Tag Archive | "Ulthera"

รีวิวเทคโนโลยียกกระชับที่ชอบสุดในปีนี้ #sofwave


 

รีวิวเทคโนโลยียกกระชับที่ชอบสุดในปีนี้ #sofwave⁣

ได้ทั้งกระชับผิวหน้า กรอบหน้า เหนียง ลำคอให้ตึงขึ้น หน้าดูเด็กลง

ข้อดีคืออะไรข้อเสียมา !!⁣

▂ ▂ ▂ ▂ ▂ ▂ ▂ ▂⁣

ของเราผล 2 สัปดาห์ คือ หน้าเล็กลง และ ชัดเจนมากตั้งแต่ 1 เดือน กรอบหน้าเข้ารูป ผิวคอ เหนียง ยก สภาพผิวรูฟิต (แต่ช่วงนั้นก็ช่วยตัวเองในการลดน้ำหนักเพิ่มประมาณ2-3โลด้วย )⁣

ความเจ็บน้อยมาก แค่บางจุดที่ไขมันน้อย หรือ ผิวบาง แต่หลายจุดส่วนใหญ่ไม่รู้สึกเลย ให้ความสบายในการทำมากถึงมากที่สุด

แดงแปปเดียว 2-3 ชม ( แดงเหมือนตากแดดเบาๆ ) ไม่บวม ไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีใครรู้

หลังทำทันทีให้เอฟเฟคอยู่เกิน 24 ชม ตื่นเช้าผิวยังแน่นมากๆอยู่ ร่องแก้ม ร่องน้ำหมากดี เพื่อนก็ทักว่าหน้าเล็กลง แล้วก็กลับสู่ปกติฟิลเลอร์หาย 555555 เพราะฉะนั้นฉีด #filler #Botulinumtoxin หลังทำดีที่สุด

( 📌 ส่วนตัวว่าแทน Thermage Ulthera ไม่ได้ ใช้เสริมทั้ง 2 เทคโนโลยีได้ ให้กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และ อิลาสตินให้ผิวแน่นเฟิร์มฟูเรียบตึงขึ้น ) ⁣

▂ ▂ ▂ ▂ ▂ ▂ ▂ ▂ ⁣

🔹Sofwave คือ เครื่องยกกระชับ & ลดริ้วรอย เจนที่ถือยังใหม่ที่สุด เป็นพลังงาน #ultrasound โฟกัสการปล่อยพลังงานที่ชั้นผิวหนัง ชั้นหนังแท้ MID-DERMIS ที่ใช้เทคโนโลยีSuperb ( Synchronous Ultrasound Parallel Beam Technology ) เทคโนโลยีเฉพาะของ sofwave ผ่าน US FDA approved ดูแลทั้งผิวที่มีริ้วรอยและเส้นริ้วรอย ความพิเศษคือดูแลผิวหนังช่วงลำคอให้ตึงได้ดีมากและสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างอีลาสติน + คอลลาเจนไปพร้อมๆกัน ซึ่งต่างจากเครื่องยกกระชับเครื่องอื่น

☑️ เขาเคลมว่าลดริ้วรอยได้ถึง 86% ⁣

☑️ ยกกระชับให้ผิวเรียบเนียน กระชับรูขุมขน

☑️ เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว เพราะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน+อีลาสตินได้

☑️ ยกคิ้ว

☑️ เก็บเหนียง

☑️ ยกผิวลำคอ ลดเส้นริ้วรอยคอ

🔹 เหมาะกับใคร

คนที่เริ่มมีริ้วรอย หรือ มีริ้วรอยแล้ว และ ผิวเริ่มหย่อนคล้อยเล็กน้อย

ใช้ร่วมกับเครื่องมือยกกระชับอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Thermage Flx / Ulthera SPT / Ultraformer /Sygmalift⁣

ข้อดีคือ

1. เจ็บน้อย ถึงไม่เจ็บเลย ไม่มีแผล

2. ทุกสีผิว ใช้ได้

3. ไม่มีDowntime ใช้ชีวิตได้สะใจหลังทำไม่มีคนรู้

4. สามารถรักษาได้ทุกบริเวณบนใบหน้าไม่จำเป็นต้องเว้นเพราะกังวลว่าจะไปทำร้ายต่อเส้นประสาท

ของเราเห็นผลตั้งแต่ 2 สัปดาห์ ดียิ่งๆขึ้นไป 3-6 เดือน

🔹ทำบ่อยแค่ไหน

ปีละ 1 ครั้งสามารถอยู่ได้หนึ่งปี

▂ ▂ ▂ ▂ ▂ ▂ ▂ ▂⁣

ความต่าง Ulthera 🆚 Sofwave⁣

ทั้งคู่เป็นการปล่อยพลังงานคลื่นเสียงความถี่สูง ( Ultrasound ) ⁣

ความปลอดภัยทั้งคู่ผ่าน US FDA⁣

🔸Ulthera การยกกระชับพลังงานลงลึกสูงสุด 4.5 mm ถึงชั้นกล้ามเนื้อ มีหัว 1.5 / 3 / 4.5⁣

🔸มีหน้าจอ Ultrasound ให้เห็นจึงมีความแม่นยำสูงในการปล่อยพลังงานลงในชั้นผิวหนังที่ต้องการเฉพาะเจาะจง

🔸การปล่อยพลังงานเสียงเป็นไลน์จุดๆ เหมือนเส้นไข่ปลา

🔸การยกกระชับ โดยรวมทำได้เพอร์เฟคกว่า ดีมากกว่า ลงลึกกว่าทุกเทคโนโลยี

🔸เจ็บ ถึง เจ็บมากกกกก ปวดลึก

🔸ปกติทำ 1 ครั้งต่อปี ยกเว้นผิวคล้อยห้อยมากอาจทำได้ 2 ครั้งต่อปี

🔸ราคาสูงมาก

🔸ผลลัพธ์ขึ้นกับสภาพผิวโดยเฉลี่ย 1 ปี ( สำหรับตัวเรา 3 เดือน ผลสวยมากสุด / 6 เดือนยังโอเค )⁣

🔸ถ้าใบหน้าไขมันเยอะอาจจะไม่เห็นผลนะ เทคโนโลยีสู้ไม่ไหว

▂ ▂ ▂ ▂ ▂ ▂ ▂ ▂ ⁣

🔹Sofwave การยกกระชับลงลึกถึงชั้นหนังแท้ ปล่อยพลังงานลึกสูงสุด 1.5 mm ⁣

🔹ไม่มีหน้าจอ แต่มีการปล่อยพลังงานความเย็นด้านบนผิวทำให้สบายผิวลดทอนความเจ็บปวดได้ดีมาก

🔹การปล่อยพลังงานเสียงเป็น 7 ก้อนกระบอก พลังงานกระจายแนวกว้างกว่า Ulthera 5-6 เท่าในชั้นผิวหนัง *⁣

🔹กระชับผิว ปรับสภาพผิว ยกคิ้ว ดูแลสภาพผิวคอเหี่ยวยับได้ดี ห้อย เหนียงได้ดีมาก

🔹ไม่เจ็บเลยสบายผิว ถึง เจ็บบ้างบางจุดแต่ทนได้สบาย

🔹 ปกติทำ 1 ครั้งต่อปี ยกเว้นผิวคล้อยห้อยมากทำได้ 2 ครั้งต่อปี

🔹ราคาสูง

🔹ผลลัพธ์ขึ้นกับสภาพผิวโดยเฉลี่ย

6-12 . ⁣

🔹ใช้เวลาทำ 45 นาที แปะยาชา

ใครที่มีฟิลเลอร์เราบอกเลยว่าควรทำหลังทำหัตถการตัวนี้มันมีการละลายได้จากความร้อนหายไปหลายเปอร์เซ็นต์อยู่หลังทำ เพราะฉะนั้นถ้าจะทำเสริมพวก Filler Botox ให้ทำหลังจากทำหัตถการตัวนี้อย่าทำก่อน

บริเวณไขมันน้อย ผิวบาง เหนือคิ้วก็สะดุ้งอยู่แบบปวดๆคันๆแต่ทนได้

▫️จำนวนไลน์ในการยิง 250-300 โดยเฉลี่ยที่ทำกัน หน้าและคอ เพิ่มลดได้ตามสภาพผิว เราจบที่ 270 ราคา 120000 บาท

เราทำกับ ศาสตราจารย์แพทย์หญิงรังสิมา วณิชภักดีเดชา คนเดิมตั้งแต่สมัย 11 ปีที่แล้ว 😊⁣

ที่ iSKY Center⁣

 

