Tag Archive | "IskyCenter"

เซลล์ไขมันเล็กลงกระชับสัดส่วนด้วย FREEZE VENUS


หาวิธีลดแก้มมาได้อีก 1 อะฮี่อะฮี่ 5555555
lol [ ขำแบบถูกอกถูกใจ ]

เทคโนโลยีคลื่นวิทยุ RF แบบ 4 – 8 ขัั้ว
โดยปล่อยพลังงานความร้อนวิ่งกระจายแบบทั่วถึงสลับขั้วไขว้กันไปมาได้
และ ลงลึกกว่า ปกติเคยแนะนำการทำ TRILIPO [ RF แบบ 3 ขั้ว ]
ในการทำให้เซลล์ไขมันเล็กลง สำหรับ 3 ขั้วนั้นดีอยู่แล้ว
เพียงแต่ความร้อนของ 3 ขั้วจะวิ่งหากันเป็นขั้วต่อขั้วเท่านั้น
จะไม่สลับขั้วไขว้กันไปมา ทำให้เหลือพื้นที่ด้านในตรงกลาง
ที่ความร้อนไม่ได้ส่งผ่านไปถึง จึงทำให้เกิดเทคโนโลยี FREEZE
ที่เป็น 6-8 ขั้ว ส่งพลังงานได้ทั่วถึงสลับขั้วไขว้กันไปมาได้
ความร้อนจึงกระจายตัวทั่วโดยรอบ และ ลงลึกกว่า
ผลลัพธ์ย่อมเห็นผลชัดเจนดีกว่า
 
หลักการ TRILIPO ส่งผ่านความร้อน 3 ขั้วโดยจะมีตัว MUSTLE
ที่ช่วยยกชั้นไขมันขึ้นมาเพื่อปล่อยความร้อนให้เซลล์ไขมันเกิดการเผาผลาญจนขนาดเล็กลง
และ เมื่อการจัดเรียงตัวใหม่ รูปหน้าก็จะกระชับ
และมีขนาดเล็กลงเนื่องจากเซลล์ไขมันมีขนาดเล็กลง CLICK อ่านเพิ่มเติม
 
หลักการ FREEZE ซึ่งถูกออกแบบมาแบบ 6-8 ขั้วโดยผสมผสาน
กับELECTRO MAGNETICหรือคลื่นแม่เหล็กช่วยสามารถกระตุ้นการทำงาน
ของผิวบริเวณนั้นให้เซลล์พัฒนาการทำงานได้ดีขึ้น และจุดเด่นสุดคือ
ให้วิ่งแบบสุ่มไขว้กันสลับขั้วไปมาให้ส่งผ่านความร้อนขั้วต่อขั้วด้วย
และวิ่งสลับขั้วไปมาจนไม่เหลือพื้นที่ว่างจุดไหนที่ไม่เกิดความร้อน
ดังนั้นตรงกลางก็ถูกความร้อนเต็มๆทั้งร้อนเร็ว และ ร้อนเยอะในวงกว้างกว่า
การรักษาจึงเจ็บน้อย และ คงความร้อนให้ทำงานได้นานกับเซลล์ไขมัน
ผลลัพธ์จึงดีกว่ามาก
8 ขั้วทำบริเวณใบหน้า – ลำตัว
4 ขั้วทำบริเวณดวงตา
 
บริเวณที่สามารถทำได้
  • รอบดวงตา
  • ใบหน้า
  • ลำตัว
 
ข้อดี
  • การวิ่งของพลังงานคลื่นวิทยุให้ความร้อนทำให้เกิดผลหลายอย่าง กระชับ ลดริ้วรอย สร้างคอลลาเจน ลดขนาดเซลล์ไขมัน ลดเซลล์ไลท์ ทำให้ผิวเรียบเนียน ยืดหยุ่น มีสุขภาพดีขึ้น กระชับสัดส่วน
  • มีการผสมผสานคลื่นแม่เหล็กช่วยให้เซลล์พัฒนาการทำงานดีขึ้น
  • ผลลัพธ์เห็นชัดตั้งแต่ครั้งแรกในบริเวณที่ไม่ใหญ่มากเช่นไขมันบนใบหน้า
  • ความร้อนของคลื่นวิทยุสามารถส่งผ่านได้ทั่วถึง เร็ว
  • ไม่มีแผล กลับบ้านได้ ไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีใครรู้ว่าไปทำอะไรมา
 
ข้อด้อย
  • ร้อนกว่า TRILIPO หลายเท่า
  • ถ้าตั้งค่าไม่ดีมีโอกาสไหม้ได้
  • ต้องทำบ่อย ต่อเนื่องเพื่อคงสภาพ
  • ไม่สามารถกำจัดเซลล์ไขมันได้ แค่ช่วยลดขนาดให้เล็กลง
  • ไม่สามารถแทนการออกกำลังกาย
ผลลัพธ์
บริเวณไม่ใหญ่ก็สามารถสังเกตุได้ตั้งแต่ครั้งแรก สามารถทดสอบโดยการทำครึ่งนึง ไม่ทำครึ่งนึง แล้วเปรียบเทียบกัน
 
อายุ
เริ่มตั้งแต่ 20 เป็นต้นไปที่เริ่มมีส่วนสะสมของไขมัน ส่วนเกิน ส่วนที่ไม่กระชับ หรือ หย่อน คล้อย ตามใบหน้า ลำตัว
 
ความต่อเนื่อง
4-6 ครั้งต่อเดือน หลังจากนั้นลดปริมาณลงได้ 10 ครั้งก็จะเริ่มเห็นผลที่ชัดเจนขึ้น
 
ไม่รู้จะพูดอะไรหลักจากทำบทความนี้จบ นอกจากคำว่าอยากทำ เพราะไม่อยากให้เอาเซลล์ไขมันออกไป แค่อยากให้มันกระชับ และ เล็กลงได้ชั่วคราว เพราะถ้าเอาออกกลัวใบหน้าฟีบ และ เปลี่ยนไป 🙂
 
ที่มาข้อมูล
  • เทปสัมภาษณ์แพทย์หญิง นุศรา วงศ์รัตนภัสสร แพทย์ที่ปรึกษา ISKYCENTER
ที่มารูปภาพ
  • http://beatitudemedspa.com/venus-freeze-skin-tightening.html,americanhealthandbeauty.com,4everyoungclinic.com,medishape.com.my,http://www.cosmediclist.com/
 

Posted in BEAUTY TECHNOLOGY, CHEEKS, CHIN, FACE, LIPO, RADIO FREQUENCYComments (0)

ผลข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์เป็นคลื่นและวิธีการแก้ไขให้ดีขึ้น


ทุกวิธีที่กำลังจะกล่าวไม่ได้การันตีว่าจะช่วยได้ 100% แต่จะดีขึ้นได้
ยกเว้นแต่ฉีดเข้าไป และ ฉีดสลายทีละนิดทันทีก็อาจจะทำให้
ฟิลเลอร์สลายไปได้รวดเร็วมากกว่าค้างอยู่ใต้ผิวหนังและรอวันสลาย
ความจริงไม่อยากกล่างถึงเรื่องนี้ แต่เผื่อคนที่ได้ประสบปัญหาเดียวกัน
อาจจะพอเป็นแนวทางให้ได้ลองเป็นข้อมูล เอิ๊กเกิดปัญหาบริเวณคาง
เหตุผลที่ฉีดฟิลเลอร์ประเภทHYALURONเข้าไปเพราะมันจะสลายไปเอง
เมื่อถึงเวลาของมัน โดยที่เอิ๊กก็ไม่ทราบถึงผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นได้
และ ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง แต่อย่างน้อยรู้สึกโชคดีที่ทำแค่คาง
ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่ฉีดคลายการหดเกร็งของกล้ามเนื้อได้บ้าง
เห็นเงาดำๆเทาๆไหม นั่นเลย T_T ตอนนี้มันเกิดขึ้น 2 จุดแล้ว
 
ผลข้างเคียงหนึ่งที่อาจเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ประเภทสารไฮยารูรอนิคเอซิด คือการทำให้ผิวบริเวณที่ฉีดไม่เรียบเนียน เป็นคลื่น ขรุขระ หรือ บุ๋มลงไป วันนี้จะมาพูดถึงการแก้ไขปัญหานี้โดยผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนัง ผู้ช่วยศาสตราจารย์แพทย์หญิงรังสิมา วณิชภักดีเดชา
การเกิดคลื่นบริเวณผิวที่ฉีดฟิลเลอร์เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้างคะ ? 
1. เทคนิคการฉีดของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแต่ละท่านอาจไม่เหมือนกัน สาเหตุนี้อาจเกิดจากบางท่านฉีดแล้วก็ปล่อย ฉีดแล้วก็ปล่อย (ไม่ได้ฉีดครั้งเดียว คล้ายกับฉีดทีละลูกแล้วปล่อย แล้วฉีดเข้าไปอีกลูกแล้วปล่อย) พอฟิลเลอร์เข้าไปเป็นก้อน มันก็อาจทำให้เกิดเป็นคลื่นตั้งแต่ครั้งแรก
2 การฉีดฟิลเลอร์ซ้ำเข้าไป ในกรณีที่ฟิลเลอร์เก่ายังสลายไม่หมด เป็นการฉีดซ้ำในเวลาที่เร็วเกิน ในขณะที่คลื่นบริเวณที่เกิดขึ้นครั้งแรกกำลังสลาย (ที่ยังคงเหลืออยู่ที่บริเวณนั้น) ก็อาจทำให้เห็นเป็นก้อนคลื่นได้
3 การฉีดใกล้กล้ามเนื้อบริเวณที่ตื้น เช่น บริเวณผิวหนัง บริเวณคาง พอเวลาเกิดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อก็อาจจะเห็นเป็นคลื่นได้
 
การแก้ไขให้ผลข้างเคียงดีขึ้นได้บ้าง
จะพิจารณาจากการที่รู้ว่าคลื่นนั้นเกิดด้วยสาเหตุอะไร และ คนไข้ต้องการปล่อยฟิลเลอร์นั้นไว้ หรือ ต้องการจะนำออก
 
วิธีที่1
ยาชื่อว่า HYALURONIDEAD สามารถใช้ตัวยาฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ทันที ถ้าเกิดว่าฉีดฟิลเลอร์เข้าไปแล้วเกิดเป็นลูก  ฉีดภายใน15-20 นาทีแรกจะสลายไป 60-70% หลังจากนั้นที่เหลือจะสลายไปภายในอาทิตย์นึง
  • ข้อดี สลายฟิลเลอร์ได้ทันที
  • ข้อด้อย ทำให้เกิดอาการแพ้ได้ในบางคน เกิดผื่น หรือ หอบแน่นหายใจไม่ออก , เราไม่สามารถสั่งให้ยาสลายได้แค่HYALURONIC ACID ในผิวที่เกิดจากฟิลเลอร์ได้เพียงอย่างเดียว เพราะเวลาฉีดลักษณะจะเป็นเจลใสกระจายคล้ายรากต้นไม้ซึมลงไปสู่ผิวชั้นหนังแท้ ดังนั้นเวลาสลายอาจจะทำให้ HYALURONIC ACID ของผิวจริงสลายไปด้วยได้ , ถ้าคนไข้เกิดไปฉีดฟิลเลอร์ประเภทอื่นที่ไม่ใช่ HYALURONIC ACID แต่เป็นฟิลเลอร์ประเภทอื่นเช่น ซิลิโคน ถ้าเราฉีดยาตัวนี้เข้าไปก็จะสลายฟิลเลอร์ประเภทนี้ไม่ได้ , ถัาฉีดมากเกินไปก็อาจจะทำให้ผิวหนังเป็นคลื่นเพราะ HYALURONIC ACID ชองผิวหนังอาจจะหายไปบางบริเวณ เทคนิคผู้เชี่ยวชาญบางท่านจึงจะฉีดสลายแต่ปริมาณน้อย และ นัดมาตรวจผลบ่อยๆประมาณ 1-2 ครั้งภายใน1เดือน เพื่อให้ปริมาณยาครั้งต่อไปหากสลายยังไม่หมด
 
วิธีที่2
การใช้ความร้อนสลายฟิลเลอร์ เหมือนดังเวลาที่ฉีดฟิลเลอร์ประเภทHYALURONIC ACIDแพทย์จะสั่งให้เราหลีกเลี่ยงการซาวน่า งดอาบน้ำอุ่นน้ำร้อนซัก 1 เดือน หรือแม้แต่การนวดคลึงบริเวณนั้น ถ้าเราต้องการทำให้ผิวบริเวณที่ขรุขระ เรียบเนียนขี้นได้บ้าง อาจใช้คลื่นวิทยุส่งความร้อน อาจทำให้ฟิลเลอร์ของผิวหนังบริเวณนั้นมันสลายส่งผลให้ผิวหนังเรียบเนียนขึ้นได้ อาจจะเห็นเป็นคลื่นน้อยลง หรือ บริเวณที่บวม เราอาจเห็นเป็นคลื่นน้อยลงได้
  • ข้อดี ไม่เจ็บ
  • ข้อด้อย ต้องทำบ่อยต่อเนื่องจนกว่าจะสลาย / มีค่าใช้จ่ายสูงอาจจะมากกว่าการฉีดฟิลเลอร์เพราะต้องทำต่อเนื่อง 
 
วืธีที่3 การฉีดโบทูลินูมทอกซินบริเวณผิวหนังกล้ามเนื้อตื้นที่เป็นคลื่น เพราะส่วนนึงเกิดจากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ อาทิ บริเวณหน้าผาก บริเวณคาง อาจทำให้ผิวด้านบนเรียบขี้นได้ หลอกตาทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวชั่วคราว แต่ไม่ได้แก้ปัญหาที่ตัวฟิลเลอร์จริงๆ 
  • ข้อดี ช่วยพลางสายตา และ ทำให้กล้ามเนื้อที่หดคลายตัว ดูเรียบเนียนตื้นขึ้น
  • ข้อด้อย อยู่ได้ไม่นานเป็นแค่การคลายกล้ามเนื้อชั่วคราว หมดฤทธิ์ต้องทำใหม่
 
ทั้ง 3 วิธีจึงไม่สามารถแก้อาการผิวเป็นคลื่นจากการฉีด HYALURONIC ACID ให้หายเป็นปกติ หรือทำให้ผิวหนังเรียบเนียนได้ 100% คงต้องรอฟิลเลอร์สลายไปจนหมดเองตามธรรมชาติ ยกเว้นการฉีด HYALURONIC ACID และฉีดสลายด้วย HYALURONIDEAD จะสามารถสลายได้เกือบ 100% 
 
ผิวหนังที่เป็นคลื่นกลับมาเป็นเหมือนเดิมไหม ?
ขี้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ประเภทHYALURONIC ACIDนั้นๆ จะสลายไปเอง ถ้าเกิดสลายเป็นแล้วยังเป็นคลื่นเช่นบริเวณผิวหนังตื้นๆที่เป็นกล้ามเนื้อก็อาจใช้โบทูลินูม ทอกซินช่วยได้
 
คำแนะนำ
  • เลือกผู้เชี่ยวชาญก่อนฉีดฟิลเลอร์ถ้าหมอที่เชี่ยวชาญหากเกิดผลข้างเคียงด้วยประสบการณ์ก็จะแก้ไขได้อย่างเร็วและทันท่วงที
  • เลือกประเภทฟิลเลอร์HYALURONIC ACIDที่ใช้ควรผ่านการร้บรองจากองค์การอาหารและยา ทางที่ดีสามารถขอดูกล่อง และขอบรรจุภัณฑ์กลับมาเก็บไว้ที่บ้านได้ หากฉีดอีกรอบจะได้เสมือนเป็นการเก็บประวัติตัวยาและปริมาณที่เคยใช้
  • เลือกสถานประกอบการที่ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง หลีกเลี่ยงหมอกระเป๋าหรือผู้ที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ เพราะหากเกิดปัญหาในสถานประกอบการที่ได้รับการรับรองก็จะช่วยได้ทันท่วงที รวมถึงการแก้ปัญหาของผลข้างเคียง
XOXO

Posted in FACEComments (0)

E-PRIME เทคโนโลยียกกระชับผิวหย่อนคล้อยที่ล้ำกว่า THERMAGE


E-PRIME เทคโนโลยี RF คลื่นวิทยุยกกระชับลดความหย่อยคล้อย
ที่ล้ำกว่า THERMAGE
ปัจจุบันถ้าให้พูดถึงเทคโนโลยียกกระชับที่ได้ความเป็นธรรมชาติมากกว่าการศัลยกรรมผ่าตัดดึงใบหน้าคลื่นวิทยุขั้วเดียว เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ให้ผลลัพธ์รองลงมาจากการศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นย่อมน้อยกว่ามาก ระยะเวลาการเห็นผลนานกว่าแบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างน้อยสำหรับ THERMAGE เองใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือนขึ้นกับช่วงอายุและริ้วรอยจึงจะมองเห็นผลที่ค่อยๆชัดขึ้น และ อยู่ยาวนานประมาณ 12-18-24 เดือน แต่ด้วยทำไมถึงยังคงเป็นทางเลือกสูงอีกหนึ่งตัวเลือก เพราะให้ความเป็นธรรมชาติ ไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าไปทำอะไรมา ไม่มีแผลเป็น และ เมื่อทำเสร็จสามารถกลับบ้านได้ ไม่ต้องพักฟื้น แต่งหน้าได้ตามปกติ และไม่ใช่การผ่าตัดที่ทำให้เกิดบาดแผล สำหรับคนไม่สะดวกในการผ่าตัด
 
ก่อนจะเกิด E-PRIME ได้มีงานวิจัยที่ทางรพ.ศิริราชได้จัดทำขึ้น เกี่ยวกับการเสียบเข็มลงไปบนผิวหนัง ว่าหากเสียบลงไปเฉยๆ จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ กระตุ้นคอลลาเจน หรือ ยกกระชับอะไรได้บ้าง ปรากฎว่าไม่มีผลลัพธ์ใดๆเกิดขึ้ เมื่อตัดชิ้นเนื้อออกมาดู คราวนี้จึงมีการทำวิจัย โดยการเสียบปลายเข็มลงบนผิวหนัง และ ปล่อยความร้อนลงสู่ปลายเข็ม ผลปรากฎว่า เกิดการกระตุ้นคอลลาเจนจีงเกิดการกระชับของผิวขึ้นได้
 
www.erk-erk.com
หลักการทำงาน E-PRIME
www.erk-erk.com
 เหตุผลที่ E-PRIME ออกมา เนื่องจากผลลัพธ์ที่เกิดผลของ THERMAGE
อาจจะใช้เวลาหลายเดือน จึงเกิดแนวคิดทำให้ความร้อนลงไปลึกขึ้นผ่านปลายเข็ม
แต่หลักการทำงานนั้น COPY Thermage มาเลยเพียงแต่ลงลึกและ เห็นผลดีกว่า
เป็นเทคโนโลยีคลื่นวิทยุ ที่ทำให้เกิดความร้อนผ่านปลายเข็มที่สอดลงไปใต้ผิวหนัง
และความร้อนโดยคลื่นวิทยุนั้นจะถูกส่งผ่านลงลึกไปยังชั้นหนังแท้ส่วนลึก
เพื่อทำให้คอลลาเจนที่มีอยู่กระชับตัว และช่วยให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ด้วย  
ทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น เรียงตัว กระชับได้รูปขึ้น มีสุขภาพผิวดีขึ้น
สุขภาพผิวแข็งแรงขึ้น และผิวเรียบเนียนขึ้น ริ้วรอยลดลงได้
ทั้งนี้ขึ้นกับความลึกของริ้วรอย ความหย่อนคล้อยของผิว
อายุ และการตอบสนองของผิว ซี่งจุดเด่นจะอยู่ที่การเห็นผลดีกว่า
และ เร็วกว่า THERMAGE 1-2 เท่า และก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ ในค่าใช้จ่ายที่เท่าๆกัน
เพียงแต่จุดด้อยที่มองเห็นตอนนี้ คือ ความเจ็บที่มากกว่าเนื่องจาก
ต้องมีการสอดเข็มลงไป และ ก่อนการทำต้องมีการฉีดยาชาลงไป 
www.erk-erk.com
www.erk-erk.com

