Tag Archive | "IskyCenter"

ลดพุงด้วยความเย็น COOLSCULPTING BY ZELTIQ


erk-erk.com

 erk-erk.com

 erk-erk.com

4 เดือนผ่านไป กับการลดพุงด้วยความเย็นเยือก
CLICK อ่าน 3 บทความย้อนหลังเพื่อให้เข้าใจมากขึ้น lol

การสลายไขมันส่วนเกินด้วยความเย็น เหมาะกับคนที่ไม่ผอมมากหรืออ้วนมากเกินไปแต่มีส่วนเกิน ส่วนเกินที่ออกกำลังกายก็ลดไม่ได้และส่วนที่ลดไม่ได้นั้นเป็นต้องเป็นไขมันเท่านั้น เช่น เนื้อที่ย้อยบริเวณด้านหลังใต้เสื้อใน พุงที่มีไขมันเยอะ ต้นขาที่มีเนื้อเยอะ

ข้อดี ลดส่วนเกินในส่วนที่ลดไม่ได้ ทำลายเซลล์ไขมันให้ตายจากไปเลยจริง ๆ แบบไม่กลับมา
ข้อเสีย ระยะเวลาการเห็นผล 2-3 เดือน / ถ้าเนื้อไม่เยอะมาก เวลาทำอาจจะรู้สึกเจ็บเหมือนโดนหยิก / ราคาสูงแล้วแต่โปรโมชั่น จุดละ 25,000-30,000 บาท/ เอาไขมันออกไปไม่เกิน25%ต่อครั้ง เวลามองด้วยตาปล่าวอาจมองไม่ออกต้องวัดก่อนและหลังทำ

วันนี้จะมารีวิวผลลัพธ์ที่รอคอยมาหลายเดือน 4 เดือนทั้งหมดด้วยกันเกือบ 5 เดือนแล้ว เกี่ยวกับการสลายไขมันด้วยความเย็น บริเวณหน้าท้อง ส่วนตัวพอใจ และวางแผนจะทำอีกครั้ง กำลังคิดว่าจะทำที่ขา หรือ พุง

สรีระ : ทรงลูกแพร์ บนเล็ก ล่างใหญ่มโหฬาร ตั้งแต่สะโพกลงไปยันต้นขา ไปเล็กอีกทีตรงน่อง ส่วนเกินที่พบได้บ่อยแม้ตอนน้ำหนักน้อยที่สุด คือต้นขา และ พุง กินเยอะจะผลิบานออกมาปานคนท้อง

อันนี้เป็นรูปก่อนทำ ตอนไปทำคุณหมอมองภายนอกคิดว่าไม่จำเป็น พอเปิดท้องให้ดูเท่านั้น ทุกคนสลบ 555555555555555555555555555 อันนี้ถ่ายตอนเช้า ขณะยังไม่ทานอะไร ท้องก็ใหญ่ประมาณนี้ ..

ภาพนี้ถ่ายก่อนทำ – หลังทำผ่านมา 4 เดือน ถ่ายตอนเช้าแต่ดื่มนมดื่มอะไรไปแล้วเวลาเดียวกับตอนที่ไปทำ เพื่อให้ท้องเบ่งบาน เพราะอยากรู้ว่ามันจะใหญ่ที่ได้แค่ไหน อัดน้ำนมลงไป ประมาณนี้

สังเกตุรูสะดือสิ 5555555 ขนาดต่างกันเลย ท้องของเอิ๊กทั้ง 2 ภาพ เดือน มค. และ พค.

ก็ยังมีพุงอยู่แต่เป็นไซส์เล็กลง เย่ สิ้นสุดการรอคอยซักที

ต้องขออภัยที่ไม่ได้วัดขนาด แต่โชคดีที่มองด้วยตาเปล่าเห็นเลยว่าไปแล้ว ถ้าทำอีกรอบต้องน้อยกว่านี้แน่นอน ไว้ทำคราวหน้าอีกซักรอบ ขอคิดอีกทีควรจะเป็นต้นขาหรือพุงดี

ไม่มีการปรับภาพนะคะ ถ่ายมุมตรง และ สูงหนึ่งภาพสุดท้าย

ไม่เคยคิดว่ามันจะเล็กลงไปได้จริงๆ ความเย็นนี่มันมหัศจรรย์มาก ว่าแล้วไปหาไอติมมาดูดก่อน

ไขมันที่แก้มจะได้ตาย แก้มจะได้แฟบ เล็ก หน้าจะได้เรียว 5555

erk-erk.com

 erk-erk.com

 erk-erk.com

คำถาม ข้อสงสัยทุกเรื่องที่บลอคนี้ ยินดีตอบที่หน้าFANPAGEเลยค่ะ หรือ TWITTER

บทความหน้ามาต่อกันที่เรื่องสิวเสี้ยน

Posted in BEAUTY TECHNOLOGY, DIET, FAT, REVIEWComments (0)

สิวผดรักษายังไงมีคำตอบ ?


www.erk-erk.com

www.erk-erk.com

www.erk-erk.com

สิวผด สิวผื่น สิวผดผื่น “ เม็ดเล็ก มาง่าย ไปยาก กวนใจ “

 www.erk-erk.com

เป็นอีกปัญหานึงที่ผู้หญิงมีปัญหาเยอะสุด เอิ๊กเคยเป็นเหมือนจะผดขึ้นช่วงนึงตอนนั้นยังหาสาเหตุไม่ได้ ก็ไปหาผศ.พญ. รังสิมาที่ ISKYCENTER ทายาหายแล้วเกลี้ยง พอหายไม่ได้ทา ซักพักเป็นใหม่ เลยคิดให้ดี นึกได้สุดท้ายมารู้ว่าเป็นเพราะ ล้างแชมพูครีมนวดไม่สะอาด ช่วงนั้นจากผด ไปๆมาๆ บางเม็ดอักเสบร่วมด้วย อยากเป็นลมมาก หน้าผากเป็นหลุมตื้นๆ ไม่เรียบไม่กล้าโชว์หน้าผากเลย ตอนนี้หายแล้ว เมื่อสระผมล้างน้ำเยอะๆ ให้เกลี้ยงให้สะอาด และ ใช้แสงเลเซอร์ให้ความร้อนกระตุ้นหลุมตื้นๆทำกับ ศ.นพ. วรพงษ์ ตอนนี้ 98%-99% มองไม่ค่อยเห็นละ เปิดเหม่งโชว์ได้ มั่นใจ

 www.erk-erk.com

รูปตอนเดือนกุมภาพันธ์ 55 รักษามาจนเกือบหายแล้ว สิวผดหน้าผาก

 

 รูปวันที่ 29 เมษา 55 เมื่อวานนี้ ลมพิษและผื่นขึ้นช่วงแก้ม เพราะความร้อนและฝุ่น และเครื่องสำอางผสมกัน

 www.erk-erk.com 

www.erk-erk.com 

สิวผด เป็นยังไง ?

ผื่นเม็ดใสๆเล็กๆ เป็นสิวประเภทนึงที่ชอบขึ้นติดกันหลายๆเม็ด บ่อยครั้งชอบขึ้นที่บริเวณหน้าผาก บางครั้งตอนเช้าหน้ายังเรียบใส อาจขึ้นในช่วงบ่ายก็เป็นได้ และ ถ้าอักเสบอาจจะมีสีแดง มีหนอง หรือ มีอาการคันร่วมด้วยได้ ถ้ารักษาไม่ถูกต้องอาจจะเป็นมากขึ้นได้

 

สาเหตุสิวผด ?

  • แสงแดด
  • ความร้อน 
  • เชื้อรา
  • เครื่องสำอาง อุปกรณ์แต่งหน้าที่ไม่สะอาด เช่น แปรง
  • เช็ดถู นวดหน้า ขัดหน้า หรือ ล้างหน้าบ่อย เช็ดใบหน้าแรง
  • แพ้น้ำ
  • แพ้เหงื่อ
  • สารที่ก่อให้เกิดระคายเคือง เช่น การใช้ยารักษาสิวประเภท Retinoic Acid, Benzoyel , alcohol , Peroxide AHA, BHA เป็นต้น
  • สบู่ หรือ โฟมล้างหน้าที่มีฟองมาก มีการชะล้างสูง หรือใช้ไม่เหมาะกับผิว
  • น้ำอุ่นจัด
  • แชมพู
  • เชื้้อยีสต์, เชื้อรา
  • ภูมิคุ้มกันในร่างกายบกพร่อง อ่อนแอ พักผ่อนน้อย ร่างกายไม่แข็งแรง

 

วิธีดูแลและป้องกันสิวผด

หาสาเหตุให้พบและดูแลเลือกวิธีป้องกันให้เหมาะสม เช่น ถ้าสิวผดจะขึ้นบ่อยเมื่อเจอแสงแดด ก็เลี่ยงแดดซะ หรือ ถ้าสิวผดจะขึ้นตอนแต่งหน้า ให้เปลี่ยนรองพื้น หรือใช้ผลิตภัณฑ์อื่นแทนเช่น BB หรือที่ผ่านการรับรองจากกลุ่มแพทย์ผิวหนัง

 

  • เลี่ยงแสงแดด และ ความร้อน ถ้าต้องทำงานต้องทาครีมกันแดดทุกครั้งที่เหมาะกับสภาพผิว เลือกที่ปราศจากน้ำมัน และไม่ทำให้เกิดสิว ( OIL FREE / NON COMEDOGENIC ) SPF30 PA+++ ขึ้นไป
  • เลิกรบกวนผิวหน้ามากเกินไปไม่ว่าจะ ล้างหน้า ขัดหน้า นวดหน้าพอกหน้า ถูหน้า บ่อยเกินความจำเป็น
  • เลิกใช้อะไรที่รุนแรงกับผิว ทำให้ผิวระคายเคือง
  • แต่งหน้าให้น้อยที่สุด
  • เลิกใช้น้ำอุ่นล้างหน้า
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงให้ร่างกายได้ซ่อมแซม
  • ไม่เครียดเพราะจะทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ
  • ทานผัก ผลไม้ ข้าวไม่ขัดขาว แป้งไม่ขัดขาว ได้กากใย ได้วิตามิน ง่ายต่อการระบาย ช่วยล้างพิษในร่างกาย
  • ใช้แชมพูอ่อนโยน

 

วิธีรักษา

คำเตือน ควรอยู่ในความควบคุมของคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ อย่างแพทย์ผิวหนัง หรือ เภสัชกรยา เพราะครีมบางตัวเป็นยาปฎิชีวนะ หรือ สเตียรอยด์ มีผลข้างเคียงสูงหากซื้อใช้เองโดยไม่ได้รับคำแนะนำ 

ยาปฎิชีวนะบางตัว อาจทำให้ดื้อยา 

ยาที่มีสเตียรอยด์ อาจทำให้หลอดเลือดขยาย หน้าแดง แพ้ง่าย ผิวบอบบางลง สิวจะเห่อขึ้นเต็มและรักษายาก

 

สำหรับคนผิวหน้ามัน ผิวธรรมดา ที่ไม่แพ้ง่าย

  • ตัวยา Benzoyl peroxide % ต่ำ ทาก่อนล้างหน้า 2-5 นาที อาจทำให้เกิดการระคายเคือง ผิวแห้ง หน้าเห่อแดง
  • ตัวยา กรดวิตามิน A (Tretinoin) % ต่ำๆ ทาก่อนนอน อาจทำให้เกิดการระคายเคือง ผิวแห้ง หน้าเห่อแดง หน้าไวแสง

 

สำหรับคนผิวแห้ง ผิวผสมที่มีส่วนแห้ง ผิวแพ้ง่าย

  • ตัวครีมหรือยาที่มีส่วนผสม Resorcinol ที่เป็นครีมหรือแป้งน้ำ
  • ตัวครีมหรือยาที่มีส่วนผสม Selenium Sulfide ทาทิ้งไว้แล้วล้างออกวันละสองครั้ง ละลายหัวสิว สิวอุดตัน สลายเคราติน ลดสิวผด
  • ตัวครีมหรือยาที่มีส่วนผสม Ketoconazole cream ทาก่อนนอน ในกรณีมีสิวผดมาก มีอาการคัน หรือ สิวผดที่เกิดจากเชื้อยีสต์
  • ตัวครีมหรือยาที่มีส่วนผสม Steroid มักใช้ในกรณีแพ้เครื่องสำอาง หรือผิวระคายเคืองขึ้นผื่นเห่อ บวมแดง
  • ตัวครีมหรือยาที่มีส่วนผสม Zinc PCA

 

การทานยาร่วมด้วย

  • หากมีการอักเสบร่วมด้วย อาจต้องทานยาแก้อักเสบ
  • หากมีการคันร่วมด้วย อาจต้องทานยา เช่น KETOTOP

 

การรักษาใช้เวลา

2-4 สัปดาห์ หรือมากกว่านี้ขึ้นกับว่าเป็นมากเป็นน้อย

* ข้อมูลทั้งหมด จากประสบการณ์ตรงที่ครั้งนึงเคยเป็นสิวผดมากและบ่อยจากการแพ้ยาสระผม และ จากการอ่านศึกษาข้อมูลจากเว็บและผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนัง รวบรวม และ เขียนขึ้นมาโดยเอิ๊กทั้งหมดค่ะ

แหล่งข้อมูลศึกษาเพิ่มเติม

  • ศ.นพ. วรพงษ์ มนัสเกียรติ
  • ผศ.พญ. รังสิมา วณิชภักดีเดชา
  • พญ.ดลลชา นรินทรางกูร ณ อยุธยา 
  • ผศ.พญ.สุวิรากร โอภาสวงศ์ 
  • ASTVผู้จัดการออนไลน์ 
  • aad.org
  • emedicinehealth.com

Posted in ACNE, SKINComments (1)

รักแร้ดำทำไงดี ปัญหาโลกแตกที่หลายคนไม่กล้าบอกใคร


 

 

 

 

 

 

ที่มา magazine.ayurvediccure.com

ถามจริงเมื่อเห็นภาพนี้ เสียงในใจคิดอะไรอยู่ ?

erk-erk.com 

erk-erk.com

erk-erk.com

erk-erk.com 

erk-erk.com

erk-erk.com

เป็นอีกประเด็นที่ระอุมากใน INBOX ที่เอิ๊กตอบไม่ทันและไม่มีเวลาเช็คเลยช่วงนี้ เนื่องจากมันเป็นเรื่องที่อ่อนไหว คนก็ไม่อยากจะถามให้คนอื่นเห็น บางคนก็มาปรึกษาเรื่องผลิตภัณฑ์ ส่วนตัวไม่เคยใช้อะไรเลย นอกจากล่าสุดสเปรย์ระงับกลิ่นกายที่มีตัวบำรุงอย่างที่เห็น ยังไงก็แล้วแต่วันนี้จึงขอมารวบรวมที่เดียว หนทางจะหลุดพ้นปัญหาผิวใต้วงแขนสีหมองคล้ำทำวิธีไหนได้บ้าง ก่อนอื่นเรามาทราบสาเหตุส่วนมากกันก่อนว่ามันเกิดจากอะไรกันบ้าง ?

erk-erk.com 

erk-erk.com

erk-erk.com

สาเหตุที่ 1 : การโกน

การโกนทำไมถึงทำให้ใต้วงแขนมีสีคล้ำขึ้นก็เพราะว่ามันเกิดการเสียดสีระหว่างใบมืดและผิวของเรา ทุกครั้งที่โกนจะมีเซลล์ที่ตายแล้วหลุดออกไปด้วย ส่งผลให้บริเวณนั้นอ่อนบาง พอโกนซ้ำไปซ้ำมา เกิดการเสียดสี จึงคล้ำลงได้

  • ทางแก้ : เปลี่ยนวิธีกำจัดขนแบบใหม่ จะใช้แบบครีมกำจัดขนที่น่าเชื่อถือก็ได้ / จะแว็กซ์ร้อนแว็กซ์เย็นออกก็ได้ / จะเลเซอร์ก็ได้ / IPL กำจัดขนก็ได้ ที่ไม่ต้องทำร้ายผิวใต้วงแขน 

erk-erk.com 

erk-erk.com

สาเหตุที่ 2 : เซลล์ผิวที่ตายแล้ว

ทั่วร่างกายมีรูขุมขนอยู่เกือบทั่วร่างกาย มีต่อมไขมัน มีการขับเหงื่อ มีการหนาตัวของชั้นขี้ไคลเป็นเรื่องปกติ อีกสาเหตุของใต้วงแขนคล้ำ อาจมาจากเซลล์ผิวที่ตายแล้ว

  • ทางแก้ : ใช้ผลิตภัณฑ์สูตรWhitening เพื่อวงแขนเท่านั้น หรือใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับใต้วงแขนที่มี AHA, LACTIC ACID เป็นต้น

erk-erk.com 

erk-erk.com

สาเหตุที่ 3 : รูขุมขนอักเสบ

เกิดได้หลายอย่างเช่น ถอน โกน ใช้ผลิตภัณฑ์รุนแรงจนทำให้ผิวระคายเคืองบางทีเป็นแผล และเกิดสีคล้ำตามมา ข้อนี้ประสบการณ์ตรงเลยทีเดียว

  • ทางแก้ : เปลี่ยนวิธีการกำจัดขนใหม่เหมือนที่บอกข้อ 1 / อย่าเลือกใช้วิธีการทำอะไรกับวงแขนไม่ว่าจะสครับแรงๆ ผลัดเซลล์ผิวแบบใช้อะไรรุนแรง จะต้องเสียใจไปตลอดแน่นอน ทุกวันนี้เอิ๊กยังไม่หาย เพราะอยากผลัดเซลล์เอา BHA ทาหน้ามาทาใต้วงแขนซึ่งมันแรงมาก ผลปรากฎว่า รักแร้ดำหย่อมนึงข้างเดียว ทายาก็ไม่หาย ว่าจะต้องปรึกษาคุณหมออยู่

erk-erk.com 

erk-erk.com

สาเหตุที่ 4 : น้ำหอมหรือสารบางอย่างที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย

ในผลิตภัณฑ์พวกนี้จะมีส่วนผสมอยู่มากมายหลายชนิด ผิวใต้วงแขนเป็นส่วนที่บอบบางมากไม่แพ้ใบหน้า และเป็นบริเวณที่เหงื่อออกง่ายมากที่สุด ควรใช้ที่มีการรับรอง การทดสอบ หรือแพทย์ผิวหนังบางกลุ่มรับรองจะดีกว่า บางทีพวกน้ำหอมในผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายหรือส่วนผสมบางอย่างเมื่อโดนผิวทำปฏิกิริยากับผิว ทำให้คันได้ เกาได้เป็นแผลและทำให้ใต้วงแขนมีสีคล้ำได้ในที่สุด ที่พบบ่อยมากสุดเมื่อสมัยก่อน สมัยนี้ไม่รู้ยังพบกันอยู่ไหม หลายคนมีปัญหากับผลิตภัณฑ์โรลออนรุ่นเก่าๆ ใช้แล้วผลที่ออกมา คือ ใต้วงแขนคล้ำ หรือ ที่เราเรียกกันว่า “เต่าดำ” นั่นเอง มันเซ็งนะ ถ้ามาทำให้ตัวหอม แต่ทำรักแร้เราดำ