▂ ▂ ▂ ▂ ▂ ▂ ▂ ▂ ⁣

ดูวีดีโอของคุณหมอวันระวีเพิ่มเติม อธิบายเคลียร์ชัดมากค่ะ https://youtu.be/kI2BzTPmRbg⁣

credit Vanravi Vachatimanont⁣

▂ ▂ ▂ ▂ ▂ ▂ ▂ ▂ ⁣

@iskycenter #iskycenter⁣

#sofwave #sofwavemed #sofwavemefical # sofwavejournal #sofwaveexperience⁣

#sofwave.apac⁣

Posted in BEAUTY TECHNOLOGY, REVIEW, SKIN, ULTRASOUNDComments (0)

ยกกระชับผิวหน้าด้วย ULTHERA SPT ครั้งที่ 3


 

 

 

 

 

 

ห่างหายกันไปหลายปี วันนี้มาต้องมาหาน้องเขาอีกแล้ว 555 #ultherapy #ulthera ⁣



👩🏻‍⚕️ ULTHERA ซึ่งออกฤทธิ์ชั้นกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อยกมากขึ้น เน้นยกกระชับหน้า ความหย่อนคล้อยรูปหน้า เน้นยก LIFTING โดยขณะทำจะมีการใช้คลื่น Ultrasound ทำให้เรามองเห็นชั้น คอลลาเจน ไขมัน และ ชั้นกล้ามเนื้อได้เป็นอย่างดีเพื่อการออกแบบดีไซน์รูปหน้าให้เหมาะกับแต่ละคนให้ดีที่สุด⁣

📍รีวิวเต็มเคยทำไปแล้ว CLICK ครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2

วันนี้เลือกกลับมาทำอีกด้วยเหตุผลเดิม ⁣ยังไม่พร้อมยกกระชับด้วยวิธีศัลยกรรม หรือ ร้อยไหม ด้วยวัยและความคล้อย ⁣อาจยังพึ่งพา Ulthera ได้อยู่ ทั้งนี้ขึ้นกับน้ำหนักและไขมันที่มีด้วย 5555 เราก็ควรช่วยเครื่องด้วย ถ้าเรามีไขมันมากเกินไปก็อาจจะช่วยได้ในระดับนึงแต่ไม่หมด ⁣

ทั้งนี้ Ulthera ไม่อาจช่วยแก้ไขในเรื่องของกระดูกที่บางลง ไขมันที่บางได้ ควร feat. กับวิธีอื่นเพิ่มจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเช่น การใช้ สารลดการทำของกล้ามเนื้อ สำหรับบางรูปหน้าจะใช้ร่วมกับวิธีอื่นจะทำให้เห็นผลได้ดีมากยิ่งขึ้น และการเติม filler บางจุดช่วยได้ 

 

 

 

วันนี้จะมาพูดถึงเทคนิค Ulthera SPT ที่ออกแบบรูปหน้าเฉพาะบุคคล

หรือ เรียกว่า NEW ULTHERA กับ concept ”We’ll NEVER treat you blind”

[ ยาชาทานาน ทนดีกว่า วันนั้นทา 2 ชม. ค่ะ ]

ทำไมต้องเป็น ULTHERA SPT / SPT ย่อมาจาก SEE•PLAN •TREAT

จุดเด่นULTHERAย้ำอีกทีเป็นเครื่องยกกระชับด้วยพลังงานคลื่นเสียงUltrasoundเครื่องเดียวเท่านั้น ที่มีหน้าจอแสดงภาพชั้นผิวหนังแบบ Real time ระหว่างการรักษาเพื่อให้เราเห็นว่าพลังงานคลื่นเสียงที่เราส่งไปนั้นมันถูกกับผิวหนังชั้นไหนบ้าง

▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂

 

SEE • การเห็นชั้นผิวหนังแต่ละชั้นผ่านหน้าจอReal time ทำให้เราดีไซน์รูปหน้าคนไข้ได้ เช่น ข้อดีเครื่องนี้คือการยกกระชับผิวหน้า ดังนั้นพลังงานต้องลงลึกไปชั้นพังผืดคลุมกล้ามเนื้อเพื่อให้ได้ผลยกกระชับ เพราะว่าในแต่ละบริเวณของผิวหน้าจะมีความหนาบางของผิวไม่เท่ากันพอเราเห็นเราก็สามารถปล่อยพลังงานให้ถูกความลึกของชั้นผิวเพื่อยกหน้าได้เป๊ะ ได้พลังงานตามที่จ่ายเงิน100% 555 และ ส่วนไหนหน้าควรต้องเก็บไขมันไว้ อย่างแก้มลูกส้มด้านหน้า ใครมีจุดนี้ก็จะทำให้ผิวดูวาวใส หน้าพุ่ง ดูเด็ก แต่ถ้าเราปล่อยพลังงานลงไปโดยที่ไม่เห็นอะไรเลยในชั้นผิว มันอาจจะไปทำให้ไขมันช่วงนี้หายไปแทนที่น่าจะดูเด็กกับหน้าตอบหน้าดูเหี่ยวแทน แล้วอาจจะต้องไปเติมไขมันเติมฟิลเลอร์เพิ่มขั้นตอนอีกเสียเงินเพิ่มอีกมีแผลเพิ่มอีก

 

PLAN • ตามที่เราเห็นชั้นผิวหนังทุกชั้นก็ง่ายต่อการออกแบบ หน้าแต่ละคนไม่เหมือนกัน คนนี้ควรจะยกตรงไหน เก็บfatตรงไหน ทำลายfatตรงไหน บริเวณไหนปล่อยลงไปกล้ามเนื้อให้หน้ายกตึง บริเวณไหนจะปล่อยให้กระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวแน่นเฟิร์ม บริเวณไหนจะปล่อยให้ทำลายไขมันให้หน้าเรียวมีกรอบหน้า จดบันทึก ครั้งนี้ควรใช้เท่าไหร่ มาดูครั้งหน้าต้องใช้เท่าไหร่(แต่ละเครื่องจะบันทึกประวัติคนไข้ทุกคนอยู่แล้วว่าใช้พลังงานบริเวณไหนไปเท่าไหร่)

 

TREAT • การรักษาจะส่งพลังงานผ่านหัวปล่อยพลังงาน3หัว โดยแต่ละหัวจะปล่อยพลังงานลง3ความลึกของชั้นผิวหนัง คือ 1.5,3.0,4.5 มิลลิเมตร ซึ่งแพทย์จะมอง และ เลือกใช้ให้เหมาะสมสลับไปมา เพราะผิวหนังแต่ละบริเวณหนาบางไม่เท่ากัน อุณหภูมิจะอยู่ที่ 60 ถึง 70 องศาเหมาะสมกับการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเวลาทำก็จะเคลื่อนมือดูตามจอไปด้วยเปลี่ยนหัวไปด้วยตามการดีไซน์รูปหน้าที่เราวางไว้และไม่ให้เกิดผลข้างเคียงที่อาจคาดไม่ถึงเช่นผิวไหม้กล้ามเนื้อหดตัวผิดจุดเช่นตาตก

 

▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂

 

ถ้าให้ตอบตามตรงมันไม่ใช่เทคโนโลยีที่ใหม่หรือเป็นเทคนิคใหม่สำหรับเรา สิ่งที่เราได้เล่าให้ฟังทั้งหมด ปกติคุณหมอทำให้เอิ๊กแบบนี้อยู่แล้ว และข้อมูลทั้งหมดก็นอนฟังคุณหมอเล่าไปเรื่อยๆตอนทำตั้งแต่หลายปีที่แล้ว แต่มันก็ดีกับคนไข้ทุกคนที่ควรจะรู้ เราจ่ายเงินทำULTHERAด้วยเหตุผลที่พลังงานทั้งหมด 100% จะต้องลงสู่ผิวเราอย่างเหมาะสม เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดกับหน้าเรามันเป็นเรื่องของเทคโนโลยีที่เราซื้อ คุณหมอที่ทำให้เราควรจะมองจอตลอดหรือเราอาจจะถามหมอก็ได้ใช้หัวนี้ช่วยอะไร หน้าเราคอลลาเจนเป็นไงบ้างหนาแน่นไหม ตรงไหนบ้างก็อาจจะทำเลเซอร์ชนิดอื่นเพิ่มด้วยมันเป็นการวางแผนเพิ่มกับอย่างอื่นได้ด้วย เราจะได้มีความรู้เพิ่มขึ้นในการทำแต่ละครั้ง ^^ (นี่คือสิ่งที่อยากจะบอกทุกคน)

 