Microneedle RF จะเป็นเข็มขนาดเล็กมากๆ จำนวน 5 คู่แต่ละคู่จะแบ่งเป็นสองขั้ว คือขั้วบวก กับขั้วลบ จิ้มลงไปในชั้นผิวที่ระดับความลึกประมาณ 1-2 มิลลิเมตร แล้วปล่อยพลังงานความร้อนลงไปที่ปลายเข็ม ทั้งนี้ในเข็มแต่ละขั้วจะมี Feedback Control เพื่อควบคุมให้ได้อุณหภูมิตามที่ตั้งไว้เพื่อให้ได้ค่าที่เท่ากันทุกเล่ม ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้อุณหภูมิที่ประมาณ 60-70 องศาเซลเซียส เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน

www.erk-erk.com

www.erk-erk.com
 
อายุที่เหมาะสม
35 – 60 ปี คือเริ่มมีริ้วรอย และ ความหย่อนคล้อยเกิดขึ้น บริเวณร่องแก้ม ปาก แนวกราม เหนียง
 
เพศ
ได้ทั้งชาย และ หญิง
 
ผลลัพธ์
มักจะเริ่มปรากฎเดือนแรก เต็มที่คือหกเดือนแรก และ อยู่ยาวถึง 2 ปี
www.erk-erk.com
 
ข้อดี
  • ได้ความเป็นธรรมชาติในการยกกระชับ
  • ไม่มีใครดูออกว่าไปทำอะไรมา
  • เห็นผลรวดเร็วกว่าเทคโนโลยี RF ตัวอื่น
  • ผลลัพธ์อยู่ประมาณ 2 ปี 
  • ความร้อนให้ผลพลอยได้คือผิวดูแข็งแรง ยืดหยุ่นและดูมีสุขภาพดี
  • ไม่ต้องผ่าตัด ดมยาสลบ 
 
ข้อด้อย
  • ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงมาก
  • ไม่กระชับเท่าการศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า
  • เจ็บ ต้องฉีดยาชา และ ปล่อยพลังงานลงผ่านปลายเข็ม
  • อาจมีอาการบวมอยู่ซักระยะ
ที่มาข้อมูล
  • เทปสัมภาษณ์ พญ.นุสรา วงศ์รัตนภัสสร

ที่มารูปภาพ

  • mapperleypark.co.uk,stclaircosmetic.com,syneron-candela.co.uk,Iskycenter.com,americanhealthandbeauty.com

Posted in BEAUTY TECHNOLOGY, FACE, LASER, THERMAGEComments (0)

รังแคกับวิธีดูแล&แก้ไข


รังแค “เจ้าขลุยขาวๆที่อยู่บนหนังศีรษะมักทำให้เสียบุคลิก”
บางครั้งอาจมีอาการคันหนังศีรษะร่วมด้วย รักษาแล้วเมื่อหายไป
ก็อาจมีโอกาสกลับมาเป็นอีกได้ตลอดเวลา
เนื่องจากหนังศีรษะก็จะมีเซลล์ที่ตายแล้ว
ถูกผลัดออกเหมือนผิวอยู่ตลอด แต่จะมีขนาดเล็กมากจนเราอาจมองไม่เห็น
สำหรับคนที่เป็นรังแคอาจเกิดจากเซลล์ผิวหนังบริเวณหนังศีรษะ
นั้นหลุดลอกเร็วกว่าปกติ
เกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ เรามาดูกันดีกว่าว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรบ้าง
ขอบพระคุณข้อมูลจากผศ.พญ.รังสิมา วณิชภักดีเดชา รพ.ศิริราช
 
สาเหตุของรังแค
รังแคนั้นอาจเกิดได้หลายสาเหตุ
1. สาเหตุแรก เกิดจากอาการแห้ง หรือ ระคายเคืองของหนังศีรษะหนังศีรษะก็เหมือนผิว พอหนังศีรษะแห้งก็จะทำให้เกิดเป็นขลุยเหมือนผิวแห้งเป็นขลุยและถ้าหนักมากก็จะลอกเป็นแผ่นและหลุดออกมาเรื่อยๆ บางครั้งอาจเป็นสะเก็ด ถ้าเป็นบนหนังศีรษะเราก็จะเรียกมันว่ารังแค หนังศีรษะแห้งอีกสาเหตุนึงที่เกิดขึ้นได้ คือ การสระผมด้วยน้ำอุ่น หรือ น้ำร้อน สระผมบ่อยเกินไป
 
2. สาเหตุสอง โรคผิวหนังที่มีอาการระคายเคืองของหนังศีรษะ 
เช่น เซปเดิร์ม (seborrhoeic dermatitis) หนังศีรษะก็จะแห้ง คิ้วก็จะแห้งเป็นขุย ร่องแก้มแห้ง ผื่นบนใบหน้าร่วมด้วย , โรคสะเก็ดเงินจะมีลักษณะหนังศีรษะแห้ง หรือ อาจมีผื่นตามตัว ตามข้อศอก หัวเข่า และอาจมีเล็บที่ขรุขระ
 
3. สาเหตุสาม เชื้อราบนหนังศีรษะ 
เกิดจากการติดเชื้อราบนหนังศีรษะ จะรักษาได้ดีกับแชมพูที่รักษาเชื้อราบนศีรษะโดยเฉพาะ
 
วิธีรักษา
ถ้าเกิดจากสาเหตุ หนังศีรษะแห้ง หรือ ระคายเคือง
1. อย่าสระผมบ่อยเกินไปวันเว้นวัน สองวันสระครั้งนึง
2. อย่าใช้แชมพูหรือผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่รุนแรงเกินไป
3. อย่าใช้น้ำร้อน น้ำอุ่นสระผม
4. อย่าใช้สารเคมีหนักกับหนังศีรษะโดยไม่จำเป็น เช่น น้ำยาย้อมผม น้ำยาดัด น้ำยายืด
ถ้าเราดูแลหนังศีรษะดี อาการเหล่านี้จะหายไปเอง
5. อย่าขูดหรือเกาหนังศีรษะเวลาสระผม
www.erk-erk.com
ถ้าเกิดจากสาเหตุ โรคผิวหนังบนหนังศีรษะ
เรามักจะพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการวินิจฉัยก่อนและรักษาตามโรคเฉพาะนั้นๆอย่างสม่ำเสมอ เพราะอาจไม่หายขาด แต่สามารถใช้ยาเพื่อควบคุมอาการได้ เช่น ถ้าเราเป็นโรคเซปเดิม เราต้องนอนให้เพียงพอ รักษาอารมณ์จิตใจให้แจ่มใสอยู่เสมอ ทำร่างกายให้แข็งแรง และ บางโรคก็อาจต้องทายา ทานยาร่วมด้วย
www.erk-erk.com
 
ถ้าเกิดจากเชื้อราบนหนังศีรษะ
อาจจะใช้ตัวยาที่รักษาเชื้อราโดยเฉพาะซึ่งมีขายทั่วไปก็จะดีขึ้นได้ เช่น เซเลเนี่ยม ซัลไฟด์ (selenium sulfide) , ซิงค์ ไพรีตั้น (zinc pirition) หรือ คีโตโคนาโซล (ketoconazole)  ซิงค์ไพริไทออน (zinc pyrithione) หรือทาร์ (tar) เป็นต้น
www.erk-erk.com
ที่มาข้อมูล
  • เทปสัมภาษณ์ ข้อมูลจากผศ.พญ.รังสิมา วณิชภักดีเดชา รพ.ศิริราช
ที่มารูปภาพ
  • sportsbycolin.com,quicktop10.com,hardinmd.lib.uiowa.edu,nhs.uk,various-home-remedies.com,hairloss.com,thaifittips.com,thaihealthinfo.com

Posted in HAIR, SKINComments (0)

ELECTROPORATION ผลักวิตามินลงสู่ผิว


 

การนำส่งตัวยา วิตามิน สารอาหารทางผิวหนังเป็นอีกทางเลือก นอกเหนือจากการรับประทานยา และ ฉีดยา เป็นวิธีที่สะดวก ไม่เจ็บเหมือนการใช้ยาฉีด และเป็นการหลีกเลี่ยงการถูกทำลายยาจากกรดและน้ำย่อยในระบบทางเดินอาหารเวลาเราทานเข้าไป ข้อจำกัดคือ ต้องเป็นตัวยาที่มีเพียงไม่กี่ชนิดที่สามารถซึมผ่านผิวหนังและมีประสิทธิภาพในการรักษา ความจริงวิธีการส่งผ่านสารอาหาร วิตามิน ลงสู่ผิวหนังนั้นเราทำได้หลายวิธี แต่วันนี้จะเลือกวิธี ELECTROPORATION มาเล่าสู่กันฟัง เพราะ สามารถในการเพิ่มสารอาหาร หรือ วิตามิน ผ่านผิวหนังได้อย่างชัดเจน ใช้ระยะเวลาออกฤทธิ์สั้นใช้กับตัวสารอาหารที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันได้หลายชนิด เช่น Q10,Hormone, DNA, Vaccine และ Peptide และ การกระตุ้นกระแสไฟฟ้าเป็นจังหวะก็สามารถทำให้สารอาหารผ่านผิวหนังได้อีกเป็นเวลานาน สามารถควบคุมปริมาณยาได้

Electroporation

Electroporation เป็นวิธีการส่งผ่านสารอาหารที่จำเป็นต่อผิวแม้สารที่มีโมเลกุลใหญ่ก็ทำได้ เช่น คอลลาเจน,วิตามินC,Hyaluronic Acid,Q10 เข้าสู่ผิว ส่งผลให้ ผิวหน้าสดใสและมีสุขภาพดีขึ้นได้อย่างรวดเร็ว โดยมีความปลอดภัยสูง จะผลักลงผิวโดยผ่านสารที่มีประจุไฟฟ้าในรูปไอออน + และ ไอออนลบเข้าสู่ผิว ส่งผลให้โครงสร้างชั้นไขมันที่เนื้อเยื่อหุ้มเซลล์เกิดการเปลี่ยนแปลงชั่วขณะโดยเปิดช่องว่างชั่วคราวประมาณ 1-2 วินาที เมื่อผิวชั้นบนสุดเกิดรูทำให้เพิ่มการซึมผ่านของผิวจึงลงลึกและดีกว่ามือทา ผลได้พอๆกับการฉีดสารอาหารลงบนผิว “อารมณ์เปิดผิวชั่วคราว” เปิดแล้วใส่สารอาหารดีดี แล้วมันก็ปิดเองหลังจากใส่เสร็จ ลงลึกกว่ามือทาประมาณ 95% เพราะผิวไม่ยอมให้อะไรซึมผ่านลงไปง่าย ประสิทธิภาพจะชัดเจน และ เห็นผลไวกว่ามือทามาก วิตามินสามารถส่งผ่านไปภายในเซลล์ และระหว่างเซลล์ได้มากขึ้น ไม่ทำให้ค่า PH ของผิวเปลี่ยน ไม่ทำให้ผิวบาง

 

การเตรียมตัวก่อนทำ

ถ้าสภาพผิวแข็งแรงอยู่แล้วก็สามารถปรึกษาแพทย์ผิวหนังและทำได้เลยทันที หลังจากทำความสะอาดใบหน้าให้เรียบร้อยหมดจด ไม่ทาอะไร เวลาทำ จะรู้สึกเหมือนกล้ามเนื้อมันกำลังออกกำลังกาย คล้ายมันกำลังหดตัวยืด หดตัวยืด ไม่เจ็บ ระยะเวลาประมาณ 30 นาที การทำก็ประมาณ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่ครั้งแรกเราจะเริ่มรู้สึกได้ว่าผิวดูชุ่มชื่น ดูมีน้ำมีนวล สุขภาพดี เพราะมันผลักลงไปลึก โดยแพทย์ผิวหนังจะตรวจสภาพผิวหน้าและเลือกวิตามิน หรือ สารบำรุงผิวให้เหมาะสมกับสภาพผิวหน้าและปัญหาที่ต้องการแก้ไขของแต่ละบุคคล

 

ข้อดี

  • เปิดผิวออกชั่วคราวเพื่อให้ตัวยาซึมผ่างลงสู่ใต้ผิวได้ลึกกว่ามือ
  • ไม่ต้องเจ็บตัวเหมือนกับการฉีดสารอาหารลงสู่ผิว
  • ช่วยดูแลปัญหาผิวพรรณหลายจุด เช่น จุดด่างดำ ปัญหาผิวแห้ง ริ้วรอยเล็ก
  • ประสิทธิภาพดี เห็นผลไวกว่าการทาครีมลงสู่ผิว
  • เพิ่มการไหลเวียนของเลือด
  • ช่วยให้ออกซิเจนไปเลี้ยงผิวได้ดีขึ้น
  • ผิวสุขภาพดี ยืดหยุ่น นุ่มนวลขึ้น
  • ผลักสารโมเลกุลใหญ่ได้
ข้อด้อย
  • การซึมของตัวสารอาหารวิตามิน อาจลงลึกไม่เท่ากับการฉีดลงไป

 

Derma Pore

[ ภาพ : http://www.akaraclinic.com/derma-pore.php ]

วิธีการส่งตัวยา สารอาหาร หรือ วิตามิน ของ ELECTROPORATION / PHONO/IONTO
ELECTROPORATION จะส่งสารอาหารโดยการเปิดรูทางเดินตั้งแต่ชั้นขี้ไคลถึงระดับเซลล์ทำให้ตัวยาซึมผ่านลงไปได้ขณะที่ Ionto และ Phono ไม่มีการเปิดทางเดินของยาก่อน ดังนั้นตัวยาจึงสามารถผ่านลงไปใต้ผิวเล็กน้อยเท่านั้น – akaraclinic –

 

ประเภทของสารอาหาร หรือ วิตามิน หรือ ตัวยาที่ใช้ส่งผ่าน
ELECTROPORATION สามารถส่งผ่านตัวยาได้ทุกประเภทไม่ว่าจะโมเลกุลเล็กหรือใหญ่ ทั้งที่มีประจุหรือไม่มีประจุในขณะที่ IONTO สามารถส่งผ่านตัวยาที่มีประจุเท่านั้นและ PHONO ไม่สามารถส่งผ่านตัวยาที่มีขนาดใหญ่มากได้
การดูแลหลังการทำELECTROPORATION

  • ไม่มีอาการบวมแดง
  • แต่งหน้า ทาครีม ได้ตามปกติ
  • ทากันแดดสม่ำเสมอเป็นประจำ

 

ELECTROPORATION จะใช้ผลักสารที่ช่วยเรื่องอะไรบ้าง

  • หน้าขาวกระจ่างใสขึ้น
  • ลดรอยคล้ำจากฝ้า และกระ ปรับสีผิวให้เนียนเรียบเสมอกัน
  • ยกกระชับใบหน้า และลำคอ

ผลลัพธ์
  • ลบเลือนผิวแตกลาย
  • เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
  • เพิ่มการไหลเวียนของเลือด นำพาวิตามินและสารอาหารที่จำเป็น ต่อผิวให้ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้โดยตรง
  • เพิ่มความสดใสและขาวเนียนของใบหน้า
  • ควรทำต่อเนื่องทุก 2-4 อาทิตย์ 5-10 ครั้ง

 

ส่วนตัวเคยทำทั้ง PHONO และ IONTO แต่ตัวนี้ไม่เคยลอง รู้สึกว่าแค่ PHONO ผิวก็ดีขึ้นมากเลย เขาบอกอันนี้ดีกว่า PHONO หลายเท่า แล้วจะมารายงานผลนะคะ 😀 เอิ๊กว่าเอิ๊กเหมาะกับการทำทรีทเมนท์ตัวนี้ เพราะตอนนี้ผิวแข็งแรงในระดับนึงแล้ว ฮ่าๆๆๆ

 แหล่งข้อมูล

– www.iskycenter.com

– Akara Clinic

 

 

 

Posted in BEAUTY TECHNOLOGY, SKINComments (0)

เส้นเลือดขอดกับแนวทางการรักษาจากแพทย์ผิวหนัง


 

 

 

 

 

เส้นเลือดขอด อีกปัญหาผิวหนังที่กวนใจ

วิธีการรักษาอาจเลือกจากขนาดของเส้นเลือดเป็นหลัก

ว่าจะฉีดยา เลเซอร์ หรือ ผ่าตัด รวมถึงใช้ทุกวิธีผสมผสาน

เพื่อให้ได้ผลดีที่สุด และ เหมาะสมถูกต้อง

เส้นเลือดขอดเกิดจาก

หลอดเลือดดำโป่งพองขึ้นจนเห็นว่าปูดขึ้นมา บางครั้งมีอาการปวดร่วมด้วย และมีหลายขนาดตั้งแต่เล็ก ๆ ฝอยๆ จนถึงขนาดเท่านิ้วโป้ง เพราะปกติหลอดเลือดดำนำเลือดกลับไปสู่หัวใจในทิศทางเดียวเหมือนถนนวิ่งทางเดียว (ONE WAY) โดยมีลิ้นหลอดเลือดดำบังคับให้เลือดเดินทางเดียว แต่ในคนที่มีเส้นเลือดขอดเกิดจากการที่ลิ้นเหล่านี้เสีย มีการทำงานที่ผิดปกติ หรือ อ่อนแอลง จึงทำให้มีหลอดเลือดดำไหลย้อนกลับมา ส่งผลให้มีความดันสูงขึ้นในหลอดเลือดดำที่ขาและทำให้มีการโป่งพองในหลอดเลือดดำ โรคเส้นเลือดขอดมักพบได้ในผู้หญิงและสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ จะพบเป็นมากหลังตั้งครรภ์ รวมถึงการยืนมาก และ การมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นจนขาอาจจะรับน้ำหนักไม่ไหว คนที่ชอบยกของหนักเป็นประจำ

เส้นเลือดขอดพบได้บริเวณไหนบ้าง

ชัดเจนที่พบบ่อยบริเวณน่อง แขน ขา สะโพก

วิธีป้องกันเบื้องต้น

 งดใส่เสื้อผ้าแน่นคับรัดติ๊ว โดยเฉพาะบริเวณเอว และ ต้นขา ขา น่อง เพราะมันกดเส้นเลือดดำที่ขา ทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี ไม่รัดเข็มขัดแน่นไป ไม่ใส่กางเกงชั้นในรัดเกินไป ไม่ให้รัดทั้งสะโพก ไม่ให้รัดทั้งต้นขา

 อย่ายืน นั่งนานๆ ควรขยับบ้าง เช่นเดินบ้าง ขยับร่างกายบ้าง ไม่นั่งไขว้ขา มีผลต่อการไหลเวียนเลือดช้าลง 

