมาประกอบการตัดกรามว่าจะสามารถทำให้ใบหน้ามีการเปลี่ยนแปลงมากน้อยเพียงใด และ จะได้รูปร่างของใบหน้าสมดุลย์กับส่วนอื่นของใบหน้าหรือไม่ รวมทั้งศึกษาแนวในการตัดกระดูกกรามว่าจะตัดในแนวใดจึงจะเหมาะสม 
ข้อดี ข้อเสีย ของการศัลยกรรมกระดูก
 
ข้อดี หน้าเราก็จะดูเรียวลงแบบเห็นได้ชัด / ค่าใช้จ่ายเพียงครั้งเดียวแต่ผลถาวรตลอดไป
ข้อเสีย หากเราไม่ชอบเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกลับมาเป็นแบบเดิมได้ / ต้องได้แพทย์ที่เก่งและเข้าใจสรีระโครงสร้างใบหน้าเราดีพอ รู้ว่าจุดไหนที่สามารถที่ทำให้เราพอใจ / ราคาสูงมาก
 
ทำไมการทำหน้าเรียวถึงฮิตมาก ความจริงเอิ๊กคิดว่าเป็นเพราะวัฒนธรรมที่รับต่อๆกันมา หากเรามองในอีกมุม เราน่าจะมองให้ใบหน้ามีความสมดุลได้สัดส่วน ทั้งส่วน ” บน กลาง ล่าง เวลามองความกว้างของใบหน้าทั้งด้านหน้า และ ด้านข้างได้รูป ที่สำคัญต้องได้สัดส่วนกับมิติอวัยวะที่โค้งนูนโดยรอบๆ เช่น ความสมดุลระหว่าง หน้าผาก กับ จมูก จมูก กับ ริมฝีปาก “ ซึ่งทั้งหมดนี้เกาหลีจะใช้เป็นหลักในการทำศัลยกรรมกระดูกเพื่อให้หน้าเรียวขึ้น หรือ ที่เราเรียกว่า V-LINE คือ มีการวัดโดยเครื่องเป็นมาตราที่ชัดเจน รวมถึงการ SCAN ให้เห็นกระดูกบริเวณหัวกะโหลกทั้งหมดหน้าถ้าหากทำตามการศัลยกรรมที่ถูกวิธี ก็จะทำให้เป็นการผ่าตัดที่ถูกต้องแม่นยำกว่า ผิดพลาดน้อยกว่า

 

 

ใบหน้าที่ได้สัดส่วนเท่ากันทั้งสองฝั่ง หรือ เมื่อแบ่งย่อยก็จะต้องเท่า หรือ สมมาตรกัน
     หรือ ที่STMSTYLEจะวัดใบหน้าของคนทั่วไปโดยแบ่งส่วนออกเป็น 3 ส่วนหลัก ๆจากบนลงล่าง คือ
ส่วนบนสุด ได้แก่ ส่วนหน้าผากทั้งหมดตั้งแต่โคนผมจนถึงช่วงเหนือคิ้ว
ส่วนกลาง คือ ส่วนคิ้วจนถึงปลายจมูก
ส่วนล่างสุดคือ ปลายจมูกจนถึงปลายคาง
การมีสัดส่วนของใบหน้าที่สมส่วน และ ได้ระยะความห่างของแต่ละส่วนที่เหมาะสม
ก็จะดูเข้ารูปขึ้นการศัลยกรรมผ่าตัดกระดูกสามารถทำให้โครงสร้าง
ของใบหน้าเปลี่ยนแปลงได้
การผ่าตัดศัลยกรรมกระดูก หรือ V-LINE จะต้องมีการออกแบบเส้นโครงหน้าให้ดูมี 3มิติ
เมื่อมองทั้งด้านหน้า และ ด้านข้าง ต้องสมมาตร และ
มีส่วนโค้งเว้าที่ได้สัดส่วนรับกันอย่างสวยงาม
ที่สำคัญต้องเหมาะกับใบหน้าของแต่ละคน โดยมีการวัดจากรูปที่ถ่ายจริง
กับ เครื่องวัดโครงใบหน้ารวมถึงการตรวจซี่ฟัน การสบฟันด้วย 
วันนี้ก็ได้รับเกียรติจากคุณหมอ Dr. KIM YOUNG JOON
ศัลยแพทย์ผ่าตัดกระดูก V-LINE บนใบหน้าที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในเกาหลีเรื่องนี้
เป็นแพทย์ศัลยกรรมกระดูก V-LINE อีกหนึ่งท่านประจำสังกัด STMSTYLE ที่สำคัญ
เป็นแพทย์ประจำของศิลปินสังกัด SM ENTERTAINMENT & JYP ENTERTAINMENT
มาเป็นคนให้บทสัมภาษณ์ ผ่าตัดมาเกิน 15 ปีแล้ว และ ไม่เคยมีเคสผิดพลาดเลยเคสเดียว
ดีใจมากสำหรับโอกาส แต่เสียใจไม่ได้เป็นคนไข้คุณหมอวันนี้
เพราะหนูสวยอยู่แล้ว 55555555555555

 

ล้อเล่นนะคะ ความจริงคุณมองมองหน้าเอิ๊กด้วยตาเปล่าก็รู้
ทันทีว่ากระดูกหน้าเอิ๊กไม่เท่ากันทั้งสองซีก แต่เอิ๊กยังไม่พร้อม
และ เชื่อมั่น ว่าหน้าไม่เท่าก็เก๋ดี มันเป็นสไตล์ 555 จริงๆกลัวเจ็บตัว <3

 

 
 
ศูนย์ศัลยกรรมปรับแต่งรูปหน้า V-LINE ของ STM หลักมีอะไรบ้าง
  • ศัลยกรรมปรับลดโหนกแก้ม  
  • ศัลยกรรมลดกราม เหลากราม
  • ศัลยกรรมเสริมคาง ปรับคางแบบ 4D (คางยื่น คางยาว ไม่มีคาง)
  • ศัลยกรรมปรับรูปหน้า V-LINE  
  • ศัลยกรรมปรับรูปหน้ากรณีขากรรไกรยื่น ปากยื่นผิดปกติ

ชอบตรงที่โรงพยาบาลในเครือ STMSTYLE บอกว่าตัวเองกล้ารับประกันและให้คำมั่นสัญญา

เราสัญญาว่าจะดูแลและทำหน้าที่อย่างดีที่สุดเพื่อผลการศัลยกรรม และ ความปลอดภัยของลูกค้า  

 

❤ สัญญาข้อที่ 1 – Safety เราจะผ่าตัดด้วยด้วยความปลอดภัยและได้รับการรับรองแล้ว

ทางเราได้อำนวยความสะดวกสบายแบบ one stop พร้อมกับอุปกรณ์ที่

หลากหลายในการตรวจก่อนการผ่าตัดและมีวิสัญญีแพทย์คอยดูแลคนไข้

ในระหว่างผ่าตัดไปพร้อมๆกับแพทย์ผู้ผ่าตัดด้วย  

 

 ❤ สัญญาข้อที่ 2 – Beauty เราจะสร้างสรรค์ความงามให้ดียิ่งกว่าที่คุณคิดไว้

เรารับผิดชอบดูแลให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญทั้งก่อนและหลังผ่าตัดศัลยกรรม  

 

 ❤ สัญญาข้อที่ 3 – Responsibility มั่นใจได้กับการฟื้นตัวที่รวดเร็ว

ด้วยการระบบที่ทันสมัยหลากหลาย สามารถมั่นใจด้านความปลอดภัย

และเทคนิคพิเศษสามารถช่วยลดอาการปวดบวมของคนไข้ให้น้อยที่สุด

ส่งผลให้การฟื้นตัวเร็วขึ้น  

 

 

 

เริ่มด้วยการตรวจโครงหน้าแบบละเอียดด้วยเครื่อง 3D CT Scan  

การผ่าตัดศัลยกรรมกระดูกบนใบหน้านั้น เครื่อง 3D CT SCAN มีความสำคัญมาก เพราจะวินิจฉัยแม่นยำด้วยระบบการวิเคราะห์กระดูกบนใบหน้า โดยคอมพิวเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยีระบบสามมิติ และ Digital เครื่อง 3D CT SCAN ทำให้รู้สภาพและลักษณะของกระดูกส่วนที่จะศัลยกรรมผ่าตัดได้อย่างถูกต้อง ส่งผลให้การวางแผนการผ่าตัดเป็นไปโดยละเอียด ช่วยประหยัดเวลา และ ลดความเสี่ยงจากการผ่าตัดได้เป็นอย่างดีมาก อีกทั้งเทคโนโลยีฉายแสงของเครื่อง CT มีอัตราความเข้มข้นของแสงค่อนข้างต่ำ จึงไว้ใจได้เรื่องความปลอดภัย  

ไอเจ้าเครื่องนี้ อยากเล่นมาก แต่คุณหมอคิวทองมาก อดลองแสกนดูกะโหลกเลยว่าเบี้ยวไหม      

ออกมาคุณหมอจะดูได้ถนัดแบบนี้

ศัลยกรรมลดขนาดกราม

เราจะเห็นเด่นชัด ถ้ามองจากด้านหน้าจะเห็นว่าบริเวณข้างคางทั้งสองด้าน

มีกระดูกกรามปูดใหญ่ออกมาให้เห็นเด่นชัด (หน้าเหลี่ยมจะสังเกตุง่ายมาก)

แพทย์ก็จะผ่าตัดกระดูกกรามที่กว้างออกมา เพื่อปรับให้รูปหน้าดูเรียวขึ้น

กระดูกกรามก็จะกลมกลืนไปกับคางได้อย่างสมส่วน

ศัลยกรรมปรับรูปหน้าแบบ V-LINE

บางครั้งถ้าการตัดกรามเพียงอย่างเดียวอาจไม่ช่วยให้รูปหน้าเรียวมากอย่างใจ

เพราะกระดูกบริเวณคางอาจจะยังดูกว้างอยู่ เราอาจจะมีการตัด กระดูกแนวกราม

กระดูกปลายคางเพิ่ม เพื่อให้ได้รูปหน้าที่เป็นแบบ V-Line ที่ต้องการ

และ ให้เป็นไปตามสัดส่วนที่เท่ากัน เราก็จะได้รูปหน้าสามเหลี่ยม หรือ V-LINE

ที่สวยและเหมาะกับตัวเรา การทำ V-Line โดยทั่วไปจะเป็นปรับตกแต่ง

โครงหน้าตั้งแต่โหนกแก้มลงมาถึงคางให้เป็นรูปไข่เสมอกันทั้งซ้ายขวา

ใบหน้าด้านข้างจะดูมีมิติแน่นอน และ ด้านหน้าจะเล็กลงด้วย 

เพราะตั้งแต่หูลงมาจนถึงคางจะเรียวเล็กลง  จะดูเป็นธรรมชาติ

เมื่อที่มองจากด้านหน้าบริเวณความกว้าง T-zone และV-Line จะสมดุลกัน

ถ้าคางยังไม่ได้รูปก็จะตัดกระดูกคางออกสามส่วน

จะตัดตรงกลางเป็นข้อเส้นตรงรูปตัวที แล้วก็ดึงตรงกลางออก พอดึงตรงกลางออกปุ๊บ

แล้วประกบกระดูกเข้าไปคางก็จะเล็กลง หรืออาจจะใช้วิธีการตัดกระดูกแนวกราม

แล้วเลื่อนกระดูกลงเพื่อไปเชื่อมให้คางดูยาวขึ้นก็ได้

 

ศัลยกรรมลดโหนกแก้ม

โหนกแก้มสาวเอเชียก็จะเห็นกันเยอะ บางคนโหนกแก้มสูง เช่น แพนเค้ก หรือ เอิ๊กเลยตัวดี

ซึ่งแพทย์วิเคราะห์บอกว่าถ้าเอิ๊กจะทำให้เอิ๊กเอาจุดนี้ออก จุดนี้ก็จะโค้งเป็นรูปตัววีสวยขึ้น

ไม่ดูสะดุดที่กระดูกโหนกแก้มอีกต่อไป ดูอ่อนเยาว์ลงด้วย (แค่นี้ยังอ่อนไม่พอเหรอ 55)

 

 

ศัลยกรรมกรามและคางยื่น 

เป็นการผ่าตัดที่รักษาความผิดปกติของรูปหน้าที่มีคางยื่นยาวออกมา บางรายก็อาจจะมีอาการ

” ฟันล่างครอบฟันบน ” ร่วมด้วย สังเกตุง่ายๆว่าขากรรไกรล่างใหญ่

ยื่นออกมาข้างหน้าและยาวกว่าขากรรไกรบน

ก็จะผ่าตัดแต่งกระดูกคางที่ยื่นออกมากลับเข้าที่

เมื่อทำการตัดแล้วกระดูกก็จะการเชื่อมด้วยตัวมันเอง

จะทำให้คางสั้นลงได้และใบหน้าดูเล็กลงได้
 

ศัลยกรรมปากยื่น

 

การมีรูปปากหรือคางที่ยื่นออกมาจะทำให้ปากเราดูดุดัน และการที่ปากเรายื่นออกมา

จะทำให้หน้าตาเราดูบึ้งตึเหมือนคนที่กำลังโกรธอยู่ แม้ว่าจะทำหน้าปกติก็ตาม

ทำให้คู่สนทนาอาจเกิดความเข้าใจผิดได้ง่าย บางครั้งการที่ปากยื่นอย่างเดียว

แต่ทุกอย่างสมส่วนก็อาจทำให้ รูปหน้าดูไม่สวยได้แม้จะมี

การจัดฟันก็แล้ว ถอนฟันก็แล้ว เราอาจจะมีการตัดแก้ไขเหงือก

และ กระดูกช่วงปากที่ยื่นออกมาได้

 บางรายอาจจำเป็นต้องใส่ยางยึดฟันบนและฟันล่างไว้ ซึ่งก่อนการผ่าตัด

จะต้องมีการเอ็กซเรย์ก่อนเพื่อดูเส้นประสาท กระดูก เส้นเลือด ฯลฯ  และ

รับการปรึกษาเกี่ยวกับการจัดฟัน

มีการจำลองภาพขั้นตอนข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของฟัน หรือการดัดฟัน

การเข้าที่ของกรามต่าง และมีการใช้ซิลิโคนเฟเวอร์

หลังการศัลยกรรมเพื่อช่วยไม่ให้กระดูกช่องฟันกลับมาอยู่ที่เดิม

หลังจากผ่าตัด 6 อาทิตย์ก็เริ่มทำการจัดฟันต่อ

วิธีคือจะเลาะให้เกิดพื้นที่ช่องว่างของฟันด้านหน้าทั้2 ด้าน บน และ ล่าง

โดยจะตัดแต่งกระดูกเหงือกที่ไม่จำเป็นออก

เหลือไว้แต่เท่าที่จำเป็นแล้วเก็บเหงือกและดัดฟันที่ยื่นออกมาจัดถอยไปทางด้านหลังให้เข้าที่

 วิธีการที่เช็คว่าปากยื่นหรือไม่ ใช้ไม้บรรทัดแข็ง 

มาทาบลงเป็นแนวตรงตั้งแต่ปลายจมูกไปจนถึงคาง (เวลาวัดปากต้องปิด)

หากคางออกมาเกินปลายจมูกแสดงว่าเรามีลักษณะรูปค้างที่ยื่นออก

คนที่มีคางยื่นหากศัลยกรรมแล้วก็จะทำให้หน้าออกมาสวยอย่างเห็นได้ชัดทีเดียว


 

ศัลยกรรมแก้ไขรูปหน้าไม่สมส่วน

 

อาจเกิดจากกระดูกที่คางเบี้ยว กระดูกคางด้านซ้ายและขวาไม่สมดุลกัน ไม่เท่ากัน

อาจจะมีการผ่าตัดลดความแตกต่างของระดับกระดูกให้สมมาตรกัน

รวมถึงกระดูกคางที่มักจะเป็นสาเหตุอันดับต้นของรูปหน้าที่ไม่สมส่วน

 

 

การผ่าตัดกับยาสลบ

ต้องดมยาสลบ และ ต้องมีวิสัญญีแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะต้องใช้เครื่องมือเหลากระดูกที่มีเลเซอร์เป็นตัวช่วยตัดกระดูก โดยที่จะไม่ไปทำลายเนื้อเยื่อส่วนอื่นนอกจากกระดูก (อดีตเป็นเครื่องทุบ แต่อันนี้ไม่เห็นหน้าตา) ปัจจุบันเป็นเลื่อยอันเล็ก ๆ สอดเข้าไปตัดกระดูกที่มุมกรามโดยใช้เทคโนโลยีเลเซอร์เข้ามาช่วย

การผ่าตัดทำได้กี่ทาง

1. การผ่าตัดจากภายนอกช่องปาก 

แพทย์จะเปิดแผลจากภายนอกบริเวณใกล้ ๆ กับมุมกรามแล้วค่อย ๆ ใช้เครื่องมือเลาะผ่านกล้ามเนื้อ และ หลบเส้นประสาทสำคัญเส้นหนึ่งที่จะไปเลี้ยงกล้ามเนื้อมุมปาก หลังจากนั้นจึงตัดแยกกล้ามเนื้อมุมกรามออกเข้าหากระดูกมุมกราม เมื่อสามารถเปิดกระดูกมุมกรามส่วนที่ต้องการจะตัดได้เรียบร้อยแล้วจึงใช้เลื่อยตัดกระดูกตามแนวที่ต้องการแล้วเอาชิ้นกระดูกที่เกินนั้นออกไป ตกแต่งมุมกระดูกให้เรียบร้อยแล้วจึงทำการเย็บแผลปิด

ข้อดี

  • ผ่าตัดได้ง่ายเนื่องจากไม่ต้องใช้เครื่องมืออะไรพิเศษมาก
  • ไม่ต้องผ่านช่องปากเข้าไปหากระดูกอาการบวมจึงมักจะน้อยกว่า

ข้อเสีย

  • อาจจะกระทบกระเทือนต่อเส้นประสาทที่มาเลี้ยงมุมกรามได้ แม้ชั่วคราวก็สามารถทำให้เกิดการเอียงหรือเบี้ยวของมุมปากได้ในระยะแรก
  • แผลผ่าตัดที่มุมกรามนั้นบางรายอาจจะเห็นและสังเกตได้
  • แผลเป็นบางรายก็เกิดอาการแผลคีลอย์ตามมาในระยะหลังซึ่งจะต้องทำการรักษาต่อไป

2. การผ่าตัดจากภายในช่องปาก 

ต้องอาศัยเครื่องมือที่พิเศษกว่าการตัดจากภายนอกโดยแพทย์จะทำการเปิดแผลที่ในช่องปากตรงบริเวณหลังฟันกรามซี่สุดท้ายในแนวดิ่งแล้วค่อย ๆ เลาะแยกเนื้อเยื่อบริเวณดังกล่าว รวมทั้งกล้ามเนื้อที่คลุมมุมกรามออก หลังจากนั้นจึงเลาะเยื่อหุ้มกระดูกออกให้กว้างเพียงพอที่จะสอดใส่เครื่องมือเข้าไปที่มุมกรามเพื่อจะให้เห็นมุมกรามและกรามส่วนหลังได้ชัดเจน หลังจากนั้นจึงใช้เลื่อยที่มีรูปร่างเป็นเลื่อยมุมฉากเข้าไปทำการตัดตามแนวที่ต้องการ เลื่อยชนิดนี้จะมีความยาวเพียงพอที่จะทำให้การตัดในแนวตั้งฉากสามารถทำได้ หลังจากนั้นแพทย์จึงนำชิ้นกระดูกที่ถูกตัดขาดออกมาพร้อมกับการตกแต่งกระดูกส่วนที่เหลือให้กลมมนตามปกติ แล้วจึงเย็บแผลปิดตามเดิม

ข้อดี

  • ไม่มีแผลเป็นให้เห็นจากภายนอก และใช้ไหมละลาย
  • การกระทบกระเทือนต่อเส้นประสาทก็มักจะไม่เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ

