วันนี้มากันเรื่องฉายแสงอีกแล้ว เป็นเรื่องดีสำหรับคนที่มีสิวเยอะ และหน้ามันมาก อาจทำให้อาการอักเสบหายไปได้ภายในไม่ถึงเดือนด้วยการทำ PHOTODYNAMIC THERAPY
[วิธีการฉายแสง]
วิธีนี้เป็นวิธีที่มีมานานแล้วในต่างประเทศแต่ยังถือว่าเป็นวิธีที่ใหม่มาก ณ เมืองไทยในการฉายแสงแล้วช่วยเยียวยาเรื่อง “สิวระดับรุนแรง และ ใบหน้าที่มีน้ำมันมาก” วิธีการนี้จะส่งพลังความยาวคลื่นแสงไปยังบริเวณต่อมไขมันควบคุมการผลิตของต่อมไขมัน และ ฆ่าเชื้อ P.Acne ไปในตัว ทำให้ไม่กี่อาทิตย์ต่อมาสิวจึงดูยุบหายไป วิธีนี้ค่อนข้างปลอดภัยสำหรับคนที่ไม่ชอบทานยาและ ผลข้างเคียงของมัน ลืมบอกไปว่าผลพลอยได้คือรอยแผลสิวเก่าจะจางลงไปด้วย ทำให้ผิวรอยดีขึ้น หน้าเรียบเนียนขึ้นได้บ้าง
ภาพคนไข้ของ Doctor Pilest ที่ฉายแสง PDT
3 ครั้งทำ PDT รวมถึงการทำ Vbeam และ ClearLight
ทำ PDT สิวอักเสบสีแดง / และเก็บแผลเป็นด้วย Vbeam & Fraxel
การรักษาสิวด้วยแสง (PDT) จะต้องถูกทาด้วยสารอย่าง Aminolevulinic (ALA) ALA ที่เป็นสารตามธรรมชาติที่สามารถพบได้ในร่างมนุษย์ เป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์ฮีโมโกบิลในเม็ดเลือดแดง เพื่อให้เกิดการดูดซึมไปสู่บริเวณผิวหนังชั้นลึกที่เราต้องการ และให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
การได้ผลเรื่องหน้ามันน้อยลงเป็นเรื่องของผลพลอยได้ แต่อาจจะอยู่ได้ประมาณ 1 เดือนใบหน้าอาจจะกลับมามันใหม่ได้อีกครั้ง
ผลการรักษาสิวอุดตันจากการอักเสบของต่อมไขมัน 80% ของมนุษย์ชาติยังประสบปัญหานี้เป็นอันดับ 1 ของโลก สิวมักจะเริ่มขึ้นในวัยรุ่นกับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน แต่มีผู้ที่มีอายุมากกว่าหลายคนที่ประสบจากการเป็น “สิวผู้ใหญ่.”
สิวที่เป็นก็เป็นแตกต่างกันเพราะมันมี ระดับของการเกิดสิว ตั้งแต่ระดับธรรมดา สิวหัวขาว สิวหัวดำ milder comedonal (blackheads และ whiteheads) ถึงสิวปานกลาง, pustular จนไปถึงสิวเรื้อรังรุนแรง ก็จะรักษาแตกต่างกันไป
สาเหตุของการเกิดสิว
สิวเกิดจากต่อมไขมันในผิวหนัง ต่อมไขมัน จะมีฮอร์โมน androgen ผลิตความมัน (น้ำมัน) ในผิวหนัง ถึงแม้ว่าแอนโดรเจนเป็นฮอร์โมนเพศชายก็ยังมีอยู่ในทั้งชายและหญิง การผลิตฮอร์โมนนี้สูงที่สุดในช่วงวัยแรกรุ่น แต่ก็มักจะอยู่ในร่างกาย เมื่อเพิ่มระดับ androgen, ต่อมไขมันปล่อยความมัน เมื่อน้ำมันผลิตมากไป เมื่อเซลล์จากเยื่อบุของรูขุมขนหลั่งเร็วเกินไป จะเกิดการอุดตันรูขุมขน