เนื่องจากมีคนขอมาเยอะมาก เพราะคนถามเยอะไปทำอะไรหน้าหาย [สิวถล่ม ลอกคราบ] แล้ว
วันนี้เอิ๊กเลยขอมาแชร์ประสบการณ์การรักษาสิวตลอดเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมาเอิ๊กเคยเป็นสิวหนัก 3 หนในชีวิต
สำหรับช่วงอายุ 12 ปี 13 ปี และ ปัจจุบันที่ผ่านมา ได้ลองผิด ลองถูกลองมั่ว ลองเดามาหมดแล้ว
จนสำหรับตัวเองวันนี้เอิ๊กก็รู้วิธีดูแลตัวเองที่จะรับมือกับสิว เวลาเป็นสิวมันไม่ได้ถึงกับหายขาด
แต่ก็ช่วยให้มันจาก และ จางไปได้อย่างสบาย มีทั้งหมด 3 แนวทางด้วยกัน
- ทางที่ลองปฏิบัติด้วยตัวเอง
- ทางที่พึ่งพา ปรึกษา เลือกใช้ตัวยา โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- ทางวิทยาการทางการแพทย์ คลื่นแสง คลื่นวิทยุความถี่ต่ำ
สภาพผิว : ผิวผสม T มัน U แห้ง
ปัญหาผิว : กระกรรมพันธุ์ , ผิวแพ้ง่าย, ผิวแห้งลอกเป็นประจำ, สีผิวไม่สม่ำเสมอ,
สิวเสี้ยน สิวอุดตันเยอะ, รูขุมขนกว้าง, จุดแดง & จุดด่างดำเล็กน้อย
- เป็นสิวหนักครั้งแรก อายุ 12 ปี = เพราะแพ้ครีมแบรนด์ชั้นนำตามห้าง เพราะเชื่อโฆษณา
- เป็นสิวหนักครั้งที่สอง อายุ 13 ปี = เพราะไปหาครีมหน้าขาวตามห้างมาประโลม ตามเพื่อน ผลคือแก้มเน่าไปด้วยสิว
- เป็นสิวหนักครั้งที่สาม อายุ 2x ปี ปัจจุบัน ปีที่ผ่านมา = เพราะ “ที่กดสิว” + “มือตัวเอง”
“เวลาเป็นหนักจะจิตตกมาก ไม่อยากออกไหน เจอใคร ทำอะไร เพราะรู้สึกเหมือนคนไม่สบาย “
เริ่มเลยแล้วกันนะคะ เริ่มจาก ..
การรักษาด้วยแพทย์ คือ การไปหาหมอผิวหนังตามคลินิค ให้หมอเป็นคนดูอาการผิวบนใบหน้า และจ่ายยาทา ยาทาน กับการเป็นสิวหนักครั้งแรกช่วงอายุ 12 ปี และ ตลอดมา กับ ยาตัวเดิมๆ คุณหมอคนเดิม ร้านเดิม ที่เดิม สาขาเดิม ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ มีซิกแซกไปใช้อย่างอื่น ไปลองหาหมอร้านอื่นบ้างแต่พอมีปัญหาเยอะก็กลับไป และ ก็หาย วนเวียนอยู่อย่างนี้ สนนราคาค่ารักษา เฉลี่ยไม่เกินครั้งละ 1000 บาท ต่อเดือน ถูกสุดก็ 600 บาท ยาทาชุดนึงใช้ได้ 2 อาทิตย์ ตกกระปุกละ 70 + บาท ถือว่าคุ้มค่า เพราะมันก็หาย แต่ใช้ไปสักพัก หน้าเอิ๊กจะดีมากขึ้นกว่านั้นไม่ได้ ไม่รู้ทำไม ต้องสลับเปลี่ยนไปใช้ครีมที่ตัวเองเลือกเองบ้าง แล้วก็ค่อยกลับมาใหม่ หน้าตาแพคเกจไม่สวย เพราะเอิ๊กเน้นที่ตัวยา และคุณภาพยา แล้วคิดดู 10 กว่าปี ก็ยังคงเป็นยาตัวเดิมๆ เปลี่ยนอยู่ 1-3 ตัวเบื่อไหม ? [ เบื่อมาก ]