❤ ออกกำลังกายกล้ามเนื้อน่อง ยืนตรง เขย่งเท้าขึ้นลงช้า 30 ครั้ง ขึ้นบรรไดแทนการใช้ลิฟต์ เดินเร็วๆสม่ำเสมอ เพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรง และ เพิ่มการไหลเวียนของเส้นเลือดให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงการออกกำลังกายอื่นด้วย เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ ให้ร่างกายส่วนร่างมีเพิ่มระบบไหลเวียนเลือดได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงการหายใจเข้า ออก ให้ถูกต้องขณะออกกำลังกาย

 ถุงน่อง ที่ออกแบบมาเพื่อสุขภาพ รัด กด เส้นเลือดดำให้แฟบลงได้ แพทย์สามารถแนะนำได้ว่าเป็นชนิดไหน บางครั้งใส่หลังการรักษาเส้นเลือดขอดด้วยเพื่อไม่ให้เส้นเลือดขอดกลับมาอีก

 นอนยกเท้าสูงเหนือหัวใจ ทำครั้งละ 10-15 นาที ทำให้เส้นเลือดดำไหลกลับมาส่วนบนของร่างกายได้ดีขึ้น หากไม่มีโอกาสนอน ก็ใช้เท้าวางบนม้านั่งหรือที่พักเท้าแทนได้ในระดับหนึ่ง

 อย่าปล่อยให้น้ำหนักตัวมากเกินไป โดยเฉพาะบุคคลที่มีรูปร่างช่วงล่างเล็ก นอกจากจะทำให้คุณปวดขา และ ยังเพิ่มโอกาสการเป็นเส้นเลือดขอดได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

ใส่รองเท้าที่แบน เตี้ย ลดการเกร็งตัวของบริเวณน่อง ทำให้การไหลเวียนเลือดดีขึ้น

 ดื่มน้ำสะอาดตลอดวัน ช่วยคุมน้ำหนัก 

อาบน้ำเย็น เลี่ยงน้ำอุ่น น้ำร้อน หันมาใช้น้ำเย็นในการอาบน้ำ ช่วยให้หลอดเลือดดำหดตัว 

วิธีรักษา

  1. เลเซอร์ เหมาะกับการรักษาเส้นเลือดขอดที่มีขนาดไม่เกิน 3 มล. หรือพูดง่ายๆเส้นเลือดเล็กๆ หรือ ระดับเส้นเลือดฝอย ชนิดเลเซอร์ที่ใช้ เช่น GENTLE YAG / VBEAM
  2. ฉีดยา หรือ Sclerotherapy เหมาะกับการรักษาเส้นเลือดขอดขนาดเท่าไส้ดินสอ 
  3. ผ่าตัด เหมาะกับการรักษาเส้นเลือดขอดที่มีผลข้างเคียง บวม ปวด ผื่นขึ้น มีแผล อักเสบ เลือดออก อาการใดอาการหนึ่ง ก็มีตั้งแต่ผ่าบริเวณขาหนีบหรือหลังเข่าเพื่อตัดและผูกเส้นเลือด อีกวิธีตัดเส้นเลือดดำที่ลิ้นในหลอดเลือดผิดปกติทั้งเส้น เพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ วิธีสุดท้ายผ่าตัดเอาเส้นเลือดขอดที่ลึกออกทั้งเส้น 

❤ เลเซอร์

วิธีนี้ก็จะรักษาเส้นเลือดขอดขนาดเล็ก ฝอย เส้นผ่าศูนย์กลาง  1-3 มิลลิเมตรไม่เกิน จะยิงเลเซอร์ที่ใช้รักษาเส้นเลือดดำและเส้นเลือดแดงปล่อยพลังงานลงไปทำลายเส้นเลือดขอดที่เราไม่ต้องการ ไม่เจ็บ ไม่มีแผลหลังทำแต่อาจจะดูแดงๆซักไม่กี่ชั่วโมง รอยแดง ก็จะหายไป

❤ ฉีดยา SCLEROTHERAPY ขนาดต้องไม่ใหญ่มากประมาณไส้ดินสอ จะฉีดตัวยาบางอย่างที่ผสมกันแล้ว ฉีดเข้าไปยังขั้วเส้นเลือดขอดที่มีปัญหา หลังจากนั้นตัวยาจะไหลจากต้นขั้วไปยังรากที่แตกแขนง กระจายตัวไปจนสุดทำให้บางเส้นหายไปในทันที บางเส้นอาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ถึงจะเริ่มเห็นว่าเส้นเลือดขอดลีบเล็กลง แล้วอาจจะต้องกลับมาฉีดซ้ำซัก 1-2 ครั้ง เส้นเลือดขอดก็จะหายไป วิธีนี้ อาจจะต้องใส่ถุงน่องเฉพาะที่เอาไว้รัด ไม่ให้เกิดการกลับมาของเส้นเลือดขอดเป็นระยะเวลา 3 วัน ฉีดแล้วหายไปเลย ใช้เวลาทำนานมาก แพทย์จะต้องใช้การเพ่งสายตาเพื่อฉีดเข้าไปทีละเส้น เจ็บ และมักจะไม่มีการฉีดยาชา

❤ ผ่าตัด

1. Surgical Exploration ผ่าบริเวณขาหนีบหรือหลังเข่าเพื่อตัดและผูกเส้นเลือด

2. Surgical Stripping ตัดเส้นเลือดดำที่มีลิ้นในหลอดเลือดผิดปกติออกทั้งเส้น เพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ

3. Surgical Removal ผ่าตัดเอาเส้นเลือดขอดที่ลึกออกทั้งเส้น

4. การผ่าตัดด้วยคลื่นความถี่วิทยุ ความเจ็บปวดจากการผ่าตัดปกติน้อยลง และ ผลข้างเคียงน้อยลง

 

 

❤ รับประทานอาหารเสริมสมุนไพรสกัด อาทิ เปลือกสน เมล็ดองุ่น เป็นตัวต่อต้านอนุมูลอิสระ ทำให้เนื้อเยื่อหลอดเลือดแข็งแรง ลดอาการปวดบวมของเส้นเลือดขอด เพิ่มการไหลเวียนเลือด

 

❤ สวมถุงนุ่งที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับรัดขาเพื่อป้องกันเส้นเลือดขอด ลดการปวด บวม บวมน้ำ และ ป้องกันปัญหาเส้นเลือดของกลับมาเกิดใหม่ได้ ซึ่งกรณีสวมถุงน่องนี้ อาจจะต้องได้รับคำแนะนำปรึกษาจากแพทย์ว่าเหมาะสมกับการใส่ไหมสำหรับเส้นเลือดขอด และ ขนาดที่เป็นอยู่ มีทั้งสองขนาด ขนาดที่ส่วนถึงเข่า หรือ สูงถึงต้นขา และควรสวมใส่ตั้งแต่ตอนเช้า ก่อนขาจะค่อยๆบวมน้ำเหลืองขึ้นในตอนเย็น


 

ถ้ากรณีเป็นมาก มีหลากหลายขนาด อาจใช้หลายวิธีผสมผสานกัน

และ อาจมีการทำ อัลตราซาวนด์เพิ่มด้วยเพิ่มให้การมองเห็นภาพเส้นเลือดมันชัดลึกลงไปใต้ผิว

ทั้งสำหรับเส้นเลือดขอดที่ลึกลงไป หรือ ดูการกระจายตัวของเส้นเลือดขอด

ทำให้การรักษาแม่นยำขึ้น อาจทำทั้งก่อน และ หลังทำ

แหล่งข้อมูล
– เทปสัมภาษณ์ พญ. นุสรา วงษ์รัตนภัสสร
– nuvelaesthetica.com,harbinclinic.com,http://www.miamivascular.com/,
http://www.varistop.com/foamsclerotherapy/,drgouletveinclinic.com,

Posted in BEAUTY TECHNOLOGY, LASERComments (0)

Microdermabrasion การกรอผิวด้วยเกร็ดอัญมณี


อยากผลัดเซลล์ผิวหน้าให้เรียบ เนียน นุ่ม

ริ้วรอยเล็กดูตื้นขึ้น

ฟื้นฟูผิวหน้าให้ดูสดใสแบบประหยัด

ถ้าไม่ต้องการเลเซอร์ ไม่ต้องการผ่าตัด แต่อยากทำให้ใบหน้าดูกระจ่างขึ้น

ผลัดเซลล์ผิวเก่าออกไป สีผิวจะดูสม่ำเสมอขึ้น รวมถึงริ้วรอยตื้นๆ

ทำให้ผิวมีสุขภาพดีขึ้น

วิธีการ

ใช้เกล็ดอัญมณีเล็กๆมาใส่ลงในเครื่องพ่นชนิดมือถือจับได้ แล้วก็พ่นเกล็ดอัญมณีเล็กละเอียดด้วยระบบสูญญากาศลงบนใบหน้าให้ทั่วเพื่อขัด ความรู้สึกจะเจ็บเล็กๆ เหมือนอะไรมาข่วนเบาๆที่หน้า ไม่ต้องทายาชา ใช้เวลาไม่นานประมาณ 1/2 ชั่วโมง ขจัดเซลล์ผิวหนังกำพร้าที่ตายแล้วให้หลุดออก 30%-50% ระบบสูญญากาศช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด

ผลข้างเคียง

ความรู้สึกระคายเคือง เจ็บนิดๆเหมือนอะไรขูดผิว หน้าแดงหลังทำ หรืออาจจะแห้งลอกเป็นขุย ผิวจะไวแดดมาก

การรักษา

อาจทำต่อเนื่องเดือนละ 1-2 ครั้งก็พอ

ผลลัพธ์

  • กำจัดจุดด่างดำ
  • สีผิวไม่สม่ำเสมอ
  • ริ้วรอยแรกเริ่มที่มากับอายุที่เพิ่มขึ้น
  • สิวหัวดำด้านบน
  • ผลัดเซลล์ผิว
  • ฟื้นฟูสุขภาพผิวให้ยืดหยุ่น
  • ลดขนาดรูขุมขนชั่วคราว
  • ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
  • รอยแผลเป็นตื้นๆ


ทั้งนี้ผลการรักษาอาจจะต้องทำ 6 ครั้งขึ้นไป และ ต้องจะดีหรือไม่ขึ้นกับสภาพผิว และ อายุเป็นสำคัญ เราสามารถทราบถึงผลลัพธ์ได้หลังทำครั้งแรก จะเห็นว่าสุขภาพผิวดีขึ้น

ข้อดี

  • ประหยัด
  • ให้ผลลัพธ์กับผิวที่ไม่มีปัญหามากในการฟื้นฟูผิวได้เป็นอย่างดี
  • ทำเสร็จสามารถทำกิจกรรมอื่นต่อได้
  • ผิวดูกระจ่างใสขึ้นสี
  • ผิวดูสม่ำเสมอ
  • ผิวสุขภาพดี ยืดหยุ่นขึ้น


ข้อด้อย

อย่างไรก็ตามการขัดผิวในลักษณะนี้ อาจจะช่วยทำให้เกิดผลลัพธ์บริเวณชั้นหนังกำพร้าเท่านั้น แต่จะไม่ได้มีความร้อนลงมาสู่ผิวชั้นหนังแท้ หรือ ชั้นหนังกำพร้าที่ลึกลงมา รวมถึงไขมัน เหมือนเลเซอร์ที่จะมีความร้อนมาช่วยเพิ่มการสร้างคอลลาเจน แต่สำหรับคนไม่ได้มีปัญหาผิวหน้า อายุไม่ได้มาก แต่อยากพื้นฟูผิว และไม่จำเป็นต้องเสียเงินแพงเหมือนทำเลเซอร์แต่ได้วิธีที่ทำให้หน้ากระจ่าง สุขภาพดีขึ้นวิธีนี้เป็นอีกวิธีที่เหมาะมาก แต่จากประสบการณ์ส่วนตัว รู้สึกไม่สบายผิว เจ็บเหมือนโดนข่วนตอนทำทั้งหน้า เลยไม่ค่อยชอบ และ ผิวแดงลอกด้วย แต่โดยรวมเป็นการขัดเอาเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกให้ผิวใหม่ที่ดูสุขภาพดีกว่าขึ้นมาแทน

 

แหล่งข้อมูล

– พญ. นุสรา วงษ์รัตนภัสสร แพทย์ที่ปรึกษา ISKYCENTER

– health.howstuffworks.com

– http://www.americanlaser.com/Results/Microdermabrasion.aspx

Posted in SKINComments (0)

ขี้แมลงวัน & ไฝ เกี่ยวอะไรกับมะเร็งไฝ


ขี้แมลงวัน & ไฝ

คนไทยชอบเอาออกโดยเฉพาะบนใบหน้าเพราะ

  1. ทำให้ภาพรวมรูปลักษณ์ดูไม่ดีเท่าที่ควร
  2. คนไทยเชื่อเรื่องดวง
ขณะนี้มี 2 วิธีหลักที่จะนำออก
  1. กรดTCA
  2. เลเซอร์
ทั้งสองวิธีมีข้อดีข้อด้อยต่างกัน
กรด ดี ถูก เสีย อาจทำให้เป็นแผลเป็น และ เกิดแผลในวงกว้างมากกว่าเดิม เป็นหลุม
เลเซอร์ ดี สามารถเลือกบริเวณเอาออกได้แม่นยำ ด้อย ต้องเป็นแพทย์ผู้ชำนาญเพื่อเลี่ยงการตั้งค่าพลังงานพลาด เพราถ้าพลาดจะทำให้เกิดการไหม้ หรือ ถ้าเอาออกมากไปเป็นหลุม
คุณหมอ นุสรา วงษ์รัตนภัสสร บอกว่าไฝ หรือ ขี้แมลงวันเกิดจากความผิดปกติของการสร้างเม็ดสีเหมือนกันในทางการแพทย์ ไฝอาจจะนูน ขี้แมลงวันอาจจะเล็กและเรียบ ไม่จำเป็นที่จะต้องเอาออก เพราะจะได้ไม่เสี่ยงต่อแผลเป็นโดยไม่จำเป็น ขี้แมลงวันเราอาจจะไม่ได้เห็นผลข้างเคียง แต่ไฝเม็ดใหญ่ และ นูนอาจจะมีรากไฝที่ลึกกว่าการเอาออกอาจจะทำให้เกิดแผลเป็นได้ง่าย โดยเฉพาะตามลำตัว อาจจะทำให้เกิดแผลเป็น คียลอยด์ ส่วนที่ต้องระวังของไฝที่มีอยู่มีการเปลี่ยนแปลง เพราะนั่นอาจเป็นที่มาของมะเร็งไฝ

 

มะเร็งไฝ Melanoma

เกิดจากเซลล์สร้างสีผิว melanocyte การที่จะเข้าใจโรคนี้ท่านจะต้องเข้าใจโครงสร้างของผิวหนัง เป็นมะเร็งผิวหนังชนิดหนึ่งที่แพร่กระจายเร็วมาก

โครงสร้างของผิวหนัง 

  • ผิวหนังเป็นอวัยวะที่ห่อหุ้มร่างกายทำหน้าที่ป้องกัน ความร้อน แสง การติดเชื้อ ควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย และสร้างวิตามินดีผิวหนังประกอบด้วยเซลล์สองชั้น

  • ชั้น epidermis เป็นชั้นนอกสุดประกอบด้วยชั้นบนสุดเป็น squamous เซลล์รองลงมาได้แก่ basal cell โดยมี melanocyte อยู่ใต้ subcutaneous

  • ชั้น dermis เป็นชั้นที่อยู่ของ ต่อมขน ต่อมเหงื่อ ต่อมไขมัน หลอดเลือด

 

Melanocyte และ ไฝ Mole

melanocyte เป็นตัวสร้างสีผิว melanin เมื่อผิวถูกแสงทำให้สีผิวเข็มขึ้น ไฝเป็นกลุ่มของ melanocyte ที่อยู่รวมกันมักเกิดในช่วงอายุ 10-40 ปี อาจจะแบน หรือนูน สีอาจเป็นสีชมพู หรือสีน้ำตาล รูปร่างกลม หรือวงรีไฝมักจะไม่เปลี่ยนแปลงขนาดหรือสีตัดออกแล้วไม่กลับเป็นซ้ำ

 

Melamoma

เป็นมะเร็งที่เกิดจากเซลล์ melanocyte ที่แบ่งตัวนอกเหนือการควบคุมของร่างกาย ถ้าเกิดที่ผิวหนังเรียก cutaneous melanoma เกิดที่ตาเรียก ocular melanoma โดยทั่วไปเกิดบริเวณลำตัว ขา ถ้าคนผิวดำมักเกิดที่เล็บ โดยทั่วไปมะเร็งแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองและอาจพบที่อวัยวะอื่นๆได้เรียก metastasis melanoma


ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง

  • ประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งไฝ จะมีความเสี่ยงเพิ่มมากกว่า 2 เท่าดังนั้นสมาชิกในครอบครัวควรได้รับการตรวจจากแพทย์
  • Dysplastic nevi ไฝที่มีลักษณะชิ้นเนื้อแบบนี้จะมีโอกาสเป็นมะเร็งสูง
  • เคยเป็น melanoma
  • ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น AIDS
  • มีไฝจำนวนมาก เช่นมากกว่า 50 เม็ดจะมีโอกาสเป็นมะเร็งมาก
  • แสง ultraviolet ควรสวมเสื้อแขนยาวและหมวกเพื่อกันแสง ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดเวลา 10-16.00 น.ควรทาครีมกันแสงร่วมด้วย
  • เคยถูกแสงจนไหม้เมื่อวัยเด็ก ดังนั้นควรป้องกันไม่ให้เด็กสัมผัสแสงแดด
  • สีผิว ผิวขาวมีโอกาสเกิดมะเร็งได้ง่ายกว่าผิวคล้ำ
4 ข้อสังเกตไฝดีหรือร้าย จากสัญลักษณ์จำง่าย ๆ A B C D 
มาจาก Asymmetry เป็นการสังเกตความสม่ำเสมอของสีไฝ หากในเม็ดเดียวกันมีทั้งสีเข้มและอ่อนควรเข้าพบแพทย์

B คือ Border เปรียบให้เป็นการสังเกตขอบเขตของเมลาโนมา แม้จะปรากฏให้เห็นไม่ค่อยชัดเจน แต่ให้พยายามดูว่ามีรอยหยัก รอยนูน ที่สูงต่ำไม่เท่ากันหรือไม่

C ย่อจาก Color ให้สังเกตลักษณะสี ถ้าเข้มมาก หรือดำมาก จัดว่าเป็นอันตราย

D หรือ Diameter ต้องดูขนาด หากขยายใหญ่เกิน 6 มิลลิเมตร จำเป็นต้องพบแพทย์เพื่อตรวจหาความผิดปกติ

อย่างไรก็ตาม กระบวนการรักษา แพทย์จะวินิจฉัยจากการตัดชิ้นเนื้อหรือไฝไปตรวจทางพยาธิวิทยา หากพบว่า เป็นมะเร็งไฝ แพทย์จะการกระจายของเมลาโนมาต่อไป ก่อนทำการผ่าตัดรักษา.