ข้อเสีย

  • ต้องอาศัยประสบการณ์ความชำนาญของแพทย์ผู้ทำการผ่าตัด
  • เครื่องมื่อที่เหมาะสมด้วยจึงจะทำให้การผ่าตัดได้ผลดีและกระดูกที่ตัดออกมานั้นมีขนาดที่พอเหมาะ
  • การผ่าตัดจากภายในปากนี้มีการดึงรั้งกล้ามเนื้อ และ เยื่อบุปากมากกว่าจึงมีอาการบวมค่อนข้างจะมากกว่า
  • อาจรำคาญไหมละลายในปากซัก 7-10 วัน

การดูแลหลังการผ่าตัด

  • หลังการผ่าตัดนั้นโดยมากจะมีอาการบวมไม่มาก อาจจะปวดบริเวณที่ผ่าตัด และ การผ่าตัดจะเข้าที่ทั้งหมดในเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ สำหรับอาการบวมที่มุมกรามจะมีอยู่ประมาณ 1-2 เดือนจึงจะเห็นรูปร่างกระดูกกรามใหม่ 
  • สิ่งที่ต้องทำคือการฝึกการอ้าปากเป็นสิ่งที่ต้องทำ โดยเฉพาะถ้าผ่าตัดจากในช่องปาก เพื่อเป็นการป้องกันการติดแข็งของพังผืดที่อยู่รอบกรามและใกล้ ๆ กับ ข้อของขากรรไกร 
  • การดูแลภายในช่องปากหลังการผ่าตัดเป็นเรื่องที่สำคัญมาก หลังการทานอาหาร อย่างน้อย ให้บ้วนปากซัก 4-5 ครั้ง กลั้วให้หมดทั้งปาก ซ้ายขวาด้วยยาฆ่าเชื้อ  เพื่อเป็นการฆ่าเชื้อและทำความสะอาดช่องปาก  หลังจากวันที่ 7 เป็นต้นไป สามารถใช้น้ำยาล้างคอได้  และบริเวณแผลที่ทำการเย็บในช่องปาก ควรใช้แปรงสีฟันที่มีขนอ่อนนุ่ม ขนาดเล็กๆแปรงฟัน ไม่ควรใช้แปรงสีฟันขนาดใหญ่ทีมีขนแข็งๆ จะเป็นการดีที่สุด
  • หลังการทำศัลยกรรมนี้ ควรระวังอย่าให้เกิดการแตกหักของกระดูก ไม่ว่าจะเป็นการโดนกระแทกอย่างแรง หรือการตกจากที่สูง การหกล้ม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนหลับ ไม่ควรนอนหันข้างจะเป็นการดี

ผลข้างเคียงที่เคยพบมา

  • ปัญหาเรื่องแผลผ่าตัดอักเสบติดเชื้อ แต่จะเป็นการอักเสบที่ไม่ค่อยจะรุนแรงนัก สามารถรักษาให้หายได้โดยการใช้ยาปฏิชีวนะธรรมดา
  • ความไม่เท่ากันของกระดูกกราม ทั้งนี้อาจจะเนื่องจากกระดูกกรามที่ไม่เท่ากันตั้งแต่ก่อนการผ่าตัด หรือ การตัดกระดูกกรามที่ไม่เท่ากัน หรือ การบวมที่แตกต่างกันทั้งสองข้าง
  • การกระทบกระเทือนต่อเส้นประสาทที่เลี้ยงริมฝีปากและเหงือก กรณีที่ผ่านอกปากหมอจะพยายามเลี่ยงต่อเส้นประสาทที่เลี้ยงกล้ามเนื้อมุมปากล่าง แต่การดึงรั้งอาจจะทำให้เกิดการขยับปากหรือเกิดอาการชาที่ริมฝีปากได้ ซึ่งมักจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนก็จะหายเป็นปกติได้
  • การเกิดกระดูกกรามหัก เกิดขึ้นได้น้อยมาก การแก้ไขก็อาจจำเป็นต้องได้รับการรักษาเช่นเดียวกับกระดูกกรามหัก ได้แก่ การยึดตรึงกระดูกด้วยโลหะหรือการจัดฟันให้เข้าที่ในช่วงเวลาหนึ่ง

 

 
บทสัมภาษณ์คุณหมอ KIM YOUNG JOON ที่เอิ๊กสัมภาษณ์เพิ่มเติมมาให้อ่านค่ะ
วิธีทำหน้า V-LINE ที่คุณหมอคิดว่าดีที่สุด คุณหมอมักทำแบบไหนค่ะ ? 
คุณหมอบอกว่าวิธีที่ดีที่สุดก็คือลดกระดูกโดยเหลากระดูกตั้งแต่โหนกแก้มลงมาถึงช่วงคาง มันก็จะทำให้เล็กลงมาเลยทั้งหน้า กระดูกหลักที่จะศัลยกรรม ก็คือโหนกแก้ม กราม แล้วก็คาง แต่ความจริงมันก็มีหลายแบบที่ผสมกันแล้วแต่กรณีคนไข้ เป็นวิธีที่นิยมมากในเกาหลี
ใช้เวลานานไหมคะ
ช่วงโหนกแก้มก็ประมาณ 1 ชั่วโมง  ช่วงกรามประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วก็คางด้านหน้าจะประมาณ 30 นาที ถ้าทำทั้งหน้าก็จะประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง
 
 
ใช้มีดตัด หรือ เครื่องตัด หรืออุปกรณ์การอะไรตัด หรือ เหลากระดูก
เครื่องมือหลักๆ มี 2 อย่าง จะมีอุปกรณ์รุ่นเก่ากับรุ่นใหม่นะคะ เมื่อนานมาแล้วเจะใช้เป็นแบบระบบสั่นสะเทือน (หลายคนเคยเข้าใจว่าเป็นค้อนทุบ) แต่ว่าตอนนี้เขามีอุปกรณ์ตัวใหม่เป็นการผสมผสานระหว่างเลเซอร์กับใบมีดเพราะฉะนั้นแล้วข้อดีของมันก็คือมันเลือกที่จะตัดเฉพาะกระดูกจริงๆ โดยไม่ทำร้ายส่วนอื่นที่อยู่ข้างเคียงโดยที่ไม่ใช่กระดูกเพราะว่าอย่างคนเรารอบๆก็มีทั้งเนื้อทั้งเส้นประสาททั้งกล้ามเนื้อ และ อย่างอื่นอยู่ด้วย เพราะฉะนั้นเครื่องนี้มันจะเลือกตัดเฉพาะที่เป็นกระดูกจริงๆ เท่านั้น
 
 
เห็นว่าต้องพันหน้าทั้งหน้านานแค่ไหนคะ ?
ประมาณ 3 วัน พอวันที่ 4 ก็กลับมาทำงานปกติ
 
หน้าจะบวมไหมคะ และ บวมนานกี่วัน
หน้าจะบวมอย่างสังเกตุได้ และ จะบวมอยู่ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงสิบวัน และ กระดูกมันจะเข้าที่เข้าทางก็ประมาณ 3-4 สัปดาห์
 
วิธีการดูแลตัวเองหลังจากทำ
ทางโรงพยาบาลจะมีโปรแกรมที่เรียกว่าลดอาการบวม ลดอาการอักเสบ โดยที่หลังจากที่คนไข้ผ่าตัดเสร็จแล้วทางโรงพยาบาลจะให้ CD หนึ่งแผ่น ซึ่งจะสอนวิธีการนวดหน้าเพื่อลดบวม ซึ่งถ้าสมมติว่าคนไข้ได้ไปแล้วทำตามอย่างเคร่งครัดอาการบวมจะลดลงเร็วมากแล้วก็หน้าจะเข้าที่เร็วขึ้น
 
คุณหมอทำหน้าเรียวมากี่ปีแล้วคะ
เฉพาะที่ทำเฉพาะทางด้านนี้จริงๆ ประมาณ 15 ปี  แต่ถ้าเอาประสบการณ์ในการเป็นแพทย์ด้านศัลยกรรมจริงๆแล้วประมาณ 20 ปี แต่ถ้าทำเฉพาะทางรูปหน้าจริงๆ ประมาณ 15 ปี
 
 XOXO
อิ่มไหมคับ ? ข้อมูลจากมาดามเมิ๊ก จบไปแล้วกับเรื่องหน้าเรียว อย่างหน้าทำ
ราคาไม่ต้องพูดถึงเป็นแสนอัพ เพราะหมอดังมาก ทำให้ดารา นักร้องเยอะ
ใครอยากแชร์เต็มใจมากเลยค่ะ ถ้าเป็นประโยชน์ ตั้งใจทำมาก
ส่วนใครอยาก COPYเอิ๊กคงว่าอะไรไม่ได้ แต่ลิขสิทธิ์ข้อมูลรูปภาพ
และ ข้อมูลบางส่วนเป็นของSTMSTYLE ซึ่งเป็นบริษัทคนเกาหลี
ที่มาเปิดอย่างถูกต้องในไทยทุกชิ้นเอิ๊กได้รับ
อนุญาตให้นำมาประกอบบทความได้ และ เขามีลิขสิทธิ์ เอิ๊กเป็นห่วงคนไทยทุกคน
เพราะเขาอาจจะฟ้องในฐานะละเมิดลิขสิทธิ์ได้หากนำไปเผยแพร่ต่อค่ะ 🙂

Posted in SURGERYComments (2)

ศัลยกรรมดวงตาที่ประเทศเกาหลี กับ STMSTYLE

คำเตือน เนื่องจากเนื้อหาอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการตัดสินใจกระทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของร่างกายได้ (ศัลยกรรม) ขอแสดงความรับผิดชอบในเนื้อหาด้วยการบังคับให้ทุกคนอ่านคำเตือนก่อนทุกครั้ง การทำศัลยกรรมที่เป็นการผ่าตัดทุกชนิด จะเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นบริเวณเนื้อเยื่อในร่างกาย เกิดบาดแผลเมื่อผ่าตัด เมื่อตัดสินใจแล้วผลของแผลทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็นจะคงอยู่ตลอดไป ไม่สามารถเรียกเนื้อเยื่อเก่าให้กลับมา หรือ ลบเลือนแผลเป็นที่เกิดขึ้นใต้ผิวหนัง (พังผืด) บนผิวหนัง (แผลเป็น) ให้หายไปหมดได้ การผ่าตัดยิ่งใหญ่มากเท่าไหร่ โอกาสมีแผลบนผิวหนังแน่นอน 100% การศัลยกรรมทุกชนิด เป็นเรื่องที่ต้องดูแล และ สังเกตุความเปลี่ยนแปลงที่ไม่ปกติตลอดชั่วชีวิตเหมือนสุขภาพร่างกายของคนเรา วัสดุบางชิ้นไม่ได้เกิดมาเพื่ออยู่กับเราไปจนตาย อาจต้องมีการเอาออก เอาใส่เข้าไปใหม่ หรือ ถึงช่วงอายุขัยนึง เราอาจจะนำมันออกไปและไม่ใส่เข้าไปใหม่อีกเลย ก่อนตัดสินใจทำอะไรกับชีวิต คุณมีข้อมูลดีพอรึยัง ให้ถามตัวเองอยู่เสมอ

ด้วยความรัก และ ปรารถนาดีอย่างสูง

 erk-erk

 

 

คำตอบอารมณ์ดีจากแฟนเพจ erk-erk.com ที่น่ารัก จากคำถามของเอิ๊ก

” ทำไมถึงอยากตา 2 ชั้นกัน ? “

เพราะเอิ๊กมองว่าจะกี่ชั้นก็สวย คงขึ้นกับความพอใจแต่ละบุคคล

เหมือนสาวสวยคนนี้ตอบ

หรือจะเอาแนวคิดจิตวิทยามาตอบก็ย่อมได้ แฟนคลับเรานี่เก่งจริงๆ

ภาพจาก GOOGLE

 

โหงวเฮ้งของดวงตาสไตล์เกาหลี ..

ตากลมโต : เป็นคนขี้สงสัย มีเสน่ห์และฉลาด แต่ขี้ใจอ่อน

ตาเล็ก : เป็นคนที่ฉลาด มีความพยายามสูง นิสัยเป็นคนตรงไปตรงมา

ตาห่าง : เป็นคนไม่คิดมาก มองโลกแง่ดี

ตาแคบ : เป็นคนคิดมาก ไม่ค่อยกล้าแสดงออก คิดมากจนเกินไปเลยทำให้พลาดโอกาศได้ง่าย

หางตาชี้ขึ้น : เป็นคนฉลาดทำงานเก่ง อายุยืน

หางตาชี้ลง : เป็นคนใจดีไร้เดียงสา อบอุ่น พูดตรง

ข้อมูล STMSTYLE.BLOGSPOT.COM


วันนี้คงเดากันออกแล้วสินะคะว่าบทความนี้จะพูดถึงเรื่องอะไรกัน

” ศัลยกรรมดวงตา ตาโต ตา2ชั้น ตาห้อย ถุงใต้ตา “

ปัญหาที่หลายคนเลือกศัลยกรรมตาทั้งชายและหญิงส่วนใหญ่คืออยากตา 2 ชั้น

เพราะอะไรขอยกตัวอย่างจะเป็นอะไรบ้างไปดูกัน

เท่าที่อ่านมาจะเป็นผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ตอบว่าเป็นปัญหา “การแต่งหน้าระดับชาติ ”
ของพวกเธอ เอิ๊กจะบอกว่าตาเอิ๊กก็สองชั้นไม่เท่ากันแหละ ก็มีปัญหา
เลยใช้วิธีแปะสติกเกอร์สองชั้นก่อนนอนเอาให้มันชิน บางคนก็บอกว่า 2 ชั้นจะดูหวาน ดูมีมิติ
ดูแล้วไม่ง่วง ทุกคนมีเหตุผลที่ทำแล้วปัญหาอาจหมดไปได้ทั้งสิ้น
และ อีก 2 สาวอารมณ์ดีที่ตาชั้นเดียว และ ตาชั้นครึ่งเอิ๊กชอบเหตุผลมาก 🙂
ขอบพระคุณทุกความคิดเห็นอีกครั้งค่ะ
การศัลยกรรมดวงตาที่ประเทศเกาหลีจะเกิดขึ้น 4 ส่วนของดวงตา
1] เปลือกตา : ป้องกันอันตรายเข้าตา กระพริบตาให้น้ำในตาชุ่มชื่น
2] กล้ามเนื้อตา : มีหน้าที่กลอกตาไปมาซ้ายขวา หมุนตาเข้าด้านในและออกด้านนอก
3] เนื้อเยื่อตา : เป็นโครงร่างของหนังตา ทำให้หนังตาบนยกปิดเปิดได้ โดยแผ่นหนังตา
4] ถุงไขมันบริเวณดวงตา : ห่อหุ้มอวัยวะและกระดูก ช่วยให้เกิดความความชุ่มชื้นที่ผิวหนัง
ก่อนจะเข้าสู่บทความศัลยกรรมดวงตา การทำตาให้ดูโตขึ้น ดูเป็นสองชั้นของประเทศเกาหลี
อยากย้ำความสำคัญของดวงตาอีกซักรอบนะคะ       
ดวงตา นอกจากจะเป็นหน้าต่างของหัวใจความสำคัญที่ทุกคนปฏิเสธไม่ได้ของอวัยวะนี้คือ
เป็นอวัยวะที่สำคัญซึ่งช่วยในการมองเห็นกว่า 70 – 80 % เพื่อเพิ่มโอกาสได้รับรู้
โอกาสที่ได้เรียนรู้ เรียกว่าประสบการณ์หลายอย่างในชีวิตได้มาจากการมองเห็น
การผ่าตัดศัลยกรรมตา เหมือนผ่าตัดไปแล้วไม่สามารถแก้ไข
ให้กลับมาเป็นดังเดิมตั้งแต่ต้นได้อีีกเลย ดังนั้นอยากให้เข้าใจพื้นฐานการศัลยกรรมดวงตา
ว่าตาแบบเราเหมาะกับการทำศัลยกรรมไหม ด้วยเทคนิคการผ่าตัดศัลยกรรมที่หลากหลาย
และขึ้นกับปัจจัยดวงตาของเราด้วย เมื่อก่อนนึกว่าใครจะเดินเข้าไปผ่าตัดศัลยกรรมดวงตา
ใครก็ทำได้ แต่แค่รู้สึกว่าบางคนทำมาแล้วไม่น่ารัก ไม่สวยเหมือนตอนไม่ได้ทำ
เมื่อได้เก็บข้อมูลจึงพบว่า หลักสำคัญอีกอย่างคือ ปัจจัยดวงตาของเรา
 
 

 การศัลยกรรมดวงตามีศัลยกรรมรูปแบบไหนบ้างที่ประเทศเกาหลี

  • ศัลยกรรมทำตาสองชั้น (วิธีการกรีด , วิธีการเย็บ)
  • ศัลยกรรมแก้ไขชั้นตา  (แก้ไขรอยพับชั้นของตา) เช่น ชั้นตาไม่เท่ากัน ตาหย่อนคล้อย
  • ศัลยกรรมการปรับแต่งรูปตา (กรีดเปิดหัวตา & การกรีดเปิดหางตา)
  • ศัลยกรรมฟื้นฟูรูปตา (เย็บกล้ามเนื้อตา)
การศัลยกรรมบริเวณรอบดวงตาที่นิยม
  • ศัลยกรรมกำจัดไขมันบริเวณรอบดวงตา เช่น ถุงใต้ตา ไขมันชั้นตาบน
  • ฉีดเสริมไขมันใต้ตาเติมเต็มร่องลึก
  • ศัลยกรรมลดรอยตีนกา

การศัลยกรรมทำตา 2 ชั้น

การทำตาสองชั้นเป็นการทำให้ความใหญ่ของตาที่แท้จริงออกมา ทำให้ความรู้สึกว่าตาใหญ่ขึ้น เนื่องจากวิธีคือการทำชั้นตาอีกชั้นที่ข้างบนเพื่อดึงให้เห็นดวงตามากขึ้นนั่นเอง 
ก่อนจะทำตาโต ตาสองชั้น ต้องตรวจสอบอะไรบ้าง ?
  • ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อตา : คนที่กระพริบตาบ่อย / อาการหนังตาตก / ตาไม่แข็งแรงลืมเปิดกว้างไม่เต็มที่ / ตาดูง่วงนอน / ชั้นตาหย่อนคล้อย
  • ขนาดดวงตาถ้าเล็กมาก : ต้องผ่าตัดที่กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อตาเท่านั้น ไม่สามารถกรีดหรือเย็บได้ เรียกว่า “การศัลยกรรมฟื้นฟูรูปตา” เช่นทำไปแล้วอาจทำให้ลืมตาได้ไม่เต็มที่เนื่องจากดวงตาค่อนข้างเล็กมาก 

หลักการทำตา 2 ชั้น มี 2 วิธีคือ การกรีดและการเย็บ ส่วนจะเป็นวิธีไหนหนัก มีหลักพิจารณา ตั้งแต่ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อตา ความหนาของผิวเปลือกดวงตา ความหย่อนคล้อยของดวงตา ปริมาณไขมันโดยรอบดวงตา ซึ่งต้องเลือกให้เหมาะกับดวงตามากที่สุด เพื่อจะได้ออกมาสวยงาม และ ใช้งานได้ดีขึ้น 

การกรีดตา

 

การกรีดยังแบ่งได้อีกหลายแบบ แบบที่กรีดยาวทั้งเส้นรอยพับชั้นตา แบบกรีดเฉพาะบางจุด อย่างที่นิยมคือ กึ่งกลางดวงตา ต้องทำเส้นอย่างแม่นยำก่อนแล้วกรีดลงไป ต้องมีความชัดเจนของลายเส้นที่แม่นยำ เนื่องจากเปลือกตามีส่วนประกอบหลายอย่าง