เพราะผนังเซลล์จะหนาขึ้นจับตัวกับขี้ไคล ทำให้ปิดทางออกของรูขุมขน ความมันที่ไหลออกไม่ได้ก็จะรวมตัวกันเป็นก้อนแข็ง กลายเป็นสิวหัวขาว เมื่อโดนลมก็กลายเป็นสิวหัวดำ เมื่อผสมกับผนังเซลล์ที่หนาตัวติดอยู่ก็จะก่อให้เกิดสิว และเกิดเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อ Propionibacterium (P. acnes)-แบคทีเรียชนิดนี้ที่พบได้ตามปกติในผิวหนังจะเติบโตในรูขุมที่อุดตัน และเชื้อสิวนี้เองอาจจะทำให้เกิดการอักเสบและหนองและอาจส่งผลให้มีเลือดคั่งด้านในหรือตุ่มหนอง เราก็จะเห็นรูขุมขนขยายใหญ่ขึ้นบริเวณที่เป็นสิว
สิวปานกลางอาจรวมถึงสิวหัวขาว สิวหัวดำ และนอกเหนือไปจากสิวที่ไม่มีหัวมีเลือดคั่ง รวมถึงสิวอักเสบที่มีสีแดงหรือสีชมพูที่สามารถไวต่อการสัมผัสหรือตุ่มหนอง
สิวรุนแรงเป็นลักษณะก้อนสิวขนาดใหญ่ที่เจ็บปวดและบางครั้งอาจมีก้อนอยู่ใต้ผิวหนัง เรียกสิวซีสต์, บางครั้งก็เต็มไปด้วยสิวอักเสบที่มีหนองซึ่งบางครั้งเจ็บปวดมากถึงขนาดต้องกินยาแก้ปวด ส่วนสิวซีสต์ถ้ามีการอักเสบอาจทำให้เกิดแผลเป็น
เรื่องสิวก่อนที่จะมีการรักษาสิว Photodynamic, บางคนไม่เลือกทานยารักษาสิวเนื่องจาก กลัวเรื่องระบบในร่างกายบกพร่องอย่างบริเวณตับ, โรคซึมเศร้าทางอารมณ์ และคนที่กินยาเกือบทั้งหมดผิวจะแห้งกร้านมาก หน้ามันแต่ขาดความชุ่มชื่น ริ้วรอยก็มาเร็ว สิวก็อาจจะกลับมาได้เพราะหน้าแห้งย่อมระคายเคืองง่าย * PDT จึงเป็นการรักษาสิวที่เป็นทางเลือกให้กับคนที่ไม่ชอบผลข้างเคียงจากการฉีดยา กดสิว ทานยารักษาสิว ทายาบางประเภทที่รุนแรงจนทำให้หน้าแห้งลอก เพราะปลอดภัยไม่มีผลข้างเคียง
สามารถรักษาสิวหัวดำได้ด้วย รวมถึงฆ่าเชื้อสิวที่มีอยู่ให้จางไปในคราวนึงทั่วใบหน้า แต่มีโอกาสกลับมาเกิดอีกเรื่อยๆ
การรักษาจะช่วยลดความมันของผิวและช่วยลดขนาดรูขุมขน เพิ่มความเรียบเนียนของผิว
ข้อดี
ข้อดีของ PDT คือการรักษาอย่างรวดเร็วของแผลสิว สิวอักเสบที่มีเยอะให้ทั่วใบหน้าที่ ทำทีเดียวคุ้มกว่า ไม่มีผลข้างเคียงต่อระบบร่างกาย ผิวจะดูยืดหยุ่่นสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้น ควรทำติดต่อกัน 2-3 ครั้งภายในระยะเวลา 2 ถึง 3 สัปดาห์แรกมักจะได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ข้อเสีย
ข้อเสียของการรักษาแสงจำเพาะ (PDT) คือว่าผิวของเราจะเป็นสีแดง และอาจมีผิวลอกบางส่วน หลายวันหลังการรักษา และต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดเป็นประมาณ 24 ชั่วโมงหลังจากที่ PDT