อาการของมะเร็งไฝ

อาการเริ่มแรกมักเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง ขนาด สี รูปร่าง ขอบ บางรายอาจมีอาการคัน มีขุยหากเป็นมากขึ้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงของความแข็ง หากพบมะเร็งเริ่มต้นการรักษาจะหายขาด แต่หากรุกลามเข้าใต้ผิวหนังมะเร็งอาจแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น

 

 


หากแพทย์สงสัยว่าไฝที่เห็นว่าจะเป็นมะเร็งแพทย์จะตัดก้อนนั้นส่งพยาธิแพทย์ตรวจด้วยกล้องจุลทัศน์ หากก้อนนั้นใหญ่มากแพทย์จะตัดเพียงบางส่วนส่งตรวจ ถ้าพบเซลล์มะเร็งแพทย์จะตรวจพิเศษเพิ่มเพื่อตรวจดูว่ามะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นหรือยังการวินิจฉัย

การรักษา

หลังจากวินิจฉัยและทราบการแพร่กระจายของโรคแพทย์จะวางแผนการรักษา ก่อนการรักษาควรจดบันทึกคำถามเพื่อถามแพทย์ดังตัวอย่าง

  • การวินิจฉัยของแพทย์
  • มะเร็งแพร่กระจายไปหรือยัง
  • ควรจะรักษาด้วยวิธีใดดีที่สุด และแพทย์เลือกวิธีใด
  • โอกาสที่จะประสบผลสำเร็จมีมากหรือไม่
  • เราจะทราบอย่างไรว่าการรักษาได้ผล
  • การรักษาจะสิ้นสุดเมื่อใด
  • จะดูแลตัวเองระหว่างการรักษาอย่างไร
  • ผลข้างเคียงของการรักษามีอะไรบ้าง
  • จะเจ็บปวดหรือไม่ และจะใช้ยาอะไรในการควบคุม
  • หลังการผ่าตัดต้องรักษาอย่างอื่นหรือไม่

วิธีการรักษา

  1. การผ่าตัด เป็นการรักษามาตรฐานแพทย์จะพยายามตัดเนื้อร้ายออกให้หมดร่วมทั้งต่อมน้ำเหลืองที่ใกล้เนื้อร้าย ถ้ามะเร็งแพร่กระจายไปอวัยวะอื่นแพทย์จะให้การรักษาอย่างอื่น
  2. เคมีบำบัด เป็นการให้สารเคมีเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็งโดยอาจเป็นยากินหรือยาฉีด
  3. รังสีรักษาเป็นการฆ่ามะเร็งเฉพาะที่โดยเฉพาะมะเร็งที่แพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น เช่น สมอง ปอด ตับ
  4. การสร้างภูมิคุ้มกัน อาจให้ภูมิโดยการฉีด เช่นการให้ interferon หรือ interleukin โดยการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิขึ้นมาเช่นการฉีดวัคซีน

ผลข้างเคียงของการรักษา

  1. การผ่าตัด อาจทำให้เกิดแผลเป็นบางรายเกิด keloid การตัดต่อมน้ำเหลืองอาจทำให้ขาหรือแขนบวม
  2. เคมีบำบัด การให้เคมีบำบัดอาจให้เกิดโลหิตจาง ติดเชื้อง่าย หรือเลือดออกง่าย ผมร่วง
  3. รังสีรักษา ทำให้ผมบริเวณที่ฉายรังสีร่วง อาจมีอาการอ่อนเพลีย
  4. การสร้างภูมิคุ้มกัน อาจมีอาการปวดเมื่อตามตัวเบื่ออาหาร ท้องร่วง

 

แหล่งข้อมูล 

สัมภาษณ์ พญ. นุสรา วงษ์รัตนภัสสร

http://www.siamhealth.net/public_html/Disease/cancer/melanoma.htm

ญ.พู่กลิ่น ตรีสุโกศล แพทย์ผิวหนังและภูมิแพ้ โรงพยาบาลพญาไท 2

Posted in BEAUTY TECHNOLOGY, SKINComments (0)

สิวตามตำแหน่งต่างๆบนใบหน้าบอกอะไรเอ่ย ?


สิวในตำแหน่งต่างๆของร่างกายบอกอะไร ?

ศาสตร์เรื่องสิวมีหลายตำรามาก อันนี้ยกมาตำรานึงที่พูดถึงปัญหาสุขภาพ เพื่อใครที่เป็นสิวเรื้อรังขึ้นบริเวณเดิมๆ ลองดูสิ ว่ามีปัญหาภายในอะไรรึเปล่า ไม่นับสิวฮอร์โมนนะจ๊ะ อันนั้นขึ้นบริเวณเดิม ตำแหน่งเดิมปกติอยู่แล้ว และสิวที่เราจะมาพูดในวันนี้จะบอกถึงปัญหาสุขภาพภายในได้แม่นยำขนาดไหนต้องลองอ่าน และ อาจจะสังเกตุดูค่ะ

 

ส่วนที่ 1 สิวบริเวณใบหน้า

ตำแหน่งต่างๆบอกว่าเราอาจจะมีปัญหาสุขภาพภายใน

[ ภาพจากเว็บพี่บีม MarryBeam ผู้เชี่ยวชาญการรักษาสิวภายใน ]            

 

–  บริเวณหน้าผาก ( โซนที่ 1 และ 3 )

การเกิดสิวในบริเวณนี้เกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบย่อยอาหาร กระเพาะปัสสาวะ และต่อมหมวกไต                       

สาเหตุ มาจากการมีความเครียดสูง  / การทารองพื้นที่หนาเกินไปและการแต่งหน้าบริเวณคิ้วมากไปแล้วล้างเครื่องสำอางค์ไม่สะอาด ก่อให้เกิดเป็นสิวขึ้นบริเวณนี้ได้เช่นกัน

วิธีการแก้ไข 

  1. ควรผักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง เพื่อช่วยให้ตับทำงานได้มีประสิทธิภาพดีขึ้น 
  2. ดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เพราะการดื่มน้ำจะช่วยเรื่องของการขับถ่ายและย่อยอาหาร
  3. ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 20-30 นาที รวมถึงหากิจกรรมต่างๆเพื่อคลายความเครียด
  4. ล้างเครื่องสำอางหรือแชมพูสระผมให้สะอาด หากมีการใส่หมวกเป็นประจำควรมีการทำความสะอาดหมวกให้สะอาดอยู่เสมอ

 

บริเวณกลางหน้าผากระหว่างคิ้ว ( โซนที่ 2 )

ปัญหาหลักอาจเกิดจากระบบการทำงานของตับ รวมไปถึงปัญหาของการย่อยสารอาหารจำพวกแลกโตส ซึ่งอยู่ในนมวัวหรืออาหารที่มีส่วนผสมของนมวัว

สาเหตุ เกิดจากการทานอาหารรสจัด และการทานอาหารดึกเกินไป รวมถึงรับประทานอาหารผลิตภัณฑ์นมวัวเพราะย่อยยากกว่าพวกนมถั่วเหลือง

วิธีการแก้ไข

  1. หลีกเลี่ยงการทานอาหารรสจัด หรือการทานอาหารในช่วงดึก
  2. งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่

 

บริเวณหูทั้งสองข้าง  ( โซนที่ 4 และ 10 )

การเกิดสิวในบริเวณนี้เกิดขึ้นจากปัญหาเรื่องการทำงานของไต และอุณหภูมิในร่างกายที่สูงเกินไป 

สาเหตุ เกิดจากการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ น้ำอัดลม กาแฟหรือการกินเนื้อสัตว์มากเกินไป นอกจากนี้ยังเกิดจากการล้างแชมพูหรือสบู่ออกไม่หมด รวมไปถึงการใช้โทรศัพท์มือถือที่มากเกินไปก็มีส่วนดังนั้นควรทำความสะอาดโทรศัพท์ หรือ มือถือเป็นประจำ

วิธีการแก้ไข

  1. หลีกเลี่ยงอาการที่มีไขมันสูง เช่น ของทอด อาหารประเภท fast food, junk food ต่างๆ
  2. ทานผัก ผลไม้ที่ช่วยลดอุณหภูมิในร่างกาย เพิ่มกากใยช่วยย่อยทำให้ร่างกายขับของเสียและความร้อนออก เช่น  แตงกวา แตงโม น้ำเต้า เป็นต้น
  3. รักษาความสะอาดบริเวณใบหูอย่างดี ล้างแชมพูและสบู่ให้หมดจด รวมไปถึงงดการใช้โทรศัพท์เป็นเวลานานเมื่อเกิดสิวบริเวณดังกล่าว

 

บริเวณแก้มทั้งสองข้าง ( โซนที่ 5 และโซนที่ 9 )

สิวบริเวณนี้เกี่ยวข้องกับปัญหาเรื่องระบบทางเดินหายใจ ไซนัสและปอด 

สาเหตุ มาจากการสูบบุหรี่จัดหรือการแพ้ควันบุหรี่ มีอาการภูมิแพ้หรือหวัดเรื้อรัง การเลือกใช้รองพื้นที่ไม่เหมาะสม หรืออาจเกิดจากการแพ้อาหารทะเล รวมถึงการแพ้ปอกหมอน

วิธีการแก้ไข

  1. ลดการสูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ที่แออัด เสี่ยงต่อการสัมผัสฝุ่นละอองและควันบุหรี่
  2. หลีกเลี่ยงการทานอาหารประเภทที่มีน้ำตาลและน้ำอัดลม
  3. ฝึกการออกกำลังกายเพื่อบริหารปอด เช่น การเต้นแอโรบิค ในช่วงเวลา 19.00-21.00 เพราะเป็นช่วงเวลาที่ปอดทำงานได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
  4. พยายามฝึกการขับถ่ายให้เป็นระบบและเป็นเวลา
  5. ดูแลความสะอาดอุปกรณ์แต่งหน้าอื่นๆให้สะอาดอยู่เสมอ
  6. หากรู้สึกว่าสิวเกิดขึ้นหลังจากการรับประทานอาหารทะเล ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที
  7. ทำความสะอาดปลอกหมอนอย่างสม่ำเสมอ

 

บริเวณรอบดวงตาซ้ายและขวา ( โซนที่ 6 และโซนที่ 8 )

ปัญหาการเกิดสิวในบริเวณนี้เกิดจากการความผิดปกติของไต ปัญหาเรื่องโรคภูมิแพ้

สาเหตุ มาจากการเลือกใช้เครื่องสำอางที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว หรือการใส่แว่นตาที่มีการเสียดสีกับรอบดวงตาจนเกิดเป็นสิวขึ้น การมีสารตกค้างในร่างกายมากเกินไป การพักผ่อนไม่เพียงพอ รวมไปถึงการระคายเคืองที่เกิดจากอาการภูมิแพ้และการการขาดสารอาหารที่จำเป็น

วิธีการแก้ไข

  1. พักผ่อนให้เพียงพอ เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะอาหารที่มีวิตามินสูงจำพวก ผลไม้
  2. เลือกใช้เครื่องสำอางที่เหมาะกับสภาพผิว
  3. ทำความสะอาดแว่นตาที่ใช้สม่ำเสมอ

 

บริเวณจมูกและริมฝีปาก ( โซนที่ 7 )

มีผลมาจากปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของหัวใจ ระบบสืบพันธุ์ (การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน) ซึ่งหากมีมีผิวสีแดงเข้มที่จมูก อาจส่งผลมาจากระดับความดันเลือดสูงผิดปกติ

สาเหตุ มาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่อยู่ในช่วงมีประจำเดือน และช่วงตั้งครรภ์ การใช้ยาคุมกำเนิด นอกจากนี้ยังเกิดจากการแพ้ลิปสติกหรือยาสีฟัน

วิธีการแก้ไข

  1. งดอาหารที่มีรสจัดและมีส่วนผสมของเครื่องเทศและกระเทียม
  2. ทานอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ให้น้อยลง
  3. ดื่มน้ำในอุณหภูมิปกติ ( ไม่อุ่นหรือแช่เย็น )
  4. เลือกทานอาหารที่มีวิตามินบีสูงในระยะที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
  5. เปลี่ยนลิปสติกหรือยาสีฟันที่ใช้เป็นประจำ

 

บริเวณด้านข้างของคางหรือช่วงกราม ( โซนที่ 11 และ 13 )

เกิดจากปัญหาเรื่องของระบบฟันและโดยเฉพาะกรามฟัน 

สาเหตุ อาจเกิดจากการขาดวิตามิน หรือเกิดจากหลังจากการทำฟัน หรืออยู่ในช่วงของการปรับเปลี่ยนฮอร์โมน

วิธีการแก้ไข

  1. แปรงฟันและดูแลสุขภาพฟันให้สะอาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการทำฟัน
  2. กินผักและผลไม้มากขึ้น
  3. มั่นตรวจสอบความผิดปกติของฮอร์โมน เมื่อมีสิวขึ้นบริเวณดังกล่าวผิดปกติ

 

บริเวณปลายคาง ( โซนที่ 12 )

มีผลมาจากระบบลำไส้เล็กและระบบการย่อยของกระเพาะอาหาร

สาเหตุ การเกิดสิวบริเวณนี้เกิดจากการเลือกทานอาหารที่มีรสจัดจนลำไส้เป็นแผล และปัญหาการดูดซึมอาหารของกระเพาะอาหาร

วิธีการแก้ไข

  1. ลดการทานอาหารที่มีรสจัด
  2. เคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนกลืนเพื่อง่ายแก่การย่อยของกระเพาะอาหาร 

 

บริเวณใต้คาง ( โซนที่ 14 )

สิวบริเวณนี้เกิดจากเรื่องของความเครียดเป็นหลัก รวมไปถึงความสะอาดของบริเวณดังกล่าว

สาเหตุ มาจากความเครียดของผู้เป็นสิว และการล้างเครื่องสำอาง หรือการล้างผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดผิวไม่สะอาด

วิธีการแก้ไข

  1. หากิจกรรมคลายเครียดหรือหลีกเลี่ยงเรื่องที่จะก่อให้เกิดความเครียด
  2. ล้างเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวให้สะอาด ไม่ให้ตกค้างในผิว

 

ส่วนที่ 2 สิวบริเวณลำตัว

 

สิวที่แผ่นหลัง

การเกิดสิวที่หลังมีผลเกี่ยวเนื่องมาจากระดับฮอร์โมนในร่างกาย  การอับชื้น การระคายเคืองของผิวหนังและปัจจัยสำคัญในการเกิดสิวอีกอย่างคือ การใช้ชีวิตประจำวันของเราเอง

สาเหตุ เกิดมาจากสภาวะการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนของร่างกายโดยตรง เพราะแผ่นหลังเป็นจุดที่ต่อมเหงื่อและต่อมไขมันทำงานหนัก จึงง่ายต่อการเกิดสิว นอกจากนี้การใช้ชีวิตประจำวัน การไม่รักษาความสะอาดก็ก่อให้เกิดสิวที่แผ่นหลังได้ง่ายเช่นกัน เช่น การสวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่สะอาด การใช้ผ้าปูที่ไม่สะอาด เป็นต้น เมื่อเกิดความไม่สะอาดสะสมที่บริเวณแผ่นหลังจึงก่อให้เกิดการหมักหม่มของของเสียที่ขับออกมาได้ ทำให้เกิดเป็นสิวขึ้น  อาจเกิดมาจากกรรมพันธุ์ได้อีกสาเหตุหนึ่งด้วย

วิธีการแก้ไข

การรักษาสิวที่แผ่นหลังสามารถทำได้หลายวิธี โดยอันดับแรกต้องหาสาเหตุของการเกิดสิวที่หลังให้ได้ก่อนว่าเกิดจากอะไร เพื่อให้ง่ายต่อการรักษา เมื่อรู้สาเหตุแล้วก้อควรแก้ปัญหาให้ตรงจุด ตัวอย่างเช่น หากเกิดสิวเพราะความสกปรกหรือการใช้ชีวิตประจำวัน ก็ควรรักษาความสะอาดของร่างกายสม่ำเสมอ หมั่นเปลี่ยนผ้าปูที่นอน หรือสวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี การเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่ไม่ว่าจะเป็นแชมพู หรือครีมนวดผม รวมไปถึงสบู่ก้อควรล้างให้สะอาดด้วย ไม่ให้ตกค้างที่แผ่นหลัง

หากสิวที่แผ่นหลังเกิดจากปัญหาเรื่องของฮอร์โมน ก็ควรเลือกรักษาให้ตรงจุด ซึ่งการใช้เลือกรักษานั้นมีหลายวิธีไม่ว่าจะเป็นการใช้ยาในการรักษา คือ ยาที่ใช้ทาหรือพ่นบริเวณที่เกิดสิว การทานยาเพื่อช่วยลดระดับฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งการเป็นสิวที่แผ่นหลังนั้นสามารถรักษาโดยใช้ยาแบบเดียวกับที่ใช้บริเวณใบหน้า ซึ่งการรักษานี้สามารถทำได้หลายวิธี แต่หากรักษาด้วยตนเองแล้วไม่ดีขึ้น ก็ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาต่อไป

ส่วนตัวเอิ๊กเองเวลารักษาสิวที่หลังและหน้าอก

  1. อาบน้ำเช็ดตัวให้สะอาดก่อนใส่เสื้อผ้า
  2. สระผมอย่าให้โดนแผ่นหลัง หรือ หน้าอก ให้ก้มหัวสระ
  3. สระผมก่อนแล้วค่อยถูสบู่เป็นลำดับสุดท้ายล้างน้ำเปล่าให้มากๆ
  4. เมื่อเช็ดตัวแห้งแล้วทายารักษาสิวทั้งหน้าอกหรือหลัง แล้วรอให้แห้ง
  5. หลีกเลี่ยงกันแดดที่อุดตัน หรือ ครีมบำรุงผิวที่อุดตัน
การรักษาสิวที่แผ่นหลังอาจไม่หายถาวร ขึ้นกับการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ การมีสิวที่หลังไม่ได้หมายความว่ารักษาความสะอาดไม่ดีพอ เพราะอาจเป็นส่วนผสมจากน้ำยาปรับผ้านุ่ม หรือ ครีมนวดผมที่ตกค้างอยู่บนเส้นผม ผสมเหงื่อก็ทำให้กลับมาเป็นอีกได้

 

 

ที่มา

http://bye-bye2acne.blogspot.com/

http://www.skinacea.com/acne/acne-face-map.html#.UI6YoG8j6So

http://webboard.ladytips.com/topic/9034

Posted in ACNEComments (4)

BEAUTY TALK – ผลข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์


ที่เขียนเรื่องนี้ขึ้นเพราะเอิ๊กเองได้รับผลข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์บริเวณปลายคางจึงอยากเล่าสู่กันฟัง

จุดประสงค์ในการฉีดเนื่องจากใบหน้าที่สั้น กลม แก้มเยอะ อยากทำให้ดูมีคางเพราะหน้าจะได้ดูยาวขึ้น เป็นผู้หญิงที่อยากสวยแต่กลัวเจ็บตัว กลัวการผ่าตัด เลยเลือกการฉีดฟิลเลอร์ ประเภทไฮยาลูลอน ที่มีในร่างกายและสลายไปได้เองในระยะเวลาไม่ยาวนานมากนัก เผื่อวันนึงชอบตัดสินใจทำคางจริงๆก็ยังไม่สาย ไม่ได้ANTYการศัลยกรรม แต่กลัว 555 คนทำสวยเราก็ว่าสวยดี บางคนงานล้นเลย ดังในพริบตา แต่เราคิดว่าในชีวิต อยากทำแค่ 2 สิ่ง คือ คาง และ … ไม่บอก 5555 ตอนนี้ก็ทำใจไปเรื่อยๆก่อน ยิ่งเกิดเหตุการณ์ฟิลเลอร์ส่งผลข้างเคียงนี้อยากจะบอกว่า ตอนนี้ในใจไม่อยากทำอะไรอีกเลย อยากได้คางเก่าคืนมาก่อน อยากเอาคางสั้นๆแบบเดิมกลับมา ในหัวมีแต่ความกลัว บอกตรงๆ ….. อยากสวยจนได้เรื่องสิน่า ……