ข้อดี เห็นชั้นตาเป็นลายเส้นสองชั้นชัดเจน และ อยู่เป็นสองชั้นทน 

ข้อด้อย แผลอาจมีขนาดยาวกว่า บางครั้งอาจสังเกตุเห็นรอยกรีดดูแล้วรู้ว่าทำมาได้ อาการบวมยาวนานกว่าจะเข้าที่เป็นธรรมชาติใช้เวลาประมาณ 1-2 อาทิตย์ สำหรับรอยกรีดจะเป็นรอยแดงประมาณ 2-3 เดือน และ ประมาณ 6 เดือน – 1ปี รอยแผลจะจางหายไปหมด

เหมาะสำหรับ : คนที่มีความหย่อนของผิวหนังที่ตา มีความหนาของผิวเปลือกตา และ กล้ามเนื้อตาเยอะ

 

 

 

การเย็บตา

 

การเย็บซึ่งจะแบ่งเย็บเฉพาะจุดที่ต้องการ เย็บเชื่อมผิวของเปลือกตากับเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อตา  ซึ่งวิธีการเชื่อมของแต่ละคนจะแตกต่างกันออกไป บางคนอาจเย็บแค่กึ่งกลางตาจุดเดียว หรือ บางคนอาจเย็บหลายจุดก็ได้

ข้อดี ฟื้นตัวเร็ว บวมน้อยกว่า แผลมีขนาดสั้นกว่า อาจสังเกตุไม่เห็นด้วยซ้ำ และ อาการลืมตาไม่ขึ้นก็เกิดน้อยที่สุด 

ข้อด้อย ไม่เหมาะกับคนตาเล็กมาก การเชื่อมติดกันของผิวที่เปลือกตากับเนื้อเยื่อจะค่อนข้างหลวมทำให้คลายชั้นตาออกได้ง่าย

เหมาะสำหรับ : คนที่มีเปลือกตาบาง ไขมันที่เปลือกตาน้อย ความหย่อนของเปลือกตาน้อย  ส่วนใหญ่จะใช้กับผู้หญิงที่ยังอายุน้อยๆอยู่

 

การศัลยกรรมแก้ไขชั้นตา 

จะใช้วิธีเดียวกับการทำตา 2 ชั้น เพื่อทำให้ชั้นตาชัดเจน และ เท่ากัน

ศัลยกรรมการปรับแต่งรูปตา

  • ผ่าตัดเปิดโคนหัวตา
  • ผ่าตัดเปิดปลายหางตา

การศัลยกรรมผ่าตัดเปิดโคนหัวตา

การศัลยกรรมเปิดโคนหัวตา จะผ่าตัดเปิดส่วนโคนหัวตาให้โผล่ออกทำให้ตาดูใหญ่และสวยขึ้น  ลดแรงรั้งของโคนหัวตาไม่ให้ดึงลงมาปิดตาเวลาลืมตา จะใช้วิธีโดยดึงขึ้นไปด้านบน  45 องศา จึงทำให้ส่วนที่เคยปิดกั้นลูกตาดำก็จะหายไป คนที่มีหัวตาเล็ก ตาเล็ก หรือ หัวตาแคบอาจจะถูกใช้โดยวิธีการนี้ หรือบางทีคนที่หนังเปลือกตาลงมาปกปิดบริเวณพื้นที่ตาดำ เวลามองกระจกบางทีอาจจะรู้สึกอึดอัดเวลามอง เป็นการตกแต่งรูปร่างตาเล็กน้อย แต่ได้ตาที่ดูนุ่มนวล ดูสดใสกว่าเดิม

เหมาะสำหรับ : คนที่มีพื้นที่บริเวณช่วงตากว้าง ยกตัวอย่างเช่นคนตาห่าง และ ตามีความกว้างน้อย จะเหลือพื้นที่รอบดวงตาเยอะ จะเหมาะมากสำหรับการศัลยกรรมผ่าตัดเปิดตาแบบนี้  หลังผ่า ก็จะมีรอยแดงๆอยู่ประมาณ 3 เดือน หลังจากนั้นก็จะค่อยๆจางลงๆจนมองไม่เห็นในที่สุด

แผลผ่าตัด : ขึ้นอยู่กับสภาพผิวหนัง และ สุขภาพดวงตาของแต่ละบุคคล พบว่าอาจจะมีประมาณ 5-10 เปอร์เซนต์ที่อาจเหลือร่องรอยของแผลเป็นให้เห็น แต่เมื่อเวลาผ่านไปแผลเหล่านั้นก็จะกลายเป็นสีที่กลืนกับผิวไปในที่สุด

 

การศัลยกรรมผ่าตัดเปิดปลายหางตา

แก้หางตาที่ขึ้นสูงโดยการผ่าตัดปลายหางตาให้ลงมาด้านล่าง หรือ คนที่มีดวงตาตก ชี้ต่ำลง ให้เชิดขึ้นมา ทั้งนี้เพื่อเกิดความสมดุลของรูปตา 

เหมาะสำหรับ : คนที่หางตาเชิดขึ้น หรือหางตาตกลง รวมถึงความกว้างดวงตาค่อนข้างแคบ  หลังผ่าตัด 7วันก็สามารถเอาไหมออกได้เลย

 

 

การศัลยกรรมกำจัดถุงใต้ตา

ตอนนี้กำลังฮิตเลย DOLLY EYES มีนิดหน่อยดูเหมือนตาเยิ้ม (แต่ส่วนตัวไม่มีดีกว่า) คนบางคนก็มีถุงใต้ตาที่แสนน่ารักมาตั้งแต่กำเนิด หรือ บางคนเมื่ออายุเยอะขึ้น ตามวัยก็อาจจะเกิดความหย่อนคล้อยของชั้นผิวหนัง ผิวหนัง จนเกิดเป็นถุงใต้ตาได้ จะเป็นการผ่าตัดเอาเซลล์ไขมันที่บริเวณใต้ตาออกผ่านทางทางเยื่อบุลูกตา จึงทำให้ไม่เห็นร่องรอยของรอยของแผลภายนอกเลย พร้อมกับการเย็บทำให้เยื่อบุใต้ตากระชับแข็งแรงด้วยไปพร้อมๆกัน เป็น ” การศัลยกรรมฟื้นฟูปรับปรุงผิวหนังใต้ตา ” ทำให้ผลลัพธ์อยู่นาน 

ข้อดี ไม่มีแผล เยื้อบุใต้ตากระชับ แข็งแรง ผลอยู่นาน

ข้อด้อย การเอาเซลล์ไขมันออกอาจทำให้ตาดูลึกโบ๋ได้ จึงต้องพิถีถิถันดูปริมาณที่เหมาะสมให้ผิวหนังเรียบเนียนเสมอกัน

เหมาะสำหรับ : คนที่มีถุงใต้ตา หรือ ผิวหนังรอบดวงตาหย่อนคล้อยมากองอยู่ที่บริเวณใต้ตา

 

ศัลยกรรมการฟื้นฟูดวงตา
การยกเปลือกตาให้สูงขึ้นโดยผ่าแก้ไขตรงกล้ามเนื้อตาเปิด  สำหรับคนตาเล็กมาก เปลือกตาที่ใกล้จะบดบังลูกตาดำ (ปกติกล้ามเนื้อเปลือกตาจะลงมาปิดตาดำแค่ประมาณ 1 มม.) หรือ คนที่ีมีดวงตาเหมือนจะปิดหรือตาดูง่วงตลอดเวลา นั้นคือคนที่มีปัญหาตรงกล้ามเนื้อตาเปิดที่ไม่มีแรงในการลืมตา คนที่มีตาลักษณะแบบนี้มักจะฝืนลืมตาตัวเองให้กว้างเป็นนิสัยบ่อยครั้งจะพบว่าทำให้เกิดรอยย่นที่หน้าผากด้วย การแก้ไขตรงนี้คือ พอแก้ไขกล้ามเนื้อตาถูกยกสูงขึ้นก็ทำให้ดวงตาใหญ่ขึ้นด้วย รอยย่นตรงหน้าผากที่มีก็เลือนไป หรือ มีจางลง  
ข้อดี ปกติหลังผ่าตัดเสร็จก็จะทำให้มองเห็นได้มากขึ้นเป็น 10-20 เท่าตัว 
ข้อด้อย ต้องเปลี่ยนนิสัยหากใครใช้หน้าผากช่วยลืมตา ฝึกอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อการลืมตาจะได้เป็นไปอย่างธรรมชาติ เช่น ไม่เอาคิ้วขึ้นเวลาลืมตา ไม่เงยคางขึ้นเวลามองไปข้างหน้า ไม่หยีตามอง
 
เหมาะสำหรับ : คนที่มีดวงตาแลดูง่วง ดวงตากระพริบถี่บ่อยตลอดเวลา ตาเหมือนไม่มีแรงลืมตา
 

สำหรับกรณีที่มีกล้ามเนื้อตาเปิดที่อ่อนแอ วิธีสังเกตุ 

  • เวลาลืมตาจะมีริ้วรอยแสดงตรงหน้าผาก และคิ้วจะขึ้นไปทุกครั้ง
  • เวลาที่จะมองดูวิวข้างหน้า ก็มักมีอาการเงยคางขึ้น เพื่อที่จะทำให้มองเห็นได้อย่างชัดเจน
  • ดูเหมือนคนง่วง หรือ คนที่กำลังหน้าบึ้ง ! ทั้งๆที่ทำหน้าปกติ
 
ศัลยกรรมดวงตาประเทศเกาหลีกำลังอยู่ในกระแสที่เน้นออกแบบเพื่อทำดวงตาให้กลมโตแบบตุ๊กตา โดยการศัลยกรรมจะคำนึงถึงรูปตาของคนไข้เป็นหลัก เทคนิคที่ใช้คือ การขยายพื้นที่บริเวณดวงตาทั้ง 4 ทิศ บางคนอาจทำร่วมกับตา2ชั้น เพื่อความกลมโตอย่างเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น
4 ทิศทางที่ใช้ขยายพื้นที่ดวงตาได้แก่
  • การขยายโคนหัวตา
  • การขยายปลายหางตา
  • การขยายหนังตาล่าง
  • การขยายหนังตาบน (เย็บ กรีดเพื่อทำตาสองชั้น หรือ เย็บกล้ามเนื้อ ดึงเนื้อเยื่อตาให้สูงขึ้น)
หากศัลยกรรมตา 2 ชั้น ความยาวของตาเพิ่มขึ้น 15% กล้ามเนื้อตาเพิ่ม 25%
หากขยายโคนหัวตา หรือ ขยายปลายหางตา ความยาวของดวงจะเพิ่มขึ้นประมาณ 10% 
หากทำทั้งขยายโคนหัวตา, ขยายปลายหางตา, ขยายหนังตาล่าง และ ทำตา 2 ชั้นพร้อมกัน ดวงตาจะโตขึ้นมากที่สุดประมาณ 75 %
 
 
 

จบวิธีหลักต่างๆที่ประเทศเกาหลีใช้ไป ซึ่งการใช้อาจจะผสมผสานให้เหมาะกับรูปตามากที่สุด ก็ขึ้นกับความหลากหลายทางเทคนิค และ รวมถึงประสบการณ์ของแพทย์ ที่นี่สำคัญคือ แก้ปัญหาที่เด่นชัดก่อน ออกแบบการศัลยกรรมตาให้เหมาะกับคนไข้ เพื่อการผ่าตัดที่ใช้เวลาไม่มาก พักฟื้นน้อย ไม่มีแผล และ เมื่อเข้ารูปเข้ารอยก็สามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนได้จริง พร้อมทั้งมีความเป็นธรรมชาติ

 

ต่อไปเป็นบทสัมภาษณ์นี้เป็นบทสัมภาษณ์คุณหมอ ยู วอน เจ

คุณหมอศัลยแพทย์ดวงตาประจำโรงพยาบาลในเครือสังกัด STMTYLE

แอบกระซิบว่าคุณหมอตาฉ่ำเยิ้มมาก ตายาวเรียวยาวได้รูปมาก (ไม่แน่ใจว่าศัลยกรรมรึเปล่า)


 

ทิศทางการพัฒนาเรื่องศัลยกรรมดวงตาของประเทศเกาหลี ?

การทำตามีหลากหลายรูปแบบ และ ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ปัจจุบันที่เน้นที่สุด คือ เรื่องการทำให้เวลาการพักฟื้นน้อยลง ทำให้อาการอักเสบของดวงตาหายเร็วขึ้น

 

ปัญหาสำคัญที่คนทำศัลยกรรมกับคุณหมอคือเรื่องอะไร ?

ป้ญหาการลืมตา – ปัญหาการหลับตา – ปัญหาดวงตาลืมแล้วตาโตไม่เท่ากัน

ปัญหาชั้นตาไม่เท่ากัน – ปัญหาการลืมตาเต็มที่แล้วยังโตไม่เท่ากัน

ปัญหาอาการหนังตาหย่อนคล้อย (ด้วยอายุ) – ปัญหาตาชั้นเดียว

ปัญหาชั้นตาที่ยังไม่ชัดเจนสวยถูกใจพอ – ปัญหาหัวตาแคบไป หรือ กว้างไป

ปัญหาหัวตามีสีไม่สวย

 

การทำศัลยกรรมตาที่ดีที่สุดคืออะไรคะ

การทำอะไรให้มันเหมาะสมกับตัวเอง แก้ไขเป็นเฉพาะรายบุคคลไปให้เหมาะสมกับคนๆนั้นจริงๆ ยกตัวอย่างคนไข้รายนี้

มีความคิดว่าดวงตาตัวเอง อยากผ่าตัดเปิดหัวตาให้กว้างขึ้น เพราะเขาคิดว่าดวงตาอาจจะกลมและเรียวยาวแบบสมดุลขึ้น แต่ในความคิดเห็นของคุณหมอเอง มองว่าไม่จำเป็นเลย สิ่งที่เหมาะสมที่สุดกับคนไข้รายนี้คือ “ปัญหาการลืมตาได้ไม่เต็มที่ ลูกตาดำถูกหนังตาปิดในปริมาณที่อาจจะทำให้ตาดูไม่สวยเต็มที่ คุณหมอจึงใช้วิธีผ่าตัดเปิดหางตา แล้วก็ใช้ไว้ที่ขยายดวงตายกขึ้นไป และ เย็บทำตาสองชั้น นอกจากจะทำให้ลูกตาดำถูกเปิดเผยออกในปริมาณที่สมดุลแล้ว ตายังดูกลมโต เป็นสองชั้นที่ชัดเจนขึ้น ใบหน้าโดยรวมจึงดูสดใส มีพลังขึ้น คุณหมอจึงบอกว่าทำอะไรทำให้เหมาะกับตนเองดีที่สุด โดยจุดสังเกตุหลัก อาจจะมองหาปัญหาหลักที่แท้จริงก่อน หรือ ถ้าใครบางคนมีสไตล์ดวงตาที่ชื่นชอบก็สามารถนำมาให้คุณหมอวิเคราะห์เพื่อให้คำปรึกษาได้ แล้วก็จะบอกว่าทำได้ไหม หรือ ถ้าทำไม่ได้ คุณหมอก็จะให้เหตุผล พร้อมทั้งแนะนำสิ่งที่เหมาะ และ เป็นธรรมชาติกับตัวเองมากที่สุด

 

เราพอจะได้เห็นภาพก่อนทำไหม ?

อาจจะมีโปรแกรมประมาณการให้ดูคร่าวเป็น 3D ซึ่งอาจจะไม่ได้ตรง 100% และ ภาพที่เห็นอาจไม่ชัด คุณหมอจะใช้วิธีการวาด และ อาจเปิดกรณีตัวอย่างของคนไข้ที่มีปัญหาใกล้เคียงให้ดูแทน

 

สิ่งที่คุณหมอให้ความสำคัญในการผ่าตัดตาคืออะไร ?

การใช้เวลาการผ่าตัดสั้นที่สุด วิธีการผ่าตัดไม่ซ้ำซ้อน และ หายเร็วที่สุด สำคัญที่สุดไม่มีแผล

 

การกรีดตา และ การเย็บตาต่างกันยังไง

ถ้าไม่ได้สังเกตุก็อาจไม่เห็นความแตกต่างของ 2 วิธีการทำตาสองชั้น คือ กรีด หรือ เย็บ สังเกตุก็อาจไม่ชัดเพราะมันจะเป็นแค่เส้นบางบางถ้ากรีด และ ถ้าเย็บมันก็จะมีเหมือนเล็กที่เล็กมาก ไม่สังเกตุก็จะมองเห็นไม่ชัดเลย

 

 

กว่าดวงตาจะสวยเจ็บไหม ?

ถ้าหลับตาแล้วไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยเนี่ยมันจะเป็นอะไรที่อันตรายมาก เพราะฉะนั้นจะวางยานอนหลับให้เฉพาะช่วงที่มีการเริ่มต้นการผ่าตัด เท่านั้นเพื่อไม่ให้เกิดความเจ็บปวดแต่หลังจากนั้นด้วยความที่ฤทธิ์ยายังอยู่คนไข้ก็จะไม่เจ็บปวดแต่คนไข้ก็จะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาเพื่อรับรู้การผ่าตัดอยู่ตลอดเพื่อที่จะได้สื่อสารกับคุณหมอได้

 

การดูแลหลังการผ่าตัด

ควรลืมตาหลับตาเพื่อจะช่วยให้ตาสองชั้นมันเข้าที่ได้เร็วขึ้น

 

คำแนะนำจากคุณหมอในการทำศัลยกรรมดวงตา

เทรนด์และเทคนิคการทำตามีหลายรูปแบบอยากจะแนะนำว่าดีที่สุดคือถ้าคนที่อยากทำตาสองชั้น หรือ ตาโต หรือ อะไรก็แล้วแต่ ให้พบแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีความชำนาญในเฉพาะด้านในการศัลยกรรมดวงตาจริงๆ เพื่อปรึกษาหาดวงตาที่เหมาะสมที่สุดให้กับเราจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดค่ะ อย่างการที่แบบจะไปเลียนแบบใครว่าอยากได้ตาแบบคนนั้นคนนี้บางทีมันอาจจะไม่เข้ากับตัวเราก็ได้

 

ผลข้างเคียงในการศัลยกรรมดวงตา ?

คุณหมอบอกว่าผลข้างเคียงที่ร้ายแรงที่สุดก็อาจจะเป็นทำออกมาแล้วไม่สวย ” ไม่สวยหมายถึงไม่ถูกใจลูกค้า หรือ ไม่ถูกใจหมอ ” และ คำว่าไม่สวยอาจจะหมายถึงความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้อาธิ เช่น อาจจะทำให้ดวงตาลืมได้ไม่เต็มที่ก็อาจจะเป็นไปได้ หรือ บางคนก็อาจจะมีรอยแผลเป็นที่ทิ้งไว้ซึ่งดูค่อนข้างจะรุนแรงอะไรทำนองนี้ซึ่งก็อาจจะเกิดขึ้นได้ หรือแม้แต่ในเรื่องของการวางยาในช่วงของขั้นตอนการผ่าตัดนั่นก็ถือเป็นผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้

 

ถ้าการแก้ไขมีปัญหาต้องการผ่าตัดซ้ำ ?