  • ทางแก้ : เปลี่ยนแบรนด์ หรือ ใช้ส่วนผสมที่มีการรับรองว่าไม่ทำให้ใต้วงแขนหมองคล้ำ หรือใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติระงับกลิ่นตัวแทน เช่น สารส้ม

erk-erk.com 

erk-erk.com

สาเหตุที่ 5 : การมีน้ำหนักตัว ต่อมอินซูลินทำงานผิดปกติ หรือ ไขมันส่วนเกินมากไปตามข้อพับ 

ด้วยความที่ลักษณะสรีระที่มีส่วนเกินแค่คุณเดินแล้วแขนเสียดสี แค่คุณเดินและขาหนีบเสียดสี ไม่ต้องน้ำหนักตัวเยอะ ใต้วงแขน และ แนวบิกินีก็มีสีคล้ำหมองขึ้นได้

  • ทางแก้ : ลดส่วนเกิน ควบคุมอาหาร / บริเวณหมองคล้ำ อาจทาครีมจำพวก เรตินเอ , ยูเรีย 20% ฯลฯ 

erk-erk.com 

erk-erk.com

สาเหตุที่ 6 : ผิวคล้ำ

เป็นที่ร่างกายผลิตเม็ดสีเมลานินส่วนเกิน แต่ข้อนี้มีโอกาสน้อยที่สุด

  • ทางแก้ : ฉายแสงทำลายเม็ดสีเมลานินหมองคล้ำได้ เช่น ฉายแสง LED หรือ เลเซอร์ทำลายเม็ดสีเมลานินไปเลย 

erk-erk.com 

erk-erk.com

สาเหตุที่ 7 : กรรมพันธุ์

ข้อนี้เป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดเหมือนกัน เพราะเป็นเรื่องที่มียีนส์เป็นตัวกำหนด ก็จะเห็นว่ามีสีคล้ำทั้งต้นคอ ขาหนีบ ข้อพับแขนและขา ตาตุ่ม รวมถึงใต้วงแขน

  • ทางแก้ : อาจจะลองปรึกษาแพทย์ผิวหนังดูก่อนว่ามีวิธีทำยังไงได้บ้างเพื่อจัดการกับจุดนี้ ถ้าไม่ได้จริงๆ อาจใช้รองพื้นที่มีสีตรงกับผิวเข้าช่วยปกปิดให้มีสีผิวสม่ำเสมอ หากวันใดจำเป็นต้องมีวันพิเศษที่ต้องไปค่ะ

erk-erk.com 

erk-erk.com

erk-erk.com


หัวข้อวันนี้แตกประเด็นมาจากทวิตเตอร์ศาสตราจารย์นายแพทย์ วรพงษ์อ่านไปสนุกแต่ไม่จุใจขออนุญาตขยาย
หวังว่าทุกคนคงได้รับประโยชน์ไม่มากก็น้อย ขอให้ใต้วงแขน ขาวใสกันทุกคน

erk-erk.com 

erk-erk.com

erk-erk.com

erk-erk.com 

erk-erk.com

erk-erk.com

Posted in BEAUTY TECHNOLOGY, Q&A, UNDERARMComments (0)

กำจัดขนด้วยเลเซอร์ GENTLE YAG


 

 

 

 

 

เอิ๊กเพิ่งเริ่มกำจัดขนไป 1 ครั้ง จากหลายๆครั้งที่ต้องทำเลยอยากจะเขียนเรื่องนี้แชร์กันหน่อยเผื่อคนสนใจอยากที่จะเลเซอร์ออกไปให้จบ เพราะเอิ๊กมีปัญหาผิวใต้วงแขนเป็นตุ่มไก่จากการถอน เอิ๊กรู้สึกว่ามันทำร้ายผิวทุกครั้งที่ต้องกำจัดขนออกไป อยากให้มันเนียนเลยตัดสินใจทำเลเซอร์ โดยข้อด้อยของมัน คือ ต้องทำหลายครั้ง ถ้าไม่นับเรื่องราคาที่แพง แต่ถ้าทำ ไม่ถึง 10 ครั้งแล้วเนียนไปตลอดชีวิต โอเคเลย

เลเซอร์กำจัดขน และ แสงมีหลายระบบ ตั้งแต่ Alexandrite Laser / Ruby Laser / IPL / ND-Yag laser / Gentle Yag etc.

การเตรียมตัว คือ ปล่อยให้ขนยาว 5555 ขนที่ต้องการเอาออกปล่อยให้ยาว พอไปถึงมือแพทย์ แพทย์จะสั่งโกนขนส่วนบนไป แต่ยังมีรากขนเพื่อให้แสงเลเซอร์วิ่งไปจับให้เกิดความร้อนและเกิดการทำลายได้ ดังนั้นใครคิดจะถอน หยุด หยุด หยุด หยุด เลย เดี๋ยวจะออกไม่หมด (ครั้งแรกเราก็พลาดซะแล้ว อายแพทย์เลยถอนไปเรียบเลย) 

เอิ๊กเลือกวิธี GENTLE-YAG เนื่องด้วยสถานที่ที่ทำ จะมีให้เลือกสองระบบ IPL vs Gentle Yag ไม่แน่ใจชัดเจนว่าแตกต่างกันยังไง แต่มีพี่แนะนำว่า GENTLE YAG อาจจะดีกว่า (มั๊ง) เลยตัดสินใจเลือกวิธี GENTLE YAG ไป คุณหมอที่ทำให้เอิ๊ก คือ คุณหมอ วรทัย เตือนอารีย์ ISKYCENTER คุณหมอก็บอกว่าเลเซอร์จะรู้สึกเจ็บนิดๆ ทุกระบบ

 

ภาพจาก ISKYCENTER

GentleYAG สำหรับหมวดกำจัดขนใช้ได้ส่วนใดบ้าง?

ทั่วร่างกาย ที่เราไม่พอใจ เลือกได้ อันได้แก่ ใบหน้า, ลำคอ, หน้าอก, หลัง, บริเวณแนวบิกินี่, ใต้วงแขน, แขนและขา

 

ใครบ้างใช้ GentleYAG กำจัดขนได้?

ขนที่มีขนในร่างกายเป็นสีน้ำตาลเข้ม หรือ ขนสีดำสนิท ขนสีอ่อนอย่างชาวต่างชาติไม่เหมาะ ดังนั้นเลเซอร์นี้เหมาะกับทุกเพศ ทั้งหญิงและชาย เน้นผิวและสีคนตามแบบฉบับชาวเอเชีย และ แอฟริกา ก็จะสามารถทำได้ดี เห็นผล

 

GentleYAG ปลอดภัยในการกำจัดขนหรือไม่?

อยากฝากไว้ให้ทุกคนถ้าถามได้ ถามเลยว่าเครื่องมือที่แพทย์ใช้ให้เรานั้นผ่าน อย. หรือไม่ ถ้าไม่เราอย่าเสี่ยงจะดีกว่า เพราะการผ่านอย. ของไทย  เครื่องนั้นต้องมีงานวิจัยมารองรับบางส่วนแน่นอน ว่าปลอดภัยสำหรับคนไทย โดยปกติระบบ GentleYAG เป็นเลเซอร์ชนิดนึงที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการกำจัดขนมานานแล้ว และจะปลอดภัยหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าคุณให้ใครทำ มีแฟนเพจคนนึงส่งเรื่องนี้มาปรึกษาว่าทำ IPL แต่ไม่ใช่แพทย์ ผลคือ รักแร้เธอไหม้ และ มีรอยคล้ำตามมา รวมถึงขนส่วนอื่นที่กำจัดด้วย 

 

ผลข้างเคียงจากการกำจัดขนด้วย GentleYAG มีอะไรบ้าง?

หากไม่ใช่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง อาจทำเม็ดสีบริเวณนั้นเข้มขึ้น ด่าง หรือ เป็นรอยดำบริเวณที่เรากำจัดขน ส่วนอาการปกติหลังทำที่เกิดขึ้น คือ รอยแดงหลังทำทันที เพราะเกิดความร้อนที่บริเวณรากขน ลักษณะของผิวหลังเลเซอร์ก็อาจจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเภทของผิวและพื้นที่ๆรักษา ส่วนใหญ่ผิวจะแดงเล็กๆ และบวมนิดๆ ไม่กี่ชั่วโมงก็หายไป ส่วนใหญ่หลังทำก็ใช้ชีวิตได้ตามปกติไม่มีปัญหาอะไร แค่ปล่อยขนให้ยาวเพื่อทำครั้งต่อไปก็พอ 555

ดูเธอคนนี้ไปกำจัดขนที่ใบหน้ามาว่าเป็นไงบ้าง

GentleYAG เจ็บไหม?

ส่วนตัวปวดนิดๆตอนปล่อยลำแสง สถานที่พยายาลอาจจะมีการทายาชาให้ก่อน หรือถ้าทนไหวก็อาจไม่ต้องทา มันปวดๆเจ็บๆนิดๆ เพราะทายาชาไปเลยไม่ค่อยจะรู้สึกอะไร ไม่น่ากลัวอย่างที่คนขู่ไว้ 555 สบาย สบาย

ขั้นตอนก่อนการกำจัดขน ?

ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนถึงคำแนะนำ ว่าจะเลือกระบบไหนยิงกำจัดขน จะต้องไม่มีแผล หรือ อาการไหม้บริเวณที่ยิง

วิธีการทำงานของGentleYAG ที่ใช้กำจัดขน?

ทายาชาบริเวณที่ทำประมาณ 30 นาที ก็จะเช็ดยาชาออก โกนขนให้เหลือแต่ต่อ รากขนจะช่วยให้ลำแสงเลเซอร์ยิงไปทำลายรากขนได้ง่ายขึ้น และเริ่มทาเจลเย็นบริเวณที่จะทำ สวมแว่นตาที่ปิดสนิทเพื่อป้องกันดวงตาจากแสงเลเซอร์ที่เข้มข้นสูงและจ้ามาก และยิงเลเซอร์แบบไล่ไปจนจบบริเวณซัก 2-4 รอบวนไปวนมา ใช้เวลาประมาณ 5 นาที – ชั่วโมงกว่าขึ้นไป ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ได้รับการรักษา

ต้องรักษากี่ครั้งขนถึงจะหมดไป?

ปกติทั่วไปเราจะทำเป็นคอรส์ต่อเนื่อง ขึ้นกับความหนา บางของเส้นขน ตั้งแต่ 2-6 เดือนเฉลี่ย หรือมากกว่าขึ้นไป รักษาทุก 4-6 สัปดาห์ ถ้าบริเวณที่ทำมีสีผิวคล้ำ หลังทำอาจมีการทายา หรือ ทำทรีทเมนท์ หรือ บำรุงให้มีสีผิวที่สม่ำเสมอทั่วถึงกัน


การดูแลรักษาหลังการเลเซอร์ GentleYAG?

อาจประคบด้วยน้ำแข็ง ผ้าเย็นลดอาการบวมถ้ามี เราอาจต้องใช้วิธีโกนห้ามถอนให้ขนขึ้นจะได้ยิงง่ายๆและทำลายรากขนให้หมดไป ช่วงสัปดาห์หรือสองสัปดาห์หลังทำ ขนจะขึ้นน้อยกว่าเดิมแบบพอสังเกตุได้เลย ถ้าจบคอรส์ขนไม่ขึ้นแล้วบริเวณนั้นจะเนียน และดูขาวขึ้น เพราะไม่มีขนมาบังด้วย อิอิ รอเวลานั้น ถ้ากำจัดขนที่อาจโดนแสงแดดได้ อย่าลืมทากันแดด SPF30 PA+++ ขึ้นไปทุกวันนะคะ

 

 

COOL : ถ้าขนมันไปแล้ว ก็โอกาสน้อยมากที่จะกลับมาเท่าเดิม ส่วนใหญ่หายไปเลย มีบางคนจะกลับมาแต่แบบหรอมแหรมน้อย ไม่เหมือนเก่า ผิวเนียนขึ้น รูขุมขนแลดูกระชับขึ้น ผิวดูผ่องขึ้นเพราะไม่มีเส้นขนมาบัง ง่าย เร็ว ไปนอนให้แพทย์ยิงจบ กลับบ้านใช้ชีวิตได้ตามปกติ

UNCOOL : ต้องทำหลายที จะให้ดีซื้อตอนโปรโมชั่น จะได้ราคาที่คุ้มค่าที่สุด 

 

 

ถ้าเรากำจัดครบแล้ว เราจะรีบมา REVIEW ทันที ฮี่ๆ

ข้อมูลวันนี้สัมภาษณ์ คุณหมอ วรทัย เตือนอารีย์ ระหว่างยิงกำจัดขนไปจนเสร็จค่ะ

Posted in BEAUTY TECHNOLOGY, LASER, UNDERARMComments (1)

เลเซอร์คืออะไร และเลเซอร์แบบไหนที่เหมาะกับเรา ?


 

 

เลเซอร์คืออะไร และเลเซอร์แบบไหนที่เหมาะกับเรา

จากเรื่องแสงและความงาม วันนี้มาเฉพาะกันที่ “ เลเซอร์ “ ซึ่งเป็นการรักษาที่ฮอตฮิตที่สุดในยุคนี้ก็ว่าได้ เพราะเร็ว ประหยัดเวลา หลายชนิดไม่มีแผล เห็นผล ไม่มีใครรู้ว่าไปทำอะไรมา

ก่อนจะเริ่มทำการรักษาผิวหนังด้วยเลเซอร์ อยากเขียนเรื่องนี้ขึ้นให้ทุกคนได้เข้าใจก่อนว่า เลเซอร์คืออะไร เลเซอร์ชนิดไหนเหมาะกับปัญหาผิวเรา แล้วทำไมต้องเลือกเลเซอร์ ?

เลเซอร์คือ “ แสงชนิดหนึ่งซึ่งมีความจ้าและพลังงานสูงมาก ” ความต่างของเลเซอร์กับแสงชนิดอื่นๆ คือ พลังงานของแสงเลเซอร์สามารถถูกดูดซึมเข้าไปในส่วนประกอบเล็กๆ ภายในเซลล์ผิวหนังได้

เช่น 

  • แสงเลเซอร์บางชนิดสามารถถูกดูดซับเข้าไปในเม็ดสีเมลานิน
  • แสงเลเซอร์บางชนิดถูกดูดเข้าไปในเม็ดเลือด
  • แสงเลเซอร์บางชนิดถูกดูดเข้าไปในเซลล์ที่มีน้ำเป็นองค์ประกอบ 

การทำงานของเลเซอร์ คือ เมื่อแสงเลเซอร์เข้าไปในเซลล์จะทำให้เกิดความร้อนขึ้นในเซลล์นั้นๆทำให้เซลล์นั้นสลายตัวไปในที่สุด ด้วยเทคโนยีนวัตกรรมของเลเซอร์ที่ก้าวหน้าไปเรื่อยๆทำให้สามารถปรับตั้งค่าพลังงานของเครื่องเลเซอร์เพื่อให้เกิดความร้อนขึ้นเฉพาะภายในเซลล์ที่ต้องการเท่านั้น โดยไม่ให้ความร้อนนั้นแผ่กระจายไปถูกเนื้อเยื่อที่ดีรอบ ๆ 

สรุป ข้อดีของเลเซอร์คือ ความสามารถในการทำลายอย่างเฉพาะเจาะจง ทำให้มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงน้อยมากหรือแทบไม่มีเลย

เลเซอร์บนโลกมีหลายชนิด ซึ่งการใช้งานและการให้ผลลัพธ์ก็แตกต่างกันด้วย เลเซอร์แต่ละระบบมีสี และ ความยาวคลื่นที่ต่างกัน ซึ่งทำให้ความสามารถในการดูดเข้าไปในเซลล์ก็ต่างกันด้วย (ในปัจจุบันเลเซอร์ยังไม่มีครบทุกความยาวคลื่นเนื่องจากแหล่งแสงยังหายากบางช่วงคลื่น)

 

ปัจจุบันวงการแพทย์ผิวหนังในปัจจุบันมี 5 ชนิดหลัก ๆ ได้แก่

  • เลเซอร์รักษาความผิดปกติของสีผิวและลบรอยสัก
  • เลเซอร์กำจัดขน
  • เลเซอร์รักษาความผิดปกติของหลอดเลือด
  • เลเซอร์กรอผิวชนิดมีแผล
  • เลเซอร์กรอผิวชนิดไม่มีแผล

5 ประเภทที่กล่าวมาก็สามารถรักษารอย โรค หรือ ริ้วรอยต่างประเภทกัน 

หาข้อมูลกันซักนิดก่อนที่จะคิดไปรักษาด้วยเลเซอร์นะคะ แม้จะมีข้อดีที่รักษาได้รวดเร็ว ง่าย บางชนิดไม่มีแผล ไม่ต้องหยุดเรียนหรือลางาน หรือไม่ต้องเฉลยให้ใครรู้ว่าได้ไปทำอะไรมา แต่มันก็มีข้อด้อยอยู่เหมือนกัน

เช่น

  • ถ้าเราถูกแดดจัดมา เราก็ยังไม่เหมาะกับการทำเลเซอร์
  • หลังทำเลเซอร์ใช้ความร้อนสูง เราจะมีผิวหน้าที่แห้งมาก ต้องการๆบำรุงเป็นพิเศษ บางคนไม่รู้ก็นึกว่าใบหน้าตัวเองบางลง แพ้ง่าย ไม่เกี่ยวกัน ความร้อนจะไปช่วยกระตุ้นคอลลาเจน และสร้างให้ผิวแข็งแรงขึ้นไม่กี่เดือนต่อมา
  • ถ้าเราไม่หาข้อมูลให้ดี การจ่ายเงินทำเลเซอร์ค่อนข้างสูง เราอาจได้ผลได้ไม่ดีพอ
  • การเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสำคัญเป็นอย่างมาก หลายคนหน้าไหม้ หน้าด่าง หรือมีแผลเป็น
  • หรือถ้ามองเรื่องสิว เลเซอร์ไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุดเสมอไป สิวที่เป็นระดับปานกลาง ไม่มากจนถึงขั้นเลเซอร์ การทายายังดีที่สุด
[สิวในอดีต รักษาทั้ง ทายา ทานยา กดสิว ฉีดสิว และ เลเซอร์ค่ะ]
 
หากเรารู้ซักนิดว่าเลเซอร์ทำงานยังไง และ ผิวของเราที่มีปัญหานั้นเหมาะกับเลเซอร์ชนิดไหน หลายสถานพยายามไม่บอกเทคโนโลยี หรือ ชื่อระบบเลเซอร์โดยตรง จะจัดเป็นโปรแกรมมากกว่า เช่นชื่อโปรแกรมที่ถามที่ไหนก็ไม่มี มีแต่ที่นี่ที่เดียว ก็เพื่อต้องการให้จำได้แค่ว่า ที่นี่มีที่อื่นไม่มี ถ้าสถานที่พยาบาลนั้นมีจรรยาบรรณมากพอ ต้องกล้าเปิดเผยข้อมูลที่จะใช้รักษาคนไข้ ฝากไว้ให้ทุกคนได้เรียนรู้กันค่ะ

ข้อมูลที่ใช้ประกอบ

หนังสือสวยด้วยเลเซอร์ ผู้เขียน ศ.นพ. วรพงษ์ มนัสเกียรติ

Posted in LASERComments (0)

