Posted on 20 May 2018.
Posted in BEAUTY TECHNOLOGY, BOTOX, FILLER, REVIEWComments (0)
Posted on 27 January 2015.
หลายคนคงทราบดี ว่าเอิ๊กเป็นคนแก้มเยอะมาก เอิ๊กฉีดสาร BOTULINUM TOXIN
หรือ โบทูลินั่ม ท็อกซิน เราจะไม่เรียก BOTOX นะคะ เพราะมันคือชื่อแบรนด์
เอิ๊กฉีดมาเป็นระยะเวลาหลายปีติดต่อกัน
อาจมีทิ้งช่วงห่าง 6 – 8 – 12 เดือน จะไม่เกินนี้นะคะ เคยฉีดมาทั้งหมด 3 ยี่ห้อยอดนิยม
ข้อมูลเรื่องการฉีดหน้าเรียวด้วยสาร BOTULINUM TOXIN แบบละเอียด
เอิ๊กต้องทำงาน ที่บางครั้งออกทีวี เป็นพิธีกร และ ด้วยความที่ลดน้ำหนักที่หน้าไม่ได้
ตัวผอม หัวโต หน้าใหญ่ มันไม่ค่อยสมส่วนค่ะ ทุกวันนี้หน้าลง แต่หัวยังโตอยู่ค่ะ 555
นี่เป็นเหตุผลส่วนตัวที่ทำค่ะ แต่ไม่เคยเอาแก้มออกแต่อย่างใด
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา วันนี้ขอมาแชร์
5 ข้อต้องรู้หากอยากหน้าเรียวด้วย BOTOX
1. ฉีดกับใคร
ข้อนี่สำคัญมากที่สุด ถ้าคุณฉีดที่ไทย ขอแนะนำเลยว่าควรต้องเป็นแพทย์ทางด้านตจวิทยา
หรือ ด้านผิวหนังเท่านั้น
เอาชื่อคุณหมอมาเช็คในเว็บนี้ค่ะ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย
http://www.dst.or.th/html/index.php
อย่างน้อยผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนังจะต้องเข้าใจละเอียดเกี่ยวกับมัดกล้ามเนื้อ
ทุกส่วนบริเวณใบหน้าค่ะ พอเช็คแล้วจะขึ้นชื่อดังนี้ค่ะ ในเว็บยังไม่ได้อัพเดทระดับของแพทย์
เพราะตอนนี้คุณหมอท่านนี้ อยู่ในระดับ รองศาสตราจารย์ แล้วค่ะ มันหลายปีมาแล้วทีเดียว
2. สถานที่ต้องมีมาตรฐาน
เป็นโรงพยายาบาลที่น่าเชื่อถือ เป็นศูนย์ หรือคลินิค
ถ้าศูนย์หรือคลินิคก็ต้องมี มีใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล
และ ใบอนุญาตดำเนินการสถานพยาบาล บางทีจะเป็นเลขใบอนุญาต
โชว์หน้าศูนย์ หรือ คลินิค หรือ บริเวณชำระเงินให้เห็นเลย
จากตัวอย่างสังเกตุว่ายังไม่ระบุเลข อาจอยู่ในระหว่างการดำเนินการขอ
ซึ่งเราสอบถาม เลขได้ที่สถานที่นั้นๆ
3. ยี่ห้อไหนเหมาะกับเรา
บอกเลยว่าบางทีแม้แต่หมอก็ไม่อาจบอกได้ว่าเราจะworkกับแบรนด์ไหน
ขึ้นกับการตอบสนองของร่างกายของตัวเราด้วย
เอิ๊กเคยฉีดมาหมด 3 ยี่ห้อ BOTOX DYSPORT NEURONOX
สุดท้ายแบรนด์ที่เห็นผลของเอิ๊ก คือ BOTOX ALLERGAN ของอเมริกา
แบรนด์อื่นไม่สะเทือนเลย เป็นยี่ห้อที่ราคาสูงอันดับ 1 ของตลาด
ดังนั้นต้องลองเองจริงๆ ถ้าให้แนะนำก็คงยี่ห้อเดียวกันก่อน
4. ฉีดเยอะแค่ไหนถึงเห็นผล
บอกเลยว่าขึ้นกับขนาดกล้ามเนื้อกรามแพทย์จะเป็นคนวินิจฉัย