ถามว่าถ้าทำออกมาแล้วไม่ดีแล้วทำใหม่ได้มั้ย คำตอบคือได้ แต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจจะไม่ได้ หรือ ไม่เป็นไปตามต้องการ เช่น ผ่าตัดไปแล้วจะทำให้มันกลับยาวขึ้นมาใหม่เหมือนเดิมมันก็เป็นไปไม่ได้เพราะฉะนั้นถามว่าทำไปแล้วทำอีกเพื่อแก้ไขได้ไหมให้เป็นไปตามที่ต้องการ ตอบว่าได้ แต่ต้องเป็นลักษณะของการแก้ไขได้ด้วย ส่วนมันจะกลับมาดีหรือเปล่าต้องเป็นอีกเรื่องนึง เพราะฉะนั้นดีที่สุดก็คือก่อนจะทำครั้งแรกเลือกให้ดี ตัดสินใจให้ดีก่อน

 

คุณหมอมีประสบการณ์ผ่าตัดศัลยกรรมดวงตามากี่ปีแล้วคะ และทำไมถึงชอบดวงตา

ประมาณ 8 ปี เพราะว่าคุณหมอเคยเจอกรณีที่แบบตาผ่าตัดเท่าไหร่ก็ทำออกมาแล้วไม่สวยซักที คุณหมอก็เลยหันมาสนใจด้วยความคิดที่ว่าเพราะอยากทำตาสวยๆให้คนอื่น คุณหมอก็เลยหันมาสนใจเกี่ยวกับการศัลยกรรมดวงตา แล้วก็เริ่มต้นเรียนอย่างจริงจัง ยิ่งเรียนยิ่งชอบจึงหันมาทำด้านนี้อย่างเต็มตัว

 

ระยะเวลาในการศัลยกรรมทำตา และ ระยะเวลาพักฟื้น

50 นาที – 1 ชั่วโมง อาการบวมหรือช้ำประมาณ 1-2 อาทิตย์ 3-4 สัปดาห์แรกรูปตาจะยังไม่เข้าที่  ต้องใช้เวลาซัก 1-3 เดือน จึงจะเข้าที่เป็นธรรมชาติ  และ หากต้องการแก้ไขชั้นตาใหม่ต้องให้เวลาผ่านไปประมาณ 6 เดือนก่อนจึงจะศัลยกรรมแก้ไขใหม่ได้

 

ข้อควรระวังก่อนศัลยกรรมตา

1. ก่อนรับการศัลยกรรม 1 สัปดาห์ไม่ควรรับประทานยาที่มีผลต่อการออกของเลือด  อย่างยาแอสไพรินหรือยาที่เร่งการออกของเลือด  ส่วนยาชนิดอื่นก็ต้องลองถามแพทย์ก่อนว่าทานได้หรือไม่

2. คนที่เป็นเบาหวาน หรือรับประทานยาประเภทยาน้ำสเตอรอยด์ หรือยาสมุนไพรอยู่ แผลอาจหายช้าแต่ก็สามารถหายด้วยตัวมันเองได้

3. ในกรณีของท่านที่มีประจำเดือนในวันผ่าตัด  ไม่มีผลกระทบอะไรมาก แต่หากระหว่างผ่าตัดหรือหลังผ่าเสร็จเลือดออกมากก็มีผลทำให้อาการบวมมีมาก และบวมนานได้  หากหลีกเลี่ยงได้ก็ควรจะ เลี่ยงเป็นวันอื่น  

4. ก่อนผ่าตัด 3-4 ชั่วโมง  ให้งดทานของหนักๆ หรืออาจทานได้แต่เป็นของอาหารเบาๆหรือเครื่องดื่ม

5. ในวันผ่าตัดไม่ควรแต่งหน้า หรือแต่งตาหรือทำอะไรกับใบหน้า

6. ในวันผ่าไม่ควรใส่คอนแทกเลนส์เด็ดขาด  ควรเตรียมแว่นมาจะดีที่สุด

 

ข้อควรระวังหลังศัลยกรรมตา

1. สิ่งที่ควรระวังมากที่สุดสำหรับผู้รับการศัลยกรรม นั่นก็คือ หลังศัลยกรรมควรล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอเพื่อไม่ให้เชื้อโรคเข้าไปในแผล

2. หลังศัลยกรรมทำตาสองชั้น  ควรฝึกการลืมตาเป็นประจำ  เพื่อลดอาการบวม  และช่วยให้ชั้นตาเข้าที่ได้ดี โดยเฉพาะในกรณีการศัลยกรรมฉีกตาให้กว้าง ควรฝึกการลืมตาให้เป็นนิสัย และเอาคางเข้าทุกครั้งที่ลืมตาไม่เผลอยื่นคางออก  

3. หลังผ่าตัด  ควรระวังท่าทางต่างๆที่อาจทำให้เกิดการบวมมากขึ้นเช่น  การก้มคออ่านหนังสือ  การนอนคว่ำ  การเงยหน้า  สิ่งเหล่านี้ก็เป็นสาเหตุให้บวมมากได้  ตอนนอนควรหนุนหมอนให้สูง ใช้หมอนสัก2-3ใบจะดี  หากทำได้ดังนี้ก็จะทำให้อาการบวมหายไวยิ่งขึ้น

4. หลังผ่าตัด  ควรประคบเย็นหลังพันผ้าก็อซแล้ว การประคบเย็นทำให้ชะลอการไหลเวียนของเลือดบริเวณเปลือกตา ห้ามการออกของเลือดได้ดีทีเดียว และยับยั้งการเกิดรอยช้ำ หรืออาการบวมได้ การประคบเย็น แรกเริ่มควรทำ 2-3 วันก่อน หลังจากนั้นนับไป 2 อาทิตย์ก็ควรทำการประคบร้อน เพื่อช่วยการไหลเวียนของเลือด จะลดการบวมในส่วนที่เราผ่าตัดได้

5. หลังผ่าตัด ประมาณ 50 % ซ้ายขวาจะดูต่างกัน  90%  มาจากอาการบวมที่เกิดขึ้น  ต้องใช้เวลาหลายเดือนจึงจะเข้าที่  เพราะฉะนั้นเวลาดูกระจกก็ควรใจเย็น อย่าพึงใจร้อน  

6. ยาปฏิชีวนะ ยาแก้ปวดแก้อักแสบ  ยาช่วยย่อยต่างๆควรทานตามที่แพทย์สั่งไว้อย่างเคร่งครัด  หลังอาหาร 30 นาที ในช่วง 5 วันแรก  

7. การใส่คอนแทกเลนส์ควรหลีกเลี่ยงประมาณ 2-3 สัปดาห์แรก แต่ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการผ่าตัดแต่ละวิธีด้วย(เพื่อเลี่ยงอาการอักแสบของดวงตา) ควรใช้แว่นแทนไปก่อน

 

 

 

ส่วนตัวคิดว่าได้ความรู้มาก ปกติ เคยเข้าใจมาตลอด ตาสองชั้น แค่ กรีด หรือ เย็บก็จบ

ตอนนี้ตาไม่เท่ากันแต่ก็ไม่ได้คิดจะทำ เพราะคิดว่ามันไม่ได้เป็นปัญหากับชีวิต คุณหมอก็น่ารัก

กันเองแม้จะคุยกันไม่ได้โดยตรงแต่ก็ยิ้มให้ข้อมูลตลอดเวลา ส่วนตัวคิดว่าข้อดีคือ

การศัลยกรรมดวงตาที่ประเทศเกาหลีค่อนข้างให้ความใส่ใจกับสรีระดวงตาคนมาก

และ ปัญหาหลักที่เกิดกับบุคคลนั้นจริงๆ เช่นการลืมตาได้ไม่เต็มที่

เพราะเคยเห็นคนไทยบางคนทำมาตาดูเหมือนจะหลับ ตอนไม่ทำสวยกว่ามาก

บางคนก็แผลชัดจริงๆเลย บอกตรงๆเลยเป็นความกังวล กลัว และ ไม่กล้าทำ

ส่วนข้อด้อย แน่นอนทำที่นู่น ถ้ามีปัญหาก็ลำบากแก้ อ่านไว้เป็นข้อมูลนะคะ

เรื่องนี้เอิ๊กไม่มีประสบการณ์ แต่เท่าที่ฟัง ศิลปะการศัลยกรรมเขาค่อนข้างละเอียดทีเดียว

บทความหน้ามาเจอกันกับการเหลาหน้าเรียว

XOXO

 

 

ข้อมูลและรูปภาพ

  • เครดิตหลัก STMSTYLE กฎหมายลิขสิทธิ์เขาค่อนข้างจริงจัง แชร์ได้นะคะ แต่รบกวนอย่า COPY ทั้งรูปภาพและบทความนะคะ เป็นห่วง 🙂

ข้อมูลเขาแน่น และ เปิดโลกมากกับการศัลยกรรมที่ประเทศเกาหลี

  • เครดิตรอง GOOGLE
  • เครดิตสุดท้าย ประสบการณ์ตัวเองที่ไปฟัง และ ไปเห็นรูปผลงานมา ไม่เคยทำ ^^

Posted in SURGERYComments (2)

การทำจมูกที่ประเทศเกาหลี กับ STMSTYLE

คำเตือน เนื่องจากเนื้อหาอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการตัดสินใจกระทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของร่างกายได้ (ศัลยกรรม) ขอแสดงความรับผิดชอบในเนื้อหาด้วยการบังคับให้ทุกคนอ่านคำเตือนก่อนทุกครั้ง การทำศัลยกรรมที่เป็นการผ่าตัดทุกชนิด จะเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นบริเวณเนื้อเยื่อในร่างกาย เกิดบาดแผลเมื่อผ่าตัด เมื่อตัดสินใจแล้วผลของแผลทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็นจะคงอยู่ตลอดไป ไม่สามารถเรียกเนื้อเยื่อเก่าให้กลับมา หรือ ลบเลือนแผลเป็นที่เกิดขึ้นใต้ผิวหนัง (พังผืด) บนผิวหนัง (แผลเป็น) ให้หายไปหมดได้ การผ่าตัดยิ่งใหญ่มากเท่าไหร่ โอกาสมีแผลบนผิวหนังแน่นอน 100% การศัลยกรรมทุกชนิด เป็นเรื่องที่ต้องดูแล และ สังเกตุความเปลี่ยนแปลงที่ไม่ปกติตลอดชั่วชีวิตเหมือนสุขภาพร่างกายของคนเรา วัสดุบางชิ้นไม่ได้เกิดมาเพื่ออยู่กับเราไปจนตาย อาจต้องมีการเอาออก เอาใส่เข้าไปใหม่ หรือ ถึงช่วงอายุขัยนึง เราอาจจะนำมันออกไปและไม่ใส่เข้าไปใหม่อีกเลย ก่อนตัดสินใจทำอะไรกับชีวิต คุณมีข้อมูลดีพอรึยัง ให้ถามตัวเองอยู่เสมอ

ด้วยความรัก และ ปรารถนาดีอย่างสูง

 erk-erk

บล็อคนี้คงเป็นที่รอคอยของใครหลายคน อันดับ1ที่คนไทยนิยมทำมากที่สุด

นั่นก็คือ ” จมูก “ ก่อนจะทำอะไรทุกครั้งกับอวัยวะในร่างกาย เอิ๊กอยากให้ทุกคนเข้าใจ

ว่าแต่ละอวัยวะนั้น หน้าที่ที่แท้จริงของมันเอาไว้ทำอะไร ?

 

จมูก ความสำคัญสูงสุดสำหรับร่างกายเรา คือ การหายใจเข้าออก เพื่อให้มีชีวิตอยู่

เพื่อดมกลิ่น เพื่อปรับอุณหภูมิ กรองอากาศ ฯลฯ

นี่คือความเป็นจริงในหน้าที่ของจมูกมนุษย์แต่ละคน

[ ภาพ : Google ]

  ภายในจมูกมีโครงประกอบทั้งกระดูกแข็งและกระดูกอ่อนโดยมีเมือกด้านใน

ภายนอกห่อหุ้มด้วยผิวหนังที่ทำหน้าที่ปกป้องสิ่งแปลกปลอมไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย

ส่วนประกอบหลักที่สำคัญของจมูก

1. สันจมูก กระดูกอ่อนที่มีเนื้อเยื่ออยู่ภายใน

2. ดั้งจมูก ซึ่งเป็นกระดูกแข็งที่อยู่บนสุดเหนือสันจมูก

3. รูจมูก 2รู ทำหน้าที่สำคัญที่สุดในระบบทางเดินหายใจ

4. โพรงจมูก จะมองเห็นผ่านรูจมูกเข้าไป นอกจากจะเป็นช่องทางเดินอากาศเวลาหายใจเข้ามาแล้ว ยังมีหลอดเลือดฝอยอยู่มากมาย มีปลายประสาทรับกลิ่น ถ่ายเทความร้อนภายในร่างกาย และ เชื่อมต่อกับท่อน้ำตาของมนุษย์

สิ่งหนึ่งที่เราอาจปฏิเสธไม่ได้

ว่าจมูกเป็นตัวแปรสำคัญบนใบหน้าในเรื่องของมิติบนใบหน้า บางคนก็ว่าเป็นโหวงเฮ้ง

เป็นเรื่องของดวง หรือ แม้แต่สามารถบ่งบอกชะตาชีวิตในช่วงชีวิตหนึ่งได้

หรือ ที่สุดยิ่งกว่านั้นในความโชคดีเรื่องศัลยกรรมจมูก บางคนเปลี่ยนชีวิตไปเลย

กลายเป็นคนนึงที่มีโชคดีอยู่เสมอแก่ผู้พบเห็นในการเป็น FIRST IMPRESSION

แปลเป็นไทยประมาณว่า “ถูกชะตา ต้องตา” เกิดความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น

เพราะมนุษย์เรามักตัดสินกันด้วยการมองเห็นเพียงไม่กี่วินาทีแรก

บล็อคนี้เป็นอีกความรู้นึงในแขนงศัลยกรรมที่เอิ๊กต้องขอออกตัวเหมือนเช่นเคยว่า

การทำศัลยกรรมทุกประเทศมีจุดเด่น มีความสวยงาม และมีเทคนิคที่ต่างกัน

วันนี้จะมาพูดการทำศัลยกรรมจมูกที่ประเทศเกาหลี ไม่ใช่แค่สไตล์เกาหลี

แต่เป็นบทความที่สัมภาษณ์และมีข้อมูลเป็นของประเทศเกาหลีจริงๆ จากแพทย์ชั้นนำ

ของ STMSTYLE ซึ่งมีประสบการณ์เกือบ 20 ปีแล้ว ทำให้ดาราเกาหลีมาเยอะมาก

คนไข้ไม่ต่ำกว่า 20,000 คน และ โค ตะ ระ แพง ทำไมแพงจัง

มันมีเหตุผลที่ทำให้คนยอมจ่าย เพราะความแพงนอกจากค่าตัวหมอ ยังอยู่ที่วัสดุด้วย

ฟังแล้วตื่นเต้นมาก ไม่คิดว่าตัวเองจะมีโอกาสได้ใกล้ชิด

กับคุณหมอคิวทอง และ เป็นมือศัลยกรรมอันดับต้นๆของประเทศเกาหลีอย่าง

คุณหมอ ปาร์ค ยัง ซู

ต่อไปจะเป็นสัมภาษณ์ระหว่างคุณหมอ ล่าม และเอิ๊กนะคะ

บางส่วนดัดแปลง ต่อเติมจากข้อมูลวิชาการต่างประเทศทางตะวันตกประกอบ

เพื่อความเข้าใจง่ายขึ้น แต่ชัดเจนทุกประเด็น และ ใส่ความรู้สึกเอิ๊กลงไปเพื่อ

อรรธรสในการอ่านแต่ได้รับความรู้เต็มเปี่ยมไม่บิดเบือนความจริง

สไตล์ erk-erk เหมือนเดิม

 

จุดเริ่มต้นในการทำศัลยกรรมจมูกต้องคำนึงถึงอะไรก่อน

นอกจากความจำเป็นจริงๆทางร่างกาย เช่น มีความผิดปกติทางจมูกทำให้หายใจไม่สะดวก ก็อาจจะมาจากการแก้ไขความไม่สมดุลของจมูกที่มีมาแต่กำเนิดยกตัวอย่างรูปทรงจมูกไม่เท่ากัน เช่น จากการมีความผิดปกติเรื่องปากแหว่ง เพดานโหว่ และ สุดท้ายเหตุผลที่คนนิยมทำกันคือ ปรับรูปจมูกให้มีมิติ มีรูปทรงที่โดดเด่นสวยงาม รับกับรูปหน้า ทำให้ภาพรวมบนใบหน้าดูสมดุล และ สวยงามขึ้น สำหรับประเทศเกาหลีจะคำนึงถึงขีดจำกัดของจมูกแต่ละคน คือ

  1. ความสูงต่ำที่เหมาะสมของดั้งจมูก 
  2. ความหนาบางของผิวหนัง
  3. ความกว้างของสันจมูก 
  4. สภาพของจมูกเดิม 
  5. ความโค้งเว้าของหน้าผาก
  6. ความสมมาตรรูปทรงจมูกทั้งด้านซ้ายและขวา
  7. สันจมูกต้องตรง ไม่เบี้ยวหรือ คดงอ
  8. สัดส่วนความยาวจมูกต้องเป็น 1/3 ต่อความยาวของใบหน้าทั้งหมด
  9. ริมฝีปากกับปลายจมูกต้องทำมุมกันประมาณ 95-105 องศา แต่ในทางทฤษฎี
  10. รูปจมูกต้องเข้ากับรูปหน้าของแต่ละคน
  11. ขนาดของจมูกที่สวยงาม
  12. การคงรูปไว้ไม่ให้รูปทรงเปลี่ยนหลังผ่าตัด
  13. ต้องไม่ทำให้เกิดริ้วรอยหลังการผ่าตัดอย่างที่ได้กล่าวไปแล้วข้างบน
  14. การทำศัลยกรรมจมูกควรทำหลังจากเรามีอายุ 17-18 ปีขึ้นไป เพราะการเจริญเติบโตของกระดูกเต็มที่

 

วิธีการผ่าตัดเสริมจมูกทั้งหมดที่ประเทศเกาหลี

การศัลยกรรมจมูกให้ได้ผลออกมาดี มีองค์ประกอบ 2 ส่วนสำคัญ คือ บริเวณดั้งจมูก ซึ่งนิยมวางซิลิโคนเนื่องจากเป็นส่วนที่ไม่ต้องขยับ และ บริเวณปลายจมูก ซึ่งนิยมวางด้วยกระดูกอ่อน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมชาติ ขยับไปมา บิดได้เหมือนเสมือนของจริง

ในกรณีที่ไม่ต้องแก้ไขอะไรจะใช้วิธีการผ่าตัดเข้าไปข้างในรูจมูก

การผ่าตัดที่ต้องแก้ไขกระดูกหรือมีปัญหาจะใช้วิธีการต้องผ่าเข้าทางเปลือกผิวหนังสุดปลายจมูกแทน (บริเวณที่ตั้งของรูจมูกทั้งสองข้าง)

 

 

วัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูกอาจใช้ผสมผสานกัน หรือ วิธีเดียวก็ได้ขึ้นกับสรีระคนไข้

  • ใช้จากร่างกายตนเอง เช่น กระดูกอ่อนของตนเอง ไขมันตนเอง

ข้อดี ธรรมชาติใช้ของในร่างกายตนเอง ร่างกายยอมรับ ไม่เกิดการต่อต้าน หรือ ติดเชื้อแทบไม่มี

ข้อเสีย อาจทำให้มีแผลเป็นเล็กๆตามร่างกายที่ถูกนำกระดูกออกมาใช้เช่นหลังใบหู หรือ บริเวณที่ดูดไขมันออกมา

  • ใช้วัสดุเทียมที่ปลอดภัยต่อร่างกาย เช่น ซิลิโคน กระดูกอ่อนเทียม

ข้อดี ไม่เจ็บตัว ไม่มีแผลในส่วนอื่นของร่างกาย

ข้อเสีย สิ่งแปลกปลอม คือ สิ่งแปลกปลอม ถ้าเกิดการอักเสบติดเชื้อ ต้องนำออกทันที

* การผ่าตัดจะเกิดขึ้นและวางวัสดุบริเวณใต้เนื้อเยื่อที่ทำหน้าที่ห่อหุ้มกระดูก

 

1. ซิลิโคน

เป็นซิลิโคนแบบนิ่ม หรือ SOFT SILICONE

ข้อดี ผ่าตัดได้ง่าย ทำให้ผิวเนียนเรียบ เหลาสั้น ยาว รูปทรง สัดส่วน ปรับเปลี่ยนได้ง่าย เช่น เหลาผิดจากด้านนอกก็ทิ้ง เหลาอันใหม่ได้ต่อ แก้ไขหรือเอาออกก็สามารถแก้ไขได้ง่าย ถึงใส่เข้าไปแล้ว ไม่พอใจก็ถอดทิ้ง เหลาทรงใหม่เข้าไปใหม่ได้ เวลาเหลาจะใช้กรรไกรผ่าตัดเหลา โอกาสทะลุไม่มีเพราะนิยมวางไว้ส่วนกระดูกแข็งหรือบริเวณดั้งจมูก ไม่ใช้กับบริเวณปลายจมูก