ปล.วันนั้นไปเป็นCase study ให้กับการทำวิดีโอสอนเทคนิคการยิง ULTHERA SPT ให้กับบริษัทที่นำเข้า ULTHERA เพื่อเป็นข้อมูลให้กับแพทย์ที่ใช้เครื่องนี้ ทั่วประเทศอาจารย์แพทย์ที่สอนคือ @DrRungsima ผู้ที่ออกแบบรูปหน้าให้เรามา 10 ปีแล้ว ทำทุกอย่างให้ 5555 และไม่ให้เอาแก้มออกไม่ให้ศัลยกรรมหน้าจนทุกวันนี้ทุกคนก็ได้เห็นแก้มเราเหมือนเดิม หน้าเดิมแต่ดูเล็กลงเข้ารูปขึ้นผิวดีขึ้นมาก แล้วเราก็ทำอีกหลายอย่างในวันนั้นน่ะไม่ว่าจะเป็นฟิลเลอร์หลายจุด สารลดการทำของกล้ามเนื้ออยากให้เล่าว่าทำอะไรบ้างก็บอกนะ ♥️

 

[หลังทำทันที ความร้อนจะทำให้เซลล์บวมน้ำ บางคนไม่บวมหลังทำ บางคนบวม 1-2 สัปดาห์⁣]

ส่วนตัวทำไม่เยอะนะคะ เพราะเจ็บ 5555 แต่รอบนี้ทนได้มากขึ้นประมาณ 70-80% ⁣
👉🏻 ทายาชา 2 ชั่วโมงขึ้นไป⁣
👉🏻 ทานพาราก่อน⁣
👉🏻 ทานไอบูเฟนก่อน⁣
ปล. ถ้าแพ้คุณหมอไม่แนะนำ คุณหมอจะกลัวบวมง่ายโดยเฉพาะเลเซอร์บางชนิดที่ทำให้เลือดออก อาจจะไม่เหมาะกับการทานยาพวกนี้โดยเฉพาะไอบูเฟน แต่เรากินเราไม่สนบวมทำให้เราทนได้มากขึ้นเราโอเค⁣


การปรับรูปหน้า 10 ปีที่ผ่านมาของตัวเอง

จะทำโดยหมอคนเดิมนะคะเพราะว่าเค้าจะเห็นเราตั้งแต่เด็ก

เค้าจะเห็นพัฒนาการของเราและรู้ว่าโตขึ้นเราจะต้องเสริมด้วยเทคนิคไหน

หรือควรทำวิธีไหนเพิ่มเติมจะมีการดีไซน์รูปหน้า

รวมถึงการจดบันทึกแต่ละครั้งไว้เป็นประวัติเพื่อให้ง่ายต่อการออกแบบครั้งต่อไป

คุณหมอที่ดูแลรูปหน้าของเอิ๊กคือ

รองศาสตราจารย์แพทย์หญิงรังสิมา (คุณหมอเพ็ญ) คนเดียวค่ะ

และทำที่ @iskycenter ที่เดียวค่ะ

Posted in BEAUTY, BEAUTY TECHNOLOGY, FACE, ULTRASOUNDComments (0)

รีวิว ULTHERA vs THERMAGE ยกกระชับตัวไหนดีที่สุด


 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เทคโนโลยีที่แพงที่สุดในการยกกระชับ ที่มีการรับรองจาก USFDA อเมริกา

และ มีงานวิจัยมากมายในระยะเวลานาน ระหว่าง ULTHERA vs THERMAGE

อะไรคือเทคโนโลยีที่ดีที่สุด

ใครจะรู้ว่า เวลาคนเราแก่ลง

ทางด้านผิวหนังมันแก่ลงลึกถึง 5 ชั้น !!

ชั้นที่ 1 บนสุด ชั้นหนังกำพร้า

ชั้นขี้ไคลปกป้องผิวไม่ให้สิ่งแปลกปลอมมาทำร้าย

ชั้นที่ 2 ชั้นหนังแท้

ประกอบไปด้วย คอลลาเจน กับ ไฮยาลูรอนิคเอซิด

ให้ความหนาแนน ยืดหยุ่น กระชับกับผิว

ชั้นที่ 3 ไขมัน

ป้องกันการกระแทกของอวัยวะภายใน

เป็นชนวนความร้อนให้ความอบอุ่นร่างกาย

ชั้นที่ 4 กล้ามเนื้อ

ใช้ในการขยับ เคลื่อนไหว

ชั้นที่ 5 กระดูก

เป็นโครงสร้างยึดร่างกายเอาไว้ ป้องกันอวัยวะที่สำคัญในร่างกาย

 

 

เวลาคนเราแก่ลง มันแก่ลงไปพร้อมๆกัน ทุกๆชั้น

ผิวหนังบางลง

ไขมันบางส่วนลดลง เช่น ใต้ตา แก้ม

กล้ามเนื้อฟีบลง

กระดูกสึกหรอขึ้น มวลกระดูกลดลง

เมื่อคนเรามีอายุมากขึ้นจะมีการหย่อนคล้อยของผิวหนังบริเวณใบหน้า ลำคอ และ เนินอก

รวมถึงเนื้อเยื่ออ่อนที่อยู่ภายในตามแรงโน้มถ่วงของโลก

ในการจัดการความแก่ที่เกิดขึ้น

จึงต้องดูแลผิวทุกชั้น เพื่อทำให้ผลลัพธ์สอดคล้องเป็นธรรมชาติ

 

ปัจจุบัน มีเทคโนโลยี และ นวัตกรรม ที่สามารถดูแลปัญหาของผิวเกือบทุกชั้นได้

เช่น หน้าเหี่ยวเราใช้เทคโนโลยียกกระชับ หรือ ศัลยกรรมดึงจากระดับชั้นกล้ามเนื้อได้

ยกเว้นในบริเวณกระดูก ยังไม่สามารถแก้ไขได้

อาจเติมฟิลเลอร์ได้บ้างในบริเวณที่กระดูกสึกหรือสลาย แต่สุดท้ายมันไม่ยั่งยืน

และ น่าจะไม่คุ้ม

 

 

ดังนั้นถ้าถามว่า ULTHERA vs THERMAGE  แตกต่างกันอย่างไร ?

เพราะหลายคนบอกว่าช่วยยกกระชับเหมือนกัน

แต่แท้จริงแล้ว ใครจะใช้เทคโนโลยีไหน ขึ้นกับปัญหาที่แท้จริงที่เกิดขึ้น

ในระดับชั้นผิว

 ULTHERA คือ พลังงานเสียง ULTRASOUND

THERMAGE คือ พลังงานคลื่นวิทยุ MONOPOLAR RF 

ทั้งสองปล่อยพลังงานความร้อนเหมือนกัน แต่เป็นความร้อนที่กระจายต่างกัน

จึงลงลึกสู่ชั้นผิวได้ไม่เหมือนกันผลลัพธ์จึงให้คนละอย่าง

 

จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทั้ง 2 เทคโนโลยีให้จำง่ายๆ

ULTHERA เน้นยกกระชับหน้า ความหย่อนคล้อยรูปหน้า LIFTING

THERMAGE เน้นผิวแน่นกระชับ สลายไขมัน TIGHTENING

การจะเลือกเครื่องมือใดเครื่องมือหนึ่งใน 2 เทคโนโลยีนี้

ต้องดูก่อนว่า การจะให้ผิวแน่น ยกกระชับ

มันเกิดจากปัญหา ผิวสองชั้น

1.คือ ชั้นหนังแท้ ที่อุดมไปด้วยคอลลาเจนอิลาสตินถ้าส่วนนี้มีเยอะมันจะผิวแน่นเด้ง

2.คือ ชั้นกล้ามเนื้อ เพื่อเป็นตัวยกหน้าขึ้น และเราสามารถดีไซน์ยกหน้าในรูปแบบต่างๆได้

ชั้นกล้ามเนื้อมี 2 กลุ่มกลุ่มดึงหน้าขึ้น และ กลุ่มดึงหน้าลง

กลุ่มดึงหน้าลง เราทำให้อ่อนแรงลงโดยการฉีดโบทูลินูมทอกซินก็คลายได้ มันก็จะถูกดูดึงขึ้นไป

หรือ เราใช้วิธีทำให้กล้ามเนื้อทั้งหมดหดตัว ก็จะทำให้หน้าดูยกขึ้นไปได้

 

 

ถ้าเราเลือกยกกระชับโดยไม่ผ่าตัด แต่เลือกใช้เทคโนโลยี มันจะเข้าไปดูแลและออกฤทธิ์

ที่ชั้นกล้ามเนื้อ (ยก) หรือ ที่ชั้นหนังแท้ (แน่น)

แน่นอนตอนนี้มีเครื่องมือเพียง 2 ชนิด ณ ปัจจุบันที่มีงานวิจัยรองรับมายาวนานคือ

คือ

ULTHERA  ซึ่งออกฤทธิ์ที่ชั้นกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อยกมากขึ้น