เอิ๊กเมื่อก่อนฉีดอยู่อีกปริมาณ ตอนนี้ต้องทำงาน ล่าสุด คือ 1 ขวด BOTOX 100 ยูนิต
เพราะต้องออกทีวี ผลที่ได้ คือ ทุกคนทักเสียงเดียวกัน ว่าผอมลง แต่เราไม่ได้ผอม
หน้าเราก็ดูเข้ารูปมากขึ้น (แก้มยังอยู่)
5. ราคาเท่าไหร่ คือ ใช่สำหรับเรา
บอกเลยว่าต้นทุนขวดนึงไม่แพง เราอาจซื้อจากแหล่ง
ที่เขาแบ่งขวดขายได้ แต่เราก็ต้องแน่ใจว่าเขาขายของแท้ ราคาอาจถูกกว่าตามคลินิคเกินครึ่ง
เอิ๊กผ่านจุดนั้นมาแล้ว หลังจากที่ได้ตัวยามา ก็ไปให้คุณหมอฉีด โดยเราจ่ายค่าแพทย์ไป
ยิ่งไปโรงพยาบาลรัฐบาลยิ่งถูก แต่ผลคืออะไรรู้ไหม คนที่ฉีดให้เอิ๊กคือแพทย์ผิวหนังเป็น
อจ.แพทย์เลย เข้าไปจ่ายเงินค่าแพทย์ แต่ก็จะมีนักเรียนแพทย์เข้ามาดูเยอะมากรอบเตียง
สรุปผล
มุมปากตก คือ หาเงินเองเข้าใจทุกคนนะคะ หลายคนก็อยากได้ของถูก คุณภาพดี
เอิ๊กจึงอยากเล่าประสบการณ์เอิ๊กให้ฟัง อาจจะมีคนไม่โชคร้ายเหมือนเอิ๊กก็ได้
นี่คือ 5 ข้อนี้ทุกคนต้องรู้ค่ะ กลั่นมาจากประสบการณ์ตรงคนเดียวของเอิ๊ก
ปัจจุบันเอิ๊กมีโอกาสทำงานด้านนี้ บอกเลยว่า เอิ๊กมีคนต้องการเข้ามาดูแลทางด้านนี้มากมาย
เพราะเอิ๊กสามารถถ่ายทอดเรื่องราวด้านนี้ให้คนอ่านติดตามได้ ต้องขอบคุณทุกคนมากค่ะ
เอิ๊กจึงไม่ได้มีค่าใช้จ่ายจุดนี้ แต่เอิ๊กก็จะพูดตามตรงในสิ่งที่ผ่านมาที่เคยเสียเงินเอง
กับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ให้ทุกคนไว้เป็นตัวเลือกตัดสินใจค่ะ
เทคนิคคุณหมอแต่ละท่านต่างกัน และ เอิ๊กเลือกฉีดกับคุณหมอ ที่ทำให้เอิ๊กได้
ผลลัพธ์ที่ต้องการมากที่สุด ในแบบตัวเอิ๊กเองคนเดิมมาหลายปีแล้ว
กับ รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงรังสิมา ที่ ISKYYCENTER ที่เดียว
อาจจะไม่ได้แชร์ในทุกครั้งที่ฉีดค่ะ ปัจจุบันสนนราคา
หากมีคนไปใช้บริการ ตัวอย่าง เช่นแบรนด์ BOTOX ALLERGAN ครึ่งขวด
ส่วนใหญ่ราคาจะไม่ต่ำไปกว่า หลักหมื่นแน่นอน และ ไม่สูงเกิน 16000 – 20000 บาท
ล่าสุดทำไป 1 ขวด 100 ยูนิต ค่าใช้จ่ายจริงที่ศูนย์คิดคือ 30,000 บาท
ผลที่ได้ของเอิ๊กเกินกว่าพอใจ และ หลังจากนี้คงฉีดโดสนี้ไปตลอดค่ะ
เพิ่งค้นพบสัจธรรม 5555 🙂
ปล. เด็กน้อยน่ารัก คือ บุตรสาวคนโตของคุณหมอนะคะ น้องไม่ได้มีโอกาสเข้ามาแบบนี้
ในกรณีคนไข้ทั่วไป แต่ด้วยความที่สนิทกัน น้องมาดูคุณแม่ทำงาน ก็มาช่วยเอาสำลี
กดรอยเลือดเล็กๆที่คุณหมอฉีดยาเข้าไป เป็นเด็กที่ฉลาดและกล้าหาญมากค่ะ 555
เป็นเราตอนวัยเด็กก็คงไปหาอย่างอื่นเล่นสนุกกับเพื่อน หกล้มขมำไปแล้ว
แววออกแต่เด็กเลย
หวังคงได้ความรู้ไปใช้ตัดสินใจกันนะคะ <3
Posted in REVIEWComments (0)
Posted on 28 March 2013.