 ข้อเสีย ถ้าใส่สูงเกินไปแล้วทำให้ผิวหนังที่ห่อหุ้มมันบาง จะทำให้เห็นความเป็นเงาของซิลิโคน สังเกตได้เลยถ้าเห็นจมูกเงาใส และถ้าใส่สูงเกินไปจนผิวบางก็ทะลุได้เช่นกัน

 

2. กระดูกอ่อน

กระดูกอ่อนในโพรงจมูกจากผนังที่กั้นระหว่างรูจมูก หรือ กระดูกอ่อนหลังหู หรือ กระดูกอ่อนตรงซี่โครงแทนได้ในบางกรณีจำเป็น ถ้าเน้นเสริมตรงปลายจมูกจะใช้กระดูกอ่อนหลังหู  ถ้าเกิดอยากยกจมูกให้สูงขึ้นจะใช้กระดูกอ่อนในโพรงจมูก

 ข้อดี กระดูกอ่อนที่ใช้เสริมปลายจมูกจะทำให้จมูกขยับ บิดได้อย่างเป็นธรรมชาติ โอกาสทะลุไม่มี ผิวหนังไม่เงา กระดูกอ่อนไม่เสื่อมตามอายุ เหมือนกระดูกแข็งที่อาจจะมีบ้างเวลาที่เราอายุมากขึ้น แต่รูปทรงในส่วนกระดูกอ่อนจะไม่เปลี่ยน 

 ข้อเสีย การผ่าตัดซับซ้อน แพงกว่าซิลิโคนหลายเท่า ถ้าผ่าหลังใบหูอาจมีแผลเป็นเล็กๆ ถ้าทำโดยไม่เชี่ยวชาญ ตัดแล้วเหลาทรงผิด ต้องตัดเหลาใหม่ เกิดการเปลี่ยนแปลงของรูปทรงจมูกที่เรียกคืนไม่ได้ตลอดกาลหากเลือกตัดกระดูกภายในโพรงจมูก ข้อนี้สำคัญมากต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญในการศัลยกรรมจมูก และ กระดูกในจมูกจริงๆ การเปลี่ยนแปลงอาจทำได้ไม่มากครั้งเทียบเท่าซิลิโคนที่บางคนอาจทำได้มากกว่า 20-30ครั้ง แต่การตัดกระดูกอ่อนจริงๆออกไป กระดูกจริงเราจะไม่สามารถงอกกลับมาเหมือนเดิม

 

3. กระดูกอ่อนเทียม

ควรได้จากการเพาะเลี้ยงปลูกเซลล์เนื้อเยื่อกระดูกอ่อนที่อาจจะได้มาจากบริเวณข้อต่อของกระดูกมนุษย์

ข้อดี ขยับได้อย่างเป็นธรรมชาติ โอกาสทะลุไม่มี ผิวหนังไม่เงา กระดูกอ่อนเทียมไม่เสื่อมตามอายุรูปทรงจะไม่เปลี่ยน

ข้อเสีย โค ตะ ระ แพง บางที่อาจเป็นการใช้วัสดุที่มีเทคนิควิทยาศาสตร์ทางการแพทย์เข้ามา รวมถึงเทคโนโลยีขั้นสูงในการเพาะเนื้อเยื่อสร้างชิ้นงานวัสดุเทียมขึ้นมา

 

4. ฉีดไขมันตัวเอง

ดูดเซลล์ไขมันคุณภาพมาจากไขมันส่วนเกินในร่างกายตัวเอง เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา มาฉีดกลับเข้าไปในบริเวณที่ต้องการเปลี่ยนแปลงไม่มากของรูปทรงจมูก

ข้อดี ไม่ต้องผ่าตัด มักใช้กับจมูกที่เล็กหรือแคบอยู่แล้ว อาจจะใช้เติมเต็มให้ดูอวบอิ่ม หรือ สูงขึ้นเล็กน้อย ให้ความเป็นธรรมชาติสูง ฟื้นตัวเร็ว ราคาถูกกว่าวิธีอื่นมาก

ข้อเสีย อยู่ได้ไม่นาน เฉลี่ย 24 เดือน 

 

เทคนิคที่นิยม ณ ประเทศเกาหลีในการศัลยกรรมจมูก

เทียบกับเทคนิคเมื่อก่อนของประเทศเกาหลี คนจะนิยมใส่ซิลิโคนยาวตั้งแต่สันจมูกด้านบนลงมาถึงปลายจมูก เพื่อให้จมูกดูโด่งกว่า ซึ่งมันจะดูไม่เป็นธรรมชาติ แต่ในปัจจุบันเปลี่ยนไปโดยใช้ซิลิโคนสั้นลง เพื่อความเป็นธรรมชาติมากขึ้นโดยส่วนใหญ่ในการผ่าตัดปกติเป็นการผสมผสานระหว่างซิลิโคน และ กระดูกอ่อน โดยช่วง ดั้งจมูกด้านบนเราจะวางด้วยซิลิโคนสั้นเพราะเป็นส่วนที่เป็นกระดูกแข็งและธรรมชาติไม่ได้มีการขยับเขยื้อนอยู่แล้ว ส่วนสันจมูกยาวลงมาถึงปลายจมูกจะวางด้วยกระดูกอ่อนของเราที่ถูกเหลาและกรีดเย็บเก็บปลายจมูกให้ดูยาวเล็กเรียว หรือ ตามแบบที่เราชอบให้เหมาะกับสัดส่วนบนใบหน้าของเราอย่างเป็นธรรมชาติโดยสามารถขยับ บิด ดันได้เหมือนของจริงเกือบ 100% เรียกได้ว่าแผลเป็นไม่มี ถ้าไม่บอกก็อาจจะไม่มีใครรู้ ยกเว้นคุณหมอศัลยกรรมที่เชี่ยวชาญเรื่องจมูกเท่านั้นที่จับแล้วจะรู้ ส่วนใหญ่จะเข้ารูปหลังจาก 3 เดือนขึ้นไป

 

เสริมจมูกให้สวยตามใจฉัน

หลายคนคงมีข้อสงสัย จะเป็นไปได้ไหมที่จะเอาแบบจมูกไม่ว่าจะจากดารา หรือ คนที่ชื่นชอบไปวางแล้วให้หมอเนรมิตให้เหมือน คุณหมอตอบว่า ขึ้นกับข้อจำกัดของจมูกแต่ละคน แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้คุณหมอรู้ทิศทางความปรารถนาของคนไข้ จะทำให้เป็นไปในทิศทางนั้นแต่เป็นในแบบฉบับที่เหมาะสมกับเรามากที่สุด เท่าที่เราจะเป็นได้

 

เห็นภาพก่อนตัดสินใจ

ด้วยความแพง แน่นอน ส่วนหนึ่งแพงด้วยความล้ำทางเทคโนโลยีของเกาหลี (นิสัยตรงนี้ของเอิ๊กเหมือนเกาหลี) ตรงที่ว่าเลือกเทคโนโลยีล้ำสุดมาใช้ในงาน แม้แพง แต่คุณภาพ และ ผลมันเห็นได้เยอะกว่า หลายมุมมอง อยากเห็นภาพก่อนศัลยกรรมแปลงโฉมดั้งใหม่ ก็มีโปรแกรมหลายตัวที่เกาหลีใช้ หลักๆก็จะเป็นโปรแกรมที่มองเห็นภาพเป็นแบบสามมิติ แสดงให้เห็นถึงโครงหน้าที่สามารถวิเคราะห์อธิบายได้ว่า จุดไหน ควรแก้ หรือ เสริมตรงไหน ทำออกมาแล้วจะเป็นยังไงแบบเป็นการคาดคะเน ผลก็จะค่อนข้างใกล้เคียง  (อยากเล่น แต่วันนั้นหมอไม่ว่างสั่งให้พยาบาลเปิดเครื่องให้เล่น ไม่งั้นจะถ่ายรูปมาให้เห็นหน้าค่าตากัน และ คงเล่าได้มันส์กว่านี้)

 

ตัวอย่างการวิเคราะห์ด้วยตาของคุณหมอปาร์คกับจมูกมาดามเมิ๊ก

 

 

ทุกๆคนจะมีกระดูกดั้งจมูกเพื่อทำให้ใบหน้าดูนุ่มนวล แต่ของเอิ๊กหักยุบลงไปบางคนเรียกว่า “ฮัมพ์” [NASEL HUMP] ออกเสียงดีดีนะ (อ่านว่า ฮั๊ม!) และจมูกสวยงามได้รูปแบบธรรมชาติ อาจจะแนะนำให้กรอกระดูกตรงนี้ให้เรียบเสมอกันเวลามองด้านข้างจะเป็นเส้นตรง ด้วยเนื้อปลายจมูกที่อวบ อาจจะทำให้เล็กเรียวลง โดยเพิ่มความสูงด้านบนนิดหน่อย จมูกจะดูเรียวเล็ก และ ใบหน้าดูสวยชัดเจน นุ่มนวลขึ้น และยังคงมีความเป็นธรรมชาติ (แอบคิดในใจถ้าทำคงเป็นฝรั่งไปเลย อิอิ อยากสวยแต่ไม่พร้อมเจ็บ และ ยังรักในหน้าตัวเองอยู่ยังไม่พร้อมเปลี่ยนแฟน เอ้ย เปลี่ยนแปลง ฮ่า ฮ่า)


จมูกดี ดวงดี เชื่อไหมคะ ?

คุณหมอบอกว่าเป็นเรื่องของแต่ละคนแต่ละชาติ เชื่อไม่เหมือนกันเลย เช่น คนจีน จะชอบจมูกที่ยาวลงมา คนเกาหลีก็จะชอบที่สั้นลงไปนิดนึง จะไม่ตกลงมาเหมือนคนจีน อย่างคนเกาหลีเชื่อว่าถ้าปลายจมูกยาวลงมาจะมองกันว่าเป็นคนแข็งและดูเหมือนโชคไม่ดี คนตะวักตก เช่น ชาวยุโรป จะชอบให้จมูกเล็กลง คุณหมอจะดีไซน์ตามใจแต่ละคน แต่ละชาติมากกว่า ในความเห็นส่วนตัวของตัวเองสังเกตุถ้าจะดูดวงจริงๆ จีน กับ เกาหลี ความเชื่อขัดกัน 100% แต่ทั้งสองประเทศก็มีคนดัง มีชื่อเสียง ประสบความสำเร็จมากมาย มันเป็นเพราะอะไร รูปลักษณ์อาจจะเป็นส่วนหนึ่งแต่สุดท้าย อยู่ที่การกระทำ ความสามารถที่แท้จริง ที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะชนมากกว่า อยากให้คิดตามจุดนี้ในเรื่องของดวง แต่เอิ๊กไม่ลบหลู่ความเชื่อใครนะคะ เพียงแต่เลิกดูดวงมา 4-5 ปีชีวิตพุ่งขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับ สมองที่เต็มไปด้วยพลังบวก สำคัญคือเอิ๊กลงมือทำ เลยเป็นอีกความเชื่อนึง คือ เชื่อในพลังข้างในตัวเอง

 

 

การเตรียมตัวก่อนศัลยกรรมจมูก

  • เตรียมใจ เตรียมตังค์ เตรียมดูดีขึ้น(ในแบบตัวเอง) ฮ่าฮ่า
  • อดอาหารก่อนผ่าตัด 3 ชั่วโมง
  • ถอด สร้อยคอ, แหวน, ตุ้มหู, และเครื่องประดับต่างๆ ออกให้หมดก่อนเข้าห้องผ่าตัด
  • ล้างยาทาเล็บที่เล็บมือ และเล็บเท้าออก
  • ก่อนการผ่าตัด 2 อาทิตย์ หยุดทานยาประเภทพวกแอสไพริน 
  • กรณีทานยาประเภท ยาไทรอยด์, ยาประเภทกรดวิตามินเอ, ยาคุมกำเนิด, ยาความรักษาความดันโลหิตสูง, ยาละลายไขมันในเส้นเลือด, ยารักษาโรคเบาหวาน ให้ปรึกษาแพทย์ประจำตัว ในการใช้ยาล่วงหน้าก่อน
  • หากมีอาการแพ้ ยากิน , ยาทา, หรือยาฆ่าเชื้อต่างๆ กรุณาบอกล่วงหน้าก่อน
  • ช่วงก่อนการผ่าตัด 2 อาทิตย์ ควรงดสุราและ บุหรี่

การดูแลตัวเองหลังศัลยกรรมจมูก
  • การประคบอุ่นและเย็นในช่วง1-2วันแรก อุ่นช่วยลดอาการช้ำ เย็นช่วยลดอาการบวมไม่ให้เพิ่มมากขึ้น อาการบวมชำจะค่อยๆลดลงไปภายในประมาณ 5 วัน
  • พักฟื้น 1 สัปดาห์ บวมอักเสบ 3 สัปดาห์ จมูกเข้าที่ประมาณ 3 เดือน
  • ห้ามใส่แว่นซักระยะ จนกว่าจะไม่เจ็บจมูกแล้ว
  • ดูแลความสะอาดแผล โดยห้ามน้ำโดนแผลจนกว่าแผลจะแห้งสนิท
  • อย่านอนคว่ำ นอนหมอนสูง 2 สัปดาห์แรกเพื่อลดการไหลเวียนของเลือดบริเวณใบหน้า
  • ไม่ก้มหน้าอ่านหนังสือ 2-3 สัปดาห์
  • ออกไปเดินเล่น ขยับร่างกายบ้างจะทำให้แผลหายไว
  • งดดื่มแอลกอฮอล์หลังผ่าตัด 2-3 อาทิตย์
ขอถามประสบการณ์ศัลยกรรมคุณหมอว่าทำมานานแค่ไหน ?
คุณหมอบอกว่า ไม่นับเป็นปีนับเป็นเคสคนไข้ผ่าตัดดีกว่า ประมาณ 20,000 เคส (เท่าที่ทราบภายหลังคือคุณพ่อ เอ้ย คุณหมอศัลยกรรมจมูกมาประมาณเกือบ 20 ปีแล้ว)
ค่าใช้จ่ายที่แรงไม่แพ้คุณภาพของงาน
ค่าความดังและประสบการณ์คว่ำหวอดของหมอ ค่ายา ค่าผ่าตัด ค่าเทคโนโลยี ค่าวัสดุ ขึ้นกับสรีระคนไข้ เฉลี่ย 170,000 – 250,000 บาท อาจจะถูกหรือแพงกว่านี้ขึ้นกับปัญหาที่น้อยหรือมากในการแก้ไข ศัลยกรรม ตกแต่ง

 อ่านบมสัมภาษณ์ของหมอที่เอิ๊กได้ไปสัมภาษณ์โดยมีล่ามแปลอีกต่อนึงกันไปแล้ว

ขอมอบบทส่งท้ายพิเศษข้อมูลจาก STMSTYLE ให้อ่านไว้ประดับความรู้

เรื่องศัลยกรรมจมูกเพิ่มเติม

มีตังค์แต่ทำจมูกไม่ได้ ใครบ้างห้ามเสริมจมูก

  • ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้รุนแรง ซึ่งมีน้ำมูกไหลตลอด : อาจทำให้แผลผ่าตัดติดเชื้อได้
  • ผู้ที่มีเลือดออกผิดปกติ หรือเกล็ดเลือดต่ำกว่าปกติ : อาจทำให้เกิดอาการเลือดไหลไม่หยุด
  • ผู้ที่ชอบเล่นกีฬาที่มีการกระทบกระเทือนซึ่ง : อาจทำให้เกิดการกระแทกอย่างรุ่นแรง
  • ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือมีภาวะภูมิต้านทานต่ำ : เช่น ผู้ป่วยโรคเอดส์

เทคนิคศัลยกรรมจมูกที่ประเทศเกาหลีมีกี่วิธี

ที่แน่ๆมากกว่า 50 เทคนิค

ศัลยกรรมจมูกแค่ทำให้โด่งได้อย่างเดียวใช่ไหม

ตกแต่ง แก้ไขปัญหาอื่นได้เช่น จมูกสั้น จมูกรั้นร่นขึ้นไป ก็ทำให้ยาว เรียวลงมาได้ จมูกยาวไปก็ทำให้สั้นได้ หรือ มีความผิดปกติของกระดูกก็สามารถแก้ไขได้ หรือ จมูกแหว่งชิ้นเนื้อหายไปก็ตกแต่งให้เต็มเท่ากันได้ อะไรที่เกี่ยวกับจมูก กระดูกจมูกทำได้ ..

การเฝ้าระวังหลังศัลยกรรมตลอดชีวิต

อย่าคิดว่าทำแล้วจบ การศัลยกรรมที่มีสิ่งแปลกปลอม เช่นซิลิโคนแม้จะปลอดภัยก็ติดเชื้อได้หากดูแลไม่ดี หรือ เกิดภาวะภูมิคุ้มกันในร่างกายบางส่วนบกพร่องทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบหายใจ เช่น อยู่ๆเป็นภูมิแพ้อากาศขึ้นมากระทันหัน ชอบแคะขี้มูก นิ้วก็เอาเชื้อโรคเข้าไปติด ติดเชื้ออีก 

  • หากพบอาการผิดปกติ หรือเห็นขอบจมูกเริ่มชัดเจนขึ้น รีบพบแพทย์ทันที หรือแผลหดรั้ง บางรายแผลรั้งจนจมูกเชิด 
  • รู้สึกว่าเริ่มเสี่ยงต่อการติดเชื่อ รวมถึงการเกิดอาการแทรกซ้อน อาจป้องกันด้วย การรักษาความสะอาดของทางการแพทย์ การดูแลผิวหนังที่ได้รับการผ่าตัด ทั้งด้านในและด้านนอกของจมูก และผิวหนังบริเวณรอบๆ 
  • หากเกิดอาการติดเชื้่อบริเวณที่ใส่ซิลิโคนเข้าไป ควรรีบเอาซิลิโคนออก และ ทิ้งระยะเวลาให้ร่างกายได้ปรับตัวก่อน 3-6 เดือน หรือ 1 ปีขึ้นไป
  • อาการอักเสบหรืออาการติดเชื้อไม่สามารถหายไปเองได้ หากยังมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในร่างกาย ยิ่งทิ้งไว้นาน เนื้อเยื่อในร่างกายยิ่งถูกทำลาย จนยากที่จะแก้ไขให้ดีได้เหมือนเดิม
  • อาจเกิดการเอียงได้ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างฐานจมูกที่เอียงมาก่อนแล้ว หรือเกิดจากการเหลาที่ไม่สมมาตรของแพทย์ หรือทำโดยฝืนเนื้อเยื่อของผิวหนังมากเกินไป หากทางแพทย์เห็นแล้วว่าเอียง ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด การรีบแก้ไขให้ทันภายในระยะเวลาแรกเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากทิ้งระยะเวลานาน อาจจะทำการแก้ไขได้ยากกว่าเดิม

อะไรเอ่ยกินเข้าไปแผลหายไว

จะบอกว่าเอิ๊กผ่าตัดใหญ่ แต่อยากอวดว่าหมอชมว่าไม่มีอาการบวมใดใดทั้งสิ้นให้เห็นภายนอกเลย เป็นปกติทุกอย่าง เพราะอาหารเขาก็มีส่วนช่วยมากๆ มาดูกันดีกว่าเอิ๊กทานอะไรบ้าง