ผิวไหม้แดดเพราะสงกรานต์ และ สีผิวไม่สม่ำเสมอ Q&A


 

 

สงกรานต์เล่นดึกอาจจะไม่สนุกเท่าตอนกลางวันหรืออย่างไร สาวเจ้าเอ๋ย หนุ่มเจ้าเอ๋ย ถึงชอบเล่นกลางวันกันนัก หลังจากโพสนี่เดี๋ยวจะเขียนเรื่องกันแดด วิธีเลือก วิธีใช้ที่ถูกต้อง วันนี้มาเรื่องการดูแลผิวไหม้แดดหลังสงกรานต์กันก่อน จากทวิตเตอร์ความงามของคุณหมอ รังสิมา คนสวย มาทวิตเรื่องผิวไหม้แดด ซึ่งเป็นเรื่องที่ช่วงนี้คนถามเอิ๊กมากสุด และเอิ๊กเองคงตอบได้ไม่ดี เท่ากับตัวจริงมาเอง จึงนำเอาบทความสั้นๆตามแบบฉบับทวิตเตอร์มาฝากกันค่ะ

  1. ปัญหาผิวหนังเทศกาลสงกรานต์ที่พบได้บ่อย ๆ เช่น ผิวหนังไหม้ สัมผัสสารระคายเคือง เช่น แป้ง แล้วเกิดผื่น ติดเชื้อโรคต่าง ๆ
  2. ถ้าระหว่างการเล่นน้ำทากันแดดน้อยเกินไป จะมีอาการผิวหนังไหม้จากแดด เริ่มจากมีอาการแสบร้อน ผิวหนังบริเวณที่โดนแดดไหม้แดง
  3. บริเวณที่เกิดการไหม้แดดมักเป็นบนใบหน้าช่วงหน้าผาก โหนกแก้ม จมูก และบริเวณละเลยการทาครีมกันแดด เช่น ต้นคอด้านหลัง ใบหู
  4. ผื่นที่เกิดจากแดดไหม้จะเป็นสีแดงมีอาการแสบร้อนช่วงแรก ต่อมาจะเริ่มลอกเป็นขุยสีขาว และผิวจะเปลี่ยนเป็นสีคล้ำขึ้นชัดเจน
  5. อาการผิวไหม้แดด ควรใช้เจลว่านหางจรเข้ after-sun lotion ถ้าไม่มีเอาผ้าชุบน้ำเย็นประคบบริเวณนั้นก่อน บรรเทาอาการแสบร้อน
  6. ไม่ควรใช้ครีมหรือ lotion ที่ทำให้ผิวขาวทาลงบนผิวไหม้แดดที่ยังแดงหรือลอกอยู่ จะทำให้เกิดการแสบร้อนมากขึ้น และดำตามมา
  7. หลังอาการแสบร้อนบรรเทาลง ผิวหนังจะลอกได้ ระหว่างนี้ยังคงใช้เจลว่านหางจรเข้หรือ after-sun lotion ทาก่อนจนกว่าผิวหยุดลอก
  8. เมื่อผิวไหม้แดดหยุดลอก อาจผิวคล้ำขึ้น (เกิดหลังผิวไหม้ประมาณ 1 สัปดาห์)ระยะนี้เริ่มทา moisturizer และครีมกันแดดได้แล้ว
  9. ผิวคล้ำแดดถ้าทาmoisturizer และครีมกันแดดประจำ ผิวจะกลับสู่สีผิวเดิมได้เองภายในเวลา6เดือน-1ปี โดยไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย
  10. ถ้าต้องการให้ผิวที่คล้ำขึ้นกลับเป็นผิวสีเดิมเร็วขึ้น สามารถใช้ครีมที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ arbutin licorice kojic acid ได้
  11. ควรหลีกเลี่ยงการใช้กรดวิตะมินเอบนผิวที่ไหม้แดด เนื่องจากจะทำให้ผิวลอกเพิ่มขึ้น และอาจนำไปสู่การดำคล้ำกว่าเดิมได้
  12. คนเป็นสิวที่ใช้ยาทารักษาสิวอยู่และมีผิวไหม้แดด ควรหยุดใช้ยาทารักษาสิวก่อน เพราะจะทำให้ผิวยิ่งลอก ระคายเคืองและดำตามมา
  13. ถ้าต้องการให้ผิวสีคล้ำกลับมาเป็นสีเดิมเร็ว อาจทำ treatmentกรดผลไม้ ใช้เครื่อง electroporation ผลักวิตซีหรือ transamin
  14. วิธีที่จะทำให้สีผิวกลับมาเป็นสีเดิมได้เร็วที่สุดคือฉายแสง LED ต้องทำสัปดาห์ละครั้งต่อเนื่องกัน 5-10สัปดาห์ แต่ราคาแพง
  15. แต่ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนในการเร่งให้สีผิวกลับมา ต้องใช้ moisturizer+ครีมกันแดด และหลบแดดร่วมเสมอ มิฉะนั้นผิวจะคล้ำถาวร
  16. ระหว่างการเล่นน้ำอาจมีคนเอาแป้งหรือสารอื่น ๆ ผสมลงในน้ำ ทำให้เกิดการระคายเคืองที่ผิว เกิดสิว หรือผื่นคันขึ้นได้
  17. ถ้ามีผื่นผิวหนังใด ๆ หลังจากการเล่นน้ำ แนะนำให้พบแพทย์ผิวหนัง ไม่ควรซื้อยาทาเอง เพราะอาจเกิดอาการแพ้ลุกลามตามมาได้
  18. ค้นหาแพทย์ผิวหนังที่มีวุฒิบัตรสาขาผิวหนัง หรือตรวจสอบแพทย์ที่รักษาว่าเป็นแพทย์ผิวหนังได้ที่นี่ http://www.dst.or.th/list_search.php
  19. โรคติดเชื้อแบคทีเรียจะเกิดภายใน 1 สัปดาห์หลังสัมผัสเชื้อโรคที่มากับน้ำแต่การติดเชื้อราจะเกิดโรคหลังจาก1สัปดาห์ขึ้น
  20. ถ้าสงสัยว่ามีการติดเชื้อหลังการเล่นน้ำ ควรพบแพทย์ด่วน เพราะมีเชื้อหลายชนิดที่เข้าตา เข้าจมูก แล้วมีอาการรุนแรงได้
  21. ถ้ามีอาการตาแดง มีไข้ ซึมลง คลื่นไส้อาเจียน ปวดศีรษะ หรือผื่นผิวหนังที่ลุกลามอย่างรวดเร็ว ต้องไปพบแพทย์โดยด่วนที่สุด
  22. แม้ว่าเราสามารถฟื้นฟูผิวไหม้แดดกลับมาเหมือนเดิมได้ก็จริง แต่การทําลายผิวที่เกิดจากแดดได้เกิดขึ้นแล้วไม่สามารถรักษาได้
  23. ผิวที่ถูกทําลายหรือไหม้แดดถึงหายกลับเป็นผิวปกติ แต่จะมีจุดด่างดํา&ริ้วรอยก่อนวัยได้ในอนาคต เป็นผลโดยตรงจากผิวไหม้แดด
  24. การกินอาหารต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันผิวที่ถูกแดดทําลายได้บ้าง แต่ไม่100% ควรเน้นกินอาหารที่มีวิตซีเช่นผลไม้รสเปรี้ยว
แนะนำเรื่องกันแดดนิดนึงก่อนบทความหน้าจะลงให้อย่างละเอียด ว่าควรใช้กันแดดที่มีทั้ง SPF และ PA เพราะจะสามารถกันได้ทั้ง UVA และ UVB ทาทั่วใบหน้าและลำตัวในปริมาณที่เหมาะสม ใบหน้าประมาณ 1 ข้อนิ้วชี้ ลำตัวประมาณส่วนละ 7 มิลลิกรัม ไม่หนา ไม่บางเกินไป บางไปกันแดดไม่ทั่ว หนาไปไม่ซึมลงผิวอุดตันได้ค่ะ แล้วพบกันกับบทความกันแดดค่ะ 🙂
XOXO

Posted in Q&A, SKINComments (0)

BEAUTY TALK – การฉายแสง LED กับช่วยอะไรได้บ้างกับปัญหาผิวหนัง


วันนี้เราจะพูดถึงการฉายแสงสี LED เพื่อรักษาปัญหาผิวพรรณ จากบทความก่อนเป็นเรื่องของแสงและความงามไปแล้ว พูดถึงภายในร่างกายของเราเซลล์บางอย่างสามารถดูดรับพลังงานแสงแต่ละสีได้เพื่อใช้รักษาปัญหาผิวหนัง CLICK

LED คือ อะไร ? Light-Emitting Diode หรือย่อว่า LED

แสงLED หรือ แสง Diode ทำมาจาก Semiconductor คือ ตัวนำไฟฟ้าเป็นสารประกอบหรือธาตุที่สามารถปล่อยแสงได้หลายๆแสงพร้อมกัน เปลี่ยนสีได้ตามสารที่อยู่ข้างใน และภายในจะมีวงจรที่สามารถเปลี่ยนสีหลอด Diode ได้อีกหลากหลายสี เป็นสีรุ้งยังได้เลย ( Rainbow light emitting diode )
แต่ในการใช้ LED มาฉายแสงสีเพื่อช่วยรักษาผิวพรรณ แสง LED ต้องมีความเข้มแสงสูงมากพอระดับ ” จูลล์/ตารางเซนติเมตร “ ต้องใช้พลังงานมากจึงจะทำปฎิกริยากับเซลล์ผิว และนำมาใช้ในการรักษาภาวะบางอย่างของผิวหนังได้ แสงแต่ละสีก็จะสามารถรักษาปัญหาผิวที่แตกต่างต่างกัน และ ต้องมี millicandela rating มาก หรือ ค่าความสว่างมากยิ่งมีประสิทธิภาพมาก (สว่างจนต้องใส่แว่นตาในการทำการรักษา) การรักษาจะทำให้ผิวหนังมีสุขภาพดีขึ้นได้ กำจัดเชื้อแบคทีเรีย การติดเชื้อ หรือ บริเวณผิวหนังที่อักเสบ

วันนี้ขอพูดถึงเครื่องที่เห็นจริงและลองมาก่อน ซึ่งหลักจะมีอยู่ 4 สี

จะฉายเพียงสีเดียว หรือ สลับกันก็ได้เพื่อผลลัพธ์ที่ต้องการ จุดละประมาณ 20 นาทีเป็นต้นไป

  1. แสงสีฟ้า ความยาวคลื่น 470 นาโนเมตร รักษาสิว/ลดการอักเสบของผิวฯลฯ
  2. แสงสีเขียว ความยาวคลื่น 525 นาโนเมตร รักษารอยแดง/รอยดำ/เม็ดสี/อาการแพ้ฯลฯ
  3. แสงสีเหลือง ความยาวคลื่น 590 นาโนเมตร รักษารอยแดง/รอยดำ/สิว/เม็ดสี/ระบบน้ำเหลืองฯลฯ
  4. แสงสีแดง ความยาวคลื่น 640 นาโนเมตร รักษาริ้วรอย/กระตุ้นคอลลาเจน/อาการแพ้/กระชับกล้ามเนื้อฯลฯ
สามารถดูแลได้ทั้ง ผิวแห้ง มัน ธรรมดา ผสม แพ้ง่าย มีสิวอักเสบ สิวเม็ดเล็กๆ

จากการศึกษาพบว่าแสง LED ที่มีความเข้มข้นสูง แต่ละสีมีผลต่อ CELL ในร่างกายที่แตกต่างกันเมื่อมีการรักษาที่ผิวหนัง เช่น สิว รอยแดง รองด่างดำ และ ริ้วรอย จะได้รับผลการรักษาที่ดีเยี่ยมเมื่อใช้สีร่วมกันที่มีความยาวคลื่นตั้งแต่ 470 nm. – 640 nm

 *** การจะได้ผลไหม ขึ้นกับการสร้างของคอลลาเจนในร่างกาย (จะวัดได้จากความยืดหยุ่นของผิวหนัง (ความคล้อย) จะรู้ได้ว่าคนนี้กระตุ้นได้มากน้อยแค่ไหน)
ยกตัวอย่างการฉายแสงเพื่อช่วยทำให้เม็ดสีเมลานินอ่อนลง จะเห็นได้ว่าจะมีแสงสีเขียว กับ แสงสีเหลืองของ LED ที่ช่วยได้
เอิ๊กฉายแสงสีเขียว เหลือง สลับกันที่แขนหนึ่งข้าง เพื่อทำให้เม็ดสีเมลานินสีอ่อนลง ฉาย 20 นาทีที่ ISKYCENTER
เมื่อเม็ดสีผิวถูกฉายแสงไปกระตุ้นเม็ดสีเมลานินที่เข้ม ให้มีความเข้มอ่อนลง ผิวเราจึงดูขาวขึ้นแต่ LED ต้องทำซ้ำๆ ประมาณสัปดาห์ละครั้ง หรือประมาณ 5 ครั้งขึ้นไป เนื่องจากความเข้มของแสงไม่เท่าเลเซอร์ จึงต้องฉายเฉลี่ยทุกอาทิตย์ซ้ำ เพราะต้องให้แสงสะสม จึงคงระดับสีผิวที่อ่อนลงไว้ได้ , แต่ถ้าทำแค่ครั้งเดียว สีผิวจะอ่อนลงครั้งแรกสุดที่สุด และค่อยๆดรอปลงภายใน 1-2 เดือน
การดูแลหลังทำ
– หลบแดด
– ทากันแดดต่อเนื่อง
คนที่ห้ามทำ
– คนที่ผิวเพิ่งไหม้แดดมาใหม่

 

COOL
-ไม่มีแผล
– ไม่มีใครรู้ว่าไปทำอะไรมา

 

UNCOOL
– ต้องทำหลายครั้ง
– ประสิทธิภาพสู้เลเซอร์ไม่ได้

 

สำหรับการรักษาโรคผิวหนังด้วยการฉายแสง LED นั้น เช่น สิว รอยแผลเป็นจากสิว รอยแดง รอยดำ รอยเป็นหลุมตื้นๆ รอยแผลนูนคีลอยด์ กระตุ้นเส้นผม ผิวมีสีอ่อนลง ถือว่ายังเป็นวิธีการใหม่ แต่ผ่านองค์การอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอเมริกาแล้ว เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการแผล ไม่ต้องการพักฟื้นผิวหนัง รับประทานยา หรือ การฉายแสงและความร้อน ไปยังผิวหนังที่อักเสบ

ช่วงนี้ตากแดด ตัวดำกว่าในรูปเยอะเลย ไป LED ดีไหมเนี่ย 5555

แหล่งค้นคว้าเพิ่มเติม

Posted in BEAUTY TECHNOLOGY, LASERComments (1)

BEAUTY TALK – แสงและความงามที่คุณควรรู้ประดับคลังความสวยไว้


 

Read the full story

Posted in BEAUTY TECHNOLOGY, LASERComments (2)

REVIEW – รักษาหลุมแผลที่เป็นมา 24 ปี กับเลเซอร์ ERBIUM YAG


 

 

 

 

ผ่านมาเกือบ 1 เดือน กับการรักษาหลุมทรงกล่องที่เป็นมา 24 ปี กับเลเซอร์ ERBIUM YAG กับ ศาสตราจารย์นายแพทย์วรพงษ์ มนัสเกียรติ ซึ่งเชี่ยวชาญเป็นพิเศษทางด้านผิวหนัง เลเซอร์ และ แผลเป็น ที่ทำงานวิจัย เขียนหนังสือ ทางด้านเลเซอร์มาโดยตลอดจนได้รับตำแหน่งทางวิชาการเป็น ศาสตราจารย์ที่อายุน้อยที่สุดในวงการ Cosmetic Laser Surgery และที่ทราบเพราะอ่านทวิตเตอร์คุณหมอเป็นประจำ @DrWoraphong ถึงทราบว่าเป็นหนึ่งในคณะที่ปรึกษา บริษัทเลเซอร์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ต้องเดินทางไปประชุม และบรรยายเกี่ยวกับเลเซอร์หลายประเทศมาก จึงได้ทราบวิทยาการใหม่ๆจากคุณหมอเหมือนกันในการตามอ่าน

 


คุณหมอค่อนข้างผิวดี และมีการดูแลผิวที่ง่าย คือทาครีมกันแดดเสมอ และ ทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ให้เพียงพอเวลาที่รู้สึกว่าผิวแห้ง นอกนั้นยังมีการออกกำลังกาย หลังจากที่เคยได้สัมภาษณ์เกี่ยวกับปัญหาหลุมสิว และ แนวทางแก้ไขไปเมื่อหลายเดือนก่อน

ยังไม่มีโอกาสฟังบรรยายเกี่ยวกับเลเซอร์ของคุณหมออย่างจริงจัง ทำให้วันนี้เลยมา REVIEW การทำ ERBIUM YAG ว่าผลการทำเป็นอย่างไรบ้าง เลเซอร์การรักษาหลุมสิว ริ้วรอย แผลเป็น บอกตามตรงว่าค่อนข้างยาก ต้องขออภัยไปศึกษาเพิ่มเติมมาก่อน ถึงจะได้เขียนออกมาทีละชนิด 555555 แค่อ่านไป หัวข้างนึงก็ปวดไป ยากจริงๆค่ะ รู้แค่ว่าได้ยิง VBEAM กับคุณหมอ คุณหมอละเอียดมากๆๆๆๆ ยิงทุกรอยแดง ดูเหมือนเป็นงานที่ง่าย แต่คุณหมอละเอียดจริง นี่อาจจะเป็นหนึ่งเหตุผลให้ประสบความสำเร็จในการทำงานวิจัยหลายๆงานที่ รพ.ศิริราช และ ต่างประเทศ

การทำ ERBIUM YAG มันร้อนมากบริเวณที่ยิง จึงต้องมีการเป่าลมเย็นจัดเข้าช่วยบรรเทา ทำให้ไม่ต้องทายาชา

ERBIUM YAG คืออะไร ?

  • เลเซอร์ที่ใช้พลังงานความเข้มข้นสูง (ร้อน) ช่วยกรอผิว  ( Resurfacing ) ด้านบนในส่วนของผิวหนังกำพร้าออกจะทำให้บริเวณนั้นเรียบขึ้นในระดับนึง 
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ( Collagen remodeling ) หลุมจะตื้นขึ้น ดูเรียบเนียนขึ้น ภายในเวลา 1-3 เดือน
  • การหดตัวของเส้นใยคอลลาเจน ( Collagen contraction ) ทำให้ความกว้างของหลุมสิวหรือริ้วรอยแคบลง ผิวที่หย่อนจะตึง ขึ้น 

 ส่วนต้องทำกี่ครั้งขึ้นกับความตื้นลึกของหลุม หรือ ริ้วรอยที่อาจต้องใช้วิธีการอื่นมาผสมด้วยหรือไม่ต้องดูที่แผลหลุม หรือ ริ้วรอยเป็นหลัก หลังทำทันทีจะให้เกิดแผลถลอกเป็นสะเก็ด ใช้เวลา 4-7 วัน สะเก็ดจะหลุมลอกออกไปเอง หลังทำจะมีอาการบวมแดง 1-2 วัน  บางคนอาจมีน้ำเหลืองซึมถ้าเกิดว่าแผลโดนน้ำ หรืออาจติดเชื้อ จากการดูแลไม่ดี

การดูแลหลังทำ ERBIUM YAG ?