และ

THERMAGE  ซึ่งออกฤทธิ์ที่ชั้นหนังแท้ ไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

และ ทำให้อิลาสตินแข็งแรง ผิวจึงเด้ง แน่น

 

ความร้อนของULTHERA ลงได้ลึกมากกว่า THERMAGE [RF]

ดังนั้นจะเห็นว่าลงไปถึงชั้นกล้ามเนื้อ

และ ถ้าเทียบกับการศัลยกรรมดึงหน้า SURGICAL FACELIFT ในส่วนของ

ULTHERA จะเข้าไปดูแลในส่วนกล้ามเนื้อ เหมือนกับการดึงหน้า

แต่จะให้เรียบตึงเท่าดึงหน้าคงไม่ใช่ ดึงหน้าเข้าไปดึงทันทีที่ชั้นกล้ามเนื้อให้ตึง

อย่างที่บอกเวลาเราแก่ มันแก่ลึกถึง 5 ชั้น ดังนั้น

ความร้อนที่ได้จาก ULTHERA จะได้ผลในเรื่องการดูแลผิวบางชั้น

ให้ได้ผลประโยชน์ด้วย เช่นถ้าความร้อนลงไประดับชั้นไขมัน

ก็อาจมีเซลล์ไขมันตายสลายไป

 

 

การปล่อยพลังงานของ ULTHERA 

ความร้อนจะมาเป็นเส้นๆ เราเรียกว่า LINE เป็นคล้ายจุดไข่ปลาเรียงกัน

ซึ่งมีระยะห่างระว่างจุด

ปล่อยลงลึกมาโดนบริเวณแถวเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ พอโดนกล้ามเนื้อก็หดไป

เนื่องจากถ้าปล่อยให้กระจายทั้งหมด หน้าจะแข็งและเกร็งไม่ธรรมชาติ

เราจะนิยมยกโครงกรอบหน้า ผิวแก้มที่ห้อยย้อยเป็นกระเปาะ ยกหน้าผาก คิ้ว หางตา

ลำคอ ผิวที่เนินอก

 

การปล่อยพลังงานของTHERMAGE 

ความร้อนจะกระจายกว้าง ละเอียด ลงโดนทุกคอลลาเจนใต้ชั้นผิว

ลงถี่รักษาเต็มทุกพื้นที่ 100%

ทำให้คอลลาเจนแข็งแรงขึ้นฉับพลัน หดตัว และ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่

เราจะนิยมใช้ดูแลปัญหาผิวที่คอลลาเจนเสื่อม หรือ

ทำล่วงหน้ากระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อชะลอวัย

ทำให้ผิวหน้าแน่น ใบหน้ากระชับ เซลล์ไขมันตาย ดูหน้าเข้ารูปขึ้น

 

 

 

ดังนั้นดูปัญหา ที่เกิดตามจริง แล้วเลือกให้เหมาะสม

เช่น

เหมือนตอนวัยรุ่นผิวเรายังไม่คล้อย ทาครีมก็พอ ก็ดูแลบำรุง

ผิวชั้นหนังกำพร้าให้มีริ้วรอยช้า

พอเริ่มเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ผิวเริ่มห้อยคล้อย มีเหนียง ไขมันเยอะๆ

THERMAGE ก็อาจจะเหมาะ

พอเริ่มสูงวัย ใบหน้ากล้ามเนื้อหย่อนลงมา รูปหน้าเสียทรง

เราก็มายกด้วย ULTHERA

ดูแลทุกชั้นไปในแต่ละช่วงวัย และ ปัญหาผิว

ทำให้ทุกชั้นได้รับการดูแล เราจึงดูอ่อนวัยละมุนอย่างเป็นธรรมชาติ

 

อ่านกลไกการทำงาน THERMAGE ต่อได้ที่

LINK 1

LINK 2

บรรยายโดย ศาสตราจารย์นายแพทย์ วรพงษ์ มนัสเกียรติ

 

 

 

สำหรับการดูแลผิวพรรณ รูปหน้า ตลอดเกือบ8ปี iskycenter

ดูแลทุกอย่างมาตลอด

และคุณหมอเอิ๊กมีหลายท่าน ขึ้นกับว่าหาด้านไหน ฝ้า กระ

แผลผ่าตัด รอยดำ เซลล์ลูไลท์

โบทูลินัมทอกซิน ฟิลเลอร์ สิว กำจัดขน ลบรอยสัก ทรีทเมนท์

ledฉายแสง แผลหลุม

หน้าแพ้เครื่องสำอาง ปรุงครีมทาหน้าส่วนบุคคล

ตรวจสภาพผิว ลดไขมันหน้าท้องและขา

เลเซอร์หน้าใส ยกกระชับหน้า ฯลฯ

(ด้านบนคือรายการที่เคยทำมาทั้งหมด☺️)

(เอิ๊กไม่เคยศัลยกรรมบนใบหน้า)

#จะเน้นกระตุ้นคอลลาเจนและเทคโนโลยีความงามมากกว่า

 สำหรับการดูแลเรื่องการปรับรูปหน้า Anti-aging เอิ๊กจะหา

รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิง รังสิมา วณิชภักดีเดชา

ท่านเดียวเท่านั้น

เพราะท่านเก่งเรื่องวิจัย

เป็น INTERNATION SPEAKER ที่อัพเดท

และ บินไปให้ความรู้เทคนิคกับแพทย์ผิวหนังต่างชาติตลอดเวลา

รวมถึงคุณหมอยังเป็นอาจารย์แพทย์ผิวหนัง

และ เชี่ยวชาญทางด้านมะเร็งผิวหนังด้วย

บทสัมภาษณ์ที่ทุกคนได้อ่านอยู่นี้

เป็นการสัมภาษณ์มาจากคุณหมอค่ะ

 

 

 

ด้านล่างจะแบ่งเป็นการรีวิวULTHERA vs THERMAGE  ทั้ง 2 ส่วน

บทความนี้ใช้เวลาเก็บผลเกือบ 2 ปีเต็ม

 

 รีวิว THERMAGE

ขณะทำอยู่ในช่วงอายุ 29 นะคะ จะครบ 2 ปีแล้ว ตอนนั้นยังไม่มีปัญหาอะไรชัด

แต่งานวิจัยบอกให้เราทำทุกปี หรือ ทุก 2-3 ปี จะช่วยกระตุ้นคอลลาเจน

และ ทำให้ใบหน้าเราเด็กลงจริง

ทำทั้งหมดจำนวน 1200 SHOTS ทั้งใบหน้าและลำคอ

ราคา 150,000 กว่าบาท

ดวงตาทำไปก่อนหน้านี้ ราคา 35,000 บาท จำไม่ได้ว่ากี่ SHOTS

รูปก่อนทำในวัย 29 ปี ก็จะมีแก้มที่ยุ้ย ก็หวังว่าหน้าจะเล็กลงเป็นผลพลอยได้

แต่ในใจอยากได้แค่สะสมการสร้างคอลลาเจนไปเรื่อยๆทุกๆปี


 

เราจะเริ่มกันด้วยการทายาชาทั่วใบหน้าทิ้งไว้ 45 นาที เพื่อบรรเทาความรู้สึกเจ็บที่เกิดขึ้น

 

 

ตอนนั้นเจ็บมาก รู้สึกว่าเป็นคนถ่ายเอง แต่ลืมถ่ายรูปเครื่องมา สามารถดูลิงค์ที่แปะให้

อ่านในกลไก การทำงานได้ค่ะ ถ่ายมาแต่อุปกรณ์ เป็นตัวเจล หรือ สารนำความร้อน

และ หัวทิปส์ 1200 SHOTS ที่ใช้ในการยิง ยิงเสร็จทิ้งเลย แพงที่หัวจริงๆ

 

 

คุณหมอจะเริ่มหนึ่งข้างก่อน ความร้อนจะทำให้ผิวด้านบนอมชมพูถามว่า

ความรู้สึกเป็นยังไง เจ็บลึก ปวดลึก บอกไม่เจ็บก็ดูหลอกเด็ก

แต่บางคนคงทนได้ เอิ๊กสำออย55

 

 

 

ผลลัพธ์การทำครึ่งหน้า ร่องแก้มหายไปในบรรดล 6 เดือน ถึง 1 ปีเข้าที่

 

 

รูปนี้ทำเสร็จแล้ว 2 ข้าง กว่าจะจบ 555 เกร็งจนเพลีย ร่องแก้มหายวับเลย ตาดูยก คิ้วยก

 

 