ก่อนฉีดวิเคราะห์รูปหน้า : ดูมีแก้ม คางดูสั้น แต่ไม่ได้สั้นมาก ความอยากในใจ อยากคางยาวกว่านี้ เผื่อหน้าจะดูยาวขึ้น

หลังฉีดครั้งแรก : ฉีดครั้งแรกผ่านไปไม่ถึง 3 เดือน ไม่มีผลข้างเคียงใดใด ขึ้นนิดนึงทำให้หน้าดูยาวขึ้นนิดนึงกว่าก่อนฉีด เพราะคุณหมออยากให้ธรรมชาติ อาจจะธรรมชาติมาก 555 แล้วก็ยุบจากไปเร็วมากมาก ทำให้เรายังรู้สึกว่าไม่พอใจกับผลที่ได้ แต่รู้สึกดีใจที่ เออ ฟิลเลอร์ ฉีดแล้วมันก็ยุบได้เลยนะ ไม่มีผลข้างเคียงอะไรเลย หลังฉีดแค่บวมนิดนึงซัก 3 วัน นั่นเป็นเหตุผลที่  ครั้งแรกนี้เอิ๊กฉีดกับ ผศ.พญ. รังสิมาที่ ISKYCENTER หนองแขม

หลังฉีดครั้งที่สอง : คางเรียวยาวเป็นสามเหลี่ยม ในชีวิตตอนนี้คิดว่าหน้าตาตอนนี้ดีที่สุด (หลายคนอาจจะบอกไม่จริง original ดีที่สุด) ตอนนี้รู้สึกดีมาก ก.ไก่ อีกล้านตัวเลย แต่ผลข้างเคียงอันดับแรกของเอิ๊กที่ปัจจุบันยังไม่หาย คือ การเปลี่ยนสีของบริเวณที่ฉีด เป็นสีแดงตลอดเวลา เนื่องจากเส้นเลือดฝอยมารวมตัวกัน ประเมินจากคุณหมอได้คร่าวๆว่า อาจจะมาจากการแพ้ฟิลเลอร์ของเอิ๊ก ให้แก้โดยการยิงเลเซอร์กำจัดเส้นเลือดฝอย ซึ่งเอิ๊กก็ทำ ก็ดีขึ้นแต่ไม่หายสนิท คุณหมอบอกว่าฉีด filler Perlane ในขนาด 1 หลอด ซึ่งผลหลังฉีดจะดูบวมยาวกว่าของจริงประมาณ 2-3 วัน ค่อยเข้ารูปพอใจมากๆ อยากให้หน้าดู V-SHAPE สมใจเลย และเทคนิคการฉีดเข้าไปประมาณ 3 ครั้ง ก่อนปั้นให้เข้ารูป ฉีดตรงกลาง ข้างซ้าย ข้างขวา และเอิ๊กก็กินน้ำน้อยเหมือนเดิม ไม่รู้เพราะสาเหตุนี้รึเปล่า เกิดผลข้างเคียงใหม่ตามมาคือ “คางบุ๋มเฉพาะที่” เนื่องจากปรึกษากับคุณหมออีกท่าน พบว่ามันสลายบางส่วน อาจจะเป็นจากเทคนิคการฉีด 3 ส่วนด้วย เพราะมีโอกาสที่พื้นที่ส่วนใดส่วนนึงจะสลายไปก่อน ส่วนที่ไม่สลายจึงดูสวยอยู่ก็เป็นได้ ครั้งนี้ฉีดกับ นพ. อภิรุจ THE KLINIQUE  เอิ๊กชอบผลลัพธ์มาก แต่ก็ผลข้างเคียงที่เกิดอาจจะเกิดที่ตัวเอิ๊กเองทานน้ำน้อยกระมัง เท่าที่อ่านหลายท่านก็บอกเพราะฟิลเลอร์เป็นสารอุ้มน้ำ

คางปัจจุบัน

ส่วนที่เปลี่ยนสี แท้จริงคือมันบุ๋มลงไปค่ะ ขนาดยาวประมาณ 1 เซนติเมตร ซึ่งถ้าเอิ๊กพูดจะเห็นเลยว่าคางเอิ๊กข้างนึงบุ๋ม

มันสร้างความวิตกกังวลกับเอิ๊กมาก เมื่อวันที่พบเห็นคือเมื่อช่วงตุลาคมที่ผ่านมากตอนไปเยอรมัน

ระหว่างอัด SOCIAL CAM รู้สึกมันเหมือนเป็นเงาเกิดขึ้นบริเวณคาง พอมองแล้ว โอว คางดิฉันบุ๋ม

ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเอิ๊กอยากรู้ว่าเป็นเราคนเดียวหรือไม่ที่ฉีดฟิลเลอร์ผ่านอย.แล้วได้รับผลข้างเคียง

เลยลองโพสถามในแฟนเพจ erk-erk.com ปรากฎว่า

ก็มีบางคนที่พบ จึงอยากแชร์สู่กันฟัง

ล่าสุดเอิ๊กเดินทางไปเยอรมันกับ ผศ.พญ รังสิมา วณิชภักดีเดชา ซึ่งคุณหมอท่านฉีดฟิลเลอร์มากที่สุดคนนึง

ในบริเวณย่านฝั่งธนบุรี เอิ๊กก็กังวลใจ จึงขอปรึกษาทางแก้ คุณหมอบอกว่า

  • ไม่ให้ฉีดสลาย เพราะอาจจะสลายเนื้อเยื่อส่วนดีของเราไปด้วย
  • ใช้คลื่นความถี่วิทยุปล่อยความร้อนให้สลายเร็วขึ้น
  • ฉีดโบทอกคลายกล้ามเนื้อ ลดการหดตัวที่ทำให้เกิดคลื่น
ปัจจุบันทำวิธีใช้คลื่นวิทยุ RF เป็นตัว TRILIPO มาคลึงที่คาง ผลคือคางเรียบขึ้นแต่ไม่หายบุ๋ม คิดว่าน่าจะบุ๋มกว่านี้ เพราะถ้ามันทำให้สลายจริงมันก็จะสลายและบุ๋มลงเรื่อยๆ ตอนนี้จึงต้องดูแลกันไปก่อน ทนจนกว่าสลาย

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงขออนุญาตแชร์ผลข้างเคียงของการฉีด Filler ที่ได้หาข้อมูลมา มีตั้งแต่อาการที่รุนแรงไม่มาก ที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็กลับมาหายเป็นปกติ จนกระทั่งถึงผลข้างเคียงที่มีอาการรุนแรงมากจนไม่สามารถกลับมาปกติเหมือนเดิม แต่การฉีดนั้นจะมีผลข้างเคียงที่มีระดับความรุนแรงมากหรือน้อยจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยในการฉีด Filler เช่น

  • ชนิดของ Filler 
  • ประสบการณ์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่ฉีด Filler
  • เทคนิคการฉีด Filler
  • การตอบสนองร่างกายคนไข้ในการฉีด Filler
  • สถานที่ให้รับบริการฉีด Filler ความสะอาด การฆ่าเชื้อ 

คนส่วนใหญ่ถ้าผ่านการเลือกตั้งแต่ชนิด Fillerที่ผ่านอย. แพทย์ เทคนิคแพทย์ ร่างกายตอบสนองดี ก็จะมีอาการปกติหลังฉีด คือ บวมไม่กี่วันแล้วก็หาย แต่คนส่วนน้อย เช่นเอิ๊ก ถือว่าเป็นผลข้างเคียงระดับน้อยถึงปานกลาง อย่างที่เล่าไปข้างต้น
จะลองแบ่งประเภทของผลข้างเคียงคหลังจากฉีด Filler เป็น 3 ระดับ ในความรู้สึกเอิ๊กนะคะในกรณีคนไข้

1. ผลข้างเคียงระดับน้อย

– มีรอยเขียวจากเข็ม อาจจะเป็นจ้ำเลือด รวมถึงอาการบวมบริเวณที่ฉีดไม่กี่วันก็หาย

– แพ้มีเส้นเลือดฝอยรวมกันอยู่เป็นกระจุดบริเวณที่ฉีด ผิวหนังเปลี่ยนสีเป็นสีแดง

– มีผื่นแดงขึ้น

2. ผลข้างเคียงระดับปานกลาง

– คลำไปเป็นก้อนขรุขระ เป็นคลื่น ผิวหนังไม่เรียบ พอแสดงสีหน้าก้อนฟิลเลอร์ก็นูนขึ้นมา

– หลังฉีดFillerไปซักพักพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างฟิลเลอร์มีการไหล รูปทรงเปลี่ยน รูปร่างเปลี่ยน

– ฉีดมาซักระยะอาจเกิดอาการแพ้ทำให้เป็นก้อน แดง นูน อักเสบ

– ผิวหนังรอบดวงตา เปลี่ยนสี อาจจะออกเป็นสีฟ้าๆ เทาๆ หรือม่วง

– หลังฉีด Filler อาจจะไม่สามารถควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อบนใบหน้าได้เหมือนปกติ

– หลังฉีด Filler อาจจะแสดงสีหน้าไม่ธรรมชาติเหมือนก่อนฉีด เช่น เวลายิ้มถ้าฉีดคางคางก็ย้อยเป็นก้อนดูเกร็งๆ แข็งๆ

– มีอาการคันที่รุนแรง และอาจจะมีลมพิษขึ้นตามมาด้วย

3. ผลข้างเคียงที่มีความรุนแรงในระดับมาก

– หลังฉีด Filler มีอาการติดเชื้อ บางทีแพทย์จึงสั่งให้ทานยาปฎิชีวนะหลังฉีดเสร็จเพื่อป้องกัน

– หลังฉีด Filler พบว่าผิวหนังบริเวณนั้นตายรวมถึงผิวหนังบริเวณรอบๆด้วย สาเหตุมาจากสาร Filler เข้าไปอุดในบริเวณปลายเส้นเลือดที่จะนำเลือดไปเลี้ยงบริเวณผิวหนังบริเวณนั้น หรือ ในกรณีที่ปริมาณสาร Filler มากเกิน ก็จะไปกดเบียดบริเวณปลายเส้นเลือดให้ตีบลง จึงเป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังตายได้

– หลังฉีด Filler ตาบอด เพราะสาเหตุสาร Filler เข้าไปอุดตันในบริเวณเส้นเลือดทำให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงที่จอประสาทตา จึงทำให้ตาบอด

– อาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต

นี่คือเหตุผลที่ต้องออกมาเขียนเรื่องนี้เพื่อให้ทุกคนพยายามหาข้อมูลให้มากและดียิ่งขึ้นค่ะ

แหล่งข้อมูล :

– ทวิตเตอร์ @DrRungsima

– ผศ.พญ. รังสิมา วณิชภักดีเดชา

– http://www.realself.com/files/528337-504567.JPG

– http://www.guardian.co.uk/lifeandstyle/2010/jul/18/cosmetic-surgery-cowboys-face-lawsuits

– http://www.livestrong.com/article/138088-side-effects-wrinkle-fillers/

– http://gamesbbclinic.blogspot.com/2012/04/filler.html

– ประสบการณ์ตรง

Posted in FACEComments (2)