ณ ISKYCENTER ขณะที่กำลังจัดการกับกล้ามเนื้อกรามที่เคี้ยวข้าวให้ฟีบลง
แก้มก็อาจจะไม่เกี่ยวเพราะเป็นไขมัน วันนี้ึคุณหมอรังสิมา อาจารย์แพทย์
และเป็นอาจารย์ของเอิ๊ก ก็ทำการฉีดโบทูลินูมทอกซินให้เหมือนเคย รอบนี้มากับความรู้ใหม่
” เวลาที่คนไข้ฉีดโบทูลินูมทอกซินบริเวณแนวกรามบ่อย
บางครั้งเราอาจจะคลำไม่เจอกล้ามเนื้อแนวกราม เพราะกรามเล็กลง “
เป็นการให้ความรู้ ที่คุณหมอได้บอกเอิ๊กไว้ว่ามันเป็นเทคนิคส่วนตัวของคุณหมอคือ
จะใช้นิ้วดันขอบกล้ามเนื้อกรามไว้ ดังภาพให้คนไข้กัดฟัน กล้ามเนื้อกรามจะแข็งขึ้นมานิดนึง
แล้วจึงทำการฉีดโบทูลินูมลงไป เพื่อให้เกิดความแม่นยำ ได้ประสิทธิผลดี
เพราะการกดบางที ถ้ามีทั้งไขมัน และ กล้ามเนื้ออาจจะคลำพบได้ยาก
(คุณหมอว่าหนูรึเปล่าคะ 555555555555 หนูไขมันเยอะ)
จึงใช้นิ้วดันประคองไว้ขอบกระดูกไว้ เพราะกล้ามเนื้อมักจะยึดเกาะกับกระดูกเสมอ
จึงปลอดภัย ถูกตำแหน่งที่ต้องการ และไม่เกิดอันตราย หรือ ผลข้างเคียงเช่น ปากเบี้ยวตามมา
ขอบพระคุณคุณหมอมากค่ะ
^______________^
Posted in BOTOX, HOW TOComments (0)
Posted on 17 September 2012.
หลังจากที่ดูภาค 1 ของคุณหมอ อภิรุจ กันแล้ว
ภาค 2 ขอเป็นตัวเอิ๊กเอง และ สัมภาษณ์จากคุณหมอ รังสิมา อีกท่าน
ขอบพระคุณคุณหมอทุกท่านด้วยค่ะ
บทความนี้ขออนุญาตแนะนำตามสไตล์คนไข้ และ สิ่งที่ได้เรียนรู้มาจากคุณหมอทุกท่านนะคะ รวมถึงวิธีการใหม่ๆที่จะนำมาเล่าด้วยค่ะ 🙂 ไม่ได้สนับสนุนให้ใครทำ แต่เป็นการแชร์ประสบการณ์ที่เราได้ผ่านมาและมีความสุขขึ้นกับมันอย่างปลอดภัยค่ะ
ในอดีตการอยากทำหน้าเรียวคงไม่ได้แพร่หลาย และ วิธีการก็ไม่ได้มากมายเหมือนอย่างตอนนี้ ใครที่อยากหน้าเรียวก็คงหมดสิทธิ์ ใครอยากทำจริงก็คงต้องศัลยกรรมตัดกรามอย่างเดียว หรือ ไม่ก็จัดฟัน ถอนเยอะๆ พอขยับฟันให้เข้าไป หน้าก็ดูเรียวเล็กขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถตัดกระดูกแนวกรามได้ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่มีกระดูกแนวกรามขนาดใหญ่ และไม่ใช่ทุกคนที่จะถอนฟันออกเยอะได้ เพราะบางคนก็ฟันน้อยอยู่แล้ว สังเกตุได้ง่ายๆ ฟันบางคนถอนแล้ว พอดัดเสร็จคล้ายคนแก่ ฟันงุ้มเข้าไปเยอะ ซึ่งไม่ค่อยจะคุ้มเท่าไหร่ โชคดีที่เอิ๊กรอ 55555555555 รอเป็นสิบปี เดี๋ยวจะรออีก คิดว่าต้องมีวิธีที่ง่ายและไม่เจ็บและเหมาะกับเอิ๊กแน่นอน
วัตถุประสงค์เอิ๊กคือ ทำยังไงก็ได้ให้แก้มดูน้อยลง ปกติแก้มเยอะขั้นอืด หน้าอืด และ อยากให้หน้าดูเรียว คางดูยาวกว่านี้
สภาพร่างกายเอิ๊กเป็นคนที่บวมน้ำง่าย จะออกหน้า ออกขา ดังนั้น เช้าบวม-เย็นหด เช้าหด-เย็นบวม นี่คือข้อจำกัดของร่างกายเอิ๊ก ทางแก้หากร่างกายเยอะ แสดงว่าทานน้ำน้อย และ ทานโซเดียม หรือ ขอรสจัด เค็ม ผงชูรสเยอะ ต้องรีบทานน้ำ หน้าจะหดลงกลับสู่สภาพปกติ ดังนั้นจะทำวิธีไหนก็ไม่ถาวรภายในวันเดียวกัน 5555555 เศร้านะ
เมื่อทราบสิ่งที่ต้องการ – ข้อจำกัดของร่างกายของแต่ละคน สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องทราบ ..