และแล้วก็เดินทางมาครบ 1 ปี มาเผยให้ดูกันแต่ละจุด

หน้าผากเห็นเด่นชัดเลย คือ สภาพผิวเรียบลื่น ริ้วรอยคลื่นบางๆ หายวับไป ผิวดูแน่นขึ้น

 

 

ผิวบริเวณคาง ผิวแน่น ละเอียดขึ้นอีกเช่นกัน

 

 

ผิวบริเวณข้างจมูก รูขุมขนที่ตื้นขึ้น เล็กลง ผิวละเอียดใสสว่างขึ้น มันช่วยเรื่องผิวจริงๆ

 

หน้าตรงครบ 1 ปี

พลังงานความร้อนที่ใช้มีผล จำได้ว่าเอิ๊กทนไม่ได้มาก ดังนั้นอาจจะไม่ร้อนลึก

ถึงระดับชั้นไขมันมาก เลยรู้สึกว่าในส่วนความเรียวของใบหน้าอาจจะไม่ได้เห็นชัด

แต่แน่นอน ความร้อนระดับคอลลาเจนถึงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในส่วนของริ้วรอยจางๆ

และ ผิวที่ดูกระชับ รูขุมขนกระชับ ผิวดีขึ้น ใสขึ้น แน่นขึ้น

 

 

ถามว่าจะทำต่อไปไหม ชัวร์โคตรโคตร เพราะว่ากระตุ้นคอลลาเจนเก็บสะสมไว้

หน้าจะเด็กยาวนาน

 

ข้อดี

เห็นผลเรื่องผิวชัด กระชับ รูขุมขนแน่นขึ้น ริ้วรอยบางๆหาย

กระตุ้นคอลลาเจนระยะยาว ส่งผลเรื่องความอ่อนเยาว์ใต้ชั้นผิวจริงๆ

ถ้าเราทนพลังงานร้อนลึกๆได้ หน้าจะเล็กลงเพราะเซลล์ไขมันบางส่วนตาย

มีงานวิจัยเพียบ

ไม่ต้องผ่าตัด สวยแบบละมุนธรรมชาติ

ผ่าน USFDA

 

ข้อด้อย

เจ็บอยู่เหมือนกัน

ความแม่นยำและเห็นผลชัดของเทคโนโลยีส่งผลให้ราคาสูง

 

 รีวิว ULTHERA

ซึ่ง MERZ AESTHETICS

คือเจ้าของเทคโนโลยี ULTHERA จากเยอรมันที่เข้ามาเปิดสาขาในไทย

ใครอยากรู้ว่าทำ ULTHERA ของแท้หรือเปล่าสามารถสอบถามได้ที่เพจนะคะ

https://www.facebook.com/MerzAestheticsThailand/

ขณะทำอยู่ในช่วงอายุ 30 นะคะ จะครบ 1 ปีแล้ว มีปัญหาแก้มห้อยย้อย

ทำทั้งหมดจำนวน 400++ LINES ทำแค่ทั่วใบหน้า

ราคา 40,000 กว่าบาท

ULTHARA ได้รับการรับรองจาก USFDA ทางด้าน LIFTING

และเป็นเทคโนโลยีเดียวในการทำงาน ทำให้เราเห็นพลังงานULTRASOUND

ตลอดการทำ ว่าลงไปถึงชั้น SMAS ทุกไลน์จริงหรือเปล่า ให้ความแม่นยำ

เว็บไซด์ REVIEW ศัลยกรรมความงามชื่อดัง อย่าง REALSELF ก็เคยบอกไว้เลย

จาก 140 กว่ารีวิว ว่า คุ้มเงิน !!

 

 

การลงลึกของพลังงาน ถ้ามองให้ชัด ในหัวพลังงาน  4.5 ความร้อน

จะลงมาถึงเยื้อหุ้มกล้ามเนื้อ

ทำให้กล้ามเนื้อหดตัว จึงยกผิวหน้า โครงหน้าขึ้นได้ เบอร์ 3-4-5

แต่ถ้าเรามีไขมันเยอะมาก พลังงานจะลงมายาก การใช้ THERMAGE อาจดีกว่า

 

 

การทำงานของ ULTHERA เราสามารถเลือกหัว เพื่อระดับความลึกของพลังงาน

ในการลงไปแก้ไขในระดับชั้นผิวที่เราต้องการได้อีก หัวมี 3 พลังงาน

1.5 / 3 / 4.5

 

 

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นคนดีไซน์พลังงานให้เหมาะสมกับปัญของเรา

จุดไหนเป็นปัญหาต้องยิงเพิ่ม LINE

จุดไหนเก็บไว้ได้ ไม่ต้องยิงLINEเยอะ

ทุกอย่างอยู่ที่การประยุกต์ และ

ประสบการณ์ความเชี่ยวชาญของแพทย์แต่ละท่าน

ระยะเวลาเห็นผลที่ดีที่สุด 6 เดือน

 

เราจะเริ่มจากการทายาชา เพื่อบรรเทาความเจ็บอีกเช่นเคย

 

 

นอนรอคุณหมอ แล้วก็ทำใจไปพลางๆ ไม่แน่ใจว่าจะเจ็บแค่ไหน

 

 

ตัวเครื่อง ULTHERAและอุปกรณ์รวมถึงเจลเพื่อป้องกันความร้อนเบิร์นผิวด้านบน

 

 

เครื่องจะถูกตั้งค่าเป็น 0 ระบบฉลาดมาก บันทึกชื่อคนไข้ คราวนี้ทำอะไรไป

คราวหน้าจะได้วางแผนถูก และ ใบบันทึกผลการรักษาว่าเราจะใช้กี่ LINE ในบริเวณไหนบ้าง

 

 

คุณหมอจะทำทีละครึ่งหน้าเช่นเดิม และ คุณหมอจะชวนคุยเพลินๆให้ลืมความเจ็บแต่ว่า

ไม่ลืมเลยค่ะ ความรู้สึกเจ็บอันนี้เหมือนหนังยางดีดรัวๆ ลึกๆ เจ็บลึกๆ

ทนได้ 400 กว่าครั้งเท่านั้นตอนแรกว่าขอเยอะๆ เอาแบบเต็มสูบเลยค่ะคุณหมอ

จบชีวิตตั้งแต่ 300 LINES มันสุดยอดมาก 5555555

 

 

 

ULTHERA เป็นเทคโนโลยีเดียว ที่มีหน้าจอให้มองเห็นถึงพลังงานในขณะทำ

ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ เพราะถ้าเราจะแก้ปัญหาผิวจริงจัง เราต้องรู้ให้ได้ว่าที่

จ่ายตังค์ไป มันคุ้ม เราได้อย่างที่เราอยากได้ 100% รึเปล่า

ไม่ยังงั้นจะได้ผลลัพธ์ได้อย่างไรเราจะเห็นพลังงานที่ลงไปตลอดเวลา

อย่าง ULTHERA หัว 3 หัว เวลาพลังงานลง เราจะเห็นพลังงานลงไป

ในรูปแบบนี้เลย

 

 

เพราะถ้ามีข้อผิดพลาด เช่น เจลปกป้องผิวทาน้อยไป ผิวด้านบนไหม้แน่นอน

หรือ พลังงานลงไม่ถึงชั้นที่ต้องการ

 

 

หัวที่เอิ๊กใช้วันนี้มี 2 หัว คือ 3 และ 4.5 คุณหมอเป็นคนดีไซน์ LINE ว่าจุดไหนควรใช้หัวไหน

อีก1ปัจจัย คือ เรื่องของระดับพลังงานที่ปล่อยความร้อน ยิ่งสูงยิ่งได้ผลดี

แต่ร้อนอาจจะเจ็บมาก อีกวิธีคือใช้ LINE เยอะหน่อย ปล่อยระดับพลังงานที่ทนได้

ก็ได้ผลลัพธ์ที่ดีเช่นกัน เป็นเรื่องความร้อนสะสม แต่ข้อเสียคือเพิ่มเงิน เพิ่มLINE

 

 

จบแล้วคุณหมอจะบันทึก LINE ในแต่ละจุดลงในเอกสาร

และดูหน้าจอ จะมีชื่อแพทย์ ชื่อคนไข้

สรุปจำนวน LINE ให้เห็นชัดเจน ทำจริง เจ็บจริง ลงจริง ไม่โกง 55555

 

มาถึงผลลัพธ์ ตั้งแต่ 1 เดือน 3 เดือน และ 8 เดือนนะคะ

 

 