BEAUTY SKIN TIPS – รวม 100 เคล็ดลับสำหรับผิวสุขภาพดี


  1. การดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ ผิวก็จะสูญเสียน้ำตามไปด้วย ทำให้ผิวแห้งกร้าน และอาจมองเห็นรูขุมขนชัดขึ้นได้
  2. เมื่อรูขุมขนกว้าง ร่วมกับมีน้ำมันถูกขับผ่านรูขุมขนมากขึ้น ทำให้เกิดการอุดตันได้ง่าย คนที่รูขุมขนกว้าง จึงมักมีหน้ามันและมีสิวอุดตันตามมา
  3. รูขุมขนกว้าง ถ้าพบในคนอายุน้อย มักจะเป็นคนที่มีผิวมัน แต่ถ้าพบตอนอายุมากขึ้น ถือเป็นสัญญาณหนึ่งที่แสดงว่าคอลลาเจนที่ผิวเริ่มเสื่อมสภาพ
  4. ข้อดีของการมีรูขุมขนกว้างคือ เวลาทาอะไรลงบนผิวหน้าแล้ว ยา ครีม หรือโลชั่นจะถูกดูดซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ดีกว่า
  5. ข้อดีของคนผิวคล้ำคือ มีโอกาสเกิดริ้วรอยย่นได้น้อยกว่า แก่ช้ากว่า มีโอกาสเป็นมะเร็งผิวหนังน้อยกว่าคนขาว
  6. คนขาวก็มีปัญหาของตัวเอง เช่น จะทนแดดได้สั้นกว่าคนคล้ำ โดนแดดนิดหน่อยผิวก็จะแสบ แดง มีอาการไหม้ ลอก ได้ง่าย
  7. การลดความอ้วน ทำให้ขาดสารอาหาร ผิวหนังจะแห้งกร้าน ผมร่วง เล็บจะเปราะบางฉีกขาดง่าย
  8. การเจ็บป่วยเรื้อรังเป็นเวลานานเกิน 3 เดือน การผ่าตัดใหญ่ คลอดบุตร ทำให้ผมร่วงได้
  9. การป่วยเป็นโรคโลหิตจาง ทำให้สีผิวดูซีดลง ริมฝีปากสีอ่อนลงได้
  10. การแพ้เครื่องสำอางมักเกิดจากการแพ้น้ำหอม และสารกันเสียในเครื่องสำอางมากที่สุด
  11. การเกิดสิวหลังทาครีมกันแดด ไม่ถือว่าเป็นการแพ้ครีมกันแดด แต่เป็นเพราะครีมกันแดดทำให้เกิดสิวอุดตันได้ต่างหาก
  12. การบีบ แคะ แกะ หรือกดสิว อาจทำให้เกิดสิวอักเสบ มีรอยแดง รอยดำ หรือหลุมสิวตามมา
  13. รอยแดงสิวไม่มีครีมหรือยาทาชนิดไหนช่วยได้ นอกจากรอ 6-9 เดือนให้หายไปเอง หรือทำเลเซอร์ 3-4 ครั้งถึงจะจางลง
  14. สีของลิปสติกที่มีโอกาสแพ้บ่อยที่สุดคือ สีแดง ซึ่งเป็นสียอดนิยม
  15. คนที่มีผื่นคันรอบดวงตา อาจเกิดจากการแพ้ eyeshadow หรือ ยาทาเล็บ
  16. คนที่มีประวัติแพ้พลาสเตอร์ จะมีโอกาสแพ้ mascara eyeliner และลิปสติกได้บ่อย
  17. ถั่วเหลืองนี่ดีต่อสุขภาพจริง ๆ กินก็ได้ประโยชน์ สารสกัดจากถั่วเหลืองเมื่อเอามาทาลงบนผิวก็ให้ความชุ่มชื้นและลดริ้วรอยได้
  18. การดูแลผิวให้สวยสดใส ไม่จําเป็นต้องซื้อวิตะมินหรือคอลลาเจนแพงๆ มากิน แค่กินผักผลไม้ ปลาและอาหารให้ครบ 5 หมู่ และนํ้าเยอะๆ ก็พอ
  19. คนนอนดึก ถ้าตื่นมาแล้วใต้ตาคล้ำ ให้เอาถุงชา (แบบชงดื่มเสร็จแล้ว) ชุบน้ำแช่เย็นจัดมาโปะตา 10-15 นาที รอยคล้ำจะจางลง
  20. การรักษาหลักของฝ้าคือการทายาและครีมกันแดดอย่างต่อเนื่อง เลเซอร์สำหรับรักษาฝ้าจะใช้ในกรณีที่ดื้อต่อการรักษาด้วยยาเท่านั้น
  21. การโกนขนไม่ได้ทำให้ขนดำขึ้น แข็งขึ้น หรือมากขึ้นแต่อย่างใด เพียงแต่ขนที่พึ่งขึ้นใหม่หลังโกนจะมีปลายตัดทำให้ดูเห็นชัดขึ้น
  22. ยิ่งล้างหน้าบ่อย หน้าจะยิ่งมัน เพราะเมื่อความมันถูกล้างออก ต่อมไขมันจะยิ่งผลิตน้ำมันขึ้นมาชดเชย ทำให้ต่อมไขมันทำงานมากขึ้น
  23. การแต่งหน้าจัดไม่ทำให้หน้าแก่เร็ว แค่ทำให้ดูแก่ขึ้นเท่านั้น
  24. ไม่ควรใช้เครื่องสำอางหรืออุปกรณ์แต่งหน้าร่วมกับคนอื่นหรือลองใช้เครื่อง สำอางตามเคาน์เตอร์ เพราะถ่ายทอดเชื้อโรคสู่กันได้ โดยเฉพาะเชื้อเริม
  25. อุปกรณ์แต่งหน้า เช่น ฟองน้ำหรือแปรง ควรทำความสะอาดเดือนละครั้งด้วยน้ำอุ่นและสบู่ เพราะเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรีย
  26. การเก็บเครื่องสำอางในตู้เย็นไม่ดีเสมอไป เพราะความชื้นในตู้เย็นจะทำให้เครื่องสำอางเนื้อแป้งเสียคุณสมบัติ เนื้อครีมแยกขั้นได้
  27. เครื่องสำอางจะหมดอายุเร็วถ้าอยู่ในที่ร้อน หรือถูกแสงแดด เพราะจะทำให้วัตถุกันเสียหรือส่วนผสมของเครื่องสำอางเสื่อมสภาพเร็ว
  28. การทารองพื้นลงบนหน้า ไม่จำเป็นต้องรอ 10-15 นาทีหลังทาครีมกันแดด เพราะรองพื้นจะไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่ผิวหน้าอยู่แล้ว จึงสามารถทาได้ทันที
  29. ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวผู้ชาย จะต้องเน้นเรื่องการทำความสะอาด ลดความมันและควบคุมความมันของใบหน้า และมีส่วนผสมของน้ำมันน้อยกว่า
  30. การนอนเปิดไฟทำให้ผิวหน้าคล้ำ มีจุดด่างดำได้ เพราะแสงไฟจะมี UVA ซึ่งมีผลทำให้หน้าดำ เกิดริ้วรอยก่อนวัยได้
  31. การนอนโดยไม่ล้างเครื่องสำอางให้สะอาดก่อนเข้านอน เป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิวอุดตัน
  32. การนอนอ้าปากทำให้ริมฝีปากแห้ง แตกง่าย เกิดรอยย่นที่ริมฝีปากได้
  33. การนอนน้ำลายไหล ทำให้เกิดเชื้อราที่มุมปากและแก้มได้
  34. การนอนตะแคงข้างใดข้างหนึ่งเป็นประจำ จะทำให้ใบหน้าข้างนั้นมีริ้วรอย และร่องแก้มมากกว่าใบหน้าอีกข้างหนึ่ง
  35. พฤติกรรมบางอย่างก็ทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าโดยไม่รู้ตัว เช่น เวลานอน ถ้าชอบนอนตะแคงข้างใดข้างหนึ่ง ร่องแก้มข้างนั้นจะลึกกว่าอีกข้างนึง
  36. ไม่ควรรีบทาครีมหรือยาเพื่อป้องกันแผลเป็น เพราะยาต่าง ๆ อาจทำให้เกิดการระคายเคืองแผล หรือทำให้แผลหายช้าได้
  37. ถ้ามีอาการแสบร้อน อาจใช้ยาสีฟันหรือครีมโกนหนวดทาลงบนแผลก่อนได้ แต่ควรระวังในขณะทายา ไม่ควรถูหรือป้ายยาลงบนแผลแรงเกินไป
  38. ปริมาณของครีมกันแดดที่กันแดดได้ดีทีสุดคือ ความยาวของครีมที่บีบเท่ากับ 2 เท่าของความยาวข้อปลายนิ้วชี้
  39. เพื่อถนอมผิวจากอันตรายจากแดด ควรหลีกเลี่ยงการออกกลางแจ้งในช่วง 10.00-16.00 น. เพราะเป็นช่วงของวันที่แดดแรงที่สุด
  40. ไม่ควรผสมครีมบำรุงผิวกับครีมกันแดดเข้าด้วยกันก่อนทาลงบนผิว เพราะจะทำให้ ครีมกันแดดเจือจาง ประสิทธิภาพของครีมกันแดดในการปกป้องผิวจะลดลง 
  41. เครื่องกำบังแดดที่ดีคือ ร่มเงาของชายคา สวมหมวกปีกกว้าง กางร่มกันUV สวมเสื้อเนื้อผ้าแน่นและสีเข้ม 
  42. การชอบขยี้ตา มักทำให้เกิดริ้วรอยรอบดวงตา คนสายตาสั้นที่ไม่ยอมใส่แว่น มักจะมีรอยขมวดคิ้ว เพราะต้องเพ่งสายตาเพื่ออ่านหนังสือ
  43. การชอบแสดงสีหน้าบางอย่างก็เป็นกรรมพันธุ์ เช่น ครอบครัวที่ชอบขมวดคิ้ว ก็จะขมวดคิ้วกันทั้งบ้าน มีรอยย่นหว่างคิ้วเมื่อแก่กันทุกคน
  44. รอยย่นบนใบหน้ามีสาเหตุหลัก 2 ประการคือ ความแก่ของผิว (ทั้งจากอายุที่เพิ่มขึ้นและแสงแดด) และการแสดงสีหน้า
  45. ริ้วรอยที่เห็นเฉพาะเวลาแสดงสีหน้า เช่น ตอนยิ้มเห็นตีนกา แต่เวลาไม่ยิ้มก็จะไม่เห็นตีนกา ริ้วรอยชนิดนี้รักษาได้โดยการฉีด botulinum toxin 
  46. ไม่ควรนำครีมหลายตัวมาผสมกันแล้วทาลงบนผิวพร้อมกัน เพราะสารในครีมอาจ ทำปฏิกิริยากันทำให้เกิดผลเสีย เสื่อมฤทธิ์ หรือแย่งการดูดซึมสู่ผิวได้
  47. การทาครีมหลายตัวทับกันในเวลาสั้น ผิวหนังจะไม่สามารถดูดซึมครีมหรือยาได้ ทั้งหมด ทำให้ประสิทธิภาพของครีมหรือยาที่ทาลดลงเพราะถูกดูดซึมน้อย
  48. การทายาหรือครีมลงบนผิวหนัง ทาไม่เกินวันละ 2 ครั้งก็พอ ถึงแม้ทามากกว่าวันละ 2 ครั้ง ประสิทธิภาพในการดูดซึมยาหรือครีมไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก
  49. ครีมทามือหรือทาเท้า ถ้าจะให้มีประสิทธิภาพดี ควรทาก่อนนอน แล้วใส่ถุงมือ ถุงเท้าคลุมเอาไว้ จะเพิ่มการดูดซึมของครีมได้ดียิ่งขึ้น
  50. กลิ่นตัวของคนเราจะถูกกำหนดด้วยปัจจัยหลายอย่าง เช่น อาหารที่รับประทานเข้าไป ลักษณะการใช้ชีวิต เพศ อายุ สุขภาพ การรับประทานยาต่างๆ
  51. อย่ารักษารอยคล้ำด้วยวิธีขัดถูแรงๆ หรือสคับแรงๆ เพราะจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดสีคล้ำเข้มมากขึ้น
  52. การขัดถูผิวหน้าหรือสครับหน้าแรงๆทำให้ผิวหยาบกระด้าง และอาจทำให้เกิดตุ่มสีขาวเล็กๆที่ดูคล้ายสิวอุดตัน
  53. ยาทาที่ใช้สำหรับรอยคล้ำสิวและรอยคล้ำจากยุงกัดที่ได้ผลดี เช่น ไฮโดรควิโนด กรดวิตะมินเอ กรดผลไม้
  54. การบีบ แกะ และกดสิวทำให้ผิวเกิดการอักเสบมากขึ้นส่งผลให้เกิดรอยคล้ำตามมา ฉะนั้นเป็นสิวอย่าบีบ แกะ หรือเค้นเด็ดขาด
  55. ปกติรอยคล้ำที่เกิดตามหลังผิวอักเสบบริเวณหน้าจะจางเร็วกว่าที่ลำตัว แต่ที่แขนขาจะหายช้าที่สุด อาจใช้เวลาเป็นปี
  56. การหลบแดดและทาครีมกันแดดช่วยให้รอยคล้ำจากสิวจางเร็วขึ้นด้วย
  57. ไม่ควรใช้เลเซอร์ในการรักษารอยดำสิว หรือรอยดำจากการอักเสบอื่น ๆ เนื่องจากเสี่ยงต่อการทำให้เกิดรอยดำมากขึ้น
  58. หลายคนยังเข้าใจผิดคิดว่าสิวเสี้ยนที่จมูกคือสิว และใช้ยาทาสิวรักษา แล้วจะไปหายได้อย่างไงล่ะครับ
  59. สิวเสี้ยนเห็นเป็นจุดดำเล็กๆที่จมูก ที่จริงจุดดำนั้นคือเส้นขนหลายเส้นที่แทงออกมาจากรูเดียวกัน เลเซอร์กำจัดขนรักษาสิวเสี้ยนได้
  60. ท่านที่มีปัญหาเรื่องผมร่วงควรไว้ผมทรงสั้นจะดีกว่า เพราะการไว้ผมยาวจะเพิ่มโอกาสผมร่วงจากการถูกดึงรั้งมากกว่าในขณะสระผมหรือหวีผม
  61. ผมบนศีรษะเหมือนใบไม้ ผมเส้นเก่าต้องรวงเพื่อให้เส้นใหม่งอกขึ้นมา ปกติผมจะร่วงวันละ 100-150 เส้น วันที่สระผมหรือหวีบ่อยๆผมจะร่วงมากขึ้น
  62. ความเชื่อที่ว่าหวีผมวันละ 100 ครั้งจะทำให้ผมงอกดกและยาวเร็วไม่เป็นความจริง ยิ่งหวีมากยิ่งร่วงมากต่างหาก
  63. คนผมบาง/ศีรษะล้านควรสวมหมวกเพื่อป้องกันแดดเวลาออกกลางแจ้งแดดจัดหรือเวลา เล่นกีฬากลางแจ้งโดยเฉพาะก๊อล์ฟ เพราะไม่มีเส้นผมป้องกันหนังศีรษะจากแดด
  64. สารปรอทเป็นโลหะหนักที่มีพิษสะสมในร่างกายแม้ได้รับในปริมาณน้อย ก็สามารถทำให้ผู้ใช้ครีมมีผิวบางลง ผิวจะมีความไวต่อแสงมากขึ้น
  65. ครีมกันแดดช่วยป้องกันรือชะลอการเกิดริ้วรอย กระแดด กระเนื้อ และฝ้า
  66. กระแดด กระเนื้อ ฝ้า ไฝ ขี้แมงวัน เป็นรอยคล้ำที่กระตุ้นจากแสงแดดทำให้หน้าหมองคล้ำ ไม่ใส
  67. การรักษาฝ้าต้องหลบแดดและทากันแดดอย่างเคร่งครัว เพราะถึงแม้จะรักษาฝ้าได้จางแล้ว ก็จะกลับมาเป็นใหม่ได้อีกถ้าโดนแดด 
  68. ปัญหาของการโกน ถอน และแว๊กซ์คือการเกิดรูขุมขนอักเสนเห็นเป็นจุดแดงหรือตุ่มหนองรอบๆรูขุมขน เลเซอร์กำจัดขนช่วยแก้ปัญหานี้ได้
  69. ตำแหน่งที่คนไข้ชายนิยมกำจัดขนได้แก่ 1. หน้าอก 2. หลัง 3. บริเวณเคราในคนเคราดก เพราะการโกนขน/หวดบ่อยๆจะทำให้เกิดรูขุมขนอักเสบเห็นเป็นตุ่มแดงๆ
  70. ตำแหน่งที่คนไข้ผู้หญิงนิยมกำจัดขนคือ 1. รักแร้ 2. หน้าแข้ง 3. ไรหนวดอ่อน 4. ขอบบิกืนี่
  71. การทำเลเซอร์กำจัดขน 1 ครั้ง ขนจะหายไป 10-15% หากทำซ้ำที่เดิมทุกเดือนติดต่อกัน 7-8 ครั้ง ขนหายเกือบ 100%
  72. แสงแดดไม่ใช่ทำลายแต่ผิวหนังอย่างเดียว กระตกตาถ้าถูกแดดนานๆทำใ้ดกิดต้อกระจกได้ เวลาออกแดดควรสวมแว่นตากันแสง UV ด้วย
  73. ส่วนที่คนมักลืมทาครีมกันแดดคือ ใบหู คอ และส่วนที่เสื้อไม่ปิดเช่น หน้าอกตอนบน หลังมือและหลังแขน
  74. แสงแดด UVA สามารถทะลุผ่านกระจกได้ ใครนั่งทำงานริมน้าต่างต้องระวังโดยปิดม่าน UVA ทำลายคอลลอเจนทำให้เกิดรอยเหี่ยวและหนังยาน
  75. หากผิวไหม้แดดและมีผื่นแดงแสบร้อนให้ประคบด้วยผ้าชุบน้ำเย็นบ่อยๆ
  76. เชื้อราที่ผิวหนังรักษาได้ด้วยยาทา อาจต้องกินยาหากเป็นหลายตำแหน่ง
  77. ขี้กลากเป็นการติดเชื้อราชนิดหนึ่งที่ผิวหนัง ซึ่งส่วนใหญ่ติดมาจากสัตว์สู่คน
  78. การสวมรองเท้าส้นสูงเป็นประจำทำให้เกิดตาปลาเพราะน้ำหนักตัวจะถูกเทไปอยู่เฉพาะเท้าส่วนหน้า และนิ้วเท้าด้านบน
  79. วิธีรักษาตาปลาคือ การทายา และการฝาน ห้ามรักษาโดยการผ่าตัดหรือจี้ไฟฟ้าและเลเซอร์เพราะอาจเกิดแผลเป็นเวลาเดินจะปวดตลอด
  80. การใส่รองเท้าส้นสูงเป็นประจำเป็นสาเหตุให้เกิดการปวดหลังเพราะแนวกระดูกสันหลังเกิดการแอ่นมากผิดปกติ
  81. ชายที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำจนติดอาจมีหน้าอกโตเพราะมีการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนเอสโตรเจน (ฮอร์โมนเพศหญิง) ในร่างกาย
  82. แอลกอฮอล์ทำให้หลอดเลือดที่ผิวขยายตัวและแตกง่าย สังเกตุว่าคนที่ดื่มแอลกอฮอล์จะหน้าแดงง่ายและเห็นเป็นเส้นเลือดฝอยที่หน้าและอก
  83. การขาดวิตะมินเอบวกกับผิวขาดน้ำเป็นตัวเร่งทำให้ผิวแก่ก่อนวัย คนที่ดื่มเป็นประจำจะดูแก่ก่อนวัย
  84. การกดสิวทำโดยใช้ปลายเข็มขนาดเล็กสะกิดผิวตื้นๆแล้วใช้อุปกรณ์กดหัวสิวกดออก
  85. การกดสิวทำโดยใช้ปลายเข็มขนาดเล็กสะกิดผิวตื้นๆแล้วใช้อุปกรณ์กดหัวสิวกดออก
  86. การนอนคว่ำหรือนอนตะแคงผิวหน้ามีโอกาสยับ ถูกทับ ถูไถและเสียดสีไปกับปอกหมอน ผ้าปูที่นอนและผ้าห่มได้ตลอดเวลา
  87. วิธีลดรอยย่นจากการนอนแบบง่ายๆ เช่น ใช้หมอนที่นุ่ม เลือกปอกหมอนผ้าปูที่เป็นผ้าซาตินเลี่ยงผ้า cotton หรือฝึกนอนหงาย
  88. คนที่ชอบนอนหงายจะเป็นริ้วรอยบนหน้าน้อยกว่าคนที่ชอบนอนตะแคงหรือนอนคว่ำ
  89. คนที่ชอบล้างมือบ่อยๆหรือทำงานที่มือต้องแช่น้ำบ่อยๆ มักจะมีอาการบวมแดงของจมูกเล็บดังรูปเพราะเป็นเชื้อรา
  90. การหยุดสูบบุหรี่ไม่ได้ทำให้ริ้วรอยจากการสูบเดิมหายไป แต่จะช่วยลดการเสื่อมสลายของผิวให้น้อยลง
  91. สารในควันบุหรี่ยังเร่งกระบวนการทำลายเส้นใยคอลลาเจนในผิว ลดปริมาณวิตะมิน A และ C ในผิว
  92. ผลเสียของควันบุหรี่ต่อผิวที่สำคัญมี 2 อย่างคือ ทำให้แก่เร็วกว่าเพื่อนในวัยเดียวกันและทำให้แผลหายช้า
  93. เมื่อทาครีมแล้วเกิดอาการผื่นบวมแดงและคันแสดงว่าอาแพ้ครีมให้ล้างออกด้วยการฟอกสบู่อ่อนแล้วล้างน้ำและไปพบแพทย์ถ้าไม่ดีขึ้น
  94. การทาครีมหลังอาบน้ำเสร็จใหม่ๆจะทำให้ครีมซึมลงผิวได้มากกว่าผิวปกติ
  95. ปริมาณครีมทาบนผิวหนังที่เหมาะสมคือการใช้ครีมปริมาณที่น้อยที่สุดที่สามารถครอบคลุมพื้นที่ที่ต้องการทา
  96. ก่อนทาครีมบนผิวควรซับผิวให้แห้งเพราะน้ำที่อยู่บนผิวจะเจือจางความเข้มข้นของครีม
  97. การทาครีมบริเวณที่ผิวอ่อนเช่นรอบดวงตา,ซอกพับ,ขาหนีบ,อวัยวะเพศควรใช้ครีมปริมาณน้อยเพราะเกิดการระคายเคืองง่าย
  98. ขอเตือนท่านที่คิดจะไปฉีดฟิวเลอร์เพื่อเสริมดั้ง ควรเลือกฉีดกับแพทย์ผู้มีประสบการณ์เพราะผลข้างเคียงที่อันตรายคือ ตาบอด หากฉีดเข้าไปในเส้นเลือด
  99. ผิวหนังรอบดวงตาบริเวณที่มีผิวหนังค่อนข้างบอบบางหากเทียบกับผิวหนังบริเวณ อื่นของร่างกาย และมีโอกาสเกิดการแพ้และเกิดแผลเป็นได้ง่ายกว่า
  100. ตีนกาเกิดจากการที่กล้ามเนื้อหดตัวแล้วคลายตัวไม่หมด ทำให้เห็นเป็นรอยเท้ากาคาไว้ข้างตา

ขอบพระคุณข้อมูล

จากทวิตเตอร์ @DrWoraphong @DrRungsima คุณหมอผิวหนังสุดฮอตในทวิตเตอร์ค่ะ 

Photo Reference : bloggang.com, jaranskinclinic.com, doctorcosmetics.com, kajabbi.com,nomoremelasma.blogspot.com, n3k.in.th, petcharatbeauty.com, hnzic.blogspot.com, health.kapook.com, torojunior.blogspot.com, board.postjung.com, toonne.com, chaoprayanews.com, kvamsook.com, xn--12ca1ducec1gdtz3j6d.com, komwit.com, lauvenzee.com, beautysecret.co.th, imarm.com, boojazzy.com, exteen.com, weloveshopping.com,ir-beautina.info, globalfashionreport.com, morebeautybypim.tarad.com, dek-d.com, augustzarisa.exteen.com, learners.in.th, kvamsook.com,health.ladytips.com, variety.teenee.com, women.thaiza.com,toptenthailand.com, crostbello.com, health.kapook.com, catninelifecanter.blogspot.com, women.mthai.com, xn--12cf3caxc5cp3ei6dr4a6o9a2g.com, health.kapook.com, globalfashionreport.com, charming-house.com, zazana.com

Posted in BEAUTY, SKINComments (0)

ลดแก้มด้วยวิธีที่ 3 – TRILIPO คลื่นความถี่วิทยุแบบ 3 ขั้ว


อยากให้แก้มลดลงแต่ไม่เคยคิดว่าจะมาลงเอยด้วยวิธีนี้

บอกตรงๆว่าไม่ค่อยเชื่อมั่นว่าจะได้ผลกับใบหน้า ทั้งที่มันมีหัวไว้ทำกับใบหน้าและดวงตา

TRILIPO คือ คลื่นวิทยุ RFที่มี 3 ขั้ว ไว้ปล่อยพลังงานความร้อนเพื่อกระชับ

ช่วยกระชับสัดส่วนทั่วร่างให้ผลดีรองจากหัวเดียวซึ่งราคาก็ถูกกว่าหัวเดียวมาก

คลื่นวิทยุดังๆในเรื่องยกกระชับคือ THEMAGE แต่แพงกว่าเกือบยี่ิสิบเท่า

” หลักการทำงาน “ ปล่อยคลื่นความถี่วิทยุเป็นความร้อนไปทำหน้าที่ออกกำลังกายกระชับกล้ามเนื้อชั้นลึก ไขมันเมื่อโดนความร้อน โดนกระชับเซลล์ในไขมันก็แตกตัว ทำให้น้ำในเซลล์ไขมันถูกขับออกมา ภายหลังเกิดการจัดเรียงตัวของไขมันใหม่ ก็จะกระชับขึ้น หลักการของมันมีประมาณนี้ ความร้อนของ RF ลงไปลึกมากถึงชั้นไขมัน ซึ่งเลเซอร์หลายตัวลงไปไม่ถึง ที่เป็นจุดเด่นคือไม่มีแผล ไม่เจ็บ แต่เห็นผลเหมือนกัน

หน้าที่มีทั้งหมด 3 อย่าง

  1. ออกกำลังกายกล้ามเนื้อ
  2. กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
  3. เร่งกระบวนการเผาผลาญไขมันเฉพาะส่วน

 

หน้าตาของ TRILIPO มีหลายขนาด ไว้ทำตัว ทำหน้า ทำตา ก็จะมีขนาดเล็กลงไปเรื่อยๆ

หมอทำให้ไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายนะคะ เอิ๊กก็ไม่ทำ เพราะอย่างที่บอกดูหน้าตาก็ไม่หน้าจะทำได้อันแค่เนี๊ยะลดแก้มได้ 555 (สมัยความรู้เรื่อง RF ยังไม่มี) จนพี่คนนึงเป็นลูกค้า มาชมให้ฟังว่าซื้อสองคอร์สแล้ว แต่เขาซื้อตอนโปร ทำได้ถูกมากเปรียบลด 50% ราคาตอนลดอยู่ที่ประมาณครั้งละ 1600 ทั่วใบหน้า คือแบบว่า ถูกกว่าฉีด LIPO MESO บลาบลาๆ ซึ่งเจ็บมากต่หลักการเดียวการ ต้องทำต่อเนื่อง หลายครั้งเหมือนกัน คือถ้าปล่อยให้อ้วนมันก็กลับมาใหม่ เขาพูดรอบแรกเราก็เฉย พี่เขาหล่อ หน้าเรียวเล็กอยู่แล้ว จนเห็นพี่สาวสุดที่รักทำ ตกใจนึกว่าศัลยกรรม 5555 หน้ามีแก้ม แฟบไปเลย แต่เขาทำต่อเนื่อง ส่วนเอิ๊กขอลองความรู้สึก และ อยากรู้ไขมันช่วงแก้มเราตอบสนองรึเปล่า เลยลองไป 1 ครั้ง

ทำที่ ISKYCENTER ที่เก่าเวลาใหม่ 555 ทำกับคุณนุชค่ะ เขาบอกว่าเก่งสุดแล้วสำหรับ TRILIPO

ขอโทษที่จำไม่ได้ว่ากี่นาทีเพราะหลับอะ 555 นอนกรนเก๋ๆ เขาจะทำความสะอาดใบหน้าให้เราด้วยคลีนซิ่งสำหรับผิวเรา (ของเอิ๊กแพ้ง่าย) แล้วมีเจลสองตัวให้เลือกคือ กลีเซอรีน กับ เจลก่อนลง IPL เอิ๊กใช้ตัวหลัง แต่ยังไงผิวเอิ๊กยังมีการระคายเคืองขึ้นหลังทำไม่ เจล ก็ คลีนซิ่ง หน้าเอิ๊กแพ้ง่ายจริงๆ บางทีจะบอกว่าไปทำอะไรที่ศูนย์ความงาน คลินิค หรือ เลเซอร์ ถ้าผิวแพ้ง่ายเตรียมอุปกรณ์ล้างหน้าไปเลย หรือไปเวิร์คช็อปแต่งหน้าที่ไหนก็ตามพกไป !!!! 