ต้องดูแลแผลอย่าให้แผลแห้ง ของเอิ๊กคุณหมอสั่งให้ทาปิโตรเลียมเจลให้แผลชุ่มชื่นวันละ 3-4 ครั้งจนกว่าสะเก็ดจะหลุด ไม่ให้แผลโดนน้ำประมาณ 7 วัน หรือ หลังจากสะเก็ดหลุดออก ก็สามารถล้างหน้าและทากันแดดอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงแต่งหน้าได้เป็นปกติ อาจต้องดูแลโดยการเลี่ยงแดดจัดเป็นพิเศษประมาณ 2 อาทิตย์เพราะช่วงนั้นผิวบริเวณส่วนนั้นจะอ่อนแอและไวกับสิ่งที่มากระทบ ระหว่างเนื้อเยื่อใหม่กำลังสร้างทดแทนของเก่าที่ลอกออกไป ผิวหนังส่วนที่ทำถ้าเป็นคนผิวขาวอาจจะมีแผลสีชมพูแดง  (erythema) อยู่ประมาณ 3-6 เดือน (เนื้อเยื่อกำลังสร้าง) ถ้าเป็นคนผิวเข้ม อาจมีสีคล้ำ (hyperpigmentation) ประมาณ 3-6 เดือนจึงกลับมาเป็นสีผิวปกติ

 

 สิ่งที่ต้องแจ้งแพทย์ก่อนทำ ERBIUM YAG ?

  • การเป็นแผลคีลอยด์ แผลนูนง่าย
  • เวลามีแผลแล้วแผลหายช้า
  • เคยทานยากลุ่มวิตามินเอมาก่อนภายในระยะเวลา 1 ปี
  • เคยผ่าตัดบริเวณใบหน้า

ก่อน และ หลังทำ ERBIUM YAG รักษาหลุมแผลเป็นที่มีบนใบหน้ามา 24 ปี

 

19/02/12 – 10/02/12

อันดับแรก นอนเร็ว รูขุมขนดีขึ้นอย่างเห็นได้ชุด ตอนไปหาคุณหมอ นอนตี 5 ทุกวัน และแผลที่เห็นชัดคือความแคบของแผลหลุม ความนุ่มนวลของแผลหลุม จากทรงกล่อง กลายเป็นทรงแอ่งกระทะ ตื้นขึ้น 40% ทันทีตั้งแต่ครั้งแรก แต่ได้ผลข้างเคียงคือแผลสีชมพูที่จะอยู่ไปอีกหลายเดือน อันที่จริงเป็นปกติในการทำ Erbium YAG

ซูมให้ดูว่าตื้นขึ้น และ จะตื้นขึ้นอีก เดี๋ยว 3 เดือนมาดูกันใหม่ ขอให้แผลสีชมพูกลับเป็นสีปกติเร็วๆทีเถิ๊ด

 

ภาพรวมของใบหน้าและแผลที่เปลี่ยนไป

ขัดใจสุดคือรอยแดง T^T ไม่ชอบเลย คิดว่าถ้าจะทำครั้งใหม่ต้องขอทำใจก่อน 555 ไม่ชอบรอยแดงเลยค่ะ แต่ชอบที่เห็นผลเลย

 

COOL

สามารถรักษาแผลหลุมที่ไม่ลึกได้ / เห็นผลทันที / 

UNCOOL

ต้องดูแลแผลให้ชุ่มชื่นตลอดวัน / ต้องทำหลายครั้งดูที่ความลึกของแผล / มีแผลสีชมพูระหว่างรอเนื้อเยื่อสร้างตัวเองใหม่นาน 3-6 เดือนกว่าสีผิวจะกลับเป็นปกติ

 

 

 

 

อาทิตย์หน้าจะตั้งใจเขียนอย่างมากเรื่อง ” แสงสี กับ ความงาม “ ว่าจะช่วยมารักษาผิวพรรณได้อย่างไร จะได้เข้าใจว่าเลเซอร์ตัวนั้นทำไมได้ผลเป็นแบบนั้น และตัวเราเองอาจจะเลือกเองถูกก็ได้ ว่าปัญหาผิวแบบนี้ ใช้แสงสีไหน ระดับไหน 🙂

XOXO

Posted in ACNE, BEAUTY TECHNOLOGY, LASERComments (0)

BEAUTY TALK – หลุมสิวปัญหาใหญ่ รักษาได้กี่วิธี ?


 

 

 

 

 

อะไรทำให้คุณรู้สึกแย่ที่สุดหลังเป็นสิว .. ?

 

 

 

 

 

 

คำตอบนอกจากสิวที่ทำให้เรารู้สึกแย่ แต่มีที่แย่กว่า คือ “ แผลเป็นหลังสิวหาย ” เพราะอะไรนะเหรอ ?!? มันอยู่นานกว่าสิวหน่ะสิ .. มาแล้วบทจะไปก็ไปยาก หากทำใจให้ชินแน่นอนครึ่งปีมันอาจจะไปเอง โดยเฉพาะแผลเป็นหลังจากเกิดจากสิวที่มีสีทั้งหลาย สีดำ สีแดง .. แต่หากว่ามันเป็น “ หลุม ” ล่ะ

 

ตอนนี้ในหัวกำลังย้อนไปโฆษณายุคก่อน ที่เปรียบหน้าคนหลังเป็นสิวบางครั้งก็เหมือนพระจันทร์ ไม่ได้เหมือนที่ความสว่างสไว หรือ กลมเหมือนพระจันทร์ แต่เปรียบรอยแผลหลุมสิว ความไม่เรียบของผิว ช่างเหมือนผิวพระจันทร์เหลือเกิน .. [ โฆษณานี้ชี้ปัญหาแบบโหดร้ายมาก ชิส์ ]

  • รอยแผลหลังจากการเป็นสิวแบ่งได้ 4 แบบ 
  1. รอยแดง
  2. รอยดำ
  3. หลุมสิว
  4. คีลอยด์

 

 

  • หลุมสิวคืออะไร ?

การอักเสบของสิวอย่างรุนแรงถึงชั้นหนังแท้ มักมีหนองร่วมด้วยจึงทำให้คอลลาเจนถูกทำลายและมักมีแผลเป็นหลังสิวหาย จึงเกิดแผลเป็นใต้หนังผิว หรือ เรียกว่าพังผืด ที่ดึงรั้งผิวหนังจนทำให้เป็นหลุม

 

  • หลุมสิว มีที่มาจากอะไรบ้าง ?
  1. การ บีบ แคะ เค้น แกะ เกา ทำให้สิวอักเสบมากขึ้นและทิ้งรอยคล้ำตามมาด้วยหลุม
  2. สิวอักเสบรุนแรง
  3. การติดเชื้อแบคทีเรียลุกลาม
  4. กรรมพันธุ์มีประวัติคนในครอบครัวที่เป็นสิว+แผลหลุมรุนแรง [ จะทิ้งหลุมทันทีเวลาหายเป็นสิว ]

 

เคล็ดลับ

“ เมื่อเป็นสิวอักเสบต้องทำให้หายอักเสบ และ ยุบตัวเร็วที่สุด ” เช่น ทายาฆ่าเชื้อสิว [BENZAC , PANOXLY] / ฉีด [STEROID] / ทานยาปฎิชีวนะ / พบแพทย์ท่องไว้ว่า รักษาสิว ถูกกว่า รักษาแผลเป็น [ หลุม,นูน ]

 

  • การรักษาหลุมสิว ใช้วิธีไม่เหมือนกัน ขึ้นกับ
  1. ชนิดของหลุมสิว
  2. ความลึกของหลุมสิว
  3. ความกว้างของหลุมสิว

 

  • หลุมสิวมี 3 ชนิด
  1. หลุมแอ่งกระทะ [คิดเอง] ROLLING SCAR
  2. หลุมกล่อง BOX SCAR
  3. หลุมนกจิก [คิดเอง] ICE PICK SCAR

 

หลุมแอ่งกระทะ : ลักษณะมองเห็นเป็นส่วนเว้าลงไปเหมือนก้นกะทะ ขอบรอบๆดูนุ่มนวล

หลุมกล่อง : ลักษณะหลุมที่มองเห็นขอบเป็นทรงตรงลึกลงไป คล้ายกล่องทรงวงรี

หลุมนกจิก : ลักษณะมองเห็นเป็นรูเล็กแต่ลึก รักษายากที่สุดกว่าทุกแบบ

 

 

 

  • วิธีการรักษารวบรวมมาในประเทศไทย 

ทุกวิธีช่วยให้หลุมสิวดีขึ้นได้ แต่ยังไม่มีวิธีไหนได้ผล 100% กับหลุมสิวที่รักษายาก ลึก สามารถผสมผสานวิธีแต่ละแบบเข้าด้วยกันได้เพื่อการรักษาที่ดียิ่งขึ้น ที่สำคัญทุกวิธีที่กล่าวต้องศึกษาผลข้างเคียงที่จะตามมาอย่างละเอียด

 

วิธีที่ 1 – กระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน

  • ทาครีมลบรอยแผลเป็น,ริ้วรอยที่มีส่วนผสมเช่น VITAMIN E, AHA, BHA
  • ทายากลุ่มอนุพันธ์ุของวิตามินA เช่น RETIN A
  • ทานยากลุ่มที่สกัดจากอนุพันธุ์วิตามิน A [RETINOIDS] เช่น Roaccutance, Acnotin, Isotretinoin
  • ฉายแสง LED เช่น GentleWaves, Omnilux
  • ยิงแสง IPL
  • ยิงเลเซอร์ Smooth Beam
  • ยิงเลเซอร์ ND Yag
  • การใช้คลื่นวิทยุ RF เช่น PHONO
  • เหมาะกับหลุมสิวที่ตื้น หลุมสิวใหม่
  • หลุมสิวประเภท หลุมแอ่งกระทะ

 

วิธีที่ 2 – ทำให้เซลล์ผิวด้านบนหลุดลอกออก ร่างกายจึงเกิดการซ่อมแซมและดันหลุมสิวให้ตื้นขึ้นเอง

  • ลอกผิวด้วยกรดผลไม้ที่มีฤทธิ์เป็นกรด AHA , BHA , PHA
  • แต้มกรด TCA
  • กรอผิวด้วยกรดอัญมณี Microdermabrasion
  • เลเซอร์ชนิดมีแผล กรอผิวด้านบนด้วยเลเซอร์ความเข้มข้นสูงร้อนมาก เช่น CO2 / ERBIUM YAG
  • เหมาะกับหลุมสิวที่ตื้น, ลึกปานกลาง
  • หลุมสิวประเภท หลุมแอ่งกระทะ, หลุมกล่อง

วิธีที่ 3 – การทำให้ผิวหนังเกิดอักเสบกระตุ้นให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองโดยสร้างเซลล์ใหม่

  • Dermaroller ใช้ลูกกลิ้งที่เป็นเข็มเล็กๆกลิ้งตามผิวหนังลึกถึงชั้นหนังแท้
  • เลเซอร์ชนิดไม่มีแผล เช่น Fraxel re:store,Fine Scan, Mosaic, Fractional RF
  • เหมาะกับหลุมสิวตื้น ถึง ลึกปานกลาง,
  • หลุมสิวประเภท หลุมแอ่งกระทะ, หลุมกล่อง, หลุมนกจิก

 

วิธีที่ 4 – การเติมเต็มหลุมสิวด้วยสารเติมเต็ม

  • ฉีด Filler [ Hyaluronic Acid ]
  • เหมาะกับหลุมสิวตื้น ถึง ลึกปานกลาง,
  • หลุมสิวประเภท หลุมแอ่งกระทะ

 

วิธีที่ 5 – การตัดผังพืดใต้ผิวหนังบริเวณหลุมสิวออกไป

  • การทำ Subcision ใช้เข็มที่มีใบมีดอยู่ปลายเข็ม เจาะ และ เอาใบมีดตัดพังผืดใต้ฐานหลุมสิว
  • เหมาะกับหลุมสิวลึกปานกลาง, ลึกมาก
  • หลุมสิวประเภท หลุมกล่อง, หลุมนกจิก, หลุมแอ่งกระทะ

 

วิธีที่ 6 – การศัลยกรรมผ่าตัดหลุมสิว

  • ตัดรอยหลุม แล้วเย็บปิดให้ผิวหนังชิดกัน
  • นำผิวหนังส่วนอื่นมาปิดรอยหลุมสิว
  • กรีดผิวหนังเป็นวงรี แล้วเย็บปิด
  • ตัดหลุมสิวแล้วยกขึ้นมาให้ได้ระดับเดียวกับผิวหนัง
  • เหมาะกับหลุมสิวลึกมาก หรือขนาดกว้างใหญ่
  • หลุมสิวประเภท หลุมกล่อง, หลุมนกจิก,

รวบรวมมาแล้วแยกเป็นข้อให้เข้าใจคร่าวๆ  ส่วนลงลึกอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ

LINK 1 , LINK 2

 

แต่ละวิธีมีข้อดี ข้อเสีย ข้อควรระวังแตกต่างกันไป ควรปรึกษาข้อมูลตามลักษณะของหลุมสิวที่ตนเองมีไว้ก่อนล่วงหน้า ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญได้ทั้ง 3 ด้าน ผิวหนัง เลเซอร์ หรือ ศัลยกรรม สำคัญที่สุดคือทำโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางจริงๆ เพราะอะไรที่อยู่บนหน้า หากพลาดไปจะตราตรึงตามเราไปทุกที่ ส่วนตัวเคยใช้วิธีที่ 1 และ 2 บางข้อในการรักษาหลุมกล่อง , หลุมแอ่งกระทะ

 

ทำให้พบว่า

* การรักษาหลุมสิว ส่วนมากต้องใช้เวลานานอาจจะเป็นปี หลายปี เพื่อรอเวลาที่คอลลาเจนกว่าจะสร้างเซลล์ขึ้นมาใหม่ทดแทน ต้องได้รับการกระตุ้น หรือ ทำหลายครั้งขึ้นไป ขึ้นกับความลึก ชนิดของหลุม การเป็นหลุมจึงเป็นแผลที่รักษายากมากที่สุด มากกว่า รอยแดง รอยดำ พอๆกับแผลคีลอยด์ อาจจะมีโอกาสกลับมาดี แต่ยากมากที่จะถึง 100% โดยเฉพาะ หลุมลึกแบบนกจิก หลุมกล่อง

 

คราวหน้ามาต่อกันด้วยการทำ ERBIUM YAG ทำให้เซลล์ผิวด้านบนหลุดออก โดยการกรอผิวด้วยเลเซอร์ความเข้มข้นสูง ร้อนมาก เป็นเลเซอร์ชนิดมีแผลกับ ศาสตราจารย์นายแพทย์ วรพงษ์ มนัสเกียรติค่ะ

 แผลหลุมเกิดจากเล็บจิกตอนเกิดเป็นแผลหลุมกล่องขนาด 0.4 ซม หลังทำตื้นขึ้น 40% รอให้คอลลาเจนสร้างเซลล์ใหม่น่าจะดีกว่านี้ ภาพนี้หลังทำ 11 วัน และนอนดึก รูขุมขน นกตัวเล็กตกลงไปตายได้เลย กว้างขนาดหนัก นอนดึกไม่เคยดีกับใครเลย T_T

 

 

 

 

 

 

Read the full story

Posted in ACNE, BEAUTY TECHNOLOGY, LASERComments (0)

EVENT – “ILOVE ISKY” บ้านหลังที่สองของฉัน


เค้กน่าตาน่ารักหน้าทานนี้ .. เป็นฝีมือของผู้จัดการศูนย์ ISKY CENTER พี่เอียดพูดว่า ” อยากให้มันออกมาโทนสีฟ้าขาว แต่แถวฝั่งธนหาร้านรับทำไม่ได้เลย เนื่องจากมันใช้เวลา เลยตั้งใจทำมันขึ้นมาเอง “ .. อร่อยมาก คัฟเคก ที่ใช้บัตเตอร์เค้ก และ ครีมนุ่มๆสีขาว และ สีฟ้าที่มาจากดอกอัญชัญ เสริฟพร้อมให้เลือกเป็น น้ำอัญชันสีน้ำเงินธรรมชาติเข้าธีมงามเย็นๆหวานๆ หรือ โอวัลตินของโปรดเรา เอิ๊กเลือกดื่มทั้ง 2 ชนิดเลย เป็นวันนี้น่าประทับใจอีก 1 วัน เนื่องจากพี่หมอรังสิมาชวนให้ไปงาน ILOVEISKY แต่เราไม่ได้รับปากว่าจะไป เพราะเกรงว่าอาจไม่ว่าง แต่สุดท้ายก็นัดคุณหมอวรพงษ์ ดูแผลเป็นหลุมแต่กำเนิดที่หน้าให้ เราเลยได้ไปงานนั้นด้วย และไปปรึกษาการทำยังไงให้หน้ากระชับดูเรียวขึ้นกับ คุณหมออุ๊ วลัยลักษณ์ ที่เก่งเรื่องฟิลเลอร์ โบทอกเช่นกัน ก็ได้รับความรู้กลับมาเตรียมข้อมูลในการคิดจะทำอะไรครั้งต่อไป

ขวาบน : ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิชัยเวช ฯลน หนองแขม และ ศูนย์ ISKY CENTER นพ. มงคล วณิชภักดีเดชา

ซ้ายบน : ศาสตราจารย์ นายแพทย์ วรพงษ์ มนัสเกียรติ แพทย์ที่ปรีกษา ศูนย์ ISKY CENTER

ขวาล่าง : แพทย์หญิง วลัยลักษณ์ มีประถม

ซ้ายล่าง : ผศ.พญ รังสิมา วณิชภักดีเดชา

วันนั้นใครไปร่วมงานคงได้พบแพทย์ทั้ง 4 ท่านเลย

ในงานนี้ workshop ที่แสนอบอุ่นจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่มีผู้จัดเตรียมงาน ธีมงานขึ้นมา จาก บริษัท เอ็มทีมัลติมีเดีย จำกัด คุณอิง และ คุณปู ผู้ที่มาช่วยเตรียมงานและ สร้างสีสัน ความอบอุ่น และเป็นกันเองภายในงาน (งานออกมาดีมากๆค่ะ สังเกตุจากรอยยิ้มสาวๆหนุ่มๆในงาน)