คลิกที่รูป 2 รอบ เพื่อขยายดูนะคะ เรามาดูที่ 3 เดือนแรกกันก่อน

หน้าตรงจะเห็นว่าเอิ๊กมีกระเปาะแก้มย้อยลงมาตามวัยหลังทำเดือนนึงยังไม่ค่อยเข้าที่

แต่ก็เริ่มยกละ เดือน3อาจจะประกอบกับฉีด DIAMOND TOXIN ให้ใบหน้าเรียว

ช่วงนี้ใบหน้ายกกระชับ มลได้รูปแบบเห็นได้ชัด ร่องน้ำหมากยกสูงขึ้น

ด้านข้างจะเห็นผิวลำคอยกสูงขึ้นเช่นกัน

เหนียงเล็กๆเว้าไป จริงๆ 3 เดือนคนทักละ หน้าฟีบ นึกว่าไปทุบหน้าเกาหลีมา

 

 

เดือนที่ 8 ต้องขออภัย หน้าดูบวมๆ อวบๆ เพราะน้ำหนักขึ้นมา 3 โลแต่ให้ดูความยก

หน้าตรง จะเห็นว่ายังมล ได้รูป ไม่มีกระเปาะแก้มห้อย ร่องแก้มยกสูงขึ้นเล็กน้อย

แต่ถ้ามุมมองจากด้านข้างเห็นเลยหน้ายกขึ้น มุมเนื้อแก้มแฟบไม่เกยจมูก

ร่องน้ำหมากยกสูงขึ้นเล็กน้อย เหนียงอาจจะเริ่มมานิดๆเพราะอวบขึ้น 5555

อีกอย่าง ไม่ได้ทำคอ ทำแค่ใต้ใบหน้าเล็กน้อย นี่ถ้าทำคงยกกระจาย

คุณหมอบอกว่าคอเจ็บมาก เลยขอทูลลาคุณหมอก่อน ไม่ไหว

 

 

หลังทำ ULTHERA อาจจะมีอาการรู้สึกบวมใต้ผิว บางคนรู้สึกกดเจ็บนิดๆ

บางคนก็ไม่บวมเลย ดีงาม แต่ของเอิ๊กเหมือนคนผ่าฟันคุดมา

เป็นเรื่องปกติที่ต้องเจอ .. เฉลี่ย 2 อาทิตย์จะค่อยๆกลับมาเป็นปกติ

ผ่านไป1อาทิตย์ เอิ๊กพบว่า การใช้มาส์คหน้า ที่ดูแลเรื่องหน้าเรียวแบบที่ใส่อยู่

หรือ จำพวกเข็มขัดหน้าเรียว รัดไว้ที่ใบหน้าของตัวเองพบว่า

ใบหน้าเข้าที่เล็กลงเร็วขึ้นมาก (ทดลองส่วนตัวคนเดียว)

เพื่อนทักว่าผอมลงหลายคน เปล่าเลย หน้าเล็กลงต่างหาก

ผิวช่วงนั้นยังรู้สึกอักเสบเล็กๆ กดจะช้ำๆมันส์ๆ 555

 

 

เคล็ดลับในการทำ ULTHERA ของเอิ๊กคุณหมอจะดีไซน์ให้โดนไขมันน้อยที่สุดในช่วงแก้ม

ดังนั้นทุกคนจะยังเห็นเอกลักษณ์แก้มของเอิ๊กที่เห็นเหมือนเดิมอยู่

มันจึงต้องมีจอให้เห็นว่าพลังงานมันต้องถึง

ต้องเห็นพลังงานตลอดว่าไปแตะจุดกล้ามเนื้อรึยัง ไม่ใช่ไขมัน

ที่เราควรให้มันอยู่ ผิวจะได้ยังดูเด็ก สดชื่น มีน้ำมีนวล

เพราะอยากให้เอิ๊กเก็บแก้มธรรมชาติไว้ให้ยาวนานที่สุด ❤️

จะจ่ายเงินทั้งทีมันต้องคุ้มเพราะมันแพง


 

8 ปีที่ดูแลผิวด้วยเทคโนโลยีความงามหลากหลายรูปแบบ แต่ยังเก็บเอกลักษณ์

และ ชะลอวัยไปในตัว รูปหน้าอาจจะหดลงตามวัย เราก็พยายามเก็บบางส่วนไว้ให้ดีที่สุด

ตามคนอื่นมากก็ไม่ดี ความสวยอยู่ที่เรามอง แต่ความแก่เราดูแลได้ 🙂

ปีไหนเริ่มห้อย เรามาเจอกันใหม่นะจ๊ะ ULTHERA พี่ละอยากได้ยาสลบตอนทำจริงๆ55

 

ข้อดี

เห็นผลเรื่องผิวยกชัดเจน กรอบหน้าละมุน ความคล้อย ห้อยหายไป

กระตุ้นคอลลาเจนบ้างเล็กน้อยที่พลังงาน 3

ถ้าเราทนพลังงานร้อนลึกๆได้ หน้าจะยกกว่านี้

มีงานวิจัยเพียบ

ไม่ต้องผ่าตัด สวยแบบละมุนธรรมชาติ

ผ่าน USFDA

มีจอให้เห็นว่าพลังงานลงจริง โดนจริง จ่ายจริง ได้จริงตลอดการทำ

 

ข้อด้อย

เจ็บจนร้องขอชีวิตสำหรับเรา

ความแม่นยำและเห็นผลชัดของเทคโนโลยีส่งผลให้ราคาสูง

 

 

 

ขอสรุปเป็นตารางในแบบประสบการณ์ตัวเองนะคะ

 

 

หวังว่าบล็อคนี้คงละเอียดพอให้กับคนที่ตัดสินใจอยู่ รู้ว่าเดินทางไหน

ไม่ก็ปรึกษาหมอค่ะ แต่เอิ๊ก อยากรู้เพื่อจะวางแผนของตัวเองและบอกเลย

พอได้ทำทั้งสองอัน เก็บผลมา 2 ปี มันเข้าใจกว่าที่เราฟังเยอะ

จึงแชร์แบบหมดเปลือกกับประสบการณ์ตรง

ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ และ บทความนี้จะสมบูรณ์แบบไม่ได้

ถ้าไม่มีบรรยายโดย ศาสตราจารย์นายแพทย์ วรพงษ์  ที่นำงานวิจัย

มาเผยแพร่ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ และ

รองศาสตราจารย์แพทย์หญิงรังสิมา ที่ดูแล และ นั่งอธิบายทุกเทคโนโลยี

รวมถึงอัพเดทงานวิจัยความรู้ใหม่ๆให้เอิ๊กได้ติดตามและนำมาถ่ายทอดเสมอ

ขอบพระคุณคุณหมอ และ ขอบพระคุณ ISKYCENTER มากๆค่ะ

 

 

ข้อมูลทั้งหมดถือเป็นลิขสิทธิ์ของ www.erk-erk.com แต่เพียงผู้เดียว

เอิ๊กเรียบเรียงและเขียนเองทั้งหมดอนุญาตให้แชร์เนื้อหาผ่านจากเว็บโดยตรง

และ ขอความกรุณา ไม่คัดลอก ทำซ้ำ ดัดแปลง แก้ไข ข้อความส่วนใดทั้งสิ้นค่ะ

วัน

Posted in BEAUTY TECHNOLOGY, FACE, RADIO FREQUENCY, SKIN, THERMAGE, ULTRASOUNDComments (0)

REVIEW – EXILIS ll เทคโนโลยีกระชับใบหน้าตัวล่าสุด ครั้งที่ 1


 เอิ๊กมั่นใจว่าเขียนเทคโนโลยีนี้ในไทยคนแรก

ขอบพระคุณสำหรับความไว้ใจจาก ISKYCENTER

ที่ให้เอิ๊กได้ไปเก็บข้อมูลของเทคโนโลยี EXILIS II ตัวนี้ค่ะ

 

อยากทราบจุดเริ่มต้นของเทคโนโลยี EXILIS II

          Monopolar radiofrequency (RF) เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับมานานกว่า 10ปีแล้วที่รู้จักกัน ซึ่งให้ผลดีของการยกกระชับและลดเลือนริ้วรอย ซึ่งจัดว่าเป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวหน้าที่ดีที่สุด ณ เวลานี้ ก็มีเครื่องหลายอย่างมาก เช่น THERMAGE ซึ่งก็จะลงลึกระดับกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของผิว แต่เทคโนโลยีไม่เคยหยุดนิ่ง ก็จะมีเครื่องรุ่นใหม่มาตลอด อย่างเช่นเทคโนโลยี  ULTHERA ซึ่งใช้เทคโนโลยีUltrasound จะมีผลกับบริเวณกล้ามเนื้อส่วนบน เมื่อเทคโนโลยีกระชับตอนนี้ที่ดีสุดคงหนีไม่พ้น THERMAGE และ ULTHERA