  • ทำความสะอาดใบหน้า ใต้ตา บริเวณที่จะทำ
  • ลงเจล IPL ให้เครื่องไหลลื่น และ ปล่อยพลังงานได้ไม่มีสะดุด
  • วนไปให้ทั่วใบหน้า
  • วนไปใต้ดวงตา ถ้าทำดวงตาด้วย
  • ซับหน้าด้วยกระดาษทิชชู่
รอผลลัพธ์ซัก 1 เดือน บางคนก็เห็นเลย  ของเอิ๊กเป็นแบบนี้ ….
ก่อนทำก็ไม่ได้ใหญ่แต่ช่วงข้างแก้มห้อย 5555 แก่แล้วก็แบบนี้แหละ ที่รู้สึกได้ ใต้ตาเรียบไปเลยเป็นอาทิตย์ก่อนจะกลับมาเหมือนเดิม เพราะไม่ได้ซ้ำ การทำซ้ำต้องเดือนละ 4 ครั้ง ซักระยะ ค่อยทิ้งช่วงเดือนละครั้งสองครั้งได้ นี่ทำครั้งเดียวคิดว่ามันเลยเห็นผลทันทีไม่ชัด
หลังทำ 1 เดือน อย่างที่เคยบอกเอิ๊กมีปัญหาเรื่องระบบหน้าบวมน้ำ วันดีคืนดี เช้าหน้าใหญ่ เย็นหน้าเล็ก เช้าเล็ก กลางวันอืด เย็นเล็ก คือถ้าทานโซเดียมเยอะมันขึ้นอืดทันที ดังนั้น ตอน1เดือนยังวัดไม่ได้ ความรู้สึกคือ ส่วนห้อยข้างแก้ม ดูไม่ห้อย แต่อืดนี่โซเดียมจัดช่วยไม่ได้ล๊า ~
1 เดือน 6 วัน วันนี้หน้าเรียวขึ้นนะ 5555 บอกแล้วแล้วแต่วัน แต่นอนตะแคงเลยย้อย
สรุปดูเอาเอง .. ไม่รีทัชรูปร่างนะคะ ขยายกันไปเลย
[ปล . ขอร้องโปรดอย่านำรูปไปทำอะไรในเชิงพาณิชย์ ขึ้นโรงพักบ่อยไปแจ้งความก่อนขึ้นศาลมันเหนื่อยจ๊ะที่รัก]
เอิ๊กว่ามันดูไข่มากขึ้น ความห้อยด้านข้างลดลง แต่หน้าดูเต็มๆมากกว่ารูปแรก สำหรับ 1 ครั้งทั้งที่ควรจะทำหลายครั้ง คุณหมอบอกให้มาซ้ำๆๆๆ 5555 ยังเลย ยังไม่มีเวลา เอิ๊กว่ามันเก็บที่ห้อยได้ดีนะ
วันนี้ทำงานหนักไม่ได้ทานข้าว หน้าหันข้างนี่แบบ ลืมหน้าเก่าไปเลย 😀 ปลื้มมมมลึ่ม แค่นี้ละพอล่ะ
เต็มตัวก่อนไปอีกซักรูป เพื่อให้ดูโดยรวมของใบหน้าค่ะ
สรุป สำหรับใบหน้าครั้งละ 4000 บาท / ครั้ง ซื้อเป็นคอร์สก็ถูกกว่าหน่อย ถ้าซื้อตอนโปรสบายตัวสุด แต่ยังไม่มีวี่แว่วจะกลับมา 55
ข้อเสีย ต้องทำบ่อยหลายครั้ง / ค่าใช้จ่ายสูง 4,000 บาท แต่ละครั้งไม่รวมดวงตา / ต้องเสียเวลา / ไขมันที่ออกไปแค่ทำให้เซลล์ไขมันเล็กลง ไม่ได้หายไป ถ้าอ้วนก็กลับมาใหม่ / ทำช่วงโบทูลินูมทอกซินไปแล้วไม่ได้ ความร้อนทำให้สลายไว
ข้อดี ไม่เจ็บ สบายที่สุดเมื่อเทียบกับวิธีอื่น / ผ่าน FDA ทั้งไทยและเทศ / ลงลึกถึงชั้นไขมัน / บางคนเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรก / คิดว่าถ้าทำต่อเนื่อง ไขมันฟีบแน่ๆ / ทำได้ทั้งตัว / ลดเฉพาะส่วนที่อยากลด
 
XOXO
ไว้คราวหน้าลองลดต้นขา 5555 บางวันบวม บางวันไม่บวม โอยร่างกายฉัน ยังไงกันเนี่ย
ปล. ดูเป็นแนวทาง อย่าถึงขนาดเดือดร้อนแล้วมาทำเลยนะคะ โดยเฉพาะน้องๆหนูๆ น๊า <3

Posted in BODY, CHEEKS, RADIO FREQUENCY, THERMAGEComments (3)

วิธีดูแลผมร่วงให้ร่วงน้อยลง / วิธีดูแลเส้นผมให้ถูกต้อง BEAUTY TIPS


ขอบพระคุณข้อมูลจาก ผศ.พญ. รังสิมา วณิชภักดีเดชา

ขอบพระคุณข้อมูลจาก อีเวนท์ DAVINES ให้เราได้นำมาแชร์ต่อ

Posted in HAIRComments (0)

สิวฮอร์โมน รักษายังไง ?


” สิวฮอร์โมน เป็นเรื่องภายใน ไม่ใช่ภายนอก การรักษาจึงยากกว่าสิวประเภทอื่นๆมาก

* ทั้งกรรมวิธีที่เยอะ และ ที่สำคัญยาวนาน “

via @DrRungsima

สิวฮอร์โมนเกิดจาก

ภาวะไม่สมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย ในที่นี่หมายถึง ” ฮอร์โมนเพศ “

เราทุกคนจะมีฮอร์โมนทั้งเพศชาย เพศหญิงอยู่ในร่างกาย และ มีสัดส่วนที่ต่างกันในคนแต่ละคน

เช่น เพศหญิง จะมีฮอร์โมนเพศหญิงในร่างกายเยอะกว่าสัดส่วนฮอร์โมนเพศชาย

       เพศชาย จะมีฮอร์โมนเพศชายในร่างกายเยอะกว่าสัดส่วนฮอร์โมนเพศหญิง

การที่ผู้หญิงเกิดสิว อาจเพราะฮอร์โมนเพศชายในร่างกายของเพศหญิงมีสัดส่วนที่สูงกว่าปกติ

ทำให้เกิดลักษณะบางประการที่มีผลกระทบต่อผิวหนัง เช่น การที่เพศหญิงมีฮอร์โมนเพศชายในปริมาณสัดส่วนที่สูง ส่งผลให้

  • ผิวมัน
  • รูขุมขนกว้าง
  • ต่อมไขมันขนาดใหญ่
  • ก่อนเริ่มรักษาสิวฮอร์โมน

ต้องแน่ใจว่าเป็นสิวฮอร์โมนที่เกิดจากระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงในร่างกาย เพราะการเกิดสิวลักษณะนี้ดูภายนอก อาจจะยังวัดไม่ได้ว่าเป็นจากฮอร์โมนหรือไม่

ลักษณะที่เด่นชัดของสิวฮอร์โมน

  • สิวจะขึ้น หรือ เห่อทุกครั้งเวลาที่เข้าสู่ช่วงมีประจำเดือน
  • ตำแหน่งสิวฮอร์โมน สิวจะขึ้นรอบปาก , คาง , กราม , ข้างแกม
  • ตุ่มสิวอักเสบ ขนาดใหญ่ รุนแรง เกิดเยอะ
ลักษณะของฮอร์โมนที่ไม่สมดุลที่เป็นได้ทั้งวัยรุ่น วัยทอง และอาการมักจะเปลี่ยนแปลงไปตามอายุ
  • รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยเป็นประจำ
  • รู้สึกร้อนวูบวายภายในร่างกาย
  • รู้สึกจิตใจหดหู่ วิตกกังวล ความจำไม่ค่อยดี
  • รู้สึกปวดศีรษะ
  • น้ำหนักขึ้นหรือลงเร็ว
  • ภาวะบวมน้ำในร่างกาย
  • ผมร่วง
  • เป็นสิว
  • มีอาการก่อนมีประจำเดือน
  • คัดหน้าอก
  • อารมณ์แปรปรวน
  • ไม่มีอารมณ์ทางเพศ


ดังนั้นก่อนการรักษา สิวฮอร์โมนที่เรื้อรังไม่หาย อาจเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากภายในจำเป็นต้องมีการวินิจฉัยว่าฮอร์โมนที่ไม่สมดุลนั้นเกิดจากอะไร ?

  • คนไข้ผู้หญิงบางคน อาจมีประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ
  • คนไข้ผู้หญิงบางคน อาจมีขนขึ้นเยอะกว่าปกติ เช่น หนวด ขนหน้าแข้ง
  • คนไข้ผู้หญิงบางคน อาจมีผิวมันมากกว่าปกติ เป็นสิวอักเสบได้ง่าย และ เยอะ
  • หรือ คนไข้ผู้หญิงบางคน อาจมีถุงน้ำที่รังไข่อยู่เยอะ (ซีสต์)

กรณีสุดท้ายทำให้บางคนจึงอาจต้องทำอัลตราซาวน์ระบบภายในบริเวณช่องท้องด้านล่างโดยสูติแพทย์ เขาจะพิจารณาขนาดของซีสต์ หรือ ถุงน้ำด้านล่าง เขาจะให้ยาปรับสมดุลฮอร์โมนให้รับประทาน ก็เป็นการรักษาถุงน้ำ และ สิวฮอร์โมนไปด้วย แต่ถ้าสุติแพทย์วินิจฉัยว่าถุงน้ำเล็กมากจนไม่ต้องรับประทานยา จึงส่งตัวกลับมารักษาวิธีปกติของสิวฮอร์โมนต่อไป

 

การรักษาสิวฮอร์โมนมีดังนี้

  • ทายาที่ขึ้นกับลักษณะสิวแต่ละแบบในเวลานั้น ทายาต้องใช้เวลาประมาณ 3 เดือนขึ้นไป
  • ทานยาปฎิชีวนะที่ต้องทานติดต่อกัน 3-6 เดือน เพื่อป้องกันเชื้อสิวเกิดการดื้อยา และ ไม่สามารถหยุดยาได้เร็ว ต้องค่อยๆลด
  • ทานยากรดวิตามินเอ รักษาสิวอักเสบ ข้อดี สิวยุบเร็ว ข้อเสีย สิวเห่อช่วงแรกๆ และ ผลข้างเคียงตับ ไต ไขมันในเลือดสูง ตาแห้ง ปากแห้ง มีผลต่อการพิการของเด็กในครรภ์
  • ทานยาคุม เพื่อปรับฮอร์โมนให้สมดุลควรปรึกษาแพทย์เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงเช่นฝ้า มะเร็งที่กระตุ้นด้วยฮอร์โมน เช่น มะเร็งมดลูก มะเร็งเต้านม
  • การฉายแสง หรือ เลเซอร์ สำหรับคนไข้ที่ไม่ตอบสนองต่อยาทา และ ยาทานหรือดื้อต่อการรักษาวิธีอื่น วิธีนี้จะทำให้สิวอักเสบ รวมถึงรอยแดงสิวลดลง เช่น การฉายแสง PHOTODYNAMIC THERAPY,LED,เลเซอร์ IPL โดยจะทาสารบางชนิดที่ชื่อ ALA เพื่อให้เกิดการดูดซับพลังงานแสง ซึ่งมีผลทำให้ฆ่าเชื้อสิว P.ACNE ได้ ทำให้สิวอักเสบยุบลงรวดเร็ว และช่วยลดการผลิตน้ำมันของต่อมไขมันได้ ข้อดี เห็นผลเร็วภายใน 2 สัปดาห์ ไม่เจ็บ ไม่มีผลข้างเคียงกับการทานยา หรือ ทายา ข้อเสีย เสียเดินทางไปทำนานเป็นชม.ๆ แพง ต้องทำบ่อยเดือนละประมาณ2ครั้ง เพราะเชื้อสิวจะเจริญเติบโตกลับมาอีกภายใน 1 สัปดาห์ และ ผิวเราจะกลับมามันอีกครั้งเป็นปกติ หากทิ้งไว้ประมาณ 1 เดือน
  • ปรับวิถีชีวิตใหม่ – วิธีที่ถ้าทำได้ยั่งยืน ดีต่อสุขภาพ ประหยัด ทานอาหารสดให้มาก (ออแกนิค), เน้นทานอาหารที่มีประโยชน์, ทานกระเทียม, ทานอาหารต้านอนุมูลอิสระ, ทานให้ได้สารอาหารครบ5หมู่ต่อวัน,ทานพืชผักผลไม้เยอะเพื่อเพิ่มฮอร์โมนเอสโตรเจนและได้ประโยชน์ต่อร่างกาย, ทานกรดไขมันที่จำเป็นที่ให้โอเมก้า3และ6อย่างเพียงพอ, ลดการทานน้ำตาลและไขมันที่เยอะเกินไป ,ลดน้ำหนักให้อยู่เกณฑ์ที่พอดีอย่าให้น้ำหนักมากไป เพราะฮอร์โมนเอสโตรเจนและพิษส่วนเกินฝังตัวอยู่ในเซลล์ไขมัน,นอนไม่ดึก,ไม่เครียด,ทานอาหารให้ถูกเวลา,ขับถ่ายทุกวัน,ออกกำลังกาย,ใช้ยาทุกประเภทด้วยความจำเป็นเท่านั้นเพื่อลดการทำงานของตับ และ ไต และไม่ให้เกิดพิษสะสม

 

สิวฮอร์โมนจะหายได้ไหม

สิวฮอร์โมนจะหายได้ก็ต่อเมื่อฮอร์โมนปรับเข้าสู่ภาวะสมดุลซึ่งเป็นได้เนื่องจาก

  • อายุที่เพิ่มขึ้นมากฮอร์โมนปรับเข้าสู่ภาวะสมดุลก็หายไปเอง

การรักษาสิวฮอร์โมนจึงเป็นแค่การประคับประครองดูแลในระหว่างที่ร่างกายมีภาวะฮอร์โมนไม่สมดุลจากช่วงอายุนึงที่กำลังปรับฮอร์โมนให้อยู่ในภาวะสมดุลเมื่ออายุที่เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะ ทายา ทานยา เลเซอร์ ฉายแสง รักษาแผลเป็นสิว ป้องกันการเกิดแผลเป็นสิว หรือ การปรับวิถีชีวิตใหม่เพื่อสุขภาพที่ดียั่งยืนตามแบบศาสตร์ตะวันตก

 

ไม่อยากพบแพทย์ มีวิธีดูแลตัวเองอย่างไรเกี่ยวกับ สิวฮอร์โมน

  • หากรู้ว่าช่วงไหนมีประจำเดือนและสิวจะเห่อก็เตรียมยาแต้มสิวให้เรียบร้อย สิวเริ่มขึ้นก็รีบแต้ม

สิวฮอร์โมนอย่าปล่อยทิ้งไว้ให้เห่อ เมื่อสิวมาให้รีบแต้มยา เพื่อลดปัญหาการเกิดแผลเป็นสิว หลุมสิว หรือ สิวไตๆแข็งๆ ถ้าเห่อน้อยกว่า 10 เม็ดเราอาจจะรักษาเองได้ หากเกินแนะนำให้พบแพทย์

เขียนและเรียบเรียงโดย erk-erk.com

 

ขอบพระคุณเนื้อหา

– แกะเทปสัมภาษณ์ ผศ. พญ. รังสิมา วณิชภักดีเดชา

– เนื้อหา การดูแลระบบภายในจาก คุณบีม http://bye-bye2acne.blogspot.com/2011/05/blog-post.html

 

Posted in HOW TOComments (2)

ฝ้า รักษายังไง ?