อยากหน้าเรียวโครงสร้างใบหน้าเราเป็นแบบไหนหน้าถึงไม่เรียว
1. กระดูก โหนกสูง กระดูกกรามใหญ่
2. กล้ามเนื้อช่วงมัดแนวกรามใหญ่
3. คางสั้น หน้าเลยดูสั้น
4. ไขมันกระพุ้งแก้มเยอะ
จะมี 4 สาเหตุนี้ที่ทำให้เราเองอาจจะรู้สึกไปเองว่าหน้าดูไม่เรียว ทั้งนี้จะดูเรียวขึ้นมากน้อยขึ้นกับหน้าของแต่ละคน และวิธีการที่เลือก รวมถึงปริมาณในการทำของแต่ละวิธี เมื่อทราบแล้ว เราไปดูกันดีกว่า สาเหตุ 1-4 เราจะใช้วิธีไหนได้บ้าง บางคนวิธีเดียวจบ บางคนต้องผสมผสานกันหลากหลายวิธี
1. กระดูก โหนกสูง กระดูกกรามใหญ่
หากเป็นสาเหตุนี้จะต้องใช้วิธีศัลยกรรมปรับแต่งกระดูก ไม่ว่าจะตัด เหลา
ข้อดี หน้าเราก็จะดูเรียวลงแบบเห็นได้ชัด / ค่าใช้จ่ายเพียงครั้งเดียวผลถาวรตลอดไป
ข้อด้อย หากเราไม่ชอบเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกลับมาเป็นแบบเดิมได้ / ต้องได้แพทย์ที่เก่งและเข้าใจสรีระโครงสร้างใบหน้าเราดีพอ รู้ว่าจุดไหนที่สามารถที่ทำให้เราพอใจ / ราคาสูง
2. กล้ามเนื้อช่วงมัดแนวกรามใหญ่
วิธีนี้ปัญหาจะอยู่ที่บริเวณกล้ามเนื้อมัดแนวกราม หากเอามือวางแนบสนิทบนใบหน้าแล้วลองกัดฟันแน่นๆ พบว่ามีกล้ามเนื้อปูดขึ้นมาจนรู้สึกและคลึงโดนได้ กล้ามเนื้อบริเวณแนวกรามช่วงนี้ จะสามารถฉีดโบทูลินูมทอกซินให้กล้ามเนื้อส่วนนี้ลีบเล็กลง หรือ เป็นอัมพาตชั่วคราวได้ ใบหน้าก็จะเรียวลง เพราะกล้ามเนื้อมัดนั้นฟีบเล็กลงไป
ข้อดี หากไม่ชอบใบหน้าที่เล็กชอบแบบเดิมปล่อยไว้ 3-6 เดือนก็จะกลับมาเป็นแบบเดิม / ราคาสูงหลักพันถึงหมื่นกว่าๆ แต่ไม่เท่าผ่าตัด
ข้อด้อย กว่าจะเห็นผล 1-1.30 เดือน เต็มที่ 3 เดือน / ต้องได้แพทย์ที่เชี่ยวชาญเรื่องกล้ามเนื้อบนใบหน้าจริงๆ เพราะว่าบางคนฉีดแล้วปากเบี้ยว มุมปากตก (เอิ๊กเคย) / ต้องฉีดซ้ำทุก 3-6 เดือน จากนั้นถ้าฉีดบ่อยอาจอยู่นานขึ้นเป็นปี
3. คางสั้น หน้าเลยดูสั้น
วิธีนี้จบลงด้วยการศัลยกรรมคางให้ดูยางไม่ว่าจะเป็นด้วยซิลิโคน กระดูกตัวเอง หรือ ฉีดฟิลเลอร์
ศัลยกรรม
ข้อดี ราคาไม่ได้แพงมากไปกว่าการทำฟิลเลอร์มากนัก / เจ็บครั้งเดียวก็จะอยู่นานซึ่งขึ้นกับการดูแล / การเสริมด้วยกระดูกตัวเองอาจจะแพงกว่า แต่ความเนียนจะดี และ ธรรมชาติกว่าซิลิโคน