          สำหรับ EXILIS ออกมานานประมาณ 2 ปีกว่าแล้ว เป็นการรวมเทคโนโลยีที่ดีที่สุดสำหรับการยกกระชับใบหน้าตอนนี้ที่มีอยู่ในโลกก็คือ Monopolar radiofrequency (RF)กับUltrasoundมารวมกัน และ ก็มีการพัฒนาเรื่องของความเจ็บปวด ให้มีระบบการปรับค่าพลังงานอัตโนมัตตามความหนาบางของผิวหนัง ไม่ต้องใช้ยาชาจึงทำให้กลายเป็นตัว EXILIS ตัวนี้ขึ้นมา เมื่อเทคโนโลยีMonopolar radiofrequency (RF)บวกกับเทคโนโลยีUltrasound แน่นอนว่าก็จะไปช่วยในเรื่องของการกระตุ้นการสร้างของคอลลาเจนตามธรรมชาติ ยกกระชับได้ทุกส่วนยกเว้นใบหู เพื่อทำทำให้ผิวตึงขึ้น ผิวจะดูเรียบเนียนขึ้น และ ที่สำคัญไม่ทำให้เกิดอันตราย ไม่มีแผล และ ไม่เจ็บปวดอีกต่อไป 

สื่อเมืองนอกกล่าวไว้ถึงตัว EXILIS คร่าวๆคือใช้ยกกระชับผิวได้ทุกส่วน

และกว่า 50 % เห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในการทำเพียงหนึ่งครั้ง * และต้องทำต่อเนื่อง

ในอีกสองสัปดาห์ถัดมา เราก็จะเริ่มเห็นถึงความแตกต่างภายใน 1 เดือน

 

EXILIS ตอนนี้รุ่น 2 เป็นรุ่นล่าสุด พัฒนาจากรุ่น 1 ในเรื่องอะไรบ้าง

  1. จำนวนครั้งในการที่ต้องทำต่อเนื่อง รุ่น 1 ทำ 4 ครั้งแต่ละครั้งห่าง 2 สัปดาห์ รุ่น 2 ทำแค่ 2 ครั้งแต่ละครั้งห่าง 2 สัปดาห์
  2. พลังงานจากรุ่น 1 มีค่าพลังงานอยู่ที่ 50 วัตต์ รุ่น 2 เพิ่มขึ้นไปเป็น 90 วัตต์ ผลลัพธ์ต้องดีกว่าแน่นอน
  3. ปรับพลังงานสูงต่ำแบบอัจฉริยะแบบอัตโนมัต โดยจะมีตัว Ultrasoundที่ใช้วัดอุณภูมิตามความหนาบางของผิวหนังแต่ละส่วนที่ไม่เท่ากัน และมันจะปล่อยพลังงานให้เหมาะสมทุกส่วนของอวัยวะ นี่คือ ส่วนที่จะไม่ทำให้เราเจ็บปวด เช่นถ้าปล่อยพลังงานเท่ากันทั้งหน้า บริเวณกระดูกเราจะเจ็บมาก ดังนั้นมันจะวัดและปล่อยให้เหมาะสม เราจึงไม่เจ็บ

หลักการปล่อยพลังงานของ EXILIS II

คือ ปล่อย Monopolar radiofrequency (RF)กับUltrasound พร้อมกันโดย เทคโนโลยี Ultrasound จะเป็นตัวสนับสนุนพลังงานของ Monopolar radiofrequency (RF) ซึ่งเป็นพลังงานหลัก อย่างที่เราทราบกันถึงความเจ็บปวดของการทำ THERMAGE เวลายิงลงไปที่ผิวมันจะร้อนและเจ็บ จะมีระดับในความทนได้ของคนไข้แต่ละคน แต่ยิงลงลึกได้มากพลังงานสูงได้มาก ผลมันก็ดีมากตามกัน ดังนั้นอย่าแปลกใจที่ีคนที่มีความหย่อนคล้อยมองตาเปล่าเท่ากัน แต่ผลลัพธ์ในการทำ THERMAGE ต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นกับพลังงานที่เขาสามารถรับได้ด้วย EXILIS จึงใช้จุดเด่นของเทคโนโลยี Ultrasound มาคอยเสริมซึ่งจะช่วยทำให้ผิวสามารถรับพลังงาน  Monopolar radiofrequency (RF) ที่สูงขึ้นได้ หมายความว่าจะยิงด้วยพลังงาน  Monopolar radiofrequency (RF) ที่สูง ผิวก็จะรับได้เพราะมีเทคโนโลยี Ultrasound คอยเสริมโดยการสั่นสะเทือนกระจายพลังงานไปให้ทั่วทุกบริเวณพร้อมๆกัน จะทำให้กลายเป็นรู้สึกว่าเหมือนใช้หินร้อนกลมๆกลิ้งให้ความอุ่นทั่วใบหน้า ไม่มีความเจ็บปวดใดใดทั้งสิ้น แต่ก็ยังมีในเรื่องของระดับพลังงานที่เรารับได้อีกเช่นกัน เช่นความร้อนไปเราอาจจะไหวแค่เท่านี้ และ แน่นอนว่า ยิ่งพลังงานสูงมาก ผลลัพธ์ย่อมเห็นชัดกว่า

การดูแลตัวเองก่อนทำ – หลังทำ EXILIS ll

ดื่มน้ำเยอะๆก่อนเพราะเนื่องจาก Monopolar radiofrequency (RF) มันเป็นความร้อน ระหว่างทำอาจทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื่น เราควรดื่มน้ำให้เยอะเพื่อให้ผิวหนังของเราทนกับพลังงานสูงๆได้ดีขึ้น ยิ่งดื่มน้ำมากก็จะรู้สึกยิ่งสบายผิว และแนะนำให้ดื่มน้ำมากๆหลังจากที่ทำด้วย เพื่อให้ผิวอิ่มน้ำ จะไม่มีแผล ไม่เจ็บปวด แค่หน้าแดดนิดนึง และ จะหายไปเพียงไม่ถึงชั่วโมง แต่จะรู้สึกกระชับบริเวณที่ทำ ก็สามารถทากันแดด ทาครีม แต่งหน้าได้เหมือนเดิม ใช้ชีวิตกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติทันที

จำนวนครั้งที่ทำ EXILIS ll

รุ่นใหม่คอรส์นึงจะต้องทำ 2 ครั้งทั้งหมด ทำครั้งแรก และ ทิ้งระยะห่างกัน 2 สัปดาห์ ทำครั้งที่สอง เป็นอันเรียบร้อย

ผลจะคงอยู่เฉลี่ยประมาณ 12 เดือน

นอกจากความหย่อนคล้อยที่มากน้อย และ การรับพลังงานได้เป็นตัวที่จะส่งผลถึงผลลัพธ์ที่ออกมา อีกส่วนคือผลลัพธ์จะเต็มที่ๆสุด ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองเช่น ไม่ออกไปโดนแดดจัด เพราะมันจะทำลายคอลลาเจนที่มีอยู่แล้ว การดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงการนอนดึกที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระ พูดง่ายๆ ก็คือการดูแลตัวเองหลังทำก็สำคัญมากในการใช้เทคโนโลยีกระชับ แต่โดยเฉลี่ยแล้วประมาณ 12 เดือนที่คงสภาพกระชับอยู่

อายุที่เหมาะสมกับการทำ EXILIS ll

คนที่เริ่มมีปัญหาเรื่องความหย่อนคล้อยของผิวก็สามารถมาทำได้เลยค่ะ เช่น แก้มห้อยย้อย ไขมันแก้มเยอะ ดังนั้นอย่าแปลกใจ ที่มีเด็กอายุยังไม่ถึง 20 แต่มีปัญหาเรื่องผิวหย่อนคล้อยก็เริ่มมาทำกัน หรือ จะเป็นที่รู้จักกันคือ เหนียง ช่วงไขมันใต้คอ

 

EXILIS ll เห็นบอกว่าทำได้ทุกส่วนยกเว้นหู

ทำได้ทุกส่วนของร่างกายจริงๆ ยกเว้นใบหู เพราะหูไม่หย่อนคล้อย ทำได้ทั้งตัว แต่ที่ฮิตเมืองนอกมากสุด คือทำยกกระชับหน้าอก เนื่องจากไม่อยากศัลยกรรม สำหรับคนที่ไม่ได้หย่อนคล้อยขนาดหนัก และ อีกส่วนที่นิยมทำคือคอ เพราะคอมีเนื้อที่บาง การใช้ THERMAGE จะเจ็บมากทนแทบไม่ไหว พอปรับพลังงานน้อย ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่คุ้มกับเงินที่เสีย EXILIS ll ปรับสูงสุดแล้วบางทีคนไข้ยังรู้สึกอุ่นสบายอยู่เลย