การรักษาด้วยตัวเอง คือ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลสิวด้วยตัวเอง ตามสภาพผิว และปัญหาที่เกิดขณะนั้น มารักษาด้วยตัวเองดีที่สุดอีกทีตอนโต เพราะเอิ๊กเริ่มรู้ทันสื่อ รู้ทันผิวตัวเองแล้ว เอิ๊กก็เริ่มจะคัดเลือกสิ่งที่เหมาะกับผิวเอิ๊กได้ สนนราคาตั้งแต่ หลักสิบ หลักร้อย หลักพัน เน้นเหมาะกับผิวเอิ๊ก หายจริง เห็นผลจริงเท่านั้นกับผิวเอิ๊ก ใช้ทั้งหมดก็มีหลายกลุ่ม Cleanser / Toner / Anti Acne Bacteria / Moisture / Serum / Mask / Sunscreen [คลิกขยายที่รูป] เอาความจริงเอิ๊กต้องใช้ทั้งหมดตลอดเวลาตามรูปที่ถ่ายมาด้านล่างไหม บอกเลยไม่จำเป็น …
หลักสำคัญ
- หน้าสะอาดหมดจด
- ผลัดเซลล์เสื่อมสภาพสม่ำเสมอ เดือนละ 2-4 ครั้ง
- ผิวต้องมีความชุ่มชื้น
- ไม่เอามือจับหน้าบ่อย ไม่นอนดึก ไม่ทานน้ำตาลมากจนเกินไป
ที่ใช้ก็อาจจะเหลือแค่ 3 ตัว จากในทุกตัวที่ต้องใช้ก็ได้สำหรับเอิ๊ก ถ้าผิวไม่ได้อักเสบ ไม่มีรอยอะไร ..
ทุกตัวข้างบนผ่านการทดสอบมาโดยผิวเอิ๊ก ซึ่งเป็นผิวที่แพ้ง่าย เป็นสิว และต้องการความอ่อนโยน รวมถึงมีแผลรอยดำ รอยแดงที่อยากจะดูแล ก็ใช้ได้หมด ไม่ระคายเคือง ยกเว้นพวก AHA BHA เลิกใช้แล้วค่ะ เน้น Scrub แทน
แต่ขอ Recommended Acne Item ส่วนตัวที่ดีที่สุด ที่อาจจะไม่เปลี่ยนใจไปแน่นอนสำหรับเอิ๊ก
- Toner : Klean&Klear = ตามที่ทุกคนเข้าใจมันคือน้ำเกลือเอาไว้ล้างคอนแทคเลนส์ แต่มันโคตรดี ดีมาก ในราคาที่ถูกมากเช่นกัน เอิ๊กใช้แทนโทนเนอร์ เพราะใช้โทนเนอร์ของแบรนด์ต่างๆ มันมีแอลกอฮอล์ ผิวเอิ๊กจะรูขุมขนกว้างทันทีที่ตื่นมาอีกวัน แน่นอนมันช่วยทำความสะอาดผิวอักเสบที่เป็นสิวของเอิ๊กได้อย่างอ่อนโยน ช่วยกระชับรูขุมขนเวลาแช่เย็นจัดแล้วนำมาโปะ ใช้ล้างตาก็ได้ ไม่แสบไม่มีสเตรียรอยด์
- Mask : ผงไข่มุก = มีสรรพคุณนึงช่วยรักษาสิว ช่วยทำความสะอาดรูขุมขน ช่วยลดรอยแดง รอยดำได้ ส่วนตัวคือช่วยในเรื่องความกระจ่าง แต่ไม่ได้ชอบยี่ห้อนี้ ยี่ห้อที่ซื้อมาตอนแรก ไม่รู้จะฝากใครซื้อ มันเป็นสิ่งเดียวที่ต้อง Made in China เท่านั้น ถึงดี หน้าจะขาวขึ้นหลังพอก แต่จะแห้ง ต้องบำรุง
- Sunscreen : KA Whitening UV protection spf50 สีPastel เป็นกันแดดที่ป้องกันการเกิดสิว ไม่มีน้ำมัน ไม่อุดตัน สีเนื้อบางๆ ทาแล้วหน้าจะนวลขึ้นเล็กน้อย ซื้อตามโฆษณาเพราะมันมีสีเนื้อนี่ละ พออ่านฉลาก โอววววว มันเกิดมาเพื่อคนเป็นสิวง่ายอย่างฉัน ลองซักหน่อย ใช้Rocแล้วแสบหน้ามาก ใช้Murad ก็ดีแต่ไม่มีสี เอิ๊กชอบแบบผสมสีเนื้อมากกว่า