  • โจ๊กฟักทองที่ปั่นละเอียดจนเป็นเสมือนน้ำฟักทอง อุดมไปด้วยวิตามิน A ปริมาณ ช่วยขจัดสิ่งสกปรก ต่อต้านการติดเชื้อ และช่วยลดอาการบวมได้เป็นอย่างดี 
  • สาหร่ายเคลป์หรือสาหร่ายทะเลต่างๆ เพราะสาหร่ายเป็นอาหารที่มีเส้นใย แร่ธาตุและแคลเซียมจำนวนมากทำให้ระบบการดูดซึมออกซิเจนของร่างกายทำงานเป็นปกติซึ่งช่วยทั้งทำให้ร่างกายอบอุ่นและช่วยลดการบวมช้ำได้
  • ถั่วดำ เพราะถั่วดำมีคุณสมบัติเป็นอาหารที่สามารถขับพิษในร่างกายผ่านทางการขับถ่าย
  • จำได้ว่าซุปผัก ผักดอง ผัก ผัก ผัก เยอะมาก เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย รวมถึงการขับถ่ายด้วย

 

ข้อมูลทั้งหมดถือเป็นลิขสิทธิ์ของ www.erk-erk.com แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเอิ๊กเรียบเรียงและเขียนเองทั้งหมดอนุญาตให้เผยแพร่ต่อได้โดยให้เกียรติลงเครดิต และขอความกรุณาคนไทยด้วยกันไม่ดัดแปลง แก้ไข ข้อความส่วนใดทั้งสิ้นนะคะ กราบขอบพระคุณล่วงหน้า ตั้งใจทำมาก อยากให้คนไทยที่มีความคิดที่จะทำศัลยกรรมได้อ่านอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ ทำให้เข้าใจง่าย ใส่ความคิดตัวเองลงไปบ้าง ภาษาส่วนตัวตัวเอง แต่ไม่เปลี่ยนแปลงความจริงที่เกิดขึ้น

ที่มาส่วนประกอบข้อมูล รูปภาพ

บทสัมภาษณ์คุณหมอ ปาร์ค ยัง ซู ศัลยแพทย์จมูก ประเทศเกาหลี

บทความที่นำมาดัดแปลงจาก STMSTYLE.BLOGSPOT.COM

ประสบการณ์จากการทำศัลยกรรมส่วนตัว และ จากที่ได้พบเห็นมาจริง

 

Posted in NOSE, SURGERYComments (2)

ตะลุยดูงานศัลยกรรมเกาหลี กับ STMSTYLE

 

เอิ๊กไม่เคยผ่าตัดใหญ่อะไรเลยในชีวิต การดมยาสลบค่อนข้างอันตรายมาก

ดังนั้น ไม่ว่าการผ่าตัดอะไรก็ตาม ที่ต้องมีการดมยาสลบ ต้องมีวิสัญญีแพทย์ หรือ

วิสัญญีพยาบาลอย่างใกล้ชิด เขาต้องทำให้เราหลับและตื่นขึ้นมาอย่างปลอดภัย

พร้อมช่วยชีวิตเราเสมอในห้องผ่าตัดค่ะ มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าแพทย์

เป็นคนดูแลลมหายใจของเรา และ การรู้สึกตัวของเราค่ะ

Erk-Erk

การทำงานเป็นพาร์ทเนอร์กับ STMSTYLE ครั้งนี้

ทุกสิ่งมันควรมาจากประสบการณ์เอิ๊กด้วยในการแชร์ความรู้สึกที่แท้จริง

เอิ๊กจึงตัดสินใจเป็นคนไข้ทำศัลยกรรมเองในส่วนบกพร่อง และ เป็นปมด้อยในชีวิตมานาน

กว่าจะตัดสินใจก็ทำใจอยู่นานพอสมควร แต่ข้อมูลเนี่ยไม่มีมาก คิดไว้ว่าอีกซัก 2 ปีค่อยทำ

เพราะกลัวการผ่าตัดมาก เอาจริงๆ กลัวแผลเป็น กลัวไม่สวย 

การผ่าตัดครั้งนี้ผ่านไปด้วยดี น้ำตาไหลเมื่อฟื้นขึ้นมา คำพูดแรกจำเลยว่าพูดว่า

“แม่ขา หนูรักแม่มากค่ะ หนูรักแม่ที่สุด” แล้วก็รู้สึกว่ามีพยาบาลหลายคน ค่อยๆปล่อยร่าง

ที่เหมือนมนุษย์ไร้กระดูกของเอิ๊กลงบนเตียงอุ่นๆ ที่ รพ. ศัลยกรรมที่เอิ๊กได้ผ่าตัดมา

เอิ๊กไม่ได้แนะนำให้ทุกคนไปศัลยกรรมนะคะ สำหรับตัวเอิ๊กเองคือมันมีปัญหาในการใช้ชีวิต

ในการทำงาน โดนล้อ ทั้งที่ตัวเองก็เริ่มตั้งแต่ความรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกอะไร จนมันมีปัญหา

เวลาทำงาน มันทำให้เราทำอะไรได้ไม่เต็มที่เท่าใจอยาก ก็เลยคิดว่าโตอีกหน่อยก็จะลุย

แต่พอได้ทำงานกับ STMSTYLE เลยลองคุยดูว่าควรทำดีไหม จะได้เขียนเล่าได้ด้วย

เลยอยากจะบอกว่าข้อมูลน้อยมาก แต่ไว้ใจ STMSTYLE มาก จากที่เคยเล่าถึง

ความห่วงใยที่ผู้บริหารที่นี่มีให้ลูกค้าทุกคน และ

มีการันตีหากเกิดความผิดพลาดของเขา ซึ่งเอิ๊กขอบอกทุกคน

ว่าจะทำอะไร ขอให้มีข้อมูลให้มากพอสมควรนะคะ อย่าทำแบบเอิ๊ก

เผอิญเป็นความโชคดีของเอิ๊ก พี่เลี้ยงล่าม คุณหมอ STMSTYLE และ รพ.

ให้ข้อมูลก่อนทำสดๆ แต่ไม่แนะนำให้ทุกคนทำอะไรโดยไร้ข้อมูลค่ะ

ปลายเดือนหน้าจะเฉลยว่าทำอะไร และ จะมาเล่าให้ฟังอย่างละเอียดค่ะ 🙂

ก่อนจะไปเตรียมตัวยังไงบ้างในความคิดเอิ๊ก และ ประสบการณ์เอิ๊กค่ะ

ขั้นตอนที่ 1 รับคำปรึกษา

เมื่อได้รับคำปรึกษาเรียบร้อยแล้วส่วนหนึ่งจากทาง STMSTYLE โดยผู้บริหาร

จะเป็นคนให้คำปรึกษาตามหลักสูตรที่ได้อบรมโดยศัลยแพทย์เกาหลี

ความจริงเอิ๊กถามทุกอย่างที่ควรต้องทำทั้งตัว แต่ไม่ได้ทำหรอกค่ะ เพราะแค่อยากรู้ว่า

เขาจะแนะนำอย่างไรบ้าง ต้องบอกว่าใครไม่ได้ชอบความงาม พอดี ธรรมชาติแบบเกาหลี

อาจจะต้องไปคุยกับคุณหมออีกที การได้รับคำปรึกษาอาจมีความเห็นไม่ได้ตรงกับแพทย์

ทุกอย่าง แต่จะเป็นแนวทางที่มองในหลักความสมดุลของใบหน้าและร่างกาย สุดท้าย

เราจะได้ไปปรึกษาหัวหน้ารพ ศัลยกรรม และ แพทย์ประจำตัวของเราอีกที ที่นี่ปรึกษาฟรี

ไม่มีค่าใช้จ่าย อย่ากลัวที่จะ WALK IN เข้าไป บอกว่าเป็นเพื่อนในเพจเอิ๊กตามมาก็ได้ค่ะ

การที่ทำศัลยกรรมเกาหลี บอกเลยว่ามีส่วนที่ต่างกับไทยแบบ 100% ก็มีและบางจุด

ก็เหมือนหรือคล้ายคลึงไม่ต่าง เราจำเป็นต้องคุยกับคนที่เขาอยู่ในวงการจริงๆค่ะ

ขั้นตอนที่ 2 ประเมินค่าใช้จ่าย / แนะนำแพทย์ประจำตัว

ถ้าตัดสินใจแล้ว ทาง STMSTYLE จะเลือกคุณหมอดีที่สุดที่เขามีเฉพาะทาง

และอาจจะแจ้งชื่อ ประวัติคุณหมอ ล่วงหน้าเพื่อให้เราสบายใจ แต่ขอบอกเลยว่าแพง

อย่างที่บอกเหตุผลไป บทความที่แล้ว ว่าแพงเพราะชื่อเสียง และ ประสบการณ์คุณหมอ

รวมถึงเทคนิค และ ชื่อเสียง การคิดราคาจะตามกับสรีระของคนไข้แต่ละคนด้วย

เหมือนเป็นการออกแบบรูปแบบอวัยวะใหม่เฉพาะบุคคล

ของเอิ๊กนี่รวมทั้งหมดเกือบ 4 แสนค่ะ รวมตั๋ว อาหารการกิน ที่พัก

ทำแค่อย่างเดียว เหมือนการมารับชุดที่สั่งตัดเฉพาะคนเดียว

เหมือนมารับรถคันที่มีคันเดียวในโลก

เหมือนของที่มีเพียงชิ้นเดียวที่ต้องออกแบบให้เหมาะกับร่างกายและตัวเรา

* เราอาจจะแจ้งความต้องการเรื่องโรงแรมที่พักอยากได้ธรรมดา ถูก แพง

ต้องการคนดูแลใกล้ชิด รถรับส่ง ก็สามารถเลือกได้ โดยทาง STMSTYLE

ก็จะจัดเป็นราคารวมมาให้ รวมถึงตั๋วอยากได้ตั๋วแพง ตั๋วถูก หรือ ไม่ซื้อตั๋วกับเขา

ก็ทำได้ค่ะ เขาก็จะเมลล์เรื่องรายละเอียดค่าใช้จ่าย เมื่อเราชำระเรียบร้อยจะมีเมลล์

เอกสารสำคัญจาก STMSTYLE มาให้ประมาณ เรื่อง

  • ใบยืนยันการผ่าตัด ใบนี้ต้องเซ็นต์ชื่อยินยอม
  • ข้อปฎิบัติตัวก่อนหลังผ่าตัด
  • เอกสารยืนยันเข้าประเทศเกาหลี
  • ตารางการเดินทาง
  • ตั๋วเครื่องบิน E-TICKET

เขาจะออกใบจากทางโรงพยาบาลมาให้ว่าเรากำลังจะเดินทาง

ไปทำศัลยกรรมที่โรงพยาบาล ว่าเป็นคนไข้ของโรงพยาบาลไหน ไว้ยื่นตอน

ด่านตรวจคนเข้าประเทศเกาหลี ส่วนใหญ่เอิ๊กจะรับส่งทางอีเมลล์รวมถึง

กำหนดการเดินทาง เวลา ตารางการผ่าตัด เบอร์คนขับรถ

เป็นตารางมาอย่างดี

ของเอิ๊กนี่เป็นตั๋ว ECO สายการบิน KOREAN AIR และเอิ๊กเอาแม่ไปด้วย

ปดูแลอย่างใกล้ชิด ฮี่ฮี่ พยาบาลเก่า หอบไปทำงานดูแลลูกสาว

ขั้นตอนที่ 3 เตรียมตัวเตรียมใจออกเดินทาง

เอิ๊กเดินทางดึกมาก ง่วงเอาการ ไม่แนะนำเลย อยากให้ทำใจให้สบาย

อย่าเอาเรื่องอะไรในชีวิตที่กังวลมาให้เป็นห่วง และ เดินทางเช้าหน่อยอาจจะดีกว่า

สมองสดใส

เอิ๊กว่าที่นั่งของ ECO สายการบิน KOREAN AIR สำหรับนั่งไม่สบายเท่าไหร่

ปวดหลัง ปวดคอ พอสมควร หากใครชอบสบายก็แจ้งอัพเกรดตั๋วแล้วเพิ่มเงินเอาได้

อาหารโอเค อุปกรณ์โอเค แต่สื่อมีเดียให้ฟัง ให้ดู มันค่อนข้างไม่สนุกเท่า

สายการบิน ที่เคยไปร่อนมา ฮี่ฮี่่

ล้อหยุดหมุน หัวใจกลับเต้นแรง แต่บอกตัวเองฉันโชคดี และ

มีความสุขทำอะไรก็ต้องออกมาดี

ขั้นตอนที่ 4 ไปเช็คสภาพร่างกายที่รพ.กัน

มาถึงก็มีคนจาก STMSTYLE มารอรับเลยที่สนามบิน มีป้ายชื่อชู อิอิ และ

เขาเอารถมารับ พี่ที่ขับรถน่ารักมาก สุภาพมาก ชื่อคุณ ปาร์ค รถนั่งสบายมาก

ว่าจะนอน ก็เมาท์มอยกับพี่ที่เป็นล่ามจนถึงรพ.

 

ถึงแล้ว Apgujeong ย่านคนหน้าตาดี หรือ ย่านรพ.ศัลยกรรมเยอะสุด อากาศเย็นสดชื่น

เข้ามาในรพ. ขาวสะอาด และ บรรยากาศสดชื่นมาก คนรอเยอะทีเดียว

มากับ STMSTYLE ก็จะอยู่ในห้อง VIP ส่วนตัว มีพยาบาลหน้าตาจิ้มลิ้ม

เดินผ่านไป ผ่านมา ทาง STMSTYLE จะเป็นคนนัดวันเวลา และ คิวคุณหมอ

จะมีระเบียบเรื่องเวลามากเพราะที่นี่คุณหมอแต่ละท่านคิวทองหมดทุกคน

นั่งรอก็มีการกรอกประวัติ ถามเรื่องการแพ้ยา การผ่าตัดที่ผ่านมา และ ประวัติสุขภาพอื่นๆ

เพื่อที่จะได้รับการตรวจอย่างละเอียดจากทางรพ.อีกที

จะมีการตรวจสุขภาพอย่างละเอียด เลือด ความดัน การเต้นของหัวใจ เอ็กซ์เรย์อวัยวะภายใน

เช่น กระดูก โครงหน้า ฯลฯ ขึ้นกับ การผ่าตัดศัลยกรรมแต่ละชนิดด้วย

หลังจากนั้นจะเข้ารับคำปรึกษาจากหัวหน้ารพ. ที่ดูแลเรื่องศัลยกรรมอีกที

ซึ่งเอิ๊กว่าหน้าเค้าอาจจะดูจริงจังนิดนึง 555555 เขาก็จะเขียนปัญหาเรา

และ สิ่งที่เราต้องการเพื่อแจ้งให้หมอทราบก่อนที่เราจะได้พบหมอจริงๆ

ขั้นตอนที่ 5 พบคุณหมอตัวจริงเสียงจริง บอกไปว่าอยากสวย 555

สรุปเลยนะจากประสบการณ์ สุดท้ายแล้ว เจอหมอฟันธง คาดการณ์ดีและแม่นที่สุด

หมอเก่งมากเขาจะเอาภาพผลงานที่อาจจะใกล้เคียงกับการผ่าตัดของเราให้ดูก่อน

ว่าจะออกมาประมาณไหน หมอจะจับที่เนื้อหนังของเรา หยิบเนื้อ มองสรีระภาพรวม

หมอจะมีเครื่องวัด และ ประสบการณ์ในการดูที่แม่นยำมาก ถึงขนาดบอกเลย

สำหรับเอิ๊กมีปัญหาจุดไหน ทำแล้วได้แค่ไหน เพราะสรีระเรามันเป็นแบบไหน

เอารูปผลงานใกล้เคียงให้ดู

ขั้นตอนที่ 6 สวยแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว (เข้าห้องผ่าตัด)

เข้าไปห้องผ่าตัดไม่ใหญ่มาก แบบอุปกรณ์เยอะมาก วิสัญญีมาอยู่ที่หัวและให้นับเลข 1 2 3

แต่นับ 2 วิหลับสนิทพอผ่าตัดออกมา ถึงกับตกใจ ผลงานมันเหมือนที่หมอบอกให้เตรียมใจ

ไว้ไม่ผิดเลย ตอนอยู่กับคุณหมอไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะเขิล มาจากแดนไกล 

ส่วนหมอจะวินิจฉัยยังไง มารออ่านเดือนหน้ากันจะเฉลยแล้ว แต่อยากจะบอกตื่นเต้นกับ

ผลงานมาก เข้าใจละคนทำศัลยกรรมทำไมเวลาถ่ายรูปเขาจะมีความสุขกับอวัยวะรูปทรง

ใหม่มาก เอิ๊กก็มีความสุขมาก ไม่กล้าจับเลย แหะ แหะ

ผ่าตัดไวมาก 2 ชั่วโมงเสร็จลืมตาแป๋ว หมอห้ามหลับ 5555 ง่วงมากพี่น้องชาวไทย

ไม่เจ็บเลย ไม่ได้มอร์ฟิน ไม่ได้ยาแก้ปวด ไม่ได้ทานข้าว

ไม่ได้ทานน้ำใดใดทั้งสิ้น และ เช้าวันใหม่ก็ กลับโรงแรมเลย และ เดินทางไปเที่ยวซื้อของต่อ

เอิ๊กว่าเลเซอร์ขนรักแร้เจ็บกว่า อันนี้จะรู้สึกทรมานวันเดียวคือวันที่ 2 มันจะรู้สึกเหมือน

ปวดระบม เหมือนปวดหัวนอนไม่หลับแค่นั้นอะค่ะ เอิ๊กบินถึงช่วงสาย ตอนเย็นเอิ๊กเข้ารับการ

ผ่าตัดเลย เนื่องจากเอิ๊กต้องทำงานต่ออีกทุกวัน เลยบินถึงปุ๊บไม่กี่ชั่วโมงผ่าตัดเลย

ผ่าเสร็จนอนคืนนึง แล้วก็กลับเลย แล้วก็นัดมาดูแผลอีกทีก็ซัก 5 วัน ที่นี่ใช้ไหมละลาย

จึงมาดูแผล และ รับยาไปทา หรือ ทานต่อเท่านั้นค่ะแล้วแต่กรณี

ขั้นตอนที่ 7 กลับโรงแรมกันแม่รอ(ดูแล)อยู่

เป็นไปได้ควรมีคนดูแลใกล้ชิดบอกตรงๆนะคะ ถ้าผ่าตัดใหญ่มากยิ่งต้องมี ถ้าเล็กๆก็ไม่ต้อง

โรงแรมเอิ๊กพักที่ HOTEL POPGREEN โรงแรมที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้าเลย สบายในการเดินทาง

รอบๆ อาหารเพียบพร้อม ที่สำคัญ ใกล้โรงพยาบาลที่ผ่าตัดมากๆค่ะ

เน้นอยู่กินเที่ยว ง่ายๆ แบบแม่ลูกผูกพัน

ห้องน้ำใหญ่มาก อุปกรณ์ค่อนข้างครบ แต่เนตล่มบ่อยมาก T^T ไม่เป็นไรเราก็ออกไป

ทำงาน ไปเที่ยวกันทุกวัน ขึ้นรถไฟฟ้า สายนู้น สายนี่ แม่ดูมีความสุขมาก

ตื่นขึ้นมา แม่ก็มาพร้อมอาหารบำรุงสุขภาพลูกหมู อยู่ที่นี่ 5-7 วัน

ขั้นตอนที่ 8 หมอขาหนูคิดถึง (เช็คแผล)