  • กิจกรรมภายในงาน เริ่มต้นจากลงทะเบียน
  • แบ่งกลุ่มเป็นกลุ่มย่อยตามสี เพื่อไปฟังบรรยาย ให้ความรู้ เกี่ยวกับสถานที่ การดูแลสภาพผิวเบื้องต้นด้วยตนเอง และ เทคโนโลยีเลเซอร์ และมีรางวัลตามสีแจกตอนท้าย (เอิ๊กไม่ได้เล่นด้วย เพราะคราวที่แล้วพึ่งได้รางวัลในงานสลายไขมันด้วยความเย็นไป จากเจ้าของรพ.วิชัยเวชฯลฯ)
  • ทุกคนจะได้มีโอกาสตรวจสภาพผิวฟรีทีละคน ตรวจสภาพพื้นผิว สีผิว ความชุ่มชื่นของผิว ความยืดหยุ่นของผิว แนะนำโดยผู้จัดการศูนย์อีกท่าน พี่จอย
  • มีการแนะนำสาธิตการทำงานของเทคโนโลยีคลื่นความถี่ RF บางตัว จากผู้เชี่ยวชาญ
  • มีการปรุงครีมสดตามเนื้อเยื่อของผิวจากเภสัชกร คุณ ประภาพรรณ สาธิตให้ดูกันแบบ Real time
  • มีการแจกรางวัล แจกหลายรางวัลมาก 🙂 และเปิดโอกาสให้คนที่ไม่ได้ มาคอยตอบคำถามเพื่อรับรางวัลไปด้วย

หลังจากได้ความรู้ในเทคโนโลยีและการดูแลผิวพรรณแต่ละประเภทเบื้องต้นจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้ว ก็มานั่งหม่ำ คริสปี้ครีมกัน อร่อยเหาะ หายหิวกับอาหารว่างยามบ่ายกันไป 🙂

ก่อนกลับทุกคนจะได้รับเสื้อยืด ISKY คนละตัวเพื่อเปลี่ยนและถ่ายภาพร่วมกัน 😀 เอิ๊กอดเพราะไม่ได้มาลงทะเบียน และ เข้าฐาน 55 สมน้ำหน้า

BIG LOVE BIG FANS จริงๆ วันนี้ มาหลายสิบชีวิต อบอุ่น ณ สถานที่แห่งนี้ 😀

GALLERYเพ่ิมเติม CLICK

ดีใจที่มีแฟนเพจของ ISKYCENTER ก็เป็นแฟนของ erk-erk.com ด้วยเหมือนกัน

รู้จัก ISKY CENTER มาครึ่งปี เรียกได้ว่า เป็นบ้านที่อบอุ่นหลังที่ 2 ตั้งแต่วันแรกที่ได้เข้ารับการดูแลรักษาสิวเรื้อรังที่หน้าผาก จนหายจากการได้รับความรู้ในเรื่องการดูแลสังเกตุสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาจากคุณหมอที่น่ารักหลายท่านจากที่นี่ จนได้มาเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ในการให้ความรู้ที่ถูกต้องกับทุกคนที่รักผิว ทางศูนย์ ISKY CENTER ได้เปิดโอกาสให้เอิ๊ก มาเป็นตัวกลางที่แนะนำความรู้เกี่ยวกับผิวหนัง และ เทคโนโลยีเลเซอร์ให้กับทุกคนได้ไหม ให้ทุกคนได้เรียนรู้ว่าจุดเริ่มต้นในการที่ต้องคิดว่า GET THE RIGHT START เพราะความสวยต้องเริ่มต้นอย่างถูกวิธี และ ผิวเราไม่เหมือนกันมันเป็นอย่างไร เอิ๊กเลยมีโอกาสได้เรียนรู้ในสิ่งที่เอิ๊กชอบ เลือกหัวข้อที่จะทำการให้ข้อมูลได้ทั้งหมด 100% ได้ให้ความรู้โดยถ่ายทอดจากอาจารย์แพทย์ผิวหนังที่อุทิศตนเพื่อสังคม และ งานวิจัยของไทยจริงๆ ไม่ต้องเขียนเชียร์ ไม่ต้องเขียนหน้าม้า แค่เป็นตัวของตัวเอง อยากเขียนเรื่องผิวหนังเรื่องไหน อยากแบ่งปันเรื่องไหน คุณหมอยินดีจะช่วยให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อให้คนที่เข้ามาอ่าน ได้มีโอกาสได้ทราบถึงข้อดีข้อเสีย การดูแลตนเองเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น มีความสุขมากค่ะ ที่ได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในการตอบแทนสังคมในด้านที่เราถนัด และ ขอบคุณมากค่ะสำหรับโอกาสที่ทางศูนย์ ISKY CENTER และผู้เกี่ยวข้อง ที่ได้ให้โอกาส เพียงเพราะไม่ได้เห็นว่าเอิ๊กเขียนดีอะไร แต่เห็นว่าเอิ๊กมีความรักในสิ่งที่ทำ จึงไว้ใจ และให้เอิ๊กได้ทำหน้าที่ของตนเองในอีกด้านที่ไม่เคยทำ ขอบพระคุณมากค่ะ นาทีนี้รักที่ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆจากที่นี่ ได้เห็นสังคมของการกระตือรื้อร้น และ รักในองค์กรของทีมงานว่ามันเป็นอย่างไร ความสุภาพ ความอ่อนน้อม ความน่ารัก และ กันเองของทุกคนที่นี้ ทำให้เวลารอนานเพื่อต้องพบคุณหมอ เวลาที่ต้องให้เวลากับคนไข้ทุกคนอย่างเต็มที่ อยู่ดึกก็ยอมรอค่ะ และ ทุกคนที่นี้ ตั้งใจทำงานกันดีมาก จนวินาทีสุดท้าย แทบจะไม่มีวันไหน ปิดตามเวลางานเลย เลยตลอด ขอให้ประสบความสำเร็จเพราะความดี ที่อยากให้ความรู้ที่ถูกต้อง โดยไม่จำเป็นต้องมาที่นี่ คุณอยู่ใกล้ที่ไหน คุณก็ไปได้เลย ขอบคุณจริงๆค่ะ .. erk-erk 

XOXO

Posted in EVENTComments (0)

BEAUTY TALK – เครื่องสำอางหมดอายุ และ วิธีทดสอบอาการแพ้


 

เรื่องใหญ่สำหรับผู้หญิงที่รักและชื่นชอบในการแต่งหน้า หรือ จำเป็นต้องแต่งตามหน้าที่หรืออะไรก็ตามแต่ .. ลองถามตัวเองดูบ้างไหม .. ว่าฉันเคยสังเกตุวันเดือนปีที่ผลิต ฉลาก หรือ วันหมดอายุของเครื่องสำอางที่ฉันซื้อหรือไม่ ?

 

ถ้าตอบว่าเคย .. คุณก็ยังต้องอ่านต่อ

ถ้าตอบว่าไม่เคย .. คุณก็ต้องอ่านมันต่อเพื่อตัวคุณเอง 

 

เอิ๊กตอบว่าไม่ เอิ๊กไม่เคยสนใจดูเลย .. ดังนั้นเอิ๊กคงต้องรวบรวมเขียนและอ่านต่อไปพร้อมกับหลายๆคน พร้อมโยนทิ้งบ้างส่วน ฉึบ (ฮ่า)


เอิ๊กมีเครื่องสำอางไม่เยอะ เพราะทิ้งไปเยอะแล้วเหมือนกัน เดี๋ยวจะทิ้งอีก หลังจากจบบทความนี้ บางอย่างยอมรับว่ามีอาการเสียดาย .. แต่กลัวอันตราย แล้วเป็นโรคอะไรแล้วต้องเสียเงินเสียทองมากกว่าตัดใจทิ้งมันไป แล้วซื้อใหม่ซะ เพื่อสุขภาพ และ อนามัยของผิวตัวเอง

BEAUTY FACT 1 :  อย. ไม่บังคับให้ใส่วันหมดอายุลงในเครื่องสำอาง เพราะอายุขัยของเครื่องสำอางสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามการการถนอม และ เก็บรักษา เช่น เก็บในอุณหภูมิที่พอเหมาะ แห้ง เย็น ไม่ร้อน ไม่ตากแดด ไม่เปิดฝาตากลมจนฝุ่น และ แบคทีเรียลงไป จะทำให้ยืดอายุเครื่องสำอางได้มากขึ้น

BEAUTY FACT 2 : การเก็บเครื่องสำอางในตู้เย็นไม่ใช่การดีเสมอไป เพราะความชื้น ทำให้เครื่องสำอางเสียคุณสมบัติ และ เกิดการแยกชั้นของเนื้อครีมได้

 

โรค หรือ ปัญหาผิวหนังอะไรที่มาพร้อมเครื่องสำอางหมดอายุได้บ้างนะ ?

  • เยื่อบุตาอักเสบ  [ ตาแดง ]
  • เยื่อบุปากอักเสบ
  • อาการอักเสบของผิวต่างๆ เช่น ระคายเคือง ผื่นแพ้ ตุ่มแดงคล้ายสิว
  • ติดเชื่อแบคทีเรีย

 

ปัจจัยใดบ้างที่ทำเกิดปัญหาผิวหนังจากการแต่งหน้า ?

  • เครื่องสำอางหมดอายุ
  • เครื่องสำอางที่ไม่ได้มาตรฐานไม่มีฉลาก หรือ ตราสินค้าที่น่าเชื่อถือ
  • เครื่องสำอางที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว มีส่วนผสมที่ทำให้ผิวระคายเคือง
  • พัพฟ์ ฟองน้ำที่ใช้แต่งหน้าที่ไม่ได้ทำความสะอาดมานานเกิน 1 – 4 สัปดาห์

อายุขัยของเครื่องสำอางแต่ละชนิดยาวนานแค่ไหนถึงหมดอายุ ?

  1. ขึ้นกับวันหมดอายุที่ระบุบนฉลาก
  2. ถ้าไม่มีให้นับตั้งแต่วันแรกที่เปิดใช้ [ทำNoteแปะไว้หรือจดไว้] จะมีอายุโดยเฉลี่ยแต่ละประเภทเรียงตามลำดับดังนี้
  3. กลิ่นเปลี่ยน สีเปลี่ยน หน้าตาเปลี่ยน [ ทิ้งทันที ]

BEAUTY NOTED : เครื่องสำอางที่ใช้กับดวงตา หรือ ของเหลวมักไปไวกว่าที่อยู่ในรูปแบบการอัดแข็ง เนื้อแข็ง เพราะด้วยเนื้อของมันเป็นอะไรที่เกิดการสะสมของแบคทีเรียได้ง่ายเวลาที่เราเปิดฝา หรือ ดึงเข้าดึงออก จนลมสามารถลอดผ่านเข้าไปได้

 

  • มาสคาร่า & อายไลเนอร์แบบน้ำ = 3 – 6 เดือน
  • รองพื้น เบส ไพรเมอร์ บีบีครีม ที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก water-based = 12 เดือน / 1 ปี
  • รองพื้น เบส ไพรเมอร์ บีบีครีม ที่มีไขมันเป็นส่วนประกอบหลัก oil-based = 18 เดือน 
  • คอนซีลเลอร์ = 12 – 18 เดือน
  • ลิปกลอส = 12 เดือน
  • ที่ปัดแก้ม [บลัช ออน] & ที่ทาตา [อายแชโดว์] เนื้อครีม เหลว = 12 – 18 เดือน
  • ที่ปัดแก้ม [บลัช ออน] & ที่ทาตา [อายแชโดว์] เนื้อฝุ่น อัดแข็ง = 24 เดือน / 2 ปี
  • อายไลเนอร์ & ลิปไลเนอร์ เนื้อครีม = 24 เดือน
  • ลิปสติก  = 24 เดือน
  • แป้งอัดแข็งทุกประเภท  = 24 เดือน
  • ครีมบำรุงผิวไม่ใส่สารกันเสีย = 1 – 3 เดือน
  • ครีมบำรุงผิวใส่สารกันเสีย = 12 เดือน
  • น้ำยาทาเล็บ = 12 เดือน
  • น้ำหอม = 18 เดือน

 

BEAUTY NOTED : เครื่องสำอางของเหลว หากไม่สัมผัสด้วยนิ้วโดยตรง แต่เทออกมา ใช้แปรง ฟองน้ำสะอาด จะช่วยยืดอายุได้อีกซักนิด

 

อยากให้ใบหน้ามีผิวสุขภาพดีทั้งที่แต่งหน้ามีกฎเหล็ก 6 ข้อให้จำ

  1. ดูวันหมดอายุของเครื่องสำอางก่อนใช้ ไม่มีก็เขียนลงไปและเริ่มนับตั้งแต่วันที่เปิดใช้
  2. ไม่ใช่เครื่องสำอางที่หมดอายุขัยของมัน
  3. ล้างอุปกรณ์แต่งหน้าให้สะอาด แปรง พัฟ  สม่ำเสมอ 2-4 สัปดาห์ต่อครั้ง
  4. ล้างหน้าให้สะอาดทุกครั้งที่แต่งหน้าอย่างพิถีพิถันและใส่ใจ
  5. เลือกเครื่องสำอางที่เหมาะกับสภาพผิว โดยเฉพาะ รองพื้น ไพรเมอร์ เบส บีบีครีมที่ต้องลงทั่วหน้าทั้งวัน
  6. ไม่ใช่เครื่องสำอาง หรือ อุปกรณ์ แต่งหน้าร่วมกับใครทั้งสิ้น อาจทำให้เกิดการติดต่อเชื่อโรค เช่น เริม

BEAUTY NOTED : ระวังการซื้อเครื่องสำอางเซลล์เพราะอาจทำให้ได้เครื่องสำอางที่ใกล้หมดอายุมาไว้ในครอบครองแทน หรือ ไม่ควรซื้อเครื่องสำอางมาไว้ทีละเยอะๆ เพราะอาจเสื่อมสภาพก่อนจะได้ใช้

 

 

จะรู้ได้อย่างไรว่าเราแพ้เครื่องสำอางที่พึ่งซื้อมา ?

  • ถ้าเริ่มใช้ครั้งแรก แล้วผื่นขึ้น ต้องแยกให้ออกชัดเจน ว่า ระคายเคือง หรือ แพ้
  • ถ้าระคายเคืองจะ คัน คันยิบๆ หรือ ปวดแสบปวดร้อน เป็นแค่ช่วงสั้นๆ ไม่เกิน 10 นาที
  • ถ้าแพ้ใช้ไปซักพักจะเกิดอาการ ทีเป็นได้ตั้งแต่ผื่นแดง บวม ตุ่มน้ำ ขุย ลมพิษ ผื่นดำ ผื่นขาว สิว
  • การระคายเคืองมักเกิดจากส่วนผสมที่มีฤทธิ์เป็นกรด หรือ แอลกอฮอล์ในเครื่องสำอาง คนผิวแห้งมักเกิดอาการระคายเคืองง่าย
  • การแพ้ มักเกิดจาก 1. น้ำหอม  2.สารกันบูด

 

ทดสอบการแพ้เครื่องสำอางอย่างไร ?

  1. ทาทิ้งไว้ที่ท้องแขนตอนกลางคืน ทิ้งไว้ทั้งคืน ทำซ้ำ 1 สัปดาห์ติดต่อกัน ถ้าผื่นขึ้นแสดงว่าแพ้
  2. พบแพทย์ทำ SKIN PATCH TEST ตรวจสอบได้อย่างละเอียดว่าแพ้สารชนิดใดบ้าง จะได้หลีกเลี่ยง

BEAUTY FACT 3 : ผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า “hypoallergic” ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ทำให้เกิดการแพ้ เพราะปัจจุบัน อย. ไม่ได้กำหนดชัดเจนว่าต้องทำการทดสอบอะไรบ้าง

BEAUTY FACT 4 : ผลิตภัณฑ์หลายชนิดระบุว่า “แพทย์ผิวหนังรับรอง” หรือ “ผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนัง” แต่สมาคมแพทย์ผิวหนังยืนยันว่าไม่เคยรับรองผลิตภัณฑ์ใดทั้งสิ้น

BEAUTY FACT 5 : แม้ว่าจะเคยใช้เครื่องสำอางยี่ห้อนี้มานานแล้ว ไม่ได้หมายความว่าจะแพ้ไม่ได้ เพราะบางครั้งผู้ผลิตอาจมีการเปลี่ยนสูตรเล็กน้อย ทำให้แพ้ได้ หรือ สภาพผิวของเราที่แปรเปลี่ยนตาม อายุ ฤดูกาล ช่วงเวลา ฯลฯ

สารต้องห้ามในเครื่องสำอาง มี 1) ไฮโดรควิโนน 2) ปรอท เราทดสอบได้อย่างไร ?

  • ทดสอบไฮโดควิโนน เอานํ้าสบู่มาถูกับครีม ถ้าครีมเปลี่ยนสีเป็นสีนํ้าตาลดํา แสดงว่ามีไฮโดรควิโนน
  • ทดสอบปรอทในครีม เอาทองแท้มาถูกับครีม ถ้ามีสารปรอทเจือปน ครีมจะเปลี่ยนสีเป็นสีนํ้าตาลดํา

 

 

หวังว่าบทความนี้คงเป็นประโยชน์กับใครได้บ้างนะคะ นำไปใช้เพื่อสุขภาพผิวของเราค่ะ

ขอให้ทุกคนผิวสวย หน้าใสกันทุกคนค่ะ


แหล่งข้อมูล

– ผู้ช่วยศาสตราจารย์ รังสิมา วณิชภักดีเดชา ที่ปรึกษาศูนย์ผิวหนัง&ศัลยกรรมเลเซอร์ไอสกาย

– แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนัง แพทย์หญิง แอนเจลา บาวเวอร์ จาก สหรัฐอเมริกา

– Tesco UK magazine

– เดลินิวส์ออนไลน์

– ประสบการณ์ส่วนตัวจากที่เป็นสาวแต่งหน้ามา 8 ปี

 

 

 

 

 

 

 

Posted in BEAUTY, MAKE UP, Q&A, SKIN, SKIN CAREComments (2)

BEAUTY DIARY – ครีมผสมสดตามเนื้อเยื่อผิวหน้าเราทำให้ผิวดีขึ้นจริงหรือไม่ ?