- Anti Acne Bacteria : รมย์รวินท์ ยาค่าเชื้อสิว อ่อนโยนมาก ไม่ลอก ไม่แสบ ทาก่อน2-5นาที แล้วล้างออกก่อนอาบน้ำ
- Anti Acne Bacteria : มาดามเฮง ที่แต้มสิวที่จะไม่มีวันเปลี่ยนใจ สิวอักเสบ สิวหนอง เทพมาก ตัวอื่นทิ้งลงขยะ ตัวยาแปลกตาเพราะเป็นน้ำมันสกัด แต่มันเป็นน้ำมันที่ไม่อุดตัน และทำให้สิวอักเสบแดงยังไม่มีหัวยุบ และหัวหนอง หนองหลุดไปโดยไม่ต้องกด กับราคา 150 บาท กับระยะเวลาที่ใช้งานได้ มันยอดเยี่ยมมากสำหรับการรักษาสิวในปีที่ผ่านมาของเอิ๊ก
- Serum : Dermalogica Soothing protection spray สำหรับผิวแพ้ง่ายน้ำสีเหลืองใส ขวดนี้ขาดไม่ได้เช่นกัน หลังล้างหน้าเช็ดน้ำเกลือเช้าเย็น หน้ามันจะมีแห้งบ้าง ลงสเปรย์ตัวนี้ไป หน้าจะดูมีน้ำชุ่ม ลื่น เหมือนมันกันน้ำไม่ให้ออกจากผิวเอิ๊ก ส่งผลให้ทาครีม แต่งหน้าง่ายขึ้น
การรักษาด้วยวิทยาการทางการแพทย์ คลื่นแสง คลื่นวิทยุความถี่ต่ำในที่นี่เนื่องจากเอิ๊กเป็นหลายเม็ด อักเสบหลายเม็ด ทิ้งรอยหลายเม็ด แล้วก็ยังไม่เลิกกดสิว จึงพึ่งพา เลเซอร์ ทรีทเมนท์ และ PHONO ทรีทเมนท์ เข้ามาช่วยนอกจากการรักษาด้วยตัวเอง และ หาแพทย์ผิวหนังร่วมด้วยเป็นบางครั้ง เป็นการรักษาตลอดเวลา 3 เดือนในปีที่ผ่านมา สนนราคา พันต้นๆต่อครั้ง – หมื่นกว่าเป็นคอร์ส แล้วแต่สถาบัน เรื่องจริงคือโปรโมชั่นเจ๋งที่สุดทุกสถาบัน รอไปเลย ฮา
** ทุกภาพถ่ายจาก BB 9700 ไม่แต่งภาพ เพราะจะได้มีมาตรฐานในการเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน เที่ยงตรง
3 ภาพล่างคือใบหน้าก่อนเกิดเมื่อเดือน พฤษภาคม 53 ที่ผ่านมา มีรอยแดง รอยดำเป็นปกติ
ภาพบนคือ อายุ 13 ขวบ ที่ใบหน้ารักษาหายดีแล้ว ไร้สิว แต่ยังไม่เข้าใจ
กับการใช้สารป้องกันแสงแดด ว่ามันดีอย่างไร หลังจากเลิกสนใจความขาวแล้ว
จาก 13 พ.ค 53 – 26 มิ.ย 53 เวลาจุดเริ่มต้นสาเหตุของการเป็นสิวมาจาก ที่กดสิว นี่เอง
ในเวลาเดือนกว่า ก็ได้รับผลจากการกดสิวเอง ทั้งแผล รอยแดง รอยบุ๋ม สิวอักเสบ
วิธีการรักษาสิวของเอิ๊กช่วงนี้นี้คือ กดสิวเองด้วยที่กดสิว / มาร์สหน้าให้ความชุ่มชื้น Etude / พอกหน้ารักษาสิวด้วยผงไข่มุก