วันที่ 5 เช็คแผลรับยา หมอก็จะบอกได้ละว่ามันระบมตรมตรอมตรงไหน เขาบอก

เอิ๊กอึดมาก ไม่บวม ไม่ระบม ทุกอย่างเป๊ะ ปกติ แถมไม่มีใครรู้ว่าทำด้วย เพราะชิวมาก

แต่จุดด้อยน่าจะอยู่ที่เราฟังและอ่านภาษาเกาหลีไม่ออก อยากคุยกับหมอใจจะขาด

ต้องรอพี่ล่ามอย่างเดียว ยาก็ฉลากเกาหลีหมดเลยยยยย

พี่ล่ามอาจจะแปลให้ในส่วนที่จำเป็น ดังนั้นข้อมูลเต็มๆเราควรมาเสริทหาก่อนทา

ก่อนทาน จะดีมากเลยค่ะ เอิ๊กทำนะ กลับมาเอิ๊กก็มีมาปรึกษาเรื่องยากับหมอไทยอยู่

จุดเด่นที่นี่ยาแพงมาก จัดให้อย่างดี ตัวปิดแผลกันน้ำ ไหมละลาย ใส่ใจของที่ให้คนไข้

คุณภาพให้สมราคาที่อลังการเลย ดีอีกอย่างทำกับ STMSTYLE ประกัน 1 ปีหากมีปัญหา

จากการผ่าตัด 😀

ผลที่ออกมาเราแฮปปี้มาก แต่จะมีใครมีความสุขเท่าผู้หญิงที่ดีที่สุดคนนี้ละ

กิน ตะลอนเที่ยว ได้อยู่ดูแลลูก นานแล้วที่ไม่ได้ไปไหนกับแม่สองคน

STMSTYLE ดูแลดีมากจริงๆ เพราะเราจะปรึกษากันตลอด มันลำบากตรงภาษาเท่านั้นละ

ขั้นตอนที่ 9 สำนึกรักบ้านเกิด (กลับบ้าน)

ถึงวันต้องกลับซะแล้ว ลาพี่ปาร์ค พี่ที่คอยดูแลรับส่งซะหน่อย น่ารัก สุภาพ มีน้ำใจ

สุภาพบุรษลูกสอง เป็นผู้นำครอบครัวที่ดีมากน่ายกย่อง ดูแลอย่างดี ต้องของคุณพี่นิส(ล่าม)

พี่เจอุน(สาวสวยประจำรพ.ดูแลคนไข้ต่างชาติโดยเฉพาะคนไทย) ขอบคุณ STMSTYLE

มากค่ะ สำหรับการทำงานที่สนุก และ ชีวิตใหม่ที่เปลี่ยนไปตลอดกาล ขาดไม่ได้เลยคือ

คุณหมอที่ดีที่สุดที่ให้มาเปลี่ยนชีวิตเอิ๊ก :))))))) ใครบอกศัลยกรรมเจ็บบวม ไม่เป็นไรซักแอะ

แต่แย่สุดคือ แผลเป็นที่ต้องดูแลให้ไร้ร่องรอยที่สุด 365 วันก็จะรอ

คำแนะนำสำหรับเอิ๊ก : ในการศัลยกรรมทุกประเภทล้วนมีความเสี่ยงสูง ตั้งแต่ การเลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและเทคนิคต่างกัน สถานประกอบการ โครงสร้างภายนอกและโครงสร้างภายในร่างกายที่แตกต่างกัน สรีระ รวมถึงระบบภายในร่างกายของเราทีมีกระบวนการฟื้นฟูต่างกัน ความคาดหวังผลที่คิดกับผลที่ได้อาจจะตรงหรือไม่ตรงอาจต้องเผื่อใจรับผลที่ตามมา
 
การทำศัลยกรรมที่เกาหลีกับโรงพยาบาลในเครือของ STMSTYLE นอกจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญขอใช้คำว่ามากเพราะคนนึงเรียนเยอะมากเหลือเกิน เรียกว่า ถ้าเรียนมาทางจมูกก็จะเก่งและทำแต่จมูกให้ดีที่สุดไปเลย จะเน้นออกแบบตามสรีระของเราเพียงหนึ่งเดียว รูปทรงที่ได้องศา หรือ รูปแบบที่เหมาะกับตัวเราจริงๆ ค่าศัลยกรรมเลยแพงมากตามประสบการณ์ เครื่องมือเทคโนโลยี ที่ทำให้บาดเจ็บน้อย ช่วยในออกแบบการศัลยกรรมให้เหมาะกับ ใบหน้าและรูปร่างของเรา รวมถึงเทคนิคพิเศษในการศัลยกรรมของแพทย์แต่ละท่านที่มีความแตกต่างกับแต่ละคน

บทความหน้าเจอกับ กับ ปฎิบัติการอัพดั้งโด่ง 

 

Posted in SURGERYComments (4)

STMSTYLE – บริษัทเอเจนซีพาทัวร์ศัลยกรรมที่เกาหลีอันดับ1ในไทย

ในทุกวงการแพทย์ เมื่อมีแพทย์ มีคนไข้ คุณหมอต้องสำคัญที่สุด การที่เรามาทำธุรกิจเอเจนซี่ทัวร์ศัลยกรรมเกาหลีเพื่อดูแลลูกค้าคนไทยนั้น แม้เรามาจากเกาหลีก็จริงแต่เรามองว่าลูกค้าทุกคนที่เข้ามาไม่ว่าจะเชื้อชาติไหน เปรียบเสมือน แม่ และพี่สาวแท้ๆของเรา ที่เราอยากให้เขาได้รับการดูแลกับคุณหมอที่เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นจริงๆ ที่สำคัญต้องปลอดภัย และ ดีที่สุดในการรักษาให้กับคนในครอบครัวของเรา คิมซอนฮา Kim sun ha (김선하) ผู้บริหาร STM STYLE MT CO.,LTD 

 

ประโยคสัมภาษณ์นี้เพียงประโยคเดียวและภาพที่คุณคิมมองหน้าพี่สาวตัวเอง

ระหว่างพูดประโยคนี้ติดอยู่ในความทรงจำ อยู่ในใจของเอิ๊ก เมื่อได้มีโอกาสสัมภาษณ์กับCEO

คุณคิมซอนฮา Kim sun ha (김선하) หน้าเหมือนจะดูดุ ยิ้มยาก แต่ใจดีมากกกกกกก

 

ทำไมต้องเขียนเกี่ยวกับศัลยกรรมที่ประเทศเกาหลี เมืองไทยไม่ดีหรืออย่างไร ?

          อยากจะบอกว่าไม่ใช่นะคะ เมืองไทยรพ.ที่เอิ๊กได้คุย ได้สัมภาษณ์ในระดับเจ้าของรพ. น่ารักมาก อัธยาศัยดีมาก เก่งมากอยู่แล้ว แต่เพราะเอิ๊กอยากเขียนเรื่องราวศัลยกรรมเนื่องจากมีเพื่อนๆถามกันมามาก ซึ่งเอิ๊กไม่มีประสบการณ์ใดใดเลย และศัลยกรรมของศัลยแพทย์ไทย คนเขียนเยอะแล้ว เนื้อหาดีมาก และ ชัดเจนมากอยู่แล้ว เลยอยากเขียนอะไรที่คนไม่เขียน อยากเป็นคนแรกที่เปิดประสบการณ์ มุมมองอีกด้าน ของประเทศเกาหลี กับ นวัตกรรมการศัลยกรรมที่มีความทันสมัยมากอีกหนึ่งที่ในเอเชีย เป็นประเทศที่เอิ๊กสึกรักและผูกพันมากที่สุดประเทศนึง รองจากไทย

          บวกกับพรหมลิขิต ให้เอิ๊กได้พบกับที่นี่ ขอบคุณน้องเมย์ STMSTYLE MT มากค่ะ ที่ติดต่อมา และ ขอบคุณคุณ คิมซอนฮา ผู้บริหาร ที่ให้โอกาสเอิ๊กได้ร่วมงาน กับบริษัทที่มีมาตรฐาน และ คุณภาพสูง อย่าง STMSTYLE แต่เอิ๊กจะบอกว่าเอิ๊กไม่ได้ชอบเขาแค่นั้น เหตุผลเดียวสั้นๆ ที่ทำงานด้วย เพราะหัวใจเราเหมือนกัน คิดกับคนรอบตัวเหมือนคนในครอบครัว มีความห่วงใยเพื่อมนุษย์ แม้จะเป็นเรื่องของธุรกิจ แต่เรื่องของคุณธรรมที่นี่สำคัญที่สุดอันดับหนึ่ง

          เนื้อหาที่เอิ๊กจะเขียนครั้งนี้ จึงอยากแนะนำให้ทุกคนได้มีโอกาสรู้จัก STMSTYLE อย่างลึกซึ้ง ด้วยคำถามสัมภาษณ์ ที่เอิ๊กคิดมาแล้วว่าจะทำให้ทุกคนเข้าใจ กับ ธุรกิจเอเจนซี่ศัลยกรรมอย่าง STMSTYLE มากขึ้น รวมถึงให้เอิ๊กได้รู้จักคนที่เอิ๊กมาร่วมงานด้วยดียิ่งขึ้น นี่เป็นเหตุผลที่ทำไมต้องเขียนเรื่องศัลยกรรมเกาหลี และทำไมต้องเป็นที่ STMSTYLE เท่านั้นเวลานี้

 

 

ต้นกำเนิด STMSTYLE  

          เกริ่นนำก่อนจะมาเป็นธุรกิจเอเจนซี่พาทัวร์ศัลยกรรมที่ประเทศเกาหลี ชื่อ STMSTYLE นั้นได้ตั้งขึ้นสอดคล้องกับบริษัท STM เป็นบริษัทผลิตรายการโทรทัศน์ในประเทศเกาหลีที่ให้ความรู้เกี่ยวกับทางการแพทย์ ศัลยกรรม และผิวพรรณ ของเกาหลีทั้งในประเทศและต่างชาติมานานกว่า 10 ปี เนื่องจากผู้บริหาร คุณ คิมซอนฮา นอกจากเธอจะเก่งศิลปะ การออกแบบเพราะเรียนจบมาจากทางด้านศิลปะโดยตรงทำให้เธอหลงไหลในความสามาตรของสรีระเรือนร่าง และใบหน้ามนุษย์ และเธอยังอยู่ในส่วนที่คุมการผลิตรายการโทรทัศน์ทั้งหมดอยู่ที่ STM จึงผูกพันในเรื่องของแนวการรักษาของแพทย์ทำให้เธอหลงไหลในวิทยาการทางการแพทย์อย่างมาก [MEDICAL]

          ด้วยงานที่ทำ ทำให้มีโอกาสพบปะแพทย์ชั้นนำดาราชั้นนำ มายาวนานกว่า 10 ปี ทำให้เธอเป็นที่รัก ที่นับถือของทั้งแพทย์ นักร้อง นักแสดงมากมาก แต่ด้วยความที่เธออยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ประกอบกับทางรัฐบาลเกาหลีก็สนับสนุนและลงทุนให้คนเกาหลีมีธุรกิจข้ามประเทศเพื่อเป็นการเผยแพร่นวัตกรรมและความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ของเกาหลี เมื่อมองให้ลึกลงไปคนไทยชอบเรื่องความสวยความงามมาก อยากมีใบหน้าสวย ซึ่งเธอชอบออกแบบความสมมาตรบนใบหน้าของคนอยู่แล้ว เธอจึงคิดว่าเธอเลือกทำในสิ่งที่ชอบ กับ คนที่หลงไหลไปในทิศทางเดียวกันน่าจะเป็นการดี นั่นเป็นเหตุผลให้เธอ ผันตัวเองมาอยู่ในวงการศัลยกรรมนี้ที่ประเทศไทย

          ด้วยจุดยืนที่สอดคล้องกับรัฐบาลและความชอบของเธอโดยต้องมีคุณธรรมในการทำธุรกิจ คือ ได้เป็นส่วนหนึ่งที่มีโอกาสเผยแพร่นวัตกรรมทางการแพทย์ของเกาหลี แต่คนที่เธอห่วงใยทุกคนเหมือนครอบครัว [ลูกค้า] ต้องได้รับการรักษาจากแพทย์ที่ดีที่สุด มีคุณภาพมาตรฐานจากโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงมานานด้วยฝีมือ ด้วยประสบการณ์เฉพาะทางของแพทย์ ปลอดภัย ราคายุติธรรมไม่ว่าจะเป็นคนชาติใด และ มีคนดูแลให้อุ่นใจ และ มีการรับประกันหลังการรับการรักษาหากเกิดความผิดพลาดทางการแพทย์เกิดขึ้น

STMSTYLE มีบริการอะไรบ้าง ?

          4 ปีที่เปิดบริการมา กับสาขาแรก คือในประเทศไทยนอกจากจะเป็นบริษัทเอเจนซี่ระหว่างประเทศที่พาไปศัลยกรรมที่ประเทศเกาหลีแล้ว ยังเป็นด่านแรกในการให้คำปรึกษาวิเคราะห์รูปหน้ารวมถึงประเมินค่าใช้จ่ายที่แน่นอนที่จะขึ้นในการรับบริการโดยผู้บริหารที่ผ่านการอบรมเป็นที่ปรึกษาโดยเฉพาะ โดยการเรียนรู้ไม่ต่ำกว่า 6 เดือน และ พัฒนาเข้ารับการอบรม ศาสตร์ และ ศิลป์ ของการศัลยกรรมใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา 

[ เอิ๊กไปนั่งให้คุณคิม ผู้บริหารวิเคราะห์รูปหน้าเล่นๆ ว่าต้องปรับส่วนไหนบ้าง อิอิ ถามไปงั้นละ

ไม่กล้าทำอะไรกับหน้า แก้มป่องสวยอยู่แล้ว 555555 จริงๆก็ยังไม่มีโครงการ

แค่อยากลองประเมินดูคร่าวๆ ถึงสิ่งที่ต้องทำ พร้อมราคา อู้ววววว ราคาชนะเลิศมาก

เหมาะสมกับแพทย์แต่ละคนมากที่ประสบการณ์เกิน 10 ปีขึ้น เวลาคุยผ่านพี่ล่ามสุดสวยค่ะ

คุณคิมว่าวไทยไม่ได้ พูดภาษาไทยยังไม่ได้ แต่เราก็มองตากันตลอด ฮิ้วววววว ]

ที่นี่ มีบริการพาไปศัลยกรรมส่วนในกันบ้าง

  • ศัลยกรรมตา
  • ศัลยกรรมจมูก
  • ศัลยกรรมรูปหน้า
  • ศัลยกรรมหน้าอก
  • ศัลยกรรมดูดไขมัน ฉีดไขมันตัวเอง
  • ศัลยกรรมน่อง
  • ศัลยกรรมปลูกผม
  • ศัลยกรรมริ้วรอย การดึงหน้า
  • ศัลยกรรมตกแต่ง และ กระชับของผู้หญิง [ รีแพร์ ]
  • เลเซอร์ผิวหนัง สกินแคร์ดูแลผิวพรรณ

 

 

 

 

       

  นอกจากนี้ STMSTYLE ยังมีโครงการส่งศัลยแพทย์ไทยไปเรียนรู้เทคนิคทางการแพทย์ของประเทศเกาหลีเพื่อเป็นการแบ่งปันแลกเปลี่ยนแนวความรู้ศัลยกรรม และ นวัตกรรมของเกาหลีอีกด้วย ทราบมาว่าส่งไปเป็นครั้งที่ 8 แล้ว และมีการวางแผนที่จะเปิดอีก 3 สาขาในประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงศูนย์ดูแลผิวพรรณด้วยเทคโนโลยีและ อุปกรณ์คุณภาพมาตรฐานจากประเทศเกาหลีด้วย [ แอบเมาท์ว่าไปใช้บริการที่ประเทศเกาหลีมาแล้ว ที่ดาราชอบไปกัน นวดหน้าเขาค่อนข้างเน้นกดจุดน้ำเหลือง ผลักครีมซึมหน้า ฉ่ำตลอดเวลา แต่เลเซอร์นี่ยิงรัวมาก 5555555555555 ไว้ตามอ่านกันต่อๆไปนะคะ ]

 

จุดเด่นแบรนด์เอเจนซี STMSTYLE 

  1. มีใบประกอบการชัดเจนทั้งจากประเทศเกาหลี ประเทศไทย มีใบWORK PERMIT ที่สามารถตรวจสอบได้ มั่นใจได้แน่นอนว่าไม่มีการโดนหลอกเกิดขึ้น
  2. ศัลย์แพทย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ที่จบมาโดยสาขานั้นโดยตรง สามารถตรวจสอบได้ และแต่ละท่านมีประสบการณ์ไม่ต่ำกว่า 5-10 ปี และ ได้รับการยอมรับจากคนในประเทศเกาหลี ที่สำคัญเป็นศัลยแพทย์ด้านไหนก็ทำแค่ด้านนั้นเท่านั้น ถ้าเก่งตา ก็คือ เรียนมาเพื่อศัลยกรรมตาโดยเฉพาะ
  3. โรงพยาบาลศัลยกรรม ศูนย์เลเซอร์ผิวหนัง ปลูกผม หรือ ศูนย์เลเซอร์รีแพร์ เป็นสถานที่ที่มีนวัตกรรมเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย มาตรฐาน คุณภาพสูง มีชื่อเสียง เชี่ยวชาญ ตรวจสอบได้เท่านั้นที่STM STYLE เลือกให้บริการแด่ลูกค้า
  4. 4 ปีที่ดำเนินธุรกิจมา สร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้ามากมาย ทั้งคนในวงการ ผู้มีชื่อเสียง และ ลูกค้าคนไทยที่น่ารักอีกหลายๆท่าน
  5. การทำงานที่เป็นระบบ มีบริษัทที่ดูแลอยู่ที่นี่ และ ประสานงานคนไข้กับโรงพยาบาลทุกขั้นตอน ตั้งแต่การประเมินการศัลยกรรม และ ค่าใช้จ่ายในการรับการรักษา การเดินทาง รถรับส่งส่วนตัว ที่พัก ล่ามคนไทย การนัดหมายแพทย์ ตลอดจนการเช็คผล การดูแลเรื่องยา ข้อมูลดูแลตัวเองก่อนหลังทำ จนกระทั่งบินกลับ และ กลับมาให้ข้อมูลได้ตลอดเวลาที่ไทย
  6. ประเมินการศัลยกรรมที่จะเกิดขึ้นได้เบื้องต้น ความเหมาะสมในตำแหน่งที่จะทำ ตามหลักที่ปรึกษาที่ผ่านการอบรมมาอย่างถูกต้องในแบบฉบับศาสตร์ ศิลป์ โหวงเฮ้งของการศัลยกรรมที่ทางผู้บริหารได้พัฒนาเข้าอบรมแนวความรู้ นวัตกรรมใหม่ๆตลอดเวลา รวมถึงประเมินค่ารักษาตามจริงได้
  7. บริการดูแลหลังการรักษา หากมีปัญหาในการศัลยกรรมเกิดขึ้นทาง STMSTYLE จะดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายหลังผ่าตัดให้ใหม่ทั้งหมด ภายในระยะเวลา 1 ปี และ บริการดูแลสอบถามภายหลังการรักษาที่ได้คำตอบรวดเร็ว จริงใจ ทันทีทันใด ไม่ว่าจะทางอีเมลล์ หรือ ทางโทรศัพท์ (ประสบการณ์ตรง)
  8. ความยุติธรรมทางด้านราคาเท่ากับคนเกาหลีทำที่ประเทศเกาหลี ไม่มีการบวกเพิ่มซึ่งความจริงต่างชาติไปอาจจะแพงกว่านั้น หรือ แม้แต่ใช้เครดิตการ์ดก็จะมีส่วนมากมายสูงสุดถึง 40%
  9. เลือกระดับของการบริการได้ เช่น สามารถเลือกระดับที่พัก เลือกหาคนดูแลเพิ่ม เลือกโปรแกรมทัวร์ ชอปปิ้งเพิ่มเติม ซึ่งตรงนี้ถ้าลูกค้ามีงบสามารถสั่งจัดสรรให้ได้เฉพาะบุคคล
  10. อบอุ่นใจ รู้สึกปลอดภัย มั่นคงทางจิตใจ จากประสบการณ์โดยตรง ทั้งล่ามคนไทย พยาบาลที่สามารถพูดภาษาไทยได้ที่นั้น คอยตอบคำถามเราได้ตลอดเวลา โดยใบหน้าที่มีมิตรไมตรี แจ่มใส ทำให้ไม่รู้สึกว่าโดนทอดทิ้ง โดดเดี่ยว

 