 

 

 

 

 

 

ช่วงนี้อยากเขียนไดอารี่อีกครั้ง รู้สึกเหมือนได้คุยกับเพื่อนแม้ตัวเองจะเป็นคนพูดก็ตาม 🙂 ขอเขียนไดอารี่เรื่องครีมกันหน่อย ทำไมครึ่งปีมานี้เอิ๊กมันหมกหมุ่นเรื่องครีมจัง เพราะหน้าเป็นสิวไม่เลิกยังไงละ เป็นแบบสงครามโลกครั้งที่ 1 2 3 4 เอิ๊กเลยมาฟิตหนักเรื่องผิวจะมาอันดับแรก ผิวดีแต่งหน้าสวยแบบไม่ต้องโบ๊ะก็กิ๊กแล้ว และ เจอหมอผิวหนังที่เป็นอาจารย์ที่ชอบสอนนักเรียน เรามันเป็นเด็กเรียน ชอบเรียน ก็เลยถามเมามันส์เลย พอเป็นบล็อกเกอร์ด้วยก็แชร์มันเลย ไม่งั้นเก็บไว้กับตัวคนเดียว ไม่ทันตายลืมหมด

เสียดายอยู่อย่างเดียว ถ้า12ปีที่แล้ว เราสามารถรู้จักว่าผิวตนเองเป็นแบบไหนเหมือนตอนนี้ เลือกใช้ครีมเป็น โดยเริ่มแยกแยะส่วนผสมบางอันออก เราคงไม่ต้องพบเจอกับคำว่า หายนะของผิวหน้า เป็นสิวอย่าให้พูดดีกว่า ว่าความทรมานในจิตใจมันเยอะขนาดไหน

เอิ๊กมารู้จักครีมที่ผสมขึ้นตามเนื้อเยื่อผิวหนัง เพราะเจอที่ ISKYCENTER ก็รู้สึกว่ามันคงจะดีมาก ถ้าวันนึงเราปรุงครีมขึ้นได้เอง เหมาะกับเราคนเดียว มัน UNIQUE มาก และมันคงจะแพงมาก ปรากฎว่ามันไม่แพง สู้ไหว เพราะกระปุกมันใหญ่ 50 มิลลิกรัม 800-1200 บาท แล้วแต่สูตร 1.ต้านริ้วรวย 2.ทำให้ขาวใส 3.บำรุงให้อาหารผิว รวมค่าแพทย์เรียบร้อยไม่เกินนี้ ความจริงอยู่ที 600-900 บาท ค่าแพทย์ตรวจ 200-300 บาท

ใช้ครีมจนเกือบหมดกระปุกภายใน 2 เดือน เอิ๊กทาแค่ช่วงกลางคืน เอิ๊กนอนเช้าทุกวัน แต่พบว่าผิวดีขึ้นเกือบ 100% ในเรื่องปัญหาผิวที่เคยมี นั่นหมายความว่า

” เมื่อไหร่ก็ตามที่เลือกใช้ครีมได้ถูกกับผิวหน้าจริงๆ เหมาะสม ผิวคุณมีสิทธิ์ดีขึ้นได้ โดยไม่ต้องหาหมอ “

เอิ๊กมีใช้Lotion และ Oil เพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวก่อนลงครีมด้วย ซื้อตามซุปเปอร์มาเกต แต่เลือกที่เหมาะกับผิว ไม่แพ้ ไม่ระคายเคือง

ผิวแบบดีขึ้นมาก ทำไมไม่รู้จักผิว และเลือกให้เป็นตั้งนานแล้ว มารู้เอาตอนวัยทำงาน – – “

เวลาผิวดีขึ้น ข้อแรกเลย คือแต่งหน้าเรียบเนียนขึ้น ไม่มีขุย ไม่มีสิว ไม่มีบวม ไม่มีแดงและแพ้

เมื่อใช้ครีมที่ตรงกับผิวเรา ความรู้สึกคือหน้ามันดูฟู อิ่ม ทำให้เอิ๊กไม่อยากลองครีมทาผิวหน้าอะไรใหม่ทั้งสิ้น คือ ไม่ให้มีตัวไหนมาแทน เพราะครีมที่ปรุงมาเพียงคนเดียว มันคงมีแค่กระปุกเดียวนี่ละ ยกเว้น Lotion Oil ตามที่บอก พวกเนื้อบางเบา ยังเปลี่ยนอยู่ชอบลองของใหม่ 555 แต่ไม่ชอบให้หน้าเละ ล่าสุดครีมจะหมดแล้ว เอิ๊กรู้สึกว่าผิวเริ่มดี เอิ๊กเลยอยากลองใช้สูตรผิวขาว เอิ๊กเลยต้องตรวจผิวละเอียดอีกครั้งเพื่อปรุงครีมเฉพาะขึ้นมา

รอบนี้ คือ โปรแกรมสามารถเปรียบเทียบก่อนหลัง ไปฉายแสง UV ดูชั้นลึกของผิว หน้ากลัวเช่นเคย

% ยิ่งเยอะผิวยิ่งดี ซ้ายเก่า ขวาใหม่

การดูแลผิวของเอิ๊กได้รับแต่เลเซอร์เฉพาะจุดบ้าง แต่หลายเดือนแล้วไม่ได้ทำ และ IPL 1 ครั้ง ไม่น่าจะใช่เหตุผลที่ทำให้คะแนนผิวดีขนาดนี้

  1. 5 เดือนผ่านไป ในการดูแลสาเหตุการเกิดสิวทำให้สิวไม่มาอีก สาเหตุสิวของเอิ๊กคือ ล้างผลิตภัณฑ์บำรุงผมไม่เกลี้ยง
  2. ล้างหน้าตามแนวขน 4 เดือน
  3. ใช้ครีมตามสภาพผิว 2 เดือน
  4. IPL 1 ครั้งเมื่อ 1 เดือนที่แล้ว
  5.  ใช้เครื่องนวดกระชับผิว ครึ่งเดือน นวดอาทิตย์ละ 2-4 ครั้ง

ทุกอย่างดูแลแบบองค์รวม ดูแลทุกด้าน

การตรวจใบหน้าอีกครัั้งใน 5 เดือนที่ผ่านมา ดูแลแบบเกือบทุกส่วน ยกเว้นนอนเช้า ยังเลิกไม่ได้

ผิวดีขึ้นมาก ไม่รู้เพราะครีม หรือเพราะองค์รวม แต่เชื่อว่าครีมก็มีส่วนช่วยมากไม่น่าต่ำกว่า 50%

วงกลมเขียวคือดีขึ้น วงกลมแดงคือแย่ลง

หน้าแปลกใจขนาดไม่ออกจากบ้าน กระ จุดน้ำตาลมีโอกาสเพิ่มขึ้น เพราะเอิ๊กนั่งแต่หน้าคอมนั่นหมายถึง ต้องทากันแดดแม้อยู่หน้าจอคอม และ ริ้วรอยรอบดวงตาเอิ๊กมี เพราะเอิ๊กใช้แต่ที่ทาตาแบบลดอาการเหนื่อยล้า แต่ไม่ได้ลดริ้วรอย

คะแนนการฉายแสง UV ดูผิวชั้นลึก เห็นละเอียดมาก ผิวดีขึ้นเกือบ 100%

แต่ติดตรง ริ้วรอย และ จุดสีน้ำตาลที่เพิ่มมากขึ้นนอกนนั้น ดีขึ้นหมด

มาอีกเครื่องเพื่อทดสอบความแม่นยำ ควรตรวจผิวตั้งแต่2เครื่องขึ้นไป อันนี้เช็คสีผิว ความยืดหยุ่น น้ำมันในผิว ความชุ่มชื่น

เอิ๊กจำคะแนนในหัวได้หมด

สีผิว เก่า 17 > ใหม่ 14

ความชุ่มชื่น เก่า 33 > ใหม่ 34

น้ำมันในผิว > เก่า 1 > ใหม่ 4.8

ความยืดหยุ่นผิว เก่า 75 > ใหม่ 95

มันดีขึ้นทุกด้าน แสดงว่าตรวจเครื่องแรกค่อนข้างได้ผลที่ตรง ผลลัพธ์คือ ความชุ่มชื่นยังคงต้องดูแลเพิ่มแต่ดีขึ้นนิดนึง / ผิวขาวขึ้น 3 คะแนน อย่างไม่ทราบสาเหตุงงมาก – -” ไม่มีครีม โลชั่น หรืออะไรก็ตามที่เป็นสูตรWhitening ไม่ได้ขัดหน้า แต่ขาวขึ้น หมอบอกอยู่คำนึงว่า ถ้าเราใช้ครีมที่ตรงกับผิว ผิวจะดูชุ่มชื่นและดูเหมือนขาวขึ้น / น้ำมันในผิวดีขึ้นมีน้ำหล่อเลี้ยงดีขึ้น / แต่ที่ตกใจสุดคือ ความยืดหยุ่นผิว 95 มันดีขึ้นมากกกกกกก จนแอบคิดไปตอนล้างหน้าตามแนวขน ที่เขาบอกว่า คอลลาเจน อีลาสติน จะดีขึ้น แข็งแรง ยืนหยุ่นดี เหลือเชื่อมาก ว่าคะแนนมันกระโดดเยอะมาก


ตอนนี้จดไว้ 4 สาเหตุที่ทำให้ผิวดีคือ

1. ใช้ครีมที่เหมาะกับผิว

2. ล้างหน้าตามแนวขน

3. ใช้เครื่องผลักครีมให้ซึมสู่ผิวดียิ่งขึ้น

4. IPL ทั่วหน้า 1 ครั้ง

ยังไงก็คงรักษา 3 ข้อแรกไว้อย่างแน่นเหนียว หรือถ้าให้เลือก 2 ข้อ ก็ 2 ข้อแรกต้องอยู่

สาเหตุที่ทำให้ผิวแย่ คือ ไม่ทาครีมกันแดดเวลาเล่นคอม ใช้สายตาหนักไม่พักตาเริ่มมีริ้วรอยและแห้งกร้านแล้ว

เอาละมาพบกับโฉมหน้าที่แท้จริงกันหน่อยไปแพ้ไฟสตูดิโอมา พอใช้อะไรผิดไปหน่อย บวมแดงเลย ทิ้งสิวผดเต็มหน้าผากเลย ตอนนี้ดีขึ้นละ ขออนุญาติเผยผิวจริงไม่ RETOUCH สิวอุดตันมีบ้างประปราย ล้างหน้าตามแนวขนเอาออกให้หมด มันจะไหลแข็งหลุดไปเอง สิวเสี้ยนจัดเต็มไม่มีอะไรโค่นมันแบบถาวรได้

เครื่องนวดผลักครีมบำรุงที่เหมาะกับผิว ต้องใส่ครีมเยอะๆ ใส่น้ำแร่บ่อยๆถ้ารู้สึกเริ่มฝืด ต้องให้แบบเครื่องถูได้ลื่นๆ

เสร็จแล้วผิวดีขึ้นไหม 555 ไม่ได้ใช้ทุกวันนะคะ เพราะผิวแพ้ง่าย ปกติใช้มือทาครีมนี่ละ แล้วก็แต้มสิว แปะผงพิเศษ และ เข้าบรรทม

ขี้เหร่เนอะ 555

ครีม SIGNATURE CREAM ของเราคนเดียว ยังไปปรุงอยู่ที่ศูนย์ ISKY

รอบแรก ซ้ายเก่า ให้ความชุ่มชื่นเป็นอาหารผิว / รอบสอง  ขวาใหม่ สูตรWhitening

หน้าตาเปลี่ยน ชอบของเก่ามากกว่าชอบอะไรใหญ่ๆ

ด้านข้างเปลี่ยนด้วย กลายเป็นชื่ออิชั้น และวันเดือนปีที่ปรุงผสมครีมนี้ขึ้นมา มีเวลาด้วย – – ” รู้หมดเลยไปหาหมอตอนไหน

ข้อด้อยของครีมปรุงสด คืออะไรรู้ไหม ครีมพวกนี้มีข้อดีคือไม่มีน้ำหอม สารกันเสีย ดังนั้น มันต้องแช่ตู้เย็น หรือไว้ในที่ๆไม่ร้อนอบอ้าว และใช้ให้หมดภายใน 1-2 เดือน

เนื้อครีมเก่าเพิ่มความชุ่มชื่น ขาวอวบอิ่ม ฟู ด้านซ้าย /

เนื่อครีมใหม่เน้นขาวลดกระฝ้า เหลืองอ่อน ร่วน แน่น ด้านขวา

ชอบของเก่ามากกว่า หอมมากกว่า ของใหม่แบบว่าไม่พึงพอใจในกลิ่น

แต่ใช้แล้วไม่แพ้   บำรุงผิวอิ่มเหมือนกันให้อภัยนะ

ของใหม่ไม่มีวิตามินอี แต่เพิ่มส่วนผสมของ GIGA WHITE / GRAPE SEED

และ อะไรอีกไม่แน่ใจ ถามที่เคาท์เตอร์จ่ายยามา

ดังนั้นถ้าถามว่าดีขึ้นใหม่ ถ้าเกิดรู้จักผิว เลือกครีมได้เหมาะกับผิว ตอบว่า เกิน 50% ดีขึ้นแน่นอน

ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องดูแลผิวแบบองค์รวมอย่างที่บอกไว้ตอนต้น

🙂 ขอให้ผิวดีกันทุกคนนะคะ


XOXO

Posted in ACNE, BEAUTY TECHNOLOGY, ERK-ERK, FACE, SKIN, SKIN CAREComments (5)

TALK ABOUT – สัมมนาการสลายไขมันส่วนเกินด้วยความเย็น และ ตอบคำถาม


ได้มีโอกาสไปงานวิชาการ การสลายไขมันส่วนเกินด้วยความเย็น การทำ CRYOLIPOLYSIS ด้วยเครื่อง ZELTIQ จัดให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไปโดย รพ.วิชัยเวช อินเตอร์เนชันแนล หนองแขม และ ศูนย์ผิวหนังและศัลยกรรมเลเซอร์ไอสกายจัดขึ้น ไม่เสียค่าใช้จ่าย ภายในงานมีให้ความรู้โดยอาจารย์โรงเรียนแพทย์ผิวหนังจาก รพ. ศิริราช

ศาสตราจารย์ นายแพทย์ วรพงษ์ มนัสเกียรติ

และ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ แพทย์หญิง รังสิมา วณิชภักดีเดชา

เป็นผู้ให้ความรู้ด้านการสลายไขมันด้วยความเย็น รวมถึงความรู้เกี่ยวกับเซลล์ไขมัน และ การตอบคำถาม

ภายในงานก็จะมีรายเอียดประมาณที่เก็บภาพมาฝากกันเล็กน้อยค่ะ CLICK

และสำหรับคนที่ไม่ได้ไป เอิ๊กเก็บรายละเอียดวิชาการในส่วนสำคัญมาฝากค่ะ

– การสาธิตการสลายไขมันส่วนเกินด้วยความเย็น

– ตอบคำถาม เช่น การทำซิกแพก การรู้จักเซลล์ไขมัน การกระชับสัดส่วน การกำจัดไขมันส่วนเกิน

ฯลฯ

ขอบพระคุณมากค่ะที่ได้จัดงานให้ความรู้แก่ประชาชนขึ้นมาค่ะ 🙂

ปล. ถ้าไม่ใช่เด็กเรียนมาก่อน อาจจะฟังแพทย์แล้วงุนงง เทคโนโลยี ศัพท์ อุปกรณ์แพทย์ผิวหนังเยอะมว๊ากกก

ใครอยากอ่าน HOW TO ที่เอิ๊กทำในการสลายไขมัน CLICK

ยัง REVIEW ไม่ได้ยังไม่ครบ 2 เดือนเลย ในงาน CEO รพ ก็จับชื่อให้ได้รางวัลทำฟรีมา 1 ครั้ง ดีใจมากกกกกก

เดี๋ยวเอาไขมันที่ท้องส่วนเกินออกอีก

 

 

 

 

XOXO

Posted in BEAUTY TECHNOLOGY, DIET, FAT, HOW TOComments (1)

BEAUTY TALK – การสังเกตุผิวตัวเองว่าเป็นแบบไหน แห้ง มัน ผสม ธรรมดา แพ้ง่าย และวิธีการดูแลเบื้องต้น


 

การสังเกตุผิวตัวเองว่าเป็นแบบไหน แห้ง มัน ผสม ธรรมดา แพ้ง่าย และวิธีการดูแลเบื้องต้น

Knowing your skin type (dry, oily, combination, normal, or sensitive)

will help you know how to care for your complexion. 

 

 

 

 


 

คนส่วนใหญ่ที่ได้พบและพูดคุย ล้วนต่าง เง็ง (งง และ เซ็ง) ไม่รู้ว่าผิวตัวเองเป็นแบบไหน ? ต้องการการดูแลอย่างไร ? เราเองก็อยากแนะนำ แต่เราไม่ผู้เชี่ยวชาญ หรือแพทย์ทางด้านผิวหนัง เราก็จะดูแลได้เฉพาะผิวแห้ง แพ้ง่าย เป็นสิวง่ายของตัวเองเท่านั้น เวลาใครถามจึงได้แต่แนะนำให้อ่านลิงค์นี้ว่า ใช้สกินแคร์อะไรดี เครื่องสำอางอะไรเวิค แต่ก่อนอื่นที่เพื่อนๆจะอ่าน REVIEW เพื่อนๆควรต้องรู้จักผิวตัวเองก่อนว่ามีสภาพผิวแบบไหนเพราะการดูแลผิวผิดวิธี ทำให้สุขภาพผิวแย่ลงได้จากเดิมมาก จากการที่เอิ๊กได้อ่านหนังสือมา ฟังวิชาการจากคุณหมอ สัมภาษณ์ตั้งคำถามคุณหมอ อ่านเว็บไซด์ รวมถึงประสบการณ์ตรง ขอแบ่งปันข้อมูลที่ตัวเอียงเรียบเรียงขึ้นมาใหม่ ประมาณนี้นะจ๊ะ 

Most people I’ve talked to are perplexed when it comes to telling what skin type they belong to and the proper care required. I’m neither an expert nor a dermatologist so I can only take care of my own, dry, sensitive, and acne-prone skin. When I get asked, I refer to the following link “What skin care products are effective? What cosmetics work best?.” But before running through the REVIEW, you have to understand how to determine your skin type because without that knowledge, improper care can lead to poor skin health. To the best of my knowledge gathered from books, seminars, and websites including my own first-hand experience, I’d like to share the following information with the readers:

ผิวคนเราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ตลอดวัน สิ่งแวดล้อม อายุ สภาพอากาศ ความเครียด ฮอร์โมน ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ฯลฯ หัวใจหลักของการบำรุงที่แท้จริง คือ การทำให้ผิวอยู่ในสภาวะที่ชุ่มชื่น (มีน้ำหล่อเลี้ยงผิว) อย่างเหมาะสมสมดุล ตลอดเวลา

Our skin conditions change constantly over time. There are a number of factors involved such as the setting, age, the weather, your stress level, your hormones, your immune system, etc. Caring for your skin is all about keeping your skin moist at all times.

 

หลักในการแบ่งผิวแต่ละประเภทด้วยตา จะมองหาจาก น้ำหล่อเลี้ยงผิว (น้ำมันเคลือบผิว) บนใบหน้าเป็นหลัก 

The main criterion that’s used to determine the skin type by the naked eyes is the amount of oil or moisture on the face.

 

  • น้ำมันหล่อเลี้ยงผิว สำคัญแค่ไหน ?

ลองนึกภาพ เต่ากับกระดอง ความสำคัญของกระดองคือการปกป้องอันตรายจากสภาวะแวดล้อมต่างๆที่ไม่ปลอดภัยรอบตัว ไม่ให้ภัยมาทำอันตรายโดนเนื้อของเต่าได้ “ น้ำหล่อเลี้ยงผิว = กระดองเต่า “ มีหน้าที่ปกป้องผิวจากสารเคมี สภาพแวดล้อมมลพิษที่เป็นอันตราย ไม่ให้ซึมลงสู่ผิวหน้า ความอันตรายจากการสูญเสียภาวะสมดุลของน้ำหล่อเลี้ยง ต่อมไขมันผลิตน้ำมันได้น้อยลง เมื่อนั้น โดดแดดก็เกิด กระ ฝ้าง่าย ใช้เครื่องสำอางผิดประเภท ก็แพ้ ก็หมองคล้ำง่าย ยิ่งน้ำหล่อเลี้ยงน้อยมากเท่าไหร่ โอกาสได้รับอันตรายของผิวก็มากขึ้นเท่านั้น 

How important is skin hydration?

Picture a turtle with its shell. The shell is used to shield the turtle from all kinds of potential danger around them. By the same token, the oil or moisture on our face is used to protect our skin from the chemicals and contaminations all around us. The less the oil or moisture, the less the protection. You will be exposed to a much greater chance of having freckles and blemishes all over your face and will be more sensitive to the wrong type of cosmetics you put on as well.