26 มิ.ย 53 – 25 ก.ค 53 นอกจากสิวอักเสบที่มาเรื่อยๆจากการกดสิวด้วยที่กดสิว ยังตามมาด้วยรอยแดงเก่าที่ยังไม่หาย
25 ก.ค 53 – 6 ส.ค. 53 เริ่มเห็นผลพลอยได้จากการกดสิว ชัดเจนขึ้น มัน sad มาก หลุม บ่อ ปะทุ อักเสบ รอยระบม ช้ำแดง
บอกตรงๆรับตัวเองไม่ได้ คลิปนี้ทำตอนช่วงเกิดเหตุพอดีค่ะ
6 ส.ค. 53 – 15 ส.ค. 53 ยังคงรักษาด้วยตัวเองแบบเดิมแต่เริ่มพอกผงไข่มุกนานขึ้น ทั้งคืน ผลคือหน้าแห้ง รอยจาง สิวยุบตัวเร็ว
หลังจากนั้นไม่กี่วัน เนื่องจากความพยายามมันเห็นผลช้า จึงหันเข้าสู่การทำเลเซอร์โดยไปปรึกษาคุณหมอที่ PAI ก่อนที่แรก
ค่าใช้จ่ายสูงต่ำ ขึ้นกับสถาบัน โปรโมชั่น เครื่องมือ บางทีแพงเพราะมีชื่อเสียง บางทีแพงเพราะเครื่องแพง บางทีแพงเพราะคุณหมอมีชื่อเสียง แตกต่างกันไป ศึกษาเงื่อนไขเหล่านี้ให้ดี
ก่อนทำ ได้มีการตรวจวิเคราะห์ผิวหน้าของเอิ๊ก
เห็นแทบชอคสลบ กรุณาดูป้ายเหลือง ขวาล่างสุด นั่นคือเชื้อสิวค่ะคุณ
นอกจากกระใต้ผิวที่อนาคตจะมาทำให้ช้ำใจ ยังมีเชื้อสิวน่ากลัวมหาศาล
สรุป เลเซอร์รอบแรก จัดไป 2 หัวเลเซอร์ แต่ละที่ชื่อเรียกเลเซอร์เหมือนกันบ้าง คล้ายกันบ้าง ไม่เหมือนกันบ้าง
E-light / Gentle Yag
E light : กระชับรูขุมขน กระตุ้นคอลลาเจนในการสร้างผิวใหม่ที่ดีขึ้นมา
Gentle Yag : ฆ่าเชื้อสิวที่คุณเห็นเมื่อกี้นี่ละ
15 ส.ค. 53 – 20 ส.ค. 53 ก่อนทำเลเซอร์ก็รักษาเอง พอกหน้าด้วยไข่มุก AHA BHA วุ่นวายไปหมด
หน้าแห้งมาก จนมาถึงวันทำเลเซอร์ 25 ส.ค. 53 สังเกตุรอยดีขึ้นเยอะ
ช่วงนี้ใช้ผลิตภัณฑ์เติมน้ำให้ผิวคละสูตรกันของ Murad ผิวดูแห้งน้อยลง ดูชุ่มชื่นขึ้นมาก
ตอนนี้เริ่มเลิกกดสิวแล้ว หาที่กดสิวไม่เจอ ฮา
25 ส.ค. 53 – 31 ส.ค. 53 เลเซอร์มา 5วันสังเกตุว่ารอยสิวดูดีขึ้น หน้าถูกกระตุ้นคอลลาเจนจนเริ่มดูชุ่มชื่นขึ้น โอวเลิศ
[ ดีใจเพราะขณะนั้นยังไม่รู้ถึงสิ่งที่ตามมา ..]
31 ส.ค. 53 – 4 ก.ย. 53 หน้าดูขาวขึ้น แต่หนักใจ รอยยังไม่ยอมหายไปง่ายๆ ทีตอนทำไม่คิด !
ประกอบกันช่วงนั้นทางรมย์รวินท์คลินิคได้เปิดกิจกรรมให้คนเป็นสิวที่อัดอั้นตันใจได้ระบาย ถ้าสิวหายจะดีแค่ไหน จะรู้สึกยังไง เปิดให้มาเล่นเกมส์ โดยของรางวัล คือ ทรีทเมนท์ รักษาสิว 1 ครั้ง 690 บาท 10 รางวัล และคอร์สเลเซอร์ ทรีทเมนท์ รักษาสิว 17,000 บาท 1 รางวัล
พีรญาก็ร่วมเล่นไป ปรากฎอีกไม่กี่วันได้อีเมลล์ตอบกลับมา เปิดดูก็ยังงง ดูแล้วคนได้รางวัลไม่มีชื่อเอิ๊ก ส่งมาทำไม ??