 

 

ฝ้า หรือ รอยดำขนาดใหญ่ที่อยู่บนหน้า จะรักษายังไงติดตามกัน 🙂

ฝ้าเกิดจากอะไร

  1. แสงแดด (ปัจจัยหลัก)
  2. ฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลง เช่น ขณะตั้งครรภ์ , ใกล้จะหมดประจำเดือน , รับประทานยาคุม
  3. กรรมพันธุ์

ลักษณะฝ้า

ขึ้นเป็นรอยน้ำตาล หรือ ดำ หรือ เทาปนน้ำเงิน เป็นเงากว้าง เช่นตามโหนกแก้ม หน้าผาก จมูก เหนือริมฝีปาก

ฝ้ามี 3 ประเภท

  1. ฝ้าตื้น จะมองเห็นเข้ม ชัด รักษาง่ายกว่าฝ้าลึก
  2. ฝ้าลึก จะมองเห็นบางเบา เป็นเงา สีคล้ำๆ เลือนๆ รักษายากกว่าฝ้าตื้น
  3. ฝ้าผสม ทั้งฝ้าลึก & ฝ้าตื้น ก็จะรักษาฝ้าตื้นก่อนฝ้าลึก

ฝ้าเกิดขึ้นเมื่ออายุเท่าใด

20 ปลายๆขึ้นไป เพราะเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน / และการโดนแสงแดดมาเป็นเวลานานเริ่มส่งผล

สีผิวกับการเกิดฝ้า

คนที่มีสีผิวคล้ำมีโอกาสเกิดฝ้ามากกว่าคนที่มีสีผิวขาว เราจึงพบฝ้าในคนเอเชียมากกว่า คนแถบตะวันตก

การรักษาฝ้า

เริ่มต้นด้วยตัวเอง คือ ทากันแดด และ พบแพทย์เพื่อทายาที่แพทย์สั่งจ่ายได้เท่านั้น

  • สำคัญที่สุดและต้องเปลี่ยนแปลงไปตลอดชีวิต คือ การใช้สารกันแดดทุกวันให้พอเหมาะ และ ถูกต้อง SPF 30-50 ขึ้นไป และ PA +++ ขึ้นไป และปริมาณต้องเหมาะสม สำหรับทาหน้าถ้าเป็นเนื้อน้ำ ใช้เท่าเหรียญ 10 บาท 1 เหรียญ 2 ครั้ง ถ้าเหลือเยอะ ให้รอซักพักแล้วทาซ้ำอีกรอบได้  ถ้าเป็นเนื้อครีมให้บีบ 2 ข้อนิ้วชี้ จะได้ประมาณ 2 กรัมสำหรับทาหน้า ถ้าลำตัวใช้ถึงส่วนละ 7 กรัมขึ้นไป ถ้าอยู่ในกิจกรรมกลางแดด ต้องเลือกกันแดดที่กันน้ำ WATER PROOF , WATER RESISTANT และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง รวมถึงการที่เหงื่อออกมากก็ต้องทาซ้ำ ปัจจุบันบางยี่ห้อก็ออกมาให้ทาทับเครื่องสำอางได้
  • ทายา ที่สามารถลอกผิวส่วนบนออก ฝ้าจึงแลดูจางลง (รักษาฝ้าตื้นได้ดี)
  • ทายา ที่ยับยั้งการสร้างเม็ดสีเข้ม ฝ้าจึงแลดูจางลง (รักษาฝ้าลึกได้ดี)
  • การทำทรีทเมนท์ด้วย AHA ลอกเซลล์ผิวด้านบน
  • การผลักวิตามินเข้าสู่ผิวหนังโดยเครื่อง
  • การฉายแสง LED สีเขียว เหลือง ผสมกัน ช่วยในการลดการสร้างเม็ดสีได้ ข้อเสีย ทำบ่อย ทำต่อเนื่อง
  • การเลเซอร์ ไม่ควรใช้ โดยเฉพาะคนผิวสองสี หรือ ผิวสีเข้ม เพราะผลข้างเคียงจะทำให้ฝ้าดำมากขึ้น รวมถึงรอยดำ

การทายารักษาฝ้ามีข้อควรระวัง เนื่องจากสารควบคุมที่ใช้รักษา อาจมาในรูปแบบสารไฮโดรควิโนน หรือ ปรอท ไฮโดรควิโนนนั้นแพทย์เท่านั้นถึงสั่งจ่ายได้เท่านั้น แต่ยังมีจำหน่ายกันอยู่ซึ่งอาจอยู่ในปริมาณที่สูงเกินกว่า อย. กำหนด และบางครั้งอาจเป็นปรอทผสม  ซึ่งดูดซึมเข้าสู่ร่างกายโดยง่ายเป็นพิษกับตับและไต รวมถึงกล้ามเนื้อ ถ้าสะสมในร่างกายเป็นเวลานานอาจทำให้เสียชีวิต ดังนั้น หากอยากซื้อยาทาฝ้าเอง เช็คเลขที่จดแจ้งขึ้นทะเบียนกับ อย. เป็นสำคัญ และกรุณานำเลขนั้นมาเช็คได้ในเว็บ FDA ทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย ไม่ใช่แค่ยาทาฝ้า

การรักษาฝ้าให้ได้ผลดีที่สุด คือ การทากันแดด และ หลบแดดไปตลอดชีวิต ไม่ว่าฝ้า กระ มีสิทธิ์กลับมาได้ใหม่ตลอดเวลา รวมถึงใบหน้าที่ดูอายุมากกว่าอายุจริง เพราะ UVA ทำลายลึกไปยังเซลล์ผิวชั้นลึก ควรหัดทากันแดดทุกวันให้เป็นนิสัยค่ะ 🙂 EE 

เขียนและเรียบเรียงโดย erk-erk.com

 

ขอบพระคุณเนื้อหา

– แกะเทปสัมภาษณ์ ผศ. พญ. รังสิมา วณิชภักดีเดชา

– รูป laskinmd dot com

– pharmacy.mahidol.ac.th/thai/knowledgeinfo.php?id=14

Posted in BEAUTY TECHNOLOGY, FACEComments (0)

อยากหน้าเรียวทำอย่างไร ? รวมรวบวิธีทำหน้าเรียว ภาค 2


หลังจากที่ดูภาค 1 ของคุณหมอ อภิรุจ กันแล้ว

ภาค 2 ขอเป็นตัวเอิ๊กเอง และ สัมภาษณ์จากคุณหมอ รังสิมา อีกท่าน

ขอบพระคุณคุณหมอทุกท่านด้วยค่ะ

บทความนี้ขออนุญาตแนะนำตามสไตล์คนไข้ และ สิ่งที่ได้เรียนรู้มาจากคุณหมอทุกท่านนะคะ รวมถึงวิธีการใหม่ๆที่จะนำมาเล่าด้วยค่ะ 🙂 ไม่ได้สนับสนุนให้ใครทำ แต่เป็นการแชร์ประสบการณ์ที่เราได้ผ่านมาและมีความสุขขึ้นกับมันอย่างปลอดภัยค่ะ 

ในอดีตการอยากทำหน้าเรียวคงไม่ได้แพร่หลาย และ วิธีการก็ไม่ได้มากมายเหมือนอย่างตอนนี้ ใครที่อยากหน้าเรียวก็คงหมดสิทธิ์ ใครอยากทำจริงก็คงต้องศัลยกรรมตัดกรามอย่างเดียว หรือ ไม่ก็จัดฟัน ถอนเยอะๆ พอขยับฟันให้เข้าไป หน้าก็ดูเรียวเล็กขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถตัดกระดูกแนวกรามได้ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่มีกระดูกแนวกรามขนาดใหญ่ และไม่ใช่ทุกคนที่จะถอนฟันออกเยอะได้ เพราะบางคนก็ฟันน้อยอยู่แล้ว สังเกตุได้ง่ายๆ ฟันบางคนถอนแล้ว พอดัดเสร็จคล้ายคนแก่ ฟันงุ้มเข้าไปเยอะ ซึ่งไม่ค่อยจะคุ้มเท่าไหร่ โชคดีที่เอิ๊กรอ 55555555555 รอเป็นสิบปี เดี๋ยวจะรออีก คิดว่าต้องมีวิธีที่ง่ายและไม่เจ็บและเหมาะกับเอิ๊กแน่นอน

วัตถุประสงค์เอิ๊กคือ ทำยังไงก็ได้ให้แก้มดูน้อยลง ปกติแก้มเยอะขั้นอืด หน้าอืด และ อยากให้หน้าดูเรียว คางดูยาวกว่านี้

สภาพร่างกายเอิ๊กเป็นคนที่บวมน้ำง่าย จะออกหน้า ออกขา ดังนั้น เช้าบวม-เย็นหด เช้าหด-เย็นบวม นี่คือข้อจำกัดของร่างกายเอิ๊ก ทางแก้หากร่างกายเยอะ แสดงว่าทานน้ำน้อย และ ทานโซเดียม หรือ ขอรสจัด เค็ม ผงชูรสเยอะ ต้องรีบทานน้ำ หน้าจะหดลงกลับสู่สภาพปกติ ดังนั้นจะทำวิธีไหนก็ไม่ถาวรภายในวันเดียวกัน 5555555 เศร้านะ

 เมื่อทราบสิ่งที่ต้องการ – ข้อจำกัดของร่างกายของแต่ละคน สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องทราบ ..

อยากหน้าเรียวโครงสร้างใบหน้าเราเป็นแบบไหนหน้าถึงไม่เรียว

1. กระดูก โหนกสูง กระดูกกรามใหญ่

2. กล้ามเนื้อช่วงมัดแนวกรามใหญ่

3. คางสั้น หน้าเลยดูสั้น

4. ไขมันกระพุ้งแก้มเยอะ

 

จะมี 4 สาเหตุนี้ที่ทำให้เราเองอาจจะรู้สึกไปเองว่าหน้าดูไม่เรียว ทั้งนี้จะดูเรียวขึ้นมากน้อยขึ้นกับหน้าของแต่ละคน และวิธีการที่เลือก รวมถึงปริมาณในการทำของแต่ละวิธี เมื่อทราบแล้ว เราไปดูกันดีกว่า สาเหตุ 1-4 เราจะใช้วิธีไหนได้บ้าง บางคนวิธีเดียวจบ บางคนต้องผสมผสานกันหลากหลายวิธี 

1. กระดูก โหนกสูง กระดูกกรามใหญ่

 หากเป็นสาเหตุนี้จะต้องใช้วิธีศัลยกรรมปรับแต่งกระดูก ไม่ว่าจะตัด เหลา

ข้อดี หน้าเราก็จะดูเรียวลงแบบเห็นได้ชัด / ค่าใช้จ่ายเพียงครั้งเดียวผลถาวรตลอดไป

ข้อด้อย หากเราไม่ชอบเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกลับมาเป็นแบบเดิมได้ / ต้องได้แพทย์ที่เก่งและเข้าใจสรีระโครงสร้างใบหน้าเราดีพอ รู้ว่าจุดไหนที่สามารถที่ทำให้เราพอใจ / ราคาสูง


2. กล้ามเนื้อช่วงมัดแนวกรามใหญ่

วิธีนี้ปัญหาจะอยู่ที่บริเวณกล้ามเนื้อมัดแนวกราม หากเอามือวางแนบสนิทบนใบหน้าแล้วลองกัดฟันแน่นๆ พบว่ามีกล้ามเนื้อปูดขึ้นมาจนรู้สึกและคลึงโดนได้ กล้ามเนื้อบริเวณแนวกรามช่วงนี้ จะสามารถฉีดโบทูลินูมทอกซินให้กล้ามเนื้อส่วนนี้ลีบเล็กลง หรือ เป็นอัมพาตชั่วคราวได้ ใบหน้าก็จะเรียวลง เพราะกล้ามเนื้อมัดนั้นฟีบเล็กลงไป

ข้อดี หากไม่ชอบใบหน้าที่เล็กชอบแบบเดิมปล่อยไว้ 3-6 เดือนก็จะกลับมาเป็นแบบเดิม / ราคาสูงหลักพันถึงหมื่นกว่าๆ แต่ไม่เท่าผ่าตัด

ข้อด้อย กว่าจะเห็นผล 1-1.30 เดือน เต็มที่ 3 เดือน / ต้องได้แพทย์ที่เชี่ยวชาญเรื่องกล้ามเนื้อบนใบหน้าจริงๆ เพราะว่าบางคนฉีดแล้วปากเบี้ยว มุมปากตก (เอิ๊กเคย) /  ต้องฉีดซ้ำทุก 3-6 เดือน จากนั้นถ้าฉีดบ่อยอาจอยู่นานขึ้นเป็นปี

3. คางสั้น หน้าเลยดูสั้น

วิธีนี้จบลงด้วยการศัลยกรรมคางให้ดูยางไม่ว่าจะเป็นด้วยซิลิโคน กระดูกตัวเอง หรือ ฉีดฟิลเลอร์ 

ศัลยกรรม

ข้อดี ราคาไม่ได้แพงมากไปกว่าการทำฟิลเลอร์มากนัก / เจ็บครั้งเดียวก็จะอยู่นานซึ่งขึ้นกับการดูแล / การเสริมด้วยกระดูกตัวเองอาจจะแพงกว่า แต่ความเนียนจะดี และ ธรรมชาติกว่าซิลิโคน

ข้อด้อย เกิดการผ่าตัด / เจ็บ / ต้องพักฟื้น / ถ้าไม่พอใจ หรือ เกิดปัญหาอาจจะต้องผ่าตัดเอาออก

ฟิลเลอร์

ข้อดี ปั้นรูปทรงได้ตามชอบ / ไม่ต้องพักฟื้น / ไม่ชอบก็ปล่อยให้สลายไปเองถ้าเป็นฟิลเลอร์ชนิดไม่ถาวร / ธรรมชาติกว่าเมื่อเวลาผ่านไป 1-3 เดือนจะเริ่มเข้ารูป / ไม่เจ็บเท่าศัลยกรรม 

ข้อด้อย สลายไปภายในเวลา 6-12 เดือน / บางทีถ้าเราอยากทำศัลยกรรม บริเวณที่เราทำฟิลเลอร์ต่อให้เมื่อสลายไปหมด แต่เวลาที่ฟิลเลอร์อยู่อาจมีการสร้างพังผืดของเนื้อเยื่อในร่างกายเราขึ้น เราจึงต้องขูดมันออกก่อนทำศัลยกรรมจริง / ถ้าต้องฉีดบ่อยตลอดถือว่าแพงกว่าการทำศัลยกรรม

4. ไขมันกระพุ้งแก้มเยอะ

สัญลักษณ์ของความเป็นเด็ก ความอ่อนเยาว์ ซึ่งหลายๆคนชอบ แต่บางคนคงอยากมีช่วงเวลาโตเป็นสาวกันบ้าง 555 ก็ไม่ได้เอาออก แต่เราทำให้มันเล็กลงได้แบบถาวรถ้าเราไม่อ้วนขึ้น และ ไม่ถาวร ทำได้ 4 วิธี 1. ลดน้ำหนัก 2. คลื่นวิทยุ RF 3. ดูดเซลล์ไขมันออก (ACCULIFT) 4. ผ่าตัดเอาถุงไขมันช่วงแก้มออก buccal fat

ลดความอ้วน หากใครเมื่อผอมลงหน้าก็เล็กลงก็ลดน้ำหนักซะ

ข้อดี ไม่เสียเงิน / ถ้าลดถูกวิธีก็ได้เรื่องสุขภาพดี / ใส่เสื้อผ้าได้หลากหลาย / คล่องตัวมั่นใจขึ้น

ข้อด้อย ถ้าลดหักโหม จากสวยจะกลายเป็นซูบ

คลื่นวิทยุ RF หากใครตัวเล็กแต่หน้าใหญ่ลดน้ำหนักก็ไม่ลง แสดงว่าไขมันกระพุ้งแก้มคุณเยอะ buccal fat คลื่นวิทยุมีหลายตัวล่าสุดเพิ่งลอง trilipo เป็นคลื่นวิทยุสามขั้ว สามหัว อาจไม่ดีเท่าหัวขั้วเดียว แต่ถูกกว่า และ ถ้าหน้าไม่ได้หย่อนคล้อยคอลลาเจนเสื่อม แต่มีปัญหาแค่ไขมันจะกำลังดี

ข้อดี ไม่เจ็บเลย ไม่เหมือนฉีดสลายไขมันอันนั้นยังไม่ผ่าน อย. และ FDA / อาจแพ้เจลได้

ข้อด้อย ต้องทำบ่อย / ทำบ่อยจะเริ่มเห็นผลชัดขึ้น 4-10 ครั้งขึ้นไป / อ้วนอีกก็กลับมาอีกได้ ไม่ถาวร

ดูดไขมัน ACCULIFT ดูดเซลล์ไขมันออกไปเลย จะสอดเข็มเล็กๆมากๆเข้าไปแล้วดูด มักใช้ในคนอายุ 40 ขึ้นไปที่สภาพใบหน้าหย่อนคล้อยร่วมด้วย

ข้อดี เซลล์ไขมันน้อยลงถาวร ถ้าอ้วนอีก ก็ไม่กลับมาอีกเท่าตอนเซลล์ไขมันเยอะ

ข้อด้อย เจ็บ / หน้าบวมเป็นเดือน / เข็มไม่สะอาด อาจจะติดเชื้อ  / ความชำนาญของแพทย์สำคัญมาก

ศัลยกรรมผ่าตัด เอาถุงไขมันกระพุ้งแก้มออ

ข้อดี ถุงไขมันออกไปขนาดใหญ่ในคราวเดียว / ผลชัดเจนแจ่มแจ้ง / แผลด้านในปาก

ข้อด้อย แพง เสี่ยงต่อการใบหน้าสองข้างไม่เท่ากัน โอกาสสะสมใหม่มี

 

ราคา ค่าใช้จ่ายคิดว่าหลายคนอยากรู้แต่ขอโทษที่ไม่ได้ถามมาให้เพราะแต่ละที่ราคาไม่เหมือนกันเลย นำไปเสริทหาข้อมูลเรื่องราคาต่อเอานะคะ ส่วนเอิ๊กเองทำแค่ 3 อย่างคือ เป็นคนกล้ามเนื้อกรามใหญ่ ใช้วิธีโบทูลินูม ทอกซิน ซึ่งทำติดต่อกันเรื่อยมา / คางสั้น ฟิลเลอร์ แค่ครั้งเดียว/ แก้มยุ้ย เคยทั้งฉีดและTRILIPO ตอนหลังคิดว่าคงจะทำแค่คลื่นวิทยุ RF อย่างเดียวเพราะไม่เจ็บ เคยทำครั้งเดียวแล้วชอบมาก วันนี้เลยนำมาแชร์แต่วิธีที่ปลอดภัยแล้วกันนะคะ  อยากอ่านต่อว่าทำที่ไหนกับใครเสริทกลางบล็อคerk-erk.com ว่าหน้าเรียว เอิ๊กบันทึกไว้ทุกท่าน ตั้งแต่คุณหมอรังสิมา คุณหมออภิรุจ คุณหมอเจี๊ยบ ทั้งสามท่านทำดีหมด ทุกคนมีศิลปะเป็นของตัวเอง สไตล์ของแต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ ชอบทุกคน เพราะทุกคนแก้ปัญหาให้เอิ๊กได้แบบปลอดภัยหมด ดังนั้นอย่าถามว่าที่ไหนดีกว่ากัน ดีหมด แต่เลือกเอาแบบเดินทางสะดวก และ อยากทำกับใครดีกว่า หวังว่าคงได้ประโยชน์กัน ทั้งนี้จะได้ผลมากน้อยขึ้นกับแต่ละคน และไม่อยากให้คนที่ยังขอสตางค์คุณพ่อคุณแม่รีบร้อนนัก รอเราทำงาน หาข้อมูล เตรียมใจ เตรียมสตางค์พร้อมไม่เดือนร้อนใครแล้วค่อยลงมือดีกว่า มาแชร์ไม่ได้ชวนเสียตังค์นะ 5555  แค่อยากแบ่งปันประสบการณ์ที่ตัวเองรู้สึกดี ทุกวันนี้ใครจะชอบเอิ๊กแบบไหน แต่เอิ๊กชอบที่เอิ๊กเป็นเอิ๊กในวันนี้ เอิ๊กที่เป็นคนที่พัฒนาตัวเองขึ้นกว่าเมื่อวานในทุกๆด้าน เลี้ยงดูครอบครัว เป็นคนดีของแม่ เอิ๊กโอเคกับชีิวิตละ 😀 สวยอย่างปลอดภัย ก็ขอให้ไม่เดือดร้อนใครด้วยค่ะ <3

2010 ด้านบน

2012ด้านล่าง

XOXO

Posted in BEAUTY TECHNOLOGY, BOTOX, CHIN, HOW TOComments (4)

advert

Google

erk-erk.com





BEAUTY MENU

มาคุยกับเอิ๊กได้ที่นี่ทุกวัน ถ้าว่างรีบตอบทุกคำถามค่ะ

INSTAGRAM @wwwerkerkcom

[instagram-feed]

ติดตามบล็อค erk-erk.com อย่างใกล้ชิด

เพียงกรอก Email ตรงนี้เลย

LINE @erk-erk

เพิ่มเพื่อน

Related Sites