การแบ่งสภาพผิวด้วยตาเปล่า จึงสังเกตุเอาความสมบูรณ์สมดุลของการผลิตน้ำหล่อเลี้ยงมาจำแนกผิวแต่ละประเภท ยิ่งการผลิตน้ำหล่อเลี้ยง(น้ำมัน)บนใบหน้าดี พอเหมาะไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ผิวจะมีความแข็งแรง ยืดหยุ่น สุขภาพดี ผิวพรรณเปล่ง ร้ิวรอยหายาก ..

Keeping your skin at the right balance makes your skin healthy, supple, shiny, and most importantly, wrinkle-free.

 

ผิวแบ่งยังไง 4 สภาพผิวยอดฮิต ผิวแห้ง ผิวมัน ผิวผสม ผิวธรรมดา 

4 Basic Skin Types: Dry, Oily, Combination, and Normal

  • ผิวธรรมดา Normal Skin
[สีเหลืองแทนด้วยน้ำมันหล่อเลี้ยงผิว มีน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวพอเหมาะ สมดุล สมบูรณ์ที่สุด]

ลักษณะ : ผิวหน้าเรียบเนียนละเอียด  ผิวอวบอิ่ม มองด้วยตาไม่แห้ง ไม่มัน ดูนุ่มนวลชุ่มชื่นพอดี เพราะผิวมีการผลิตน้ำมันได้สมดุลสมบูรณ์แบบที่สุด  ลองสังเกตุผิวของเด็ก เด็กเป็นตัวแทนของผิวธรรมดาที่เราสังเกตุเห็นได้ง่ายที่สุด

If you skin belongs to a normal type, it should look clean and smooth and has a good circulation and healthy complexion. Take children’s skin for a good example of a normal skin type.

ข้อดี : รูขุมขนแทบจะมองไม่เห็น ใบหน้าไม่มีปัญหาผิวกระ ฝ้า สิว รบกวนเท่าไหร่

Pluses: You can barely notice any trace of pores on your face and should be relatively free of freckles, blemishes, acne, and the like.

ข้อด้อย : ต้องดูแลไม่ให้ขาดความชุ่มชื่นด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม รักษาน้ำหล่อเลี้ยงให้อยู่ในปริมาณที่สมดุล พอเหมาะไม่งั้นผิวก็เสียได้เหมือนกัน

Minuses: You should keep hydrating your complexion with effective skin care products to preserve the right balance or you risk damaging your skin.

การดูแล : เลือกใช้ครีมบำรุงสำหรับผิวธรรมดา ที่ไม่เข้มข้น หรือ บางเบาจนเกินไป โดยครีมบำรุงมีลักษณะปกป้องความชุ่มชื่นของผิวระหว่างวัน / ทากันแดดทุกวัน / สครับผิวอาทิตย์ละ 1 ครั้ง หรือ เดือนละ 2 ครั้งเพื่อคงความอ่อนเยาว์และช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป

 

Care: Use products with moisturizer that are not too rich or too light for normal skin. Apply sunscreen lotion every day and scrub weekly or fortnightly to get rid of dead skin cells (keratins).


 

 

  • ผิวแห้ง Dry Skin
[สีเหลืองแทนด้วยน้ำมันหล่อเลี้ยงผิว มีน้ำมันหล่อเลี้ยงน้อยมาก สีเหลืองไม่ค่อยมีเลย]

ลักษณะ : ผลิตน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวได้น้อย น้อยมาก ถ้าล้างหน้าแล้วรู้สึกหน้าแห้งตึง หรือ หน้าเป็นขุยกระจัดกระจาย เกิดริ้วรอยบางๆได้ง่าย 

Characteristics: To those with dry skin type, your face skin will feel flaky, dry, and tight after you have washed or wiped your face.

ข้อดี : ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องรูขุมขน 

Pluses: You should have little trouble with pores.

ข้อด้อย : ร้ิวรอยมาเร็ว เวลามีสิว จะรักษายากกว่าคนผิวมัน เพราะผิวจะไวต่อยาบางกลุ่ม จะทำให้ยิ่งแห้ง แดง ลอก เวลาหนาวยิ่งแห้ง ยิ่งระคายเคืองง่าย

Minuses: Your skin is vulnerable to wrinkles and fine pores, and it is very prone to aging and irritating. This skin type is more difficult to care for than the oily type since it’s more sensitive to some lotions.

การดูแล : ใช้ครีมบำรุงสำหรับผิวแห้ง เนื้อครีมจะเข้มข้นให้ความชุ่มชื่นได้ดี รวมถึงปกป้องการสูญเสียความชุ่มชื่นระหว่างวัน / ใช้สเปรย์น้ำแร่เพิ่มความชุ่มชื่นก่อนแต่งหน้าได้ / เลือกครีมกันแดดที่ผสมมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ให้ความชุ่มชื่น / ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ไม่มีฟอง / เลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ตระกูล sodium,AHA-BHA,น้ำหอม / ถ้าชอบทานอาหารเสริมอาจเลือกทานน้ำมันปลาช่วยทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น,Omega ช่วยลดการอักเสบหรือพวกผื่นแพ้ได้ / หลังล้างหน้าเสร็จ เช็ดหมาด ตามด้วยครีมทันที ผิวหมาดจะเก็บความชุ่มชื่นจากครีมและป้องกันการระเหยของครีมได้ดีกว่า / ดื่มน้ำเยอะๆ / หน้าหนาวต้องดูแลใช้ผลิตภัณฑ์เข้มข้นให้ความชุ่มชื่นเป็นพิเศษ

Care: Use lotions and creams for dry skin. The richness in the lotion will keep your skin hydrated and provide the necessary protection during the day. You may use mineral sprays before putting on the makeup. Select sunscreen with moisturizer and use bubble-free facial cleansing products. Avoid using products with Sodium, AHA-BHA, and perfumes. For those who take supplements, try fish oil which helps strengthen your complexion and the omega will help reduce inflammations and rashes. After washing your face, half dry it with towel and apply the lotion immediately. The half-dried skin retains moisture more effectively. Drink plenty of water and use extra-rich products during the winter months.

หลีกเลี่ยง : น้ำหอม แอลกอฮอลส์ สีสังเคราะห์ ลาโนลิน สารกันเสีย สารPABA

Things to Avoid: Perfumes, Alcohols, Synthetic colors, Lanolins, Preservatives, and PABAs

 

  • ผิวมัน 
[สีเหลืองแทนด้วยน้ำมันหล่อเลี้ยงผิว มีน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวมาก มากไป]

ลักษณะ : ผลิตน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวมากเกินไป ถ้าล้างหน้าแล้วภายใน 2 ชั่วโมง ผิวเริ่มมัน รูขุมขนดูกว้างเห็นชัด มีสิวเสี้ยนง่าย สิวหัวดำโดยเฉพาะช่วงจมูก เป็นสิวง่าย

Characteristics: If you have oily skin, you have excess oil on your face. In 2 hours after washing your face, your skin will start looking greasy, thick, coarse, and shiny. You are prone to have enlarged pores and tend to break easily into acne and blackheads especially in the nose area.

ข้อดี : ริ้วรอยเกิดยากกว่าคนผิวแห้ง ไม่ค่อยแพ้ระคายเคืองง่ายเหมือนคนผิวแห้ง

Pluses: A good thing, though, is that oily skin is not prone much to aging and wrinkling.

ข้อเสีย : สิวอักเสบเกิดได้บ่อย สิวอุดตันเกิดง่าย 

Minuses: Prone to inflammatory acne and comedones.

การดูแล : TONERคุมมัน / AHAผลัดเซลล์ผิว / BHA ลดความมัน ละลายไขมันอุดตันในรูขุมขน / ยาทากลุ่มกรดวิตามิน A ทาลดสิวเสี้ยน สิวอุดตัน / ใช้อะไรที่เป็น oil control, oil free / non-comedone / หลีกเลี่ยงส่วนผสมที่เกี่ยวกับ Oil / หน้าร้อนต้องดูแลเป็นพิเศษ อาจทำให้เกิดการผลิตน้ำมันมากเกินไป เกิดสิวอุดตัน กลายมาเป็นสิวอักเสบได้ง่าย / เลือกครีมบำรุงเนื้อบางเบา เช่น lotion serum

Care: Use oil control toners, AHA to shed keratins, BHA to reduce oiliness and clogged pores, acidic lotion with vitamin A to treat pimples and comedones, basically anything that’s oil control or oil free or non-comedone. You need to be especially cautious in the summer months. Avoid rich creams, use lighter lotions like lotion serum.

หลีกเลี่ยง : มิเนอรัล ออย MINERAL OIL ทำให้เกิดการอุดตันและเป็นสิว

Things to avoid: Mineral oil is the main culprit of pore clogging and pimples.

 

  • ผิวผสม Combination skin
[สีเหลืองแทนด้วยน้ำมันหล่อเลี้ยงผิว มีน้ำมันหล่อเลี้ยงช่วงT-Zone เยอะ]

ลักษณะ : ผิวลูกครึ่ง มีทั้งแห้งและมันในผิวหน้า แก้มอาจจะแห้ง จมูกหน้าผากอาจจะมัน ตรงที่มันพบว่าสิวจะขึ้นง่าย ตรงที่แห้งก็มีโอกาสลอกเป็นขุย

Characteristics: If you skin is combination, you’ll have patches of both dry and oily skin. Your nose and forehead can be oily while the cheeks may be dry. The oily zone is prone to acne while the dry zone will be dry and flaky.

ข้อดี : เกิดริ้วรอยยากบริเวณที่มัน ไม่มีเรื่องรูขุมขนกว้างในบริเวณที่แห้ง

Pluses: No need to worry about aging and wrinkling in the oily zone and no enlarged pores in the dry zone.

ข้อเสีย : ดูแลยากกว่าทุกสภาพผิว เพราะต้องดูแลแบบผิวมันตรงส่วนที่มัน แบบผิวแห้งตรงส่วนที่แห้ง สิวผดอาจชอบขึ้นบริเวณหน้าผาก การเลือกครีมหรือยายากกว่าผิวแห้งและมัน

Minuses: It requires different types of care in relation to particular facial areas. You are prone to Mallorca acne (acne estivalis) in the forehead area. Choosing the right care is more troublesome than dry or oily skin.

การดูแล : ใช้ครีมสองสูตร ใช้พวกcleanserที่ทำความสะอาดใบหน้า 2 สูตร ใช้ทั้งสำหรับแห้ง และ มัน ส่วนในแห้งลงแบบแห้ง ส่วนไหนมันก็ลงแบบมันไป แต่ถ้าต้องเลือกแค่แบบเดียว ให้เน้น ผิวแห้งถึงผิวธรรมดาดีกว่า / คุมมันโดยTONERเช็ดส่วนมัน / ใช้ AHA BHA ส่วนมัน

Care: Use creams and cleansers for both dry and oil skin accordingly. But if you are down to a single choice, opt dry to normal. Control oiliness with toners, AHA, and BHA.

หลีกเลี่ยง : น้ำหอม แอลกอฮอลส์ สีสังเคราะห์ ลาโนลิน สารกันเสีย สารPABA มิเนอรัล ออย MINERAL OIL ทำให้เกิดการอุดตันและเป็นสิว

Things to avoid: Perfumes, Alcohols, Synthetic Colors, Lanolins, PABAs, and Mineral Oils

 

  • นอกจากการดูแลสภาพผิวตามผิวแล้ว แล้วผิวแพ้ง่าย มันมาจากไหน ??????

ผิวแพ้ง่ายเกิดได้กับทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะผิวแห้ง ผิวมัน ผิวผสม ผิวธรรมดา ทำให้ต้องดูแลผิวมากกว่าปกติ ทุกคนที่มีผิวแพ้ง่ายก็จะมีนามสุกล แพ้ง่าย ห้อยท้าย : ผิวแห้ง – แพ้ง่าย ผิวธรรมดา-แพ้ง่าย ผิวมัน-แพ้ง่าย ผิวผสม-แพ้ง่าย นอกจากการดูแลข้างต้นต้องเพิ่มการดูแลแบบแพ้ง่ายเข้าไปด้วย

Besides caring for your complexion by skin type, every type can also be a little extra sensitive. Where does the sensitiveness come from?

Being sensitive can occur to every skin type and it requires extra care. Anyone whose skin is sensitive will have sensitive as a suffix: Dry-Sensitive, Normal-Sensitive, Oily-Sensitive, Combination-Sensitive. Aside from the general care by skin category, you need to add special care for sensitive skin as well.

 

  • ผิวแพ้ง่ายคืออะไร และเกิดจากอะไร ? What’s a sensitive skin and what causes it?

ผิวแพ้ง่ายอาจจะเป็นปัญหาที่ผิวที่มาจากเซลล์ผิวไม่แข็งแรง 

Skin sensitiveness may arise from unhealthy skin cells

  • อาจจะเกิดจากการใช้อะไรที่ทำให้ใบหน้าระคายเคือง The use of something that irritates your facial skin
  • กำจัดขี้ไคลมากเกินไป สครับหน้าบ่อยเกินไป การผลัดเซลล์ผิวมากเกินไป Excessive scrubbing and skin peeling
  • ใช้อะไรรุนแรงไป เช่น ยารักษาสิว ยาละลายสิวอุดตันแล้วทิ้งไว้นาน The use of strong substances like acne lotion and leaving it on for too long
  • ล้างหน้าบ่อยไป Excessive face washing
  • อากาศ The weather
  • ความเครียด Stress level
  • อาหารที่ทาน Diet and Nutrition
  • ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย The immune system
  • การใช้เสตียรอยด์ติดกันเป็นระยะเวลานาน Extended use of steroids
  • สภาพแวดล้อม The environment
  • ฮอร์โมน Hormones
  • เครื่องสำอาง Cosmetics
  • สารเคมี Chemicals
  • แช่น้ำนาน Prolonged stay under the water

เมื่อเซลล์ผิวหนังไม่แข็งแรง ปราการการปกป้องผิวสูญเสีย ผิวหนังก็จะเสียสมดุลในการผลิตไขมันออกมาเป็นน้ำหล่อเลี้ยงทำให้ผลิตน้ำหล่อเลี้ยงได้น้อยลง เวลาอะไรมาโดนใบหน้า ผิวจะซึมรับทุกอย่าง จึงเกิดการระคายเคือง คัน แดง เห่อ บวม อย่างใดอย่างหนึ่งนั่นเอง 

When your skin cells are unhealthy or weak, they lose the ability to adequately produce oil to moisturize the skin. As a result, the skin becomes easily irritated and may lead to itchiness, redness, swelling, or one of the above.

 

  • ผิวแพ้ง่าย  Sensitive skin

ลักษณะ : ผิวที่มีความสามารถในการปกป้องผิวลดลง ผิวอักเสบง่าย ผิวอ่อนแอลง สุขภาพผิวไม่แข็งแรง ต้องดูว่าเคยใช้พวกครีม หรือ ยาทารักษาสิว แล้วทำให้เกิดการระคายเคือง หรือ แห้งลอก บวมแดง เป็นผื่นแพ้ แสบรวมถึงคัน อย่างใดอย่างหนึ่งรึไหม ?

Characteristics: Sensitive skin is usually very dry, tends to feel tight, and becomes inflamed and irritated easily. Typically, sensitive skin develops reddish and scaly areas, can be itchy and tingly, and is prone to breaking into spots. You need to see if you have any of the symptoms mentioned after using some lotion or treatment.

การดูแล : ใช้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถเคลือบผิวไว้ ทำหน้าที่เสมือนน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวที่เลียนแบบน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติของมนุษย์ / หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มี สารกันบูด และน้ำหอม ที่ปราศจาก สี แอลกอฮอล์ และสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังแล้วว่า อ่อนโยน ปลอดภัย สำหรับ ผิวแพ้ง่าย / อาหารควรทานแมกนีเซียม ปลา และหอยเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันผิวหนังให้แข็งแรง / เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เกิน 2 ตัวในการบำรุงผิว และต้องเป็นสูตรอ่อนโยน

Care: Use dermatologist recommended products that protect your skin and act like natural grease. Avoid products with preservatives, colorless perfumes, alcohols, and irritating agents. Include fish, mollusks, and foods with plenty of Magnesium in your menu to invigorate your skin. Use no more than 2 products to care for your skin and make sure they are sensitive formula.

หลีกเลี่ยง : น้ำหอม แอลกอฮอลส์ สีสังเคราะห์ ลาโนลิน สารกันเสีย สารPABA

Things to avoid: Perfumes, Alcohols, Synthetic colors, Lanolins, Preservatives, and PABAs

 

 

หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆในการดูแลผิวบ้างนะคะ

XOXO

I hope this helps you learn more about how to care for your skin.

Thanks, stay healthy and stay young forever….xoxo.

 

ขอขอบพระคุณ ดร.วาทิน เฉลิมดำริชัย จากสถาบันไอฟาส
สำหรับความช่วยเหลือด้านภาษาอังกฤษ 

 

 ที่มาข้อมูล + รูปภาพ

– สัมภาษณ์แพทย์หญิงวรทัย เตือนอารีย์ ISKYCENTER

– หนังสือ สิว Solution คุณหมอผิง

– FW เมลล์

– ประสบการณ์ส่วนตัวของเจ้าของบลอค

– เคล็บลับผิวใส สไตล์ ญี่ปุ่น แพทย์ผิวหนังญี่ปุ่น

Posted in SKIN, SKIN CAREComments (5)

REVIEW – เคล็ดลับผิวขาวกระจ่างใส เปล่งประกายออร่า โดยหลากหลายวิธีเพื่อคนอยากขาวโดยเฉพาะ


 

” เคล็ดผิวขาวกระจ่างใสเด้ง เปล่งประกายออร่ากระจาย ราวกับฉีดและอัดกลูต้ามาเป็นกะลามังนี้ “

ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม หลาม หลาม หลาม ต้องขอขอบคุณมาก ณ ที่นี่ด้วย และบทความต่อจากนี้ อาจทำให้ทุกคนผิดหวัง หรือเปลี่ยนความคิด แนวคิดใหม่ เพราะเราจะมาล้วงตับกันให้กระจ่างแจ่มแจ้งกันไปในเรื่องของ ความจริง .. กับ สีผิวที่อาจจะยังไม่มีใครบอกคุณ แต่ erk-erk.com จะบอกคุณเอง



” คิดดูว่าถ้าโลกนี้มีแต่คนผิวขาว โลกมันจะเป็นยังไง ? “

สดใส น่าอยู่ขึ้น เจอแต่คนดี ?

 

เอาละก่อนที่เราจะไปเรื่องกระบวนการ WHITENING สร้างผิวขาวราวเม็ดนุ่น เรามาทำความรู้จักกันก่อนว่า คนที่มีสีผิวอ่อน กับ คนที่มีสีผิวเข้มขึ้นมากหน่อย อะไรทำให้มันเป็นอย่างนั้น ? มันถูกกำหนดด้วยอะไรบ้าง ?