ข้อด้อย เกิดการผ่าตัด / เจ็บ / ต้องพักฟื้น / ถ้าไม่พอใจ หรือ เกิดปัญหาอาจจะต้องผ่าตัดเอาออก
ฟิลเลอร์
ข้อดี ปั้นรูปทรงได้ตามชอบ / ไม่ต้องพักฟื้น / ไม่ชอบก็ปล่อยให้สลายไปเองถ้าเป็นฟิลเลอร์ชนิดไม่ถาวร / ธรรมชาติกว่าเมื่อเวลาผ่านไป 1-3 เดือนจะเริ่มเข้ารูป / ไม่เจ็บเท่าศัลยกรรม
ข้อด้อย สลายไปภายในเวลา 6-12 เดือน / บางทีถ้าเราอยากทำศัลยกรรม บริเวณที่เราทำฟิลเลอร์ต่อให้เมื่อสลายไปหมด แต่เวลาที่ฟิลเลอร์อยู่อาจมีการสร้างพังผืดของเนื้อเยื่อในร่างกายเราขึ้น เราจึงต้องขูดมันออกก่อนทำศัลยกรรมจริง / ถ้าต้องฉีดบ่อยตลอดถือว่าแพงกว่าการทำศัลยกรรม
4. ไขมันกระพุ้งแก้มเยอะ
สัญลักษณ์ของความเป็นเด็ก ความอ่อนเยาว์ ซึ่งหลายๆคนชอบ แต่บางคนคงอยากมีช่วงเวลาโตเป็นสาวกันบ้าง 555 ก็ไม่ได้เอาออก แต่เราทำให้มันเล็กลงได้แบบถาวรถ้าเราไม่อ้วนขึ้น และ ไม่ถาวร ทำได้ 4 วิธี 1. ลดน้ำหนัก 2. คลื่นวิทยุ RF 3. ดูดเซลล์ไขมันออก (ACCULIFT) 4. ผ่าตัดเอาถุงไขมันช่วงแก้มออก buccal fat
ลดความอ้วน หากใครเมื่อผอมลงหน้าก็เล็กลงก็ลดน้ำหนักซะ
ข้อดี ไม่เสียเงิน / ถ้าลดถูกวิธีก็ได้เรื่องสุขภาพดี / ใส่เสื้อผ้าได้หลากหลาย / คล่องตัวมั่นใจขึ้น
ข้อด้อย ถ้าลดหักโหม จากสวยจะกลายเป็นซูบ
คลื่นวิทยุ RF หากใครตัวเล็กแต่หน้าใหญ่ลดน้ำหนักก็ไม่ลง แสดงว่าไขมันกระพุ้งแก้มคุณเยอะ buccal fat คลื่นวิทยุมีหลายตัวล่าสุดเพิ่งลอง trilipo เป็นคลื่นวิทยุสามขั้ว สามหัว อาจไม่ดีเท่าหัวขั้วเดียว แต่ถูกกว่า และ ถ้าหน้าไม่ได้หย่อนคล้อยคอลลาเจนเสื่อม แต่มีปัญหาแค่ไขมันจะกำลังดี
ข้อดี ไม่เจ็บเลย ไม่เหมือนฉีดสลายไขมันอันนั้นยังไม่ผ่าน อย. และ FDA / อาจแพ้เจลได้
ข้อด้อย ต้องทำบ่อย / ทำบ่อยจะเริ่มเห็นผลชัดขึ้น 4-10 ครั้งขึ้นไป / อ้วนอีกก็กลับมาอีกได้ ไม่ถาวร
ดูดไขมัน ACCULIFT ดูดเซลล์ไขมันออกไปเลย จะสอดเข็มเล็กๆมากๆเข้าไปแล้วดูด มักใช้ในคนอายุ 40 ขึ้นไปที่สภาพใบหน้าหย่อนคล้อยร่วมด้วย
ข้อดี เซลล์ไขมันน้อยลงถาวร ถ้าอ้วนอีก ก็ไม่กลับมาอีกเท่าตอนเซลล์ไขมันเยอะ