จุดด้อยที่มองเห็นในการศัลยกรรมที่เกาหลี

  1. ยังไม่มีโรงพยาบาลที่รองรับในเมืองไทย หากเกิดการแก้ไขฉุกเฉิน เช่น คนไข้อาจเกิดการอักเสบ คนไข้อยากศัลยกรรมจุดอื่นเพิ่ม หรือ อยากแก้ไขผลการศัลยกรรมที่ไม่เป็นไปตามที่ได้รับคำปรึกษากับแพทย์ ก็ต้องบินไปทำที่เกาหลี ก็ต้องเสียค่าใช้จ่าย เช่น ตั๋วเครื่องบิน และ ที่พักเพิ่ม 
  2. รอคอยการตอบกลับที่ไม่ทันทีทันใด กรณีกลับไทยหากมีปัญหา มีข้อสงสัย ก็ต้องติดต่อสอบถามไปยัง STMSTYLE และ STMSTYLE ต้องติดต่อไปยังโรงพยาบาล และ รอการตอบรับกลับมาอีกที ซึ่งคำตอบอาจไม่ได้ทันใจเพราะต้องใช้เวลารอคอย
  3. ข้อจำกัดของภาษา เป็นข้อด้อยของตัวเอง ซึ่งเราไม่สามารถสื่อสารกับหมอได้โดยตรงคนเดียว หรือ การพูดคุยกับพยาบาลที่นั้นที่เป็นคนเกาหลี ต้องมีล่ามตลอดเวลา อาจทำให้เรารู้สึกช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ อยากรู้อะไรมากๆ ก็ต้องรอล่ามแปลอีกที และ ช่วงพักฟื้น เช่นกลางคืน เขาก็อาจกลับบ้านไปนอน ดังนั้น นางพยาบาลที่พูดไทยไม่ได้ จะมีแผ่นกระดาษแปลไทยมาให้เราอ่าน เวลาเขาต้องการถามว่าเราต้องการอะไรไหม เช่น อยากเข้าห้องน้ำไหม เราก็พยักหน้า แต่เราอาจจะถามต่อไม่ได้ เพราะภาษาอังกฤษก็เป็นข้อจำกัดของที่นั้น ที่เขาเองก็อาจไม่แข็งแรงทางภาษาที่ 2 หรือ 3 เหมือนกับคนไทยบางคน หรือ เอิ๊กเองเนี่ยละ งู งู ปลา ปลามาก
  4. ห้อง VIP ใหญ่ยังกับพระราชวัง ที่นั่นไม่มี เน้นห้องที่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ครบ เตียงประระดับอุณหภูมิได้ พยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิด และ มาถี่มาก คนเฝ้าไข้อาจไม่มีที่นอนให้นอนเฝ้าต้องนอนอีกห้องนึง
  5. ราคาศัลยกรรมที่ยุติธรรมตามจริงนั้น ก็ทำให้ราคาประเมินคร่าวๆแต่ละคนต่างกันไปด้วย เป็นเหมือนการออกแบบเฉพาะบุคคลให้เหมาะกับตนเอง จึงไม่มีเรทราคาที่ตายตัว ดังนั้น จึงต้องมีการประเมินค่าใช้จ่ายคร่าวๆก่อน ซึ่งทางSTMSTYLE ก็จะให้บริการให้คำปรึกษาเรื่องศัลยกรรมที่ควรจะเกิดขึ้นแล้ว ยังมีหน้าที่ที่คอยประเมินค่าใช้จ่ายให้ ก็จะต่างจากเมืองไทย ที่ทำจมูกราเท่านั้น ทำตาราคาเท่านี้ ทำให้เราสามารถตัดสินใจได้ทันที

 

ทำไมต้องมีเอเจนซี่ศัลยกรรมอย่าง STMSTYLE

          เอาเป็นว่าประสบการณ์ตรงที่ได้สัมผัสการทำศัลยกรรมกับต่างชาติ เรื่องศัลยกรรมเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก การทำอะไรก็ตามที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้า ศีรษะ อวัยวะของผู้หญิง หรือ ลำตัว ยิ่งเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ว่าจะออกมาเป็นแบบไหน ความหวังทั้งหมดทั้งมวลฝากไว้ในมือหมอ กับความเชื่อว่าจะออกมาดีแน่นอนจากในตัวเรา เป็นเรื่องที่มีแค่เงินและความอยากไม่ได้ ข้อมูลต้องแน่น หมอต้องใช่ เราต้องเชื่อ สิ่งแรกที่หลายคนนึกถึงอาจต่างกัน ในใจเอิ๊กถ้าตัดสินใจจะทำแล้ว

  1. เรื่องหมอต้องเจ๋ง ต้องจบศัลยกรรม ยิ่งมีชื่อเสียง หรือ ทำให้ดาราด้วยยิ่งดี มันอุ่นใจ 
  2. สถานประกอบการได้รับมาตรฐานไหม เอิ๊กเลือกโรงพยาบาล เพราะถ้ามีขั้นตอนการใช้ยาสลบแน่นอนเครื่องมืออุปกรณ์เขาครบและพร้อมที่จะช่วยชีวิตเราได้ หากเกิดอะไรขึ้น มันต้องปลอดภัยกับชีวิตเราที่สุด
  3. ค่าใช้จ่ายที่แน่นอนบอกเท่าไหร่จะได้เก็บเงินถูกไม่ใช่โดนชาร์ตเรื่อยๆไม่สิ้นสุด ขอแบบควบคุมได้
  4. เรื่องแผลสำคัญ อยากไม่มีแผลเป็น แต่ศัลยกรรมก็ต้องดูตำแหน่ง เราควรหาข้อมูลในการดูแลตัวเองหลังผ่าตัดด้วย
          นี่เป็นเรื่องหลักๆในใจของเอิ๊ก ถามว่าจะไปทำศัลยกรรมต่างชาติ บินไปเอง จะมั่นใจได้แค่ไหนในข้อมูลว่าถูกต้อง เอิ๊กว่าการมีคนที่เชี่ยวชาญในวงการนี้ โดยเฉพาะเอเจนซี ทำให้เอิ๊กปวดหัวกับการกรองข้อมูลไปได้ถึง 80% ยิ่งได้เจอเอเจนซีที่ดี คุยแล้วมั่นใจ รู้ว่าเขามีคุณธรรม เราวางใจได้แล้วจุดนึง เอิ๊กบอกตามตรงเอิ๊กมีข้อมูลน้อยมากก่อนตัดสินใจจะไป เพราะภาษาเกาหลีไหนจะต้องเอามาแปลใน google มันปวดหัวมาก อ่านของไทยไป ที่นู่น กับ ที่นี่ ศัลยกรรมบางอย่าง ดูแลต่างกันสิ้นเชิง 100 % และหมออีก จะไปถามใครละ เพื่อนเหรอ เพื่อนจะรู้ดีสุดไหม มีเพื่อนเกาหลีที่คลุกคลีในวงการนี้ไหม ปรากฎคือไม่มี และ เรื่องศัลยกรรมบางทีมันก็ยังเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ถามบางคน บางคนอาจเต็มใจจะบอก บางคนไม่
          ไหนจะทำการนัดหมอที่ดีที่สุด การจองห้อง การอยากให้พยาบาลมาดูแลเอาใจใส่ การวิตกกังวลอยากถามอยู่ตลอดเวลาทั้งก่อน-หลังทำ ถ้าไปเองเขาจะดูแลเราได้ดีไหม เราคงเคว้งคว้างตั้งแต่ก่อนไป จนกระทั่งกลับ ถ้าเมลล์ไปถามปัญหาที่โรงพยาบาลที่ทำ เขาจะตอบฉันไหม โทรไปก็อาจจะพูดไม่รู้เรื่อง ภาษาอังกฤษก็ไม่แข็งแรง เกาหลีนี่ยิ่งไม่รู้เรื่องเลย ฟังเพลงเกาหลีเพราะได้อย่างเดียว แต่ไม่รู้คำแปล
         สรุปไปต่างบ้าน ต่างเมือง กับการเปลี่ยนแปลงสรีระร่างกายของชีวิต เอิ๊กรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องใหญ่มาก และแย่หากเราจะไม่รู้อะไรเลย ไม่มีคนให้คำปรึกษาตลอด เอิ๊กคงไม่ไป และ ในไทยเอิ๊กคงไม่ทำ เพราะเอิ๊กมีเหตุผลบางอย่างที่หลายคนรู้คงเห็นด้วยกับการตัดสินใจของเอิ๊ก ทุกที่ล้วนมีสิ่งที่หลายคนอาจไม่ทราบ เพื่อป้องกันความไม่สบายใจที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เอิ๊กจึงเลือกไปในที่ๆไม่มีใครรู้จัก เพื่อความสบายใจ มั่นใจ ปลอดภัยในการใช้ชีวิตหลังจากนี้

 

วิธีการเลือกเอเจนซีตามแบบฉบับ STMSTYLE

  • มีสถานที่ประกอบการในไทยชัดเจน มีที่อยู่ มีที่ตั้งที่ควรจะตั้งมาไม่น้อยกว่า 12 เดือน และ มีเว็บไซด์ไหม
สถานที่ตั้งอยู่ย่านทองหล่อ มีเว็บไซด์ชัดเจน http://www.stmstyle.com/ อยู่มา4ปีแล้ว
  • หลักฐานในการทำธุรกิจ เช่น ใบประกอบการ ใบwork permit เอกสารข้ามชาติที่สำคัญต้องมีกันถูกหลอก

วันแรกที่ไปเอิ๊กถามหาก่อนเลย และเขายินดีให้ชมทุกใบจนตาลาย ใครไปคงจะได้เห็นกันนะคะ

สามารถร้องขอเพื่อดูได้เลย เขามีทั้งเอกสารจากทางประเทศเกาหลี ประเทศไทย

อย่างน้อยก็อุ่นใจตัวเขาอยู่ไทยแน่นอน เรามีปัญหาอะไรก็ตามได้ตลอด

  • คุณหมอและโรงพยาบาลที่เขาจัดไว้ให้ เชื่อถือได้ไหม เขาคัดเลือกอย่างไร

ถามแค่นี้ เขาจัดเต็มมาให้เลย เขาทำงานอย่างโปร่งใสมาก

มีการทำให้เห็นว่าเขาคัดหมอและวิธีดูแลเราอย่างไร ใบนี้เห็นติดไว้ในบริษัทเลย

  • เงื่อนไขการดูแล การรับประกัน และค่าใช้จ่ายที่แน่นอน
เราต้องสอบถามให้ละเอียดทั้งหมดทุกอย่างที่ตกลงกันจะได้เป็นไปอย่างราบรื่น ของเอิ๊กลื่นมากกกกกกกกกก เอ้ย รื่นมากกกก 555555 เอาเป็นว่าอย่างที่ทุกคนเห็น มีความสุขดีที่ประเทศเกาหลีตอนไปดูงาน และ ไม่มีใครรู้ว่าทำอะไร 555555 เพราะออกไปเรียนรู้งานทุกวัน ทีมน่ารักมาก ทั้งก่อนและหลัง แม้บางทีข้อมูลอาจต้องรอจากรพ.หน่อยก็ตาม

ศัลยกรรมที่เกาหลีมีความพิเศษอย่างไร ?

  • การเรียนรู้ของแพทย์ต้องเป็นศัลยแพทย์เฉพาะทาง ถ้าอยากเป็นศัลยแพทย์ก็ต้องจบศัลยแพทย์โดยตรง 6 ปี และเมื่อรู้ว่าชอบศัลยกรรมอวัยวะไหนก็จะมุ่งเน้นสอบเพื่อเรียนแค่ทำสิ่งที่ตัวเองชอบหรือถนัด เช่นชอบการเรียนรู้ที่จะศัลยกรรมจมูกก็จะเรียนเรื่องทำจมูกโดยตรงต่ออีก 2 ปี หลังจากนั้นก็จะมีการเรียนขั้นสูงในเทคนิคพิเศษเพื่อการทำจมูกโดยเฉพาะอีก 3-4 ปี คือ รักสิ่งไหน เรียนรู้ที่จะเก่งในด้านนั้นอย่างเดียวจริงๆ จึงจะมีความเชี่ยวชาญในเรื่องที่ทำสูงมาก คือ ถ้าจะเรียนในการเป็นแพทย์ผ่าตัดอะไรซักอย่างหมอคนนึงจะต้องผ่านประสบการณ์เรียนรู้พื้นฐานมาถึง 10 ปี บางคนอาจจะมากกว่านั้น และ ก็มีการเรียนรู้เพิ่มเติม วิจัยตลอดเวลา บางคนทุกวันนี้ก็ยังเรียนรู้อยู่
  • นวัตกรรมทางการแพทย์ที่ทันสมัย รวมถึงเทคนิคเฉพาะของแพทย์แต่ละท่าน แต่ละสาขา เพื่อสรรหาวิธีที่ทำให้คนไข้ปลอดภัย เจ็บน้อยลง ฟื้นตัวได้เร็วที่สุด เลือดออกน้อยที่สุด และ ธรรมชาติ เหมาะสมกับสรีระมากที่สุดด้วยเครื่องมือเอกซ์เรย์โครงสร้างสรีระที่ทันสมัย ไม่ใช่แค่การใช้ตาดูเพียงอย่างเดียว
  • ราคาการศัลยกรรมที่ประเทศเกาหลีมักขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของแพทย์ ดังนั้นอาจจะพบว่าไม่มีเรทที่ตายตัว แม้เป็นโรงพยาบาลชั้นนำเหมือนกัน แต่ราคาก็สามารถต่างกันได้ลิบลับ แค่เพราะว่า ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ขั้นสูงของแพทย์

 

ค่าใช้จ่ายที่สูง

  1. นอกจากค่าใช้จ่ายคนที่ต้องการศัลยกรรมที่ตำแหน่งเดียวกัน แต่บางทีเจอเรทที่ต่างกันได้ หรือ รพ.นั้นทำไมทำราคาถูกกว่าที่นี่ ทั้งนี้ที่ประเทศเกาหลี จะขึ้นกับชื่อเสียง ประสบการณ์เทคนิคความเชี่ยวชาญของแพทย์เป็นอันดับแรก รองลงมาคือมาตรฐานสถานประกอบการ หรือ โรงพยาบาล สุดท้ายที่ทำให้ราคาต่างคือ ค่าใช้จ่ายประเมินตามสรีระบนใบหน้า จึงไม่มีราคาที่ชัดเจนเหมือนคนไทย
  2. หลายคนอาจจะคิดว่ามีเอเจนซี่ทำให้แพงขึ้น คำตอบกลับกลายเป็นว่า เพราะมีเอเจนซี่อย่างSTMSTYLEเราถึงได้ราคาเท่ากับคนประเทศบ้านเค้า ไม่มีการคิดเพิ่มเท่าตัว ซึ่งบางที่คนไทยถือเงินมากก็โดนตม.หาว่าฟอกเงินได้ หรือ โดนชาร์ตค่าFEEบัตรเครดิตที่อาจจะมากเกือบ 50% แต่มีเอเจนซี่ รพ.คิดเท่าไหร่ เอเจนซี่ก็เก็บตามจริง เผลอๆ ประเมินให้ถูกกว่าด้วยซ้ำ พร้อมพ่วงด้วยบริการก่อน-หลังการเข้ารับการรักษา

 

ทำไมต้องศัลยกรรม ?

เคยมีคนเขียนข้อความมาให้เอิ๊ก ว่าทำไมพี่เอิ๊กถึงมีอีกแง่มุมเรื่องศัลยกรรมมาแชร์ให้คนอ่าน ทั้งที่บอกว่า ให้สร้างความสวยความงามจากภายในไม่ใช่เหรอ ใช่ค่ะ แต่ต้องมีความสวยความงามจากภายนอกด้วย เพราะมันก็เป็นประการด่านแรกที่ทำให้เรามั่นใจ ภูมิใจในการเฝ้าเอาใจใส่ดูแลตัวเอง อย่างน้อย ต้องดูสะอาด สุขภาพดี เลือกใช้สีสันเสื้อผ้า เครื่องสำอาง หรือ บำรุงผิวพรรณให้ดูละเอียด และ เกลี้ยงเกลา เลือกให้เหมาะสมกับตัวเอง แต่เอิ๊กมองว่าอันดับหนึ่ง ความสวยภายใน สุขภาพ จิตใจ ความคิดต้องมาก่อนเสมอ มันจะส่งผลถึงความงามภายนอกได้อย่างสมบูรณ์แบบ ส่วนคำตอบในเรื่องทำไมต้องศัลยกรรมคนที่ตัดสินใจทำ น่าจะตอบได้ดีที่สุด ทั้งนี้อยากให้คำนึงถึงช่วงวัยที่โตพอ ไม่เดือดร้อนพ่อแม่ ใครๆ หรือแม้กระทั่งตัวเอง เราเป็นสิ่งพิเศษที่เกิดมาเพียงสิ่งเดียวโลกที่ไม่เหมือนใคร บางอย่างรักษาไว้ก็อาจจะดีกว่า แต่ถ้าบางอย่างมันเกินเยียวยา ทำให้ใช้ชีวิตได้ครึ่งๆกลางๆ ถ้าเราพร้อม เราก็ตัดสินใจได้ ขอแค่เลือกแล้วเราต้องเผื่อใจยอมรับผลของมันให้ได้ และส่วนสำหรับคำตอบของเอิ๊กในฐานะหนึ่งในผู้มีประสบการณ์ที่หาข้อมูลดี เตรียมใจอย่างดี ตอบได้ว่า เพื่อชีวิตใหม่ที่มั่นใจ มีความสุข มีพลัง และ ดีกว่าเดิมได้โดยไม่ต้องไปเกิดใหม่อีกครั้ง ..

 

เอิ๊กมาเขียนเรื่องนี้ไม่มีประสบการณ์และจะเขียนได้เหมือนคนที่มีประสบการณ์เหรอ ?

คงมีบางคนรู้แล้ว และ หลายคนคงไม่รู้ว่าเอิ๊กบินไปดูงานมาแล้ว สัมภาษณ์คุณหมอศัลยกรรมทุกคนในแต่ละสาขาของ STMSTYLE ด้วยตัวเองกับคำถามที่เอิ๊กเลือกขึ้นมาถามโดยคิดว่าสำคัญ และ ที่สำคัญเอิ๊กมีประสบการณ์ร่วมด้วยแล้วในการเป็นคนไข้ ถึงบอกว่าจากนี้ สิ่งที่เอิ๊กเขียน เอิ๊กผ่านมาจริง แม้ไม่ได้ศัลยกรรมด้วยตัวเองทั้งหมดทุกสิ่งทุกอย่าง เลือกแค่สิ่งที่จำเป็นที่สุดในชีวิตเอิ๊กเพียงสิ่งเดียว ซึ่งถือว่าเป็นการผ่าตัดใหญ่อย่างหนึ่ง STMSTYLE ไม่ได้บังคับให้เอิ๊กออกมาพูด แต่เอิ๊กแค่อยากบอกว่า เอิ๊กห่วงใยคนอ่านเอิ๊กมากที่สุดเช่นกัน ถ้าเราจะบอกอะไรเขาซักอย่าง แต่เราไม่มีประสบการณ์เลยจะทำให้เขาเชื่อมั่นได้อย่างไร ตอนนี้เอิ๊กเข้าใจเรื่องราวของศัลยกรรมมากขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก ส่วนจะเป็นอะไรนั้น ไว้ตามดูกันต่อไปจะมีเฉลยซักตอนที่มันส์ที่สุด เพราะเป็นเรื่องของเอิ๊กล้วนๆเลย :p

 

 


Posted in SURGERYComments (9)


advert

Google

erk-erk.com





BEAUTY MENU

มาคุยกับเอิ๊กได้ที่นี่ทุกวัน ถ้าว่างรีบตอบทุกคำถามค่ะ

INSTAGRAM @wwwerkerkcom

[instagram-feed]

ติดตามบล็อค erk-erk.com อย่างใกล้ชิด

เพียงกรอก Email ตรงนี้เลย

LINE @erk-erk

เพิ่มเพื่อน

Related Sites