ทำไมต้องรู้ ถ้าไม่รู้แล้วจะไปกิน ไปฉีดกลูต้า ไปลอกได้ไง ? กับแค่เข้าใจว่ามันทำให้ ” ขาว ” สีผิวเราเป็นแบบนี้มาเป็นสิบๆปี วันดีคืนดี นึกจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนเคยคิดไหมว่ามันอาจจะอันตรายจนถึงแก่ชีวิต โอเคถ้าไม่เคย วันนี้เราจะได้คิดกัน อย่าเพิ่งเครียดไป คนที่อยากขาวไม่ใช่มีแค่ใครหลายคนหรอก ตัวเอิ๊กเองก็ด้วย หลายคนอาจจะบอกว่า ” เอ็งยังขาวไม่พอเหรอ ? “ ก็เหมือนใครหลายคนแหละ ยังไม่พอใจ ยังรู้สึกว่าคล้ำอยู่ หมองอยู่ และมีคนทักแล้วว่าหมอง ซึ้ง !

 

ส่วนตัวเคยมีประสบการณ์ทานเม็ดกลูต้าตามเน็ต ที่ต้องทานร่วมกับวิตามินซี โห OMG 3 เดือน พีรญาขาวยังกับคนเผือก มันจะวิ๊งปิ๊งปั๊งอะไรขนาดนั้น ช่วงนั้นป่วยไม่ได้ออกจากบ้านเลย 2 เดือน เดินออกมาจากบ้านที ราวกับ ผิวติดนีออน

แต่ช้าก่อน ความฝันที่กลายมาเป็นความจริงก็ได้ค้นพบแล้วว่ามันอยู่กับเราไม่ยั่งยืน เชื่อไหมว่าโดนแดดแค่เพียงนิดเดียว สีผิวเดิมกลับมา และกลับมาคล้ำหนักกว่าเดิม บางคนอาจจะทานต่อ แต่เราที่เราโชคดีมาก เกิดฉุกคิด ว่ามันเป็นเรื่องไม่ปกติ ทำไมโดดแดดไม่มาก ถึงกับมามีผิวคล้ำเสียได้มากกว่าเดิมถึงเพียงนี้ อาทิตย์ที่แล้วออกมาจากบ้านยังสว่างอยู่เลย ทำไมตอนนี้สีผิวมันออกน้ำตาลไหม้ๆแทนๆละ ปกติก็ไม่ได้สีเข้มเท่านี้ ว่าแล้วครั้งเดียวจบ เลิกเลย แล้วก็ไม่เคยกลับไปมองอีก หรือแนะนำต่อให้ใคร และไม่เคยบอกใคร คนที่เข้ามาอ่านเท่านั้นที่จะได้รู้ความจริง ว่าตัวเอิ๊กเองก็เคยสรรหาวิธีเหล่านี้ทำร้ายตัวเองเหมือนกัน

อีกวิธีที่เอิ๊กพยายามเคยทำมาเพราะไม่เคยรู้ว่ามันก็ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่กับการใช้ ” กรดผลไม้ ” ลอกผิว AHA % สูงๆ ทำโดยอ่านตามคำโฆษณา สรรพคุณว่าจะทำให้ผิวขาวขึ้น พริตตี้ใช้กับ ทำแล้วจะสวยอย่างงั้นอย่างงี้ ทาเองโดยทาทิ้งไว้ทั้งคืน ประกฎว่า หนังบางจุดร่อน เจ็บๆ พองๆ ทำหลายครั้งมาก สุดท้ายคิดว่ามันเห็นผลสู้กลูต้าไม่ได้ เลยจบ ยอมรับกับความจริงสีผิวไหนสีผิวนั้น และความจริงที่แถมมาว่า .. จุดน้ำตาล กระ ขึ้นง่ายมาตามแขน ผิวหนัง ผิวหน้า สรุป เราได้รับสิ่งตอบแทนมาคือ “ผิวไวแสง” ยิ่งหน้านี่กลายเป็น “ผิวบาง” ความอันตรายยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะนี้เป็นการสังเกตุของตัวเองล้วนๆ ไม่เคยอ่านอะไรใดใดทั้งสิ้น ” ข้อมูลน้อยแต่โง่ด้วย “ ถึงทำได้หลายอย่างแบบนี้

 

เรื่องราวของเอิ๊กก็จบไป ทุกวันนี้สีผิวเหมือนโอวัลตินบางบาง ก็โอเค ยอมรับ และ พยายามพอใจ อย่างน้อยก็ยังอยากมีสุขภาพผิวที่ดี แข็งแรง และไม่เป็นโรคที่เกิดจากการกระทำของตัวเอง

 

ก่อนที่จะมีผิวขาวกระจ่างใสแบบไหนที่คุณต้องการเราต้องมาทำความเข้าใจก่อนว่าอะไรเป็นตัวกำหนดสีผิว ?

 

{ ข้อมูลส่วนนี้จะเป็นข้อมูลที่สัมภาษณ์และถอดเทปมาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนัง เลเซอร์ แพทย์ที่เป็นหนึ่งในสมาชิกสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย กับ วุฒิบัตรในสาขาตจวิทยา (ผิวหนัง) เป็นอาจารย์นักเรียนแพทย์ นักวิชาการ นักวิจัย แพทย์อาสา สำหรับผู้ช่วยศาสตราจารย์แพทย์หญิง รังสิมา วณิชภักดีเดชา แพทย์ผิวหนังเลเซอร์โรงพยาบาลศิริราช และ ที่ปรึกษา ศูนย์ผิวหนังและศัลยกรรมเลเซอร์ระดับสากล ISKY CENTER เพื่อที่เราจะได้รับข้อมูลอย่างถูกต้องโดยผู้เชี่ยวชาญโดยตรงที่มีงานวิจัยรองรับมาให้ข้อมูลในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ ต้องขอขอบพระคุณมา ณ ที่นี่ด้วยค่ะ }

 

สีผิวคนเรา ขึ้นกับ ” เมลานิน ” หรือเม็ดสีใต้ผิวหนัง ซึ่งหลักๆมีอยู่ 2 ตัวคือ

  1. (eu)melanin เม็ดสีออกน้ำตาล-ดำ (ผิวสองสีมีเยอะ)
  2. (pheo)melanin เม็ดสีออกแดง-น้ำตาล (ผิวขาวมีเยอะ)

และคนเราทุกคนมีเม็ดสีทั้ง 2 ชนิดนี้อยู่ในร่างกาย อยู่ที่ว่าจะมีอะไรมาก หรือ น้อยกว่ากัน

[http://www.udel.edu/biology/Wags/histopage/colorpage/cin/cin.htm]

แล้วเจ้าเมลานินถูกกำหนดจากอะไร ?

  1. กรรมพันธุ์ เชื้อชาติ พูดง่ายๆ พ่อแม่ให้มา
  2. แสงแดด กระตุ้น ให้เม็ดสีเข้มขึ้น
  3. คนป่วย คนไข้ คนกินยาบางประเภท เช่น ตัวเหลืองทานฟักทองเยอะ กินยาบางประเภทตัวออกแดง คนป่วยมะเร็งตัวคล้ำขึ้น

กลไกการเปลี่ยนสีผิว ขาวเป็นดำ ดำเป็นขาว ส่วนมากขาวที่สุดได้เท่าไหน ให้ดูตามผิวหนังที่ไม่โดนแดด – แก้มก้น หน้าท้อง

  1. ใช้แสงแดด – อยากผิวสองสี ผิวแทน ก็ไปอาบแดด สังเกตุเด็กเกิดใหม่สีผิวนึง โดนแดดไปเรื่อยๆโตขึ้นก็สีคล้ำขึ้น
  2. ครีมกันแดด ไม่โดนแดด – อยากขาวขึ้น ทากันแดด เก็บตัวไม่โดนแดดนานพอ EUMELANIN ก็จะกลายเป็น PHEOMELANIN ผิวจึงขาวขึ้นแน่นอน
  3. สื้อผ้า – อยากขาวขึ้น ใส่เสื้อผ้าคลุมมิดชิด ขายาว แขนยาว เมื่อไม่โดนแดดคุณจะขาวขึ้น
  4. ขัดขี้ไคล – อยากขาวขึ้น ขัดชั้นขี้ไคล้ออก เหมือนฝุ่นจับอยู่แล้วเราปัดออกผิวก็ขาวขึ้นแบบธรรมชาติที่เราเป็น
  5. ยาทา ครีมบำรุง – อยากขาวขึ้น ทำขี้ไคลหลุดเร็วขึ้นก็ทาด้วยกรดวิตามินเอ วิตามินซี กรดผลไม้ กรดต่างๆ LACTIC ACID ครีมบำรุงผิว
  6. ยาทายับยั้งกลไลการสร้างเม็ดสี – อยากขาวขึ้น ทาอาร์บูติน ไฮโดรควิโนน ผลค้างเคียงเยอะมาก รอยแดง จุดกระดำๆเกิดขึ้น ภาวะผิวอันตราย อย.ห้ามขายต้องสั่งโดยแพทย์เท่านั้น มักใช้แก้ฝ้า ไมเคิล แจคสัน ใช้สารตัวนี้ทาผิว
  7. ลอกผิว – อยากขาวขึ้นใช้ปรอท กรดเรทิโนอิค ผิวบางลง มีปรอมสะสม ดำง่าย ทางเดินปัสสวะอักเสบ ไตอักเสบ
  8. กลูต้าไทโอน ทา กิน ฉีด – อยากขาวขึ้น ทา กิน ฉีด กลูต้าไทโอน ฉีดได้ผลเร็วสุด ไปยับยั้งการสร้างเม็ดสี EUMELANIN ชั่วคราวและ ขยันสร้างแต่ PHEOMELANIN เลยขาวขึ้น แต่ยังไม่มีงานวิจัยไหนรับรองว่าจะทำให้ปลอดภัยทั้งกิน ฉีด ทา อะไรก็ตามถ้า FDA อเมริกายังไม่ได้รับรองทั่วโลกก็เชื่อได้ว่ามันไม่เป็นที่ยอมรับในระดับสากลเพราะอเมริกาเข้มมาก ทั้งอย.ของไทย และ แพทย์สภาไทยก็ไม่ยอมรับเช่นกัน ที่น่าตกใจกว่านั้นล่าสุด พบกว่า “หนูที่ได้ใช้ในการทดลองเกี่ยวกับกลูต้าไทโอนนั้น” เป็นมะเร็งผิวหนัง  กลูต้าไทโอนจึงไม่สามารถมีงานวิจัยเพื่อการยอมรับได้ให้มาทดลองกับคน เนื่องจากสัตว์กลายเป็นมะเร็ง ทันทีที่เมื่อไหร่หยุด โดนกระตุ้นโดยแสงแดด สีผิวของคุณมันก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม

สรุป อะไรก็ตามที่มีการผลัดเซลล์ผิวโดยการขัดขี้ไคลให้เกิดขึ้นจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายและทำให้ผิวดูขาวใสปลอดภัยอย่างเป็นธรรมชาติ หากใช้ในปริมาณ เวลา ความถี่ที่เหมาะสม แต่ อะไรก็ตามที่ไปเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนโครงสร้างเม็ดสีผิว เหล่านั้นมักอยู่ในการควบคุมโดยแพทย์ และไม่ปลอดภัย เนื่องจากผิวหนังจะขาวขึ้น แต่เกราะป้องกันผิวจะต่ำลง หากเกิดการกระตุ้นโดยแสงแดด จะนำพาปัญหาผิวมากมายมาไม่รู้จบ โดยเฉพาะ ” มะเร็งผิวหนัง “


เมื่อโดนแดด โดนสิ่งกระตุ้น ทำไมคนเราต้องผิวคล้ำขึ้น ?

เพราะเป็นกลไกการป้องกันตัวของร่างกายจากภัยอันตรายรอบตัว ที่สร้างมาอย่างสมดุลและมีเหตุผล เช่นในคนแอฟริกัน ที่มีเมลานินแบบ EUMELANIN อยู่เยอะก็เพื่อให้ป้องกันแสงแดดที่แผดเผา การมี EUMELANIN เหมือนเป็นการถือร่มให้กับDNAต่อผิวหนัง เพราะเวลาแสงแดดมาโดนผิวหนังเยอะๆ มันสามารถเปลี่ยนผิวหนังเราให้กลายเป็นมะเร็งผิวหนังได้ เพราะฉะนั้นคนที่ผิวคล้ำ ผิวแทน ผิวสองสี ก็เท่ากับว่ามีร่มป้องกัน DNA ป้องกันการเกิดมะเร็งผิวหนังตรงจุดนี้

ดังนั้น เชื้อชาติจึงสร้างสีผิวเรามาให้มีเม็ดสีที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม ประเทศที่เราอยู่ ฝรั่งทำไมถึงสีผิวเหมือนแอฟริกา คนไทยทำไมถึงมีผิวสองสีเยอะ เราสามารถแบ่งได้ตามสภาพแวดล้อมอากาศและแสงแดดสำคัญที่สุด ฝรั่งเป็นประเทศที่ขาวสุดก็จริง อมชมพูก็จริง แต่เป็นประเทศที่ค้นพบว่าเป็น ” มะเร็งผิวหนังเยอะที่สุดของโลกด้วยเช่นกัน ”  และคนไทยทำไมเจอมะเร็งผิวหนังน้อยกว่าก็เพราะเรามี EUMELANIN เยอะกว่า เกราะป้องกันผิวเราดีกว่า และ แอฟริกัน แทบไม่เคยเจอมะเร็งผิวหนังเลย ผิวขาวยังเหี่ยวง่ายและแก่เร็วกว่า



ดังนั้น การใช้กลูต้ามาเพื่อเปลี่ยนสีผิว โดยการยับยั้งการสร้าง EUMELANIN จะทำให้ผิวเราไวต่อแสงมากขึ้น โอกาสที่จะเกิดมะเร็งผิวหนังมากขึ้น กระ ฝ้า จุดด่างดำบนผิว ถ่ายรูปก็ดูตัวอ้วนกลมกว่าเนื่องจากสว่าง และการฉีดกลูตาไทโอนขนาดสูงเสี่ยงต่อการช็อก ความดันต่ำ หายใจไม่ออก จนถึงขั้นเสียชีวิต และ การที่ได้รับสารกลูต้าไธโอนเป็นเวลานาน ๆ มีผลต่อแร่ธาตุในขบวนการเมตาบอลิซึม และตัวมันเองสามารถกลายเป็นอนุมูลอิสระ มาทำร้ายร่างกายได้ สำคัญไปกว่านั้นจะทำให้เม็ดสีที่จอตาลดลง ทำให้รับแสงได้น้อยลง เสี่ยงต่อการมองเห็นได้ในอนาคต !


 

” บริษัทเครื่องสำอางจึงควรแสดงความรับผิดชอบโดยการพิมพ์ผลเสียของแสงแดดไว้ที่กล่องบรรจุว่า “ผลิตภัณฑ์ทำให้ผิวขาวอาจทำให้เป็นมะเร็งผิวหนัง และทำให้ผิวเหี่ยวแก่เร็ว” เช่นเดียวกับที่ซองบุหรี่มีคำเตือนว่า “การสูบบุหรี่อาจทำให้เป็นมะเร็งปอด และทำให้แก่เร็ว “

 

ประชาชนผู้บริโภคไม่ควรหลงเชื่อโฆษณาที่อ้างว่าสามารถช่วยให้ผิวขาวขึ้น เพราะไม่มีผลิตภัณฑ์ใดที่จะทำให้ผิวขาวขึ้นได้อย่างถาวร ผลิตภัณฑ์ หรือยาอาจจะช่วยได้ชั่วคราว แต่เมื่อหมดฤทธิ์ร่างกายก็จะผลิตเม็ดสีตามปกติ ทั้งนี้การที่ประชาชนในแถบเอเชียมีผิวคล้ำถือเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ เพราะสามารถป้องกันแสงอัลตราไวโอเลตจากแสงอาทิตย์ได้ ทำให้โอกาสการเกิดมะเร็งผิวหนังน้อยกว่าคนผิวขาว จึงไม่ควรมีค่านิยมที่ผิดในการเปลี่ยนสีผิวให้ขาวผิดธรรมชาติ

ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขได้มีระเบียบออกมาห้ามไม่ให้แพทย์ใช้การรักษาด้วยวิธีนี้ ทำให้ประชาชนที่มีความเชื่อว่าฉีดแล้วจะขาวไปฉีดกับผู้ที่ไม่ใช่บุคลากรทาง การแพทย์ ดังเช่นที่เป็นข่าวในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2553 นี้ และยังมีการขายทาง internet มาก มาย จึงขอนำเรื่องนี้มาเล่าให้ฟังอีกครั้ง และสามารถดูรายละเอียดที่ทางสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยที่ได้เคยพูดไป แล้วเมื่อ 26 กุมภาพันธ์ 2552 และ 19 ธันวาคม2552 ทาง VDO clip ในเว็ปนี้ http://www.dst.or.th/vdo_p.php

{ เป็นข้อความบทความที่สมาคมแพทย์ผิวหนังได้บอกไว้ }

http://www.dst.or.th/news_details.php?news_id=62&news_type=oth

 

ทั้งหมดเป็นเหตุผลที่ชาตินี้เอิ๊กจะเลิกมองวิธีการขาวโดยการไปยุ่งกับการสร้างเม็ดสีใต้ผิวหนังโดยเด็ดขาว

เอิ๊กเป็นคนนึงที่เคยโดนแดดจนสีผิวเปลี่ยน นี่ปรับให้ขาวขึ้นแล้วได้ประมาณนี้ รุ่นพี่เรียก “เขมร”

แต่สุดท้ายแล้วเมื่อดูแลตัวเอง

กางร่ม หลบแดด ทากันแดด ขัดขี้ไคล้โดยกรดผลไม้อย่างมะขามเปียก

ทุกอย่างก็กลับมาสู่ภาวะปกติที่ตนเองสามารถเป็นได้ และ ปลอดภัยค่ะ

ขออุทิศบุญกุศลบทความนี้ให้กับ เทวดา  ของครอบครัวของผู้ช่วยศาสตราจารย์แพทย์หญิงรังสิมา วณิชภักดีเดชา

และ ครอบครัวอันเป็นที่รักยิ่งของเอิ๊กเอง รวมถึงคนที่เห็นบทความนี่มีประโยชน์แล้วแชร์ต่อเพื่อให้เกิดวามเข้าใจที่ถูกต้อง และมีชีวิตที่ดูดี สวยหล่อ แบบปลอดภัยค่ะ

 

 

 

 

 

 

XOXO

อาทิตย์หน้าเจอกันเรามีกิจกรรมแจกครีมบำรุงผสมพิเศษเพื่อผิวคุณคนเดียวโดยเฉพาะ และ เลเซอร์ตามปัญหาผิว 1 ครั้ง คนเป็นหลุมสิว กระ ห้ามพลาด

 

 

 

 

Posted in BEAUTY, BODY, GLUTATHIONEComments (10)

advert

Google

erk-erk.com





BEAUTY MENU

มาคุยกับเอิ๊กได้ที่นี่ทุกวัน ถ้าว่างรีบตอบทุกคำถามค่ะ

INSTAGRAM @wwwerkerkcom

[instagram-feed]

ติดตามบล็อค erk-erk.com อย่างใกล้ชิด

เพียงกรอก Email ตรงนี้เลย

LINE @erk-erk

เพิ่มเพื่อน

Related Sites