ข้อด้อย เจ็บ / หน้าบวมเป็นเดือน / เข็มไม่สะอาด อาจจะติดเชื้อ / ความชำนาญของแพทย์สำคัญมาก
ศัลยกรรมผ่าตัด เอาถุงไขมันกระพุ้งแก้มออก
ข้อดี ถุงไขมันออกไปขนาดใหญ่ในคราวเดียว / ผลชัดเจนแจ่มแจ้ง / แผลด้านในปาก
ข้อด้อย แพง เสี่ยงต่อการใบหน้าสองข้างไม่เท่ากัน โอกาสสะสมใหม่มี
ราคา ค่าใช้จ่ายคิดว่าหลายคนอยากรู้แต่ขอโทษที่ไม่ได้ถามมาให้เพราะแต่ละที่ราคาไม่เหมือนกันเลย นำไปเสริทหาข้อมูลเรื่องราคาต่อเอานะคะ ส่วนเอิ๊กเองทำแค่ 3 อย่างคือ เป็นคนกล้ามเนื้อกรามใหญ่ ใช้วิธีโบทูลินูม ทอกซิน ซึ่งทำติดต่อกันเรื่อยมา / คางสั้น ฟิลเลอร์ แค่ครั้งเดียว/ แก้มยุ้ย เคยทั้งฉีดและTRILIPO ตอนหลังคิดว่าคงจะทำแค่คลื่นวิทยุ RF อย่างเดียวเพราะไม่เจ็บ เคยทำครั้งเดียวแล้วชอบมาก วันนี้เลยนำมาแชร์แต่วิธีที่ปลอดภัยแล้วกันนะคะ อยากอ่านต่อว่าทำที่ไหนกับใครเสริทกลางบล็อคerk-erk.com ว่าหน้าเรียว เอิ๊กบันทึกไว้ทุกท่าน ตั้งแต่คุณหมอรังสิมา คุณหมออภิรุจ คุณหมอเจี๊ยบ ทั้งสามท่านทำดีหมด ทุกคนมีศิลปะเป็นของตัวเอง สไตล์ของแต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ ชอบทุกคน เพราะทุกคนแก้ปัญหาให้เอิ๊กได้แบบปลอดภัยหมด ดังนั้นอย่าถามว่าที่ไหนดีกว่ากัน ดีหมด แต่เลือกเอาแบบเดินทางสะดวก และ อยากทำกับใครดีกว่า หวังว่าคงได้ประโยชน์กัน ทั้งนี้จะได้ผลมากน้อยขึ้นกับแต่ละคน และไม่อยากให้คนที่ยังขอสตางค์คุณพ่อคุณแม่รีบร้อนนัก รอเราทำงาน หาข้อมูล เตรียมใจ เตรียมสตางค์พร้อมไม่เดือนร้อนใครแล้วค่อยลงมือดีกว่า มาแชร์ไม่ได้ชวนเสียตังค์นะ 5555 แค่อยากแบ่งปันประสบการณ์ที่ตัวเองรู้สึกดี ทุกวันนี้ใครจะชอบเอิ๊กแบบไหน แต่เอิ๊กชอบที่เอิ๊กเป็นเอิ๊กในวันนี้ เอิ๊กที่เป็นคนที่พัฒนาตัวเองขึ้นกว่าเมื่อวานในทุกๆด้าน เลี้ยงดูครอบครัว เป็นคนดีของแม่ เอิ๊กโอเคกับชีิวิตละ 😀 สวยอย่างปลอดภัย ก็ขอให้ไม่เดือดร้อนใครด้วยค่ะ <3
2010 ด้านบน
2012ด้านล่าง
XOXO
Posted in BEAUTY TECHNOLOGY, BOTOX, CHIN, HOW TOComments (4)
Posted on 29 May 2011.
Posted in BEAUTY TECHNOLOGY, FACEComments (3)