สรุปชื่อพีรญา อยู่ยอดบนสุด ขอบคุณมากที่สุดในโลกเลยค่ะ กับรางวัลที่ 1 เลเซอร์ โฟโน กด ฉีด ยา 10 ครั้ง
โดย รมย์รวินท์คลินิค
โปรนี้ตกอยู่ครั้งละ 1,700 บาทไทย ปกติที่นี่ราคาค่อนข้างสูงพอสมควร เอิ๊กเลยได้มีโอกาสรักษายาวจนจบคอร์ส
โดยเอิ๊กก็มีการซื้อยาที่อยากได้เพิ่มมาลองเองด้วย เช่นพวกวิตามิน E
6 ก.ย. 53 – 12 ก.ย. 53 รอยก่อนมารักษา หลังจากฆ่าเชื้อสิวไป 1 ครั้ง กระตุ้นคอลลาเจนไป 1 ครั้งกับ PAI
12 ก.ย. 53 กรี๊ดดดดดด คุณหมอกดสิวหนู รอยเพิ่ม โอววว ใจสลาย ตอนนั้นเหี่ยวมาก
อารมณ์ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก ถ้าไม่หายไม่ยอมจริงๆด้วยนะคะ T_T
และตามด้วยเลเซอร์ GENTLE YAGฆ่าเชื้อสิวอีกรอบ และทำ PHONO ทรีทเมนท์ เติมความชุ่มชื้นให้ผิวขาวใส เป็นการเปิดผิว
ทำให้เห็นผลของการเลเซอร์เร็วขึ้น
12 ก.ย. 53 – 16 ก.ย. 53 โอว รอยดูจางลง คิดในใจจะหายไหมน๊อ อยากหายๆ
19 ก.ย. 53 – 28 ก.ย. 53 กลับมาฆ่าเชื้อสิวด้วย GENTLE YAG อีกรอบ คราวนี้เพิ่มลดรอย RB มาด้วย น่าจะคือ Vbeam ลดรอยแดง J และ ตามด้วย PHONO ทรีทเมนท์ สีสันรอยสิวสวยขึ้นอ่อนลง ใจชื้นละ มีแววได้สวยเหมือนเดิม ฮา
1ต.ค. 53 – 2 ต.ค. 53 คือไม่ให้หมอคนไหนกดสิวแล้ว พอค่ะ J เลเซอร์ตัวเดิม ฆ่าเชื้อ GENTEL YAG และ RB ลดรอยแดง
ตามด้วย PHONO ทรีทเมนท์
5 ต.ค. 53 – 11 ต.ค. เลเซอร์ GENTLE YAG + RB และ PHONO ทรีทเมนท์ เหมือนเดิม
สีจางแล้ว แต่หน้าดูหมอง เดี๋ยวจะบอกนะเพราะอะไร
ก่อนจะไปต่อ การทำเลเซอร์ สิ่งหนึ่งที่คุณต้องรู้ไว้ ที่หมอไม่เคยบอก แต่เอิ๊กจะบอกคุณ คือ หน้าคุณจะแห้งมากที่สุด คัน และ ผิวไวต่อแสงมาก เนื่องจากมีการกระตุ้นคอลลาเจนแบบเร่งด่วนทำให้การเรียงตัวของเซลล์ผิวเรียงตัวผิดปกติ จึงเกิดโอกาสที่ผิวหน้าไม่แข็งแรง เกิดสภาวะการปกป้องแสงที่เสื่อมถอยลง รู้ไหม ว่ารู้ได้ยังไง เพราะดิฉันคันหน้ามากกกกกกกกกกกกกกกกก นึกว่า หิดมาสิงสถิตที่หน้า และ
ตรวจผิวรอบสองกับ Work Shop Oriental ปรากฎว่า
สังเกตุป้ายแดง ความไวแสงเพิ่มจาก 84 > 206
สังเกตุป้ายเหลือเชื้อสิว 450 > 85
ดังนั้นหมอทุกคนไม่โกหกแน่นอน กับการฆ่าเชื้อสิว หายไปเยอะจริง
แต่สิ่งที่หมอบอกคุณเบาเบาว่า คุณควรทากันแดดด้วย
หมอไม่บอกว่าผิวคุณจะไวต่อแสงมาก อันเป็นผลให้เอิ๊กหน้าหมองบ่อย เดี๋ยวหมองเดี๋ยวหาย
เดี๋ยวหาย เดี๋ยวหมอง และ คันโคตะระ ถึงขนาดต้องโบกแค่ vitamin Eหลอดละ 100 กว่าบาท
รวมถึง ว่านหางจรเข้ หลอดละ 50 กว่าบาท แค่นั้น 2 หลอด ใช้อะไรไม่ได้เลย บอบบางมาก คันเคยอมากค่ะ