 ระยะเวลาในการทำ EXILIS ll

ต้องใช้เวลาในแต่ละโซนค่ะ เช่นใบหน้า ก็จะแบ่งหน้าทั้งหมด 8 โซน แล้วเราก็แบ่งทำทีละโซน โดยที่ให้พลังงานในแต่ละโซนอย่างสม่ำเสมอและใช้เวลานานพอเพราะถ้าน้อยไปมันอาจจะไม่เห็นผลดี

 

ผลพลอยได้ของ EXILIS ll

จะเป็นเรื่องของผิวที่ดูเรียบเนียนเต่งตึงขึ้น อย่างที่บอกว่าหลักการกระชับนั้นจะทุ่มเทไปกับการสร้างคอลลาเจนใหม่ให้เกิดขึ้นแบบไม่เจ็บปวดอีกต่อไป

สรุปคือผลที่ได้จาก EXILIS ll ทั้งหมดจะมีผลลัพธ์ในด้านไหน   

  • การยกกระชับ
  • ริ้วรอยตื้นขึ้น ลดลง
  • กระตุ้นเรื่องการไหลเวียนโลหิตดังนั้นสภาพผิวโดยรวมจะดีขึ้น 
  • ปิดรูขุมขน เพราะฉะนั้นผิวก็จะเนียนขึ้น
ราคา
80,000 บาท ต่อคอร์ส [ 2 ครั้งจบ ]

 เอาละ 10 ปากว่าไม่เท่าตาเห็น สำหรับเทคโนโลยีนี้อย่างที่บอก

เน้นยกกระชับ ยิ่งหย่อนคล้อยมากยิ่งเห็นผลลัพธ์ชัดเจน

แม่เป็นตัวแทนผิวหย่อนคล้อยมากในวัย 60 ปี

เอิ๊กเป็นตัวแทนเรื่องแก้มที่สามารถกระชับได้อีก 26 ปี

บอกเลยว่าก่อนทำจะไม่เห็นผลของเอิ๊กชัดเพราะเอิ๊กชัดอยู่แล้ว

มาดูแม่เอิ๊กกันคนที่ผิวหย่อนคล้อยหลังทำจะเป็นยังไง

จะมี 2 หัวนะคะ คือ สำหรับทำหน้า และ สำหรับทำตัว

นอกจากดื่มน้ำเยอะๆก่อนทำก็ต้องแปะแผ่น grounding pad

เพื่อให้เครื่องสามารถปล่อยพลังงานไปยังบริเวณที่ต้องการรักษาได้ ทั้งหลังคุณแม่ ซ้าย

และ คุณลูก ขวา

ขั้นตอนต่อมาทาเจลเย็นให้สบายเวลาปล่อยพลังงานซึ่งเราจะรู้สึกอุ่นถึงอุ่นมากและ

ทำให้การกลิ้งของหัว EXILIS ll ไหลลื่นขึ้น

แบ่งหน้าเป็นโซนๆ และเริ่มกลิ้งหัว EXILIS ll แบบช้าๆ ละเอียดๆ ให้ทั่วถึงทุกอณูของโซนนั้น

ถ้ายังรู้สึกว่าทนความอุ่นไหวก็สามารถปรับพลังงานเพิ่มขึ้นได้ เพราะเราจะเห็นผลได้ดีกว่า

แต่ถ้าไม่ไหวก็สามารถลดระดับพลังงานได้เหมือนกัน

ถ้าผู้ที่หย่อนคล้อยมากก็จะทำไล่ลงคอไปด้วย แต่เอิ๊กมีเหนียงก็มีเก็บเหนียงใต้คางนิดนึง

ทำเสร็จหน้าแม่เอิ๊กแดงมาก เพราะใช้พลังงานสูงเกือบที่สุด เอิ๊กเอาน้อย เอาแบบอุ่นสบาย

เท่าที่ไหว อีกอย่างเอิ๊กทานน้ำไม่เยอะมากเท่าไหร่ แม่ดื่มน้ำเยอะ ชีไหวตลอด ดูหน้าเอิ๊กหลังทำ

ปกติมาก ชิวไปเลย ก็แต่งหน้าได้ปกติ แต่รู้สึกหน้ามันตึงๆยังไงไม่รู้ ฮ่าๆๆๆๆ มันรู้สึกยกๆ

แม้มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น แต่มันตึงๆมุมปาก ยังกับมาส์คหน้าไว้

เอิ๊กขออนุญาตเชิญดูผลงานหน้าแม่เอิ๊กก่อนผู้ที่ต้องเห็นผลหลังทำชัดกว่าเอิ๊กแน่นอน

เพราะท่านคล้อยมาก นี่คือ ครั้งแรกหลังทำทันที ต้องทำอีกครั้งภายในสองอาทิตย์ที่จะถึง

และรอดูผลนับจากการทำครั้งสุดท้าย ไป 1 – 3 เดือน เชิญเพื่อนแม่ ติดตามผลได้

ใน 3 เดือนนับจากนี้ เอิ๊กได้เก็บผลไว้ส่วนนึงแล้ว

นี่คือภาพที่วัดให้เท่ากันตั้งแต่ตำแหน่งตา ถึง ขนาดของปากให้พอดีกันในมุมเดิม เห็นอะไรไหม

เอิ๊กเห็นแล้วตอนนี้ แต่ยังไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ เลยต้องขีดเส้นวัดอีกทีให้แน่ใจเพราะบางทีตา

อาจจะเหล่ หรือ เอียงได้

ผลคือแน่ๆ เกิดการหดตัวของคอลลาเจนทันทีหลังทำ หน้ามีขนาดแคบลง

แบบมองตาเปล่าภาพแรกก็เห็น ซึ่งวันนี้ผ่านมา 7 วัน หน้าแม่เอิ๊กดูแคบลง แต่เรื่องกระชับ

เอิ๊กต้องรอทำครั้งที่ 2 ให้เสร็จก่อน และ รอเก็บผลอีกทีภายหลัง 1-3 เดือน

ข้อดี

  • ไม่เจ็บ
  • ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น
  • แต่งหน้า ทาครีม ออกแดดได้ตามปกติ
  • ยกกระชับได้เหมือนกัน รวมถึงผิวหย่อนคล้อยกับคนที่อายุยังน้อย
  • ได้ความกระชับแบบเป็นธรรมชาติ
  • ผลพลอยได้คือผิวที่ดูเรียบตึง เนียนขึ้น

ข้อด้อย 

  • ราคาสูง
  • ต้องทำ 2 ครั้งถึงจบคอร์ส
  • ยังเป็นการผสมผสานเทคโนโลยียกกระชับตัวแม่ที่อาจจะแบ่งความเจ๋งมาอย่างละส่วน แต่ไม่ทั้งหมด ผลคงสู้เทคโนโลยีอย่าง THERMAGE และ ULTHERA ไม่ได้ แต่ก็ยกกระชับได้ในระดับนึงทีเดียว
  • การคงอยู่เฉลี่ย 12 เดือน น้อยกว่า THERMAGE และ ULTHERA 
ข้อแนะนำ
  • หย่อนคล้อยไม่มาก และ กลัวเจ็บ แต่อยากหน้ากลับมาดูเรียบตึง ผิวดูเนียน ริ้วรอยดูลดลงแบบเป็นธรรมชาติ เครื่องนี้เหมาะ
  • ใครกลัวเจ็บจาก THERMAGE และ ULTHERA เครื่องนี้เหมาะ
  • อายุน้อยที่มีเหนียง หน้าแก้มคล้อย เครื่องนี้เหมาะไม่หนักจนเกินไป แต่ก็ราคาแรงอยู่พอสมควร ทางที่ดีติดตามโปรโมชั่นสำหรับคนที่อายุไม่มาก จะคุ้มมาก

ผลลัพธ์ของ EXILIS ของฝรั่งบางส่วน เห็นแล้วเอาแม่ไปจัดโดยด่วน

 

มาลุ้นผลกันอีก 3 เดือนนะคะ <3

XOXO

 

Posted in BEAUTY TECHNOLOGY, EYES, FACE, RADIO FREQUENCY, REVIEW, THERMAGEComments (0)


advert

Google

erk-erk.com





BEAUTY MENU

มาคุยกับเอิ๊กได้ที่นี่ทุกวัน ถ้าว่างรีบตอบทุกคำถามค่ะ

INSTAGRAM @wwwerkerkcom

[instagram-feed]

ติดตามบล็อค erk-erk.com อย่างใกล้ชิด

เพียงกรอก Email ตรงนี้เลย

LINE @erk-erk

เพิ่มเพื่อน

Related Sites