เอิ๊กจึงเริ่มหันมากันแดดมากขึ้น อยู่บ้านก็ทาแบบ spf15 เพราะต้องนั่งหน้าคอม
11 ต.ค. – 16 ต.ค. เห็นแววแล้ว กลับมาขาวใส รอยเลือนไปมาก ความมั่นใจเริ่มกลับมาเรียกน้ำย่อย
โดยการเริ่มไม่แต่งหน้าแล้วเดินออกนอกบ้าน อย่างสบายใจ
17 ต.ค. – 21 ต.ค. ตัดสินใจทำรอบสุดท้าย กับ GENTEL YAG + RS รอบนี้จัดการรอยดำด้วย RS
และ PHONO ทรีทเมนท์ เหมือนเดิม
พอละ รอให้หายคันก่อน เพราะรอยจางไปมากแล้ว ยังไม่หมดคอร์สยังเหลืออีก แต่พักแล้ว
24 – 27 – 29 ต.ค. 53 ตามลำดับไหล่ รอเวลาให้จางไปเอง ช่วงนี้ก็ใช้ยาหมอที่เคยหา ความคันน้อยลง
29 ต.ค. 53 – 4 พ.ย 53 และไปวิบัติอีกที ตอนไปลอกสิวเสี้ยนแล้วแพ้ที่ร้านหมอประจำ ฮา หน้ามันบอบบางอยู่
รักษาเองไม่หาย เลยกลับไปหาหมอร้านเดิม หาย – – “
4 พ.ย. 53 – 3 ธ.ค. 53 – 13 ธ.ค. 53 – 6 ม.ค. 53
เหตุการณ์ที่ผ่านมา มันช่างเป็นช่วงเวลาที่ทรมาน และ ก็ได้กลับขึ้นมามีความสุขอีกครั้ง มันปลง
จนวันนี้ “เอิ๊กไม่แต่งหน้าออกจากบ้านมาทำงานเลย “ เพราะอยากให้ผิวได้พักผ่อนมากที่สุด
ให้ออกซิเจนไหลเวียนสู่ผิวได้ดีที่สุด แต่งเวลาฝึกแต่งหน้า ไปงานพิเศษ
รวมไปถึงการเลิกใส่คอนแทคเลนส์บิ๊กอายในวันธรรมดาไปเลย
Back to Basic และวันที่พิเศษของเอิ๊กก็จะพิเศษมากขึ้น เพราะหน้าเอิ๊กจะแปลกไปจากทุกวัน
NOW ทุกวันนี้มีความสุขมาก ในการจัดการกับสิว และ ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนในการรักษาสิวค่ะ
เอิ๊กยังหายได้ คุณก็ต้องหายได้ ถ้ารู้จักสังเกตุผิวตัวเอง
ได้ลองคิดวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่แท้จริงอาจจะมีอยู่แค่หนึ่งหรือมากกว่า
ตั้งแต่ นอนดึก ใช้ผลิตภัณฑ์ไม่ถูกกับสภาพผิว ล้างหน้าไม่สะอาด
ชอบทานน้ำตาลไปกระตุ้นให้ผิวอักเสบ และอีกมากมาย
ที่สำคัญต้องรู้จักจด บันทึก การเปลี่ยนแปลงของตัวเอง เพื่อที่จะรู้ว่าอะไรคือสาเหตุที่แท้จริง
ต้องขอขอบคุณคุณพริม I-spa ที่ส่งชุดรักษาสิวมาให้ลองรักษา และ Workshop
ที่ได้มีโอกาสไปร่วมจากการเล่นเกมส์ก็ดีจากการที่เขาเชิญก็ดีไม่ว่าจะเป็น Murad , Oriental Princess,
Dermalogica , Clinique เองให้เอิ๊กได้รู้จักผิวตัวเองแบบชัดเจนถ่องแท้มากขึ้น รู้เท่าทันผลดี
ผลเสียของการรักษาหลายๆแบบ และที่สุด ต้องขอบคุณกิจกรรมดีดีจากทางรมย์รวินท์คลินิคให้เอิ๊กได้มีโอกาสกลับมาเหมือนเดิม
และ ดีกว่าเดิมอีกครั้ง ขอบพระคุณมากค่ะ
ย้อนเวลากลับไปได้จะไม่กดสิวเลยค่ะ
24 ม.ค. 54
สิว จ๋า ลาก่อนนะ :p ไว้เจอกันไหน ภพหน้าหน้าหน้าหน้าหน้า นะ
หวังว่าคงเป็นประโยชน์บ้างซักเล็กน้อยก็ยังดีค่ะ
See You !